เมื่อรอให้หวังเยว่หยุดหัวเราะแล้วหลี่เฉียนโจวจึงรีบถามขึ้น “ผมว่าแล้วว่าคงไม่มีคำถามไหนที่จะทำให้พี่หวังจนมุมพี่หวังเป็ใครกัน พี่ก็เป็คนที่มีความสามารถเหนือใครๆ ไงล่ะ การทดสอบในครั้งนี้พี่หวังต้องทำได้ดีกว่าคนอื่นอย่างแน่นอนอยู่แล้วและเมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะทำตามแผนเดิมที่พวกเราวางไว้โดยการปล่อยข่าวเื่การแข่งขันครั้งนี้ออกไปถึงตอนนั้นพี่หวังก็คงจะเป็ที่รู้จักไปทั่วต้องกลายเป็นักพิสูจน์เครื่องเคลือบรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงที่สุดและมีอายุน้อยที่สุดอย่างแน่นอนถึงเวลานั้นพี่หวัง้าอะไรสิ่งเ่าั้ย่อมวิ่งเข้าหาพี่หวังตามใจปรารถนาอย่างแน่นอน!”
การประจบสอพลอของหลี่เฉียนโจวในครั้งนี้ทำให้หวังเยว่ตัวลอยจนหาทางกลับไม่ถูกไปชั่วขณะดูเหมือนว่าเขากำลังเห็นภาพที่มีเหล่าแฟนคลับนับพันนับหมื่นกำลังหลงใหลเขาอย่างบ้าคลั่งไม่ว่าเขาจะไปปรากฏตัวที่ไหนก็จะมีคนนับพันนับหมื่นติดตามเขาไปตลอดบรรยากาศดูยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเวลาที่ผู้นำระดับประเทศปรากฏตัวเสียอีก
เมื่อหลี่เฉียนโจวเห็นสีหน้าของหวังเยว่ที่กำลังดื่มด่ำกับภาพความฝันเ่าั้เขาจึงแอบเยาะเย้ยอีกฝ่ายอยู่ในใจ
ไอ้นี่นี่โง่จริงๆ เลย! คำพูดเหล่านี้คุณยังเชื่ออีกหรอ?ถึงจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นจริง พระเอกของงานก็ไม่มีทางเป็คุณหรอกเพราะยังไงก็ต้องเป็ผมอยู่แล้ว!
ต้องเป็ผมอย่างแน่นอน!!!
เมื่อเห็นว่าหวังเยว่กำลังตกอยู่ในภวังค์ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงหลี่เฉียนโจวจึงทำการปลุกไอ้โง่คนนี้ขึ้นมาอย่างอดใจไม่ไหวหากปล่อยให้เขาเพ้อฝันแบบนี้ต่อไป ประเดี๋ยวจวงเมิ่งเตี๋ยก็คงจะออกมาแล้ว และหากหลินเยว่แย่งเขาเข้าไปก่อนอีกครั้งมันต้องแย่แน่ๆแค่ครั้งแรกครั้งเดียวก็ทำให้เขารู้สึกทนไม่ได้แล้วล่ะถึงแม้ว่าตอนแรกเขาจะคิดว่าคนที่เข้าไปเป็คนแรกจะเป็พวกคนโง่ก็ตามแต่คนที่เข้าไปเป็คนแรกก็ยังได้รับสายตาที่มีแต่ความชื่นชมมองมาและหลินเยว่ก็ได้แย่งในสิ่งที่ควรจะเป็ของเขาไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงแค้นหลินเยว่!ครั้งนี้เขาต้องแย่งเข้าไปก่อนหลินเยว่ให้ได้เขาจะทำให้ทุกคนเห็นว่าเขาเหนือกว่าหลินเยว่!
“พี่หวัง ในเมื่อพี่ก็กำชัยชนะไว้อยู่แล้วพี่ก็น่าจะช่วยสนับสนุนน้องหรือเปล่า? ความสามารถของน้องมีจำกัดน้องคิดว่าน้องอาจจะต้องตายกับด่านนี้แน่ๆ เลย พี่หวัง พี่ต้องช่วยน้องด้วยนะ!”
หลี่เฉียนโจวทำหน้าตาน่าสงสารพร้อมพูดขอร้องอีกฝ่าย
หวังเยว่เหลือบมองหลี่เฉียนโจวชั่วครู่ หลังจากนั้นจึงตั้งคำถามที่อีกฝ่ายไม่สามารถตอบได้“แล้วทำไมวันก่อนคุณถึงไม่บอกการทดสอบครั้งแรกบ้างล่ะ?”
เมื่อเห็นท่าทางที่ดูใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างหลี่เฉียนโจวและหวังเยว่ที่อยู่ไกลๆนั้นแล้วจางฮุยิจึงยื่นหน้าเข้าไปหาหลินเยว่พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ความกังวล“สองคนนั้นต้องสมคบคิดกันแน่ๆ พวกเขาต้องบอกข้อสอบให้กันและกันการที่วงการพิสูจน์เครื่องเคลือบมีคนแบบนี้มันช่างเป็ความโชคร้ายจริงๆ!”
หลินเยว่เหลือบมองพวกนั้นด้วยสายตาเรียบเฉยหลังจากนั้นจึงพูดขึ้นยิ้มๆ “ถึงจะบอกข้อสอบกัน แต่มันจะบอกได้ขนาดไหนกันเชียวกรรมการด้านในแต่ละท่านล้วนเป็ปรมาจารย์แห่งการพิสูจน์เครื่องเคลือบพวกเขาไม่มีทางตั้งคำถามไว้เพียง 2 คำถามอยู่แล้วผมคิดว่าเขาไม่มีทางคิดคำถามไว้ล่วงหน้าเลยด้วยซ้ำแต่น่าจะเป็การคิดอยากถามอะไรก็ถามออกมามากกว่าเพราะความรู้และประสบการณ์ของพวกเขาเป็สิ่งที่พวกเราไม่สามารถคาดเดาได้เลย”
เมื่อจางฮุยิคิดตามคำพูดของหลินเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผล เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรำพึงออกมา“เสี่ยวเยว่เป็คนมีความคิดกว้างไกลจริงๆ คนเป็ศิษย์พี่อย่างผมยังสู้ไม่ได้เลย”
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้จึงฝืนยิ้มและพูดตอบอย่างอ่อนใจ“นี่เป็เพียงการคาดเดามั่วๆ ของผมเท่านั้น แต่ทำไมเวลาอยู่ในสายตาของศิษย์พี่จางถึงกลายเป็คนที่มีความคิดกว้างไกลได้ล่ะศิษย์พี่จางชมศิษย์น้องเกินไปแล้ว”
จางฮุยิส่ายศีรษะ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ทว่าจากสีหน้าของเขาก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจคำพูดของหลินเยว่ที่กล่าวว่า“เป็เพียงการคาดเดามั่วๆ” เลย แต่กลับรู้สึกว่ามันมีความเป็ไปได้จริงๆ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป จวงเมิ่งเตี๋ยกำลังเดินออกมาจากคฤหาสน์ใบหน้าของเธอมีแต่ความอวดดี สายตาของเธอที่มองหลินเยว่มีแต่ความท้าทายไม่รู้เป็เพราะเหตุใด หลินเยว่จึงรู้สึกว่าจวงเมิ่งเตี๋ยกำลังซ่อนแผนบางอย่างไว้ในใจดูเหมือนว่าเธอกำลังหาโอกาสที่จะลงมือเล่นงานเขา แต่ทว่ายังหาโอกาสเหมาะๆไม่เจอเท่านั้นเอง
แต่ดูเหมือนว่าการทดสอบในครั้งนี้จะเป็โอกาสที่เหมาะสมครั้งหนึ่ง
“คนที่ 3 ......”
ยังไม่ทันรอให้ผู้เฒ่าหลิวพูดจบ พลันมีเสียงโพล่งออกมาดังขึ้น
“ผมเอง!”
เมื่อมองไปทางเสียงนั้น จึงพบว่าคนคนนั้นคือหลี่เฉียนโจวผู้ที่เพิ่งคุยอย่างออกรสกับหวังเยว่นั่นเอง
หลี่เฉียนโจวเดินมายังศาลาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดการหลอกถามครั้งนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แล้วเขายังถูกด่ากลับอีก สุดท้ายจบด้วยการที่เขาต้องอึ้งจนถึงกับพูดอะไรไม่ออกในเมื่อยังไงก็ไม่มีทางรู้สถานการณ์ภายในล่วงหน้า ดังนั้นตอนนี้เป้าหมายของหลี่เฉียนโจวก็คือต้องเข้าไปทดสอบก่อนหลินเยว่เท่านั้นเพราะการกระทำเช่นนี้ก็ถือว่าสามารถข่มอีกฝ่ายได้ทางหนึ่ง!
ขณะที่หลี่เฉียนโจวเดินตามเ้าหน้าที่เข้าไปยังคฤหาสน์เขาได้เหลือบตามองหลินเยว่รวมทั้งหวังเยว่ที่อยู่ห่างออกไปอีกคนแรกเขามองด้วยสายตาท้าทาย ส่วนคนหลังเขามองด้วยสายตาโกรธแค้น
เมื่อเดินเข้าสู่ห้องที่ทำการทดสอบหลี่เฉียนโจวโค้งคำนับให้กับคณะกรรมการทั้ง 10 ท่านและทรุดตัวนั่งลงทันที
เฉินเฟยส่งยิ้มให้กับลูกศิษย์ที่อยู่เบื้องหน้าของตนสายตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจไม่รู้ว่าไอ้แก่เฮ่อฉางเหอจะเล่นงานลูกศิษย์ของตนอย่างไรบ้างแต่ทว่าเขาก็เตรียมใจไว้พร้อมแล้ว เพราะเขาจะเล่นงานหลินเยว่คืนให้หนักกว่าเป็สิบเท่าเลยทีเดียว
นี่คือสิ่งที่พวกเขาวางแผนไว้ร่วมกันั้แ่เมื่อคืนต้องให้หลี่เฉียนโจวเข้าทดสอบก่อนหลินเยว่เพราะการกระทำเช่นนี้จะทำให้เฉินเฟยสามารถวางแผนเล่นงานหลินเยว่ได้ 100% เขาควรจะเล่นงานครั้งเดียวให้ตายไปเลยดี?หรือว่าจะค่อยๆ ทรมานอีกฝ่ายดีล่ะ? เขาคงต้องรอดูก่อนว่าเฮ่อฉางเหอจะเล่นงานลูกศิษย์เขาอย่างไรบ้าง...
“เริ่มได้”
เ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องเอ่ยขึ้น
เฉินเฟยพยักหน้า และตั้งคำถามเหมือนกับที่เพิ่งถามหวังเยว่ไป“ในประวัติศาสตร์จีน เตาเผาติ้งแบ่งเป็ติ้งใต้และติ้งเหนือขอถามว่าลักษณะเครื่องเคลือบที่ผลิตขึ้นจากติ้งใต้และติ้งเหนือมีความแตกต่างกันหรือไม่?หากมีความแตกต่าง จะมีความแตกต่างกันอย่างไร?”
“ตัวเครื่องเคลือบของติ้งเหนือจะหนาส่วนของติ้งใต้จะบาง”
หลี่เฉียนโจวยิ้มและตอบขึ้น ในสายตาของเขาแล้วคำถามนี้เป็ความรู้ระดับอนุบาลเท่านั้น
“เครื่องเคลือบเตาเผาติ้งเริ่มมีการเผาขึ้นครั้งแรกในสมัยไหน?”
“สมัยราชวงศ์ถัง”
เฉินเฟยพยักหน้าอย่างพอใจหลังจากนั้นเขาจึงเขียนคะแนนลงบนกระดาษเบื้องหน้าของตน “10”
“เสี่ยวหลี่ช่างเก่งสุดยอดเหมือนที่คิดไว้จริงๆดูจากสถานการณ์นี้แล้ว พี่เฉินต้องทุ่มเทกับเสี่ยวหลี่มากทีเดียว!”
เว่ยจิ้นจงส่งยิ้มพร้อมพูดขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินเฟยจึงเกิดอาการชะงักค้างขึ้นทันที หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาเพียงแต่ว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยเป็ธรรมชาตินัก
เมื่อเว่ยจิ้นจงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเฟยเขาก็แอบสะใจอยู่เงียบๆ มันเป็ความสุขที่เกิดจากการได้แก้แค้นคนอื่นตอนที่ลูกศิษย์ของเขาเข้ามา เฉินเฟยก็ชมแบบนี้เหมือนกันตอนนี้เขาจึงชมกลับคืนในแบบเดียวกันน่ะสิ!!!
แหม! การชมคนแบบนี้มันก็สะใจดีจริงๆ!!!
ต่อมาก็ถึง่ที่เว่ยจิ้นจงตั้งคำถามเฉินเฟยส่งสายตาสื่อสารกับลูกศิษย์ของตัวเองให้ทำใจสบายๆหลังจากนั้นจึงตั้งหน้ารอคอยฟังคำถามปัญญาอ่อน 2 คำถามนั้นจากเว่ยจิ้นจง
เว่ยจิ้นจงส่งยิ้มให้กับหลี่เฉียนโจวพร้อมถามอย่างอ่อนโยน“เสี่ยวหลี่พร้อมแล้วหรือยัง? คำถามของผมทั้ง 2 คำถามอาจจะยากไปบ้าง คุณต้องเตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ!”
“ครับ เชิญท่านเว่ยถามได้เลยครับผู้น้อยไม่กลัวความยากลำบาก เวลาเจอคำถามยากๆ จะเป็โอกาสที่ทำให้ผู้น้อยอย่างพวกเราได้ฝึกฝนตนเองไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มีทางพัฒนาตัวเองเลย”
“ดี! พูดได้ดีทีเดียว!” เว่ยจิ้นจงหันหน้าไปหาเฉินเฟยพร้อมพูดรำพึง“พี่เฉินหาลูกศิษย์ได้ดีจริงๆ หากเป็เด็กหนุ่มทั่วๆ ไปคงไม่มีความตั้งใจพยายามแบบนี้หรอก!เสี่ยวหลี่ต้องมีอนาคตไกลอย่างแน่นอน!”
เมื่อเฉินเฟยได้ยินอีกฝ่ายชมเชยลูกศิษย์ของตน เขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีหลังจากนั้นจึงพูดอย่าง “ถ่อมตน” ว่า “ไม่หรอก! ไม่หรอก!เฉียนโจวยังทำได้ไม่ดีพอหรอกนะ!”
บทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้ง 2คนทำให้เฮ่อฉางเหอเกือบจะพ่นน้ำชาในปากออกมาอีกครั้ง ไม่ได้เจอ 2 คนนี้มาหลายปีความน่าขยะแขยงของพวกเขาไม่ได้ลดลงเลยสักนิด และดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเสียด้วย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้