บทที่ 121 ตระกูลเซียวแห่งเมืองหลวง
เวลาผ่านไปถึงเดือนสาม อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ต้นหลิวข้างทางเริ่มแตกใบ หลังฝนฤดูใบไม้ผลิผ่านไป พื้นดินก็เริ่มเห็นสีเขียวมากมาย
ข่าวดีต่างๆ ก็ตามมาทีละเื่
วิทยุในหมู่บ้านเริ่มออกอากาศข่าวดีและข่าวสาร สมาชิกในประชาคมรู้สึกหวาดกลัวบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยความหวังต่ออนาคต
ปลายเดือนสาม กู้เสวียหมินกลับมาจากเมืองหลวงในที่สุด
ตอนมาหาลู่จิ่งซาน ลู่จิ่งซานกำลังออกกำลังกายฟื้นฟูร่างกายบนบาร์คู่ในลานบ้าน
บาร์คู่ถูกส่งมาพร้อมของขวัญปีใหม่จากเซียวติ้งจวินก่อนปีใหม่ หมอที่ตามมาด้วยแนะนำว่า ด้วยสภาพร่างกายของลู่จิ่งซานตอนนี้ ควรออกกำลังกายบนบาร์คู่ทุกวัน
“มีข่าวคราวแล้วเหรอ?” ลู่จิ่งซานเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็เดาได้ แล้วมองไปทางห้องแวบหนึ่ง “รอแป๊บนะ ไปคุยข้างนอก”
กู้เสวียหมินเข็นลู่จิ่งซานไปที่ริมแม่น้ำ ที่นี่มองเห็นได้กว้างขวาง ถ้ามีคนมาใกล้ก็จะรู้ทันที
“ฉันไปเมืองฉินมาก่อน ใช้บางวิธีสืบจนรู้ว่าพี่สาวของแม่เลี้ยงนายส่งจดหมายไปที่เมืองหลวงจริง” กู้เสวียหมินพูด
แต่ส่งไปที่ไหนในเมืองหลวง บุรุษไปรษณีย์ในเมืองฉินไม่เหมือนของอำเภอนี้ที่บันทึกอย่างละเอียด
รู้แค่เขตคร่าวๆ เท่านั้น ดังนั้นกู้เสวียหมินจึงไปเมืองหลวงอีกครั้ง หลังจากวุ่นวายอยู่นาน ในที่สุดก็เจอเบาะแส
“ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าจดหมายส่งไปที่ไหน” กู้เสวียหมินพูด “แต่ฉันเจอคนคนหนึ่ง”
“ใคร” ลู่จิ่งซานถาม
“นายรู้ว่าเซียวหังมีบ้านเกิดที่เมืองหลวงใช่ไหม?” กู้เสวียหมินพูด “ฉันเจอคนตระกูลเซียว”
ตระกูลเซียวในเมืองหลวงถือว่าเป็ตระกูลมีชื่อเสียง หลังผ่านพายุครั้งนั้นยังยืนหยัดได้ ในใจกู้เสวียหมินถือว่าน่าทึ่งมาก ไม่เหมือนตระกูลกู้ของเขา
วันนั้นเขาออกมาจากไปรษณีย์ ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย เดินวนไปมาบนถนนแล้วเกือบถูกรถชน
กู้เสวียหมินตรวจสอบซ้ำแล้วว่าเขายืนอยู่บนขอบทาง ไม่ได้อยู่กลางถนน
วินาทีต่อมา เด็กสาวแต่งตัวทันสมัยก็ลงจากรถ
‘คุณนี่มันยังไง?’ เด็กสาวะโใส่กู้เสวียหมินอย่างโมโห ‘ไม่เห็นรถฉันมาหรือไง? ไม่รู้จักหลบหน่อยเหรอ?’
กู้เสวียหมิน ‘…’
ถอยหลังหนึ่งก้าว มองตำแหน่งที่เขายืนและรถคันนั้นอีกครั้ง
‘หลบ?’ กู้เสวียหมินหัวเราะเยาะ
เขาไม่ได้กลับเมืองหลวงมานานแล้ว หรือว่าเดี๋ยวนี้คนเมืองหลวงนิยมแบบนี้กัน?
รถขับบนขอบทาง คนต้องอยู่กลางถนน?
‘ใช่’ เด็กสาวพูดหนักแน่น ‘ถ้าคุณหลบหน่อย รถฉันจะเลี้ยวได้แล้ว ดูสิ รถฉันเป็แบบนี้ คุณรู้ไหมว่ารถคันนี้แพงแค่ไหน? คุณจ่ายไหวเหรอ?’
‘จ่ายไม่ไหวหรอก’ กู้เสวียหมินยิ้มเยาะ ‘คุณผู้หญิง ขอให้ลืมตาดูดีๆ คุณเป็คนละเมิดกฎจราจร ทำไมผมต้องจ่ายด้วย?’
‘ฝากไว้ก่อนเถอะ’ เด็กสาวพูดอย่างโกรธเคือง
วินาทีต่อมา เธอร้องไห้วิ่งไปหาผู้ชายคนหนึ่ง ‘พี่ใหญ่ คนคนนี้รังแกหนู’
ตอนนั้นกู้เสวียหมินรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า
นี่มันเื่อะไรกันเนี่ย ที่สำคัญคือเขารู้จักผู้ชายคนนั้น
เซียวจั่นหง ลูกพี่ลูกน้องของเซียวหัง
มีปีหนึ่งอีกฝ่ายเคยมาที่เมืองฉิน ตอนนั้นกู้เสวียหมินบังเอิญอยู่ที่เมืองฉินด้วย เซียวหังเลยจัดโต๊ะกินข้าวรวมกัน เคยเจอกันครั้งหนึ่ง แต่กู้เสวียหมินจำได้แม่น เพราะเขากับลู่จิ่งซานเป็คนสไตล์เดียวกัน เป็คนที่หน้าตายแมู้เาไท่ซานจะถล่มตรงหน้า ตลอดงานคือหน้าบึ้งตึง
แต่ตอนมองเด็กสาวคนนั้นกลับเปลี่ยนเป้นอบอุ่น ยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า ‘ใครกล้ารังแกเ้าหญิงตระกูลเซียวของพวกเราบนถนนเส้นนี้กัน?’
ชั่วขณะนั้น กู้เสวียหมินก็นึกถึงลู่จิ่งซาน
จอมมารคนนั้นจะแสดงสายตาหลงใหลแบบนี้เฉพาะตอนอยู่กับสวี่จือจือ แต่ก็แตกต่างจากเซียวจั่นหง
‘คนนี้แหละค่ะ’ เซียวจิ้งเหวินชี้กู้เสวียหมินอย่างโมโห ‘เขาเกือบทำให้รถหนูชน’
กู้เสวียหมินกลอกตา
‘เสวียหมิน?’ เซียวจั่นหงพูดด้วยความประหลาดใจ ‘นายกลับเมืองหลวงั้แ่เมื่อไหร่?’
‘เพิ่งกลับมาไม่นานครับพี่เซียว’ กู้เสวียหมินยิ้มแล้วพูด
‘พี่ใหญ่ รู้จักคนแบบนี้ได้ยังไงคะ?’ เซียวจิ้งเหวินพูดอย่างรังเกียจ
ดูจากชุดที่ใส่ก็รู้ว่าเป็คนบ้านนอก
หลายปีมานี้ บ้านเธอเจอญาติยากจนมาขอพึ่งพิงไม่น้อย
‘เหวินเหวิน’ เซียวจั่นหงพูดไม่พอใจ ‘อย่าวุ่นวาย’
ซน?
กู้เสวียหมินยิ้มจางๆ มองเซียวจั่นหง ‘พี่เซียว ดูรถคันนี้สิ ผมยืนอยู่ตรงนี้ตลอด ไม่ได้ขยับเลย’
‘คุณขยับแล้ว’ เซียวจิ้งเหวินชี้เขา ‘ถอยไปหนึ่งก้าว’
กู้เสวียหมินพูดไม่ออก
“ใครให้เธอขับรถ?” เซียวจั่นหงหน้าดำคล้ำ
‘พี่สาม’ เซียวจิ้งเหวินพูดเบาๆ แล้วดึงมือเซียวจั่นหงอ้อน ‘พี่ใหญ่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตำหนินะคะ ดูสิ รถของหนูเป็แบบนี้แล้ว’
“ฉันบอกเลยนะ” ตอนนี้กู้เสวียหมินนึกถึงตอนนั้นที่เซียวจั่นหงปกป้องคนของตัวเองก็บ่น “จุ๊ๆ ฉันเคยคิดว่าตระกูลเซียวจะเจ๋งสักแค่ไหน ที่แท้ก็งั้นๆ”
ตามใจเด็กสาวจนไม่รู้ผิดชอบชั่วดี พูดไม่ออกเลยจริงๆ
“ตระกูลเซียวก็อยู่ในย่านนั้น” กู้เสวียหมินครุ่นคิดแล้วพูด “สิบกว่าปีก่อน ตระกูลเซียวเคยอยู่ในเมืองฉิน่หนึ่ง”
“ตอนไหน?” ลู่จิ่งซานถาม
กู้เสวียหมินบอก่เวลา
ลู่จิ่งซานเงียบไปนานกว่าจะพูดออกมา “สิบกว่าปีก่อน เหอเสวี่ยฉินก็เคยอยู่ที่เมืองฉิน”
บังเอิญเกินไป
ทั้งสองคนเงียบ
“ช่วยฉันอีกเื่” ลู่จิ่งซานพูด “ช่วยสืบให้หน่อยว่าสิบกว่าปีก่อน ตระกูลเซียวอยู่ที่ไหนในเมืองฉิน และเื่ของเหอเสวี่ยฉินในเมืองฉิน”
“นายไหวไหม?” กู้เสวียหมินถามด้วยความเป็ห่วง
่นั้นลู่จิ่งซานก็อยู่เมืองฉินเหมือนกัน พวกเขาถึงได้รู้จักกัน
ต่อมาลู่จิ่งซานกลับมาประชาคมชีหลี่ เขาก็ตามมา หลังจากนั้นลู่จิ่งซานไปหน่วยงานลับ เขาเข้าทำงานที่สถานีธัญพืช ส่วนเซียวหังอยู่ที่เมืองฉินตลอด
เขารู้ว่าลู่จิ่งซานไม่ไปเมืองฉินเพราะอะไร เพราะกู้ฉิงโหรวแม่แท้ๆ ของอีกฝ่ายเสียชีวิตที่โรงพยาบาลกลางเมืองฉิน
เขายิ่งรู้ว่าสมัยก่อนลู่จิ่งซานไม่ใช่คนแบบนี้ อีกฝ่ายซุกซนและร่าเริง วันเกิดเื่อีกฝ่ายกำลังพาเขาและเซียวหังไปตีกับเด็กกลุ่มหนึ่ง ตอนถูกตามตัวเจอ ใบหน้ามอมแมมเลอะเทอะ
พอถึงโรงพยาบาลกลาง กู้ฉิงโหรวได้จากไปแล้ว อีกฝ่ายไม่ทันได้เห็นหน้าแม่เป็ครั้งสุดท้าย ั้แ่นั้นมารอยยิ้มบนหน้าของลู่จิ่งซานก็หายไปกลายเป็แบบทุกวันนี้
ตอนนี้กลับขอให้สืบเื่ใน่นั้น ถึงจะเป็เื่ของเหอเสวี่ยฉิน แต่ก็ต้องเกี่ยวข้องกับกู้ฉิงโหรว เพราะเมื่อก่อนสองคนนี้เคยเป็เพื่อนสนิทกัน แถมไม่นานลู่หวยเหรินก็แต่งงานกับเหอเสวี่ยฉิน
บอกว่าเป็คำฝากฝังก่อนตาย?
ยังไงเขาก็ไม่เชื่อ
“เื่นี้ อย่าให้เธอรู้”
.............................