‘แควกๆ’ พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นสองหนเด็กรับใช้สองคนยังไม่ทันออกไป คนผู้นั้นก็ฉีดแขนเสื้ออีกข้างของหลิ่วจิ้งออกด้วยความอดทนรอต่อไปไม่ไหว
เขาดึงตัวหลิ่วจิ้งเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ไม่รู้จะทำเช่นใด ที่สุดก็เอาตัวหลิ่วจิ้งวางไว้บนพื้น
ยามนี้ท่าทีแข็งขืนเมื่อครู่ของหลิ่วจิ้งก็เปลี่ยนไปแล้วคล้ายนางปลงตก เห็นเพียงน้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตา น้ำตานั้นแม้เป็ชายชาตรีใจแข็งมาพบเห็นก็ยังต้องสงสารนาง
ปรากฏว่าเมื่อครู่คนผู้นั้นยังมีแววตาเย็นเฉียบ ยามนี้เห็นนางมีน้ำตาอาบหน้าก็อดเวทนาขึ้นมามิได้
เขาเช็ดหยาดน้ำตาบนใบหน้าของหลิ่วจิ้งออก หลิ่วจิ้งจึงกระซิบเสียงเบาไปว่า“คุณชาย เมื่อครู่ท่านก็เห็นแล้วว่าร่างกายข้าผุดผ่องบอบบาง หาก้าข้าแล้วจะหาเตียงที่สบายกว่านี้ให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่ พื้นนี่แข็งจนหลังข้าเจ็บไปหมดแล้วแผ่นหลังคงบวมไปหมดแล้วกระมัง”
เดิมทีหลิ่วจิ้งก็เป็สตรีเจียงหนาน ยามนี้จงใจพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานนางไม่เชื่อว่าคนผู้นั้นจะไม่คล้อยตาม
เป็จริงดังคาด คนผู้นั้นหยุดมือ เขาก้มหน้ามองใบหน้าอาบน้ำตาของหลิ่วจิ้งแล้วเกิดความลังเลขึ้นมา
ในขณะที่เขานิ่งงันไปพักใหญ่หลิ่วจิ้งก็ขยับตัวคล้ายว่าเ็ปที่แผ่นหลัง อยากขยับหาตำแหน่งให้สบายขึ้นสักหน่อย
อีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นก็ยกตัวถอยไปข้างหลังเล็กน้อยให้หลิ่วจิ้งได้งอเข่าขึ้นมาเป็ท่าที่สบายขึ้น
ทันใดนั้นเองต่อให้มีโอกาสอีกครั้งเขาก็ยังไม่อาจเชื่อได้เลยว่าองค์หญิงที่เมื่อครู่ยังร้องห่มร้องไห้อยู่ ยามนี้กลับถีบเขาเต็มแรงและเท้านี้ก็พุ่งตรงเข้าที่กล่องดวงใจของเขา ส่วนล่างซึ่งเมื่อครู่กำลังขึงขังอยู่ถูกถีบเข้าอย่างจัง
เขาพลันเ็ปทรมานขึ้นมาจนหงายหน้าล้มกับพื้นไปทางด้างหลังหลิ่วจิ้งรีบคว้าโอกาสเพียงน้อยนิดนี้ะโขึ้นไปบนตัวคนผู้นั้น ดึงปิ่นบนหัวออกและพ่นผงบางชนิดใส่อีกฝ่าย อึดใจเดียวเขาก็นอนแน่นิ่งเป็ศพไม่ขยับตัวอีก
เมื่อคนเฝ้าประตูทั้งสองคนได้ยินเสียงโครมครามก็กรูกันเข้ามาในศาลเ้าร้างพอเห็นสถานการณ์ด้านในก็ยิ่งตื่นใ พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดเื่ใดขึ้นจึงทำให้คุณชายนอนนิ่งอยู่กับพื้นไม่รู้เป็ตาย
สองคนนั้นกำลังจะพุ่งเข้าหาหลิ่วจิ้ง กลับเห็นหลิ่วจิ้งถือท่อนไม้หักอยู่ในมือโดยส่วนปลายที่หักไปนั้นกำลังจ่อเข้ากับเส้นเืใหญ่ที่คอของคุณชาย
“นายของพวกเ้าเพียงหมดสติไปชั่วครู่เท่านั้นแต่หากพวกเ้ากล้าเข้ามาอีกแม้แต่ก้าวเดียว ก็ดูซิว่าระหว่างฝีเท้าของพวกเ้าหรือมือข้าสิ่งใดจะเร็วกว่ากันเพียงข้าขยับมือ เชื่อหรือไม่ว่าต่อให้เป็เทพเซียนก็ยังช่วยนายพวกเ้ามิได้เลย”
หลิ่วจิ้งพูดจบ ก็ออกแรงที่มือคล้ายคิดลงมือทันที
“อย่า องค์หญิง ยะๆๆ อย่า…” เด็กรับใช้ติดอ่างรีบหยุดยืนนิ่งไม่กล้าขยับตัว
ตอนนี้เองหลิ่วจิ้งจึงได้แอบโล่งอก นางแค่ลองวางเดิมพันดูว่าคนผู้นี้จะมีความสำคัญมากเท่าใดต่อเด็กรับใช้สองคนนี้ที่จริงนางยังคิดไม่ออกว่าเหตุใดเด็กรับใช้ในจวนแม่ทัพจึงไปเป็ลูกน้องของผู้อื่นหากเพียงถูกซื้อตัวมาใช้งานชั่วคราว พวกเขาก็จะไม่สนใจว่าคุณชายผู้นี้จะเป็หรือตายไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเข้ามาฆ่านางปิดปากเสีย
แต่นางไม่มีทางให้ถอยแล้ว จึงทำได้แค่ลองเดิมพันสักตั้ง ชนะนางก็รอดแพ้นางก็ตาย
แม้จะเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าต่อให้ต้องเสียตัวก็ไม่นับว่าเป็สิ่งใดขอเพียงยังมีชีวิตอยู่นางก็สามารถเริ่มใหม่ได้ แต่เมื่อจวนตัวนางกลับไม่อาจทนเห็นตนเองต้องมอบความบริสุทธิ์ให้แก่ผู้อื่น
แต่นางก็ด่าทอตนเองอยู่ในใจว่าเอาแต่ปกป้องความบริสุทธิ์ของตน จนหลงลืมหนี้เืของบิดามารดา
“บอกมา พวกเ้าเป็ผู้ใด ลักพาตัวข้ามามีจุดประสงค์ใด”นางตะเบ็งเสียงระบายโทสะใส่ตัวคนผู้นั้นราวกับว่าหากเด็กรับใช้ไม่ยอมพูดก็จะแทงคนผู้นั้นเสีย แม้จะบอกว่าท่อนไม้ที่นางถืออยู่ไม่นับว่าเป็มีดแต่เวลานี้กลับใช้เป็มีดได้นางยินดีนักที่ในศาลเ้าร้างมีท่อนไม้เอาไว้ก่อไฟอยู่มากทำให้นางหยิบเอามาใช้ได้
“พะ…พวกเราเป็ชาวแคว้นปาสู่ที่อยู่ทางเหนือของแคว้นชางอี้…”เด็กรับใช้คนหนึ่งเปิดปาก แต่กลับถูกเด็กรับใช้อีกคนถีบจนต้องยั้งปากไว้
“ไม่พูดใช่หรือไม่ หากไม่พูด ต่อให้คืนนี้ข้าไม่มีชีวิตรอดข้าก็จะหาคนตายไปกับข้าด้วย” หลิ่วจิ้งพูดจบก็ลงแรงที่มือ กรีดคอคนที่นอนอยู่บนพื้นจนเกิดเป็รอยเืหนึ่งเส้น
“อย่า อย่านะ องค์หญิง ข้าพูดแล้ว ข้าพูด” เด็กรับใช้ที่เอ่ยปากเมื่อครู่หันมองเด็กรับใช้อีกคนที่ถีบเขาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็มีหน้าตาตื่นตระหนกเช่นกัน จึงพูดต่อว่า“แคว้นปาสู่ของเราถูกแคว้นชางอี้ทำลายจนสิ้นแล้วส่วนภรรยาที่ยังไม่ทันแต่งเข้าเรือนของคุณชายก็ถูกหั่วอี้ชิงตัวไปและนำไปมอบให้เ้าบ้าอาเหมิ่งต๋าไม่กี่วันผ่านไปฮูหยินผู้น่าสงสารก็ต้องมาตายอย่างน่าอนาถ
เพื่อแก้แค้นให้ฮูหยินพวกเราไม่มีทางอื่นนอกจากแฝงตัวเข้าไปเป็เด็กรับใช้ในจวนแม่ทัพส่วนคุณชายก็มาพักอยู่ใกล้ๆ ขอเพียงเป็สตรีของหั่วอี้ คุณชายของพวกเราก็จะไม่ปล่อยไว้ดังเช่นที่หั่วอี้ไม่เคยปล่อยสตรีชาวแคว้นปาสู่ของเราเช่นกัน
หนี้เืนี้เอาคืนอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน เื่ราวหลังจากนั้นด้วยความชาญฉลาดขององค์หญิงก็คงไม่จำเป็ต้องให้ข้าพูดต่อแล้วกระมังที่ควรพูดข้าก็พูดไปหมดแล้ว ขอองค์หญิงโปรดปราณี ปล่อยคุณชายบ้านข้าไปเถิดพวกเราจะไม่มาก่อความเดือดร้อนให้องค์หญิงอีกเป็แน่
เมื่อเื่นี้แพร่ออกไปพวกเราย่อมไม่มีทางกลับไปจวนแม่ทัพได้อีกแล้วขอให้องค์หญิงเห็นแก่ที่แคว้นปาสู่ของเราล่มสลายย่อยยับ ปล่อยคุณชายไปเถิดขอรับ”
หลิ่วจิ้งฟังจบก็ยอมรับว่าตนเองโชคร้าย ที่นางถูกจับมาวันนี้เห็นทีคงเป็แค่เื่บังเอิญเพียงเพราะนางเป็สตรีของหั่วอี้จึงได้รับเคราะห์ในครานี้
เด็กรับใช้ทั้งสองเห็นคุณชายของพวกเขายังคงนอนแน่นิ่งบนพื้นไม่ได้สติยิ่งว้าวุ่นใจนักแต่ก็ไม่กล้าเข้าไปตรวจดู พวกเขากลับไม่รู้ว่าในขณะที่พวกเขาร้อนใจหลิ่วจิ้งยิ่งร้อนรนเสียกว่า
ยาสลบที่หลิ่วจิ้งซัดใส่เขาเป็ยาที่ออกฤทธิ์ในเวลาจำกัด หากในชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปนางยังหนีไปไม่ได้คนผู้นั้นก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว
นางไม่คิดว่าเมื่อคนผู้นั้นฟื้นขึ้นมานางจะยังสามารถควบคุมผู้ชายตัวโตๆทั้งสามคนได้ โดยเฉพาะเมื่อครู่คนผู้นั้นสามารถฉีกแขนเสื้อนางออกได้อย่างง่ายดายราวใช้มีดกรีดเห็นได้ชัดว่าเขาเป็ผู้มีวรยุทธ์
ก่อนหน้านี้นางเพียงใช้อุบายแสร้งทำเป็สาวน้อยอ่อนแอจึงสามารถลงมือยามเขาพลั้งเผลอแต่หากคนผู้นั้นฟื้นขึ้นมานางก็จะทำสิ่งใดอีกไม่ได้แล้ว
คนในศาลเ้าร้างเวลานี้พลันชะงักงันกันไปชั่วขณะ ไม่ว่าใครก็มิอาจถอยได้สักก้าว
แต่ขณะนั้นเองกลับมีเสียงคนดังมาแต่ไกล “ท่านแม่ทัพขอรับข้าน้อยไม่กล้าหลอกลวงท่านแม่ทัพ องค์หญิงถูกพาตัวมาบนทางสายนี้จริงๆ ขอรับ”
“ระวังและนำทางไปให้ดี อย่าพูดเสียงดัง จะทำให้โจรพวกนั้นแตกตื่น หากเ้าสร้างความชอบจากรายงานข่าวชิ้นนี้ข้าจะให้รางวัลเ้าอย่างงาม”
เมื่อได้ยินเสียงของหั่วอี้ดังขึ้นน้ำตาของหลิ่วจิ้งก็เกือบจะไหลลงมาเช่นกัน
แต่เด็กรับใช้ทั้งสองคนกลับร้อนรนราวมดบนหม้อร้อนพวกเขาแฝงตัวอยู่ในจวนแม่ทัพมานาน ย่อมรู้อุปนิสัยของหั่วอี้ดีหากถูกหั่วอี้จับได้แล้วฉีกพวกเขาเป็สองท่อนก็ยังนับว่าเบามากแล้ว
แต่ก็มิอาจทิ้งคุณชายเอาไว้โดยไม่เหลียวแลหากไม่มีคุณชายแล้วพวกเขายังจะหนีไปที่ใดได้อีก
_____________________________
