ตอนที่ 5
Warning : NSFW, Dry humping, ใช้วิจารณญาณในการอ่าน
"เฮียเดินหนีเทียนทำไม"
เสียงใสของเด็กชายอายุสิบห้าปีดังขึ้นอย่างร้อนรน เท้าเล็กๆเดินตามชายหนุ่มเบื้องหน้า ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อไล่ตามไม่ทันเสียที ดวงตาสีน้ำตาลสวยสะท้อนภาพแผ่นหลังกว้างที่เริ่มห่างไกลออกไป กระนั้นก็ยังคงเดินตามต่อไปอย่างไม่คิดยอมแพ้
"เฮียจะเดินไปไหน เทียนไปด้วย"
ครั้นเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมาก็เริ่มใจเสีย ภายในหัวคิดทบทวนถึงความผิดที่ตนอาจจะทำให้อีกฝ่ายไม่สบายใจแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมีเพียงความว่างเปล่า ขนมหมั่นโถวในมือน้อยๆถูกยื่นให้พร้อมรอยยิ้มอย่างมีความหวัง
"เทียนเอาขนมมาด้วย เทียนเอาขนมมาเผื่อเฮียซานเยอะแยะเลย"
หัวใจดวงน้อยห่อเหี่ยวลงเมื่อไม่ได้รับคำพูดใดตอบกลับมา แม้ว่าร่างของอีกฝ่ายจะอยู่ใกล้พอให้เดินตามไปได้ กระนั้นเทียนอี้ก็ยังไม่สามารถเอื้อมมือไปหาได้เลยสักครั้ง
"ทำไมเฮียไม่พูดกับเทียนเลย"
เด็กชายผู้ไร้เดียงสาเพียง้าวิ่งตามไปให้ทัน อยากจะเห็นว่าจางเหวินซานในชุดสูทสีดำหากมองจากด้านหน้าจะดูดีมากเพียงใด อีกฝ่ายไม่เคยหันหลังให้เขาเลยแม้สักครั้งเดียว แล้วทำไมวันนี้ถึงได้พยายามมากเหลือเกินที่จะเดินหนีกันไป...ไปให้ไกลจนไม่อาจเอื้อมมือคว้าไว้ได้อีก
เท้าเล็กๆก้าวเดินเร็วขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็วิ่งสุดแรงเพื่อนำพาร่างของตนไปให้ถึงคนตรงหน้า ความรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณรอบกระบอกตาเริ่มชัดเจนขึ้น เช่นเดียวกับเสียงร้องเรียกที่เริ่มสั่นเครือเคล้าเสียงสะอื้น
"เฮียจะไปไหน...ฮือ เฮียอย่าเดินหนีเทียนนะ---อั้ก!!"
เท้าสะดุดกับหินก้อนใหญ่จนร่างน้อยๆเสียหลักล้มลง เสื้อผ้าขาวสะอาดคลุกฝุ่นเปรอะเปื้อนสกปรก หัวเข่าถลอกช้ำ ข้อศอกไถลไปกับพื้นดินหยาบจนเืซิบ
"ฮือเฮียซาน เทียนเจ็บขา"
"กลับบ้านไป"
คราวนี้ร่างสูงหยุดก้าวเดินแล้วหันกลับมาพูดคุยกันในที่สุด กระนั้นคำพูดแรกที่เอ่ยออกมากลับเป็ถ้อยคำผลักไสไล่ส่งกัน ทั้งๆที่ตัวเขายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองทำผิดอะไร
"เฮียจะไปไหน...ฮือ เทียนจะอยู่กับเฮีย"
"บอกให้กลับไปไง"
"เทียนไปด้วย ฮึก แล้วใครจะกอดเทียนเวลาเทียนโดนตี ฮือ ใครจะพาเทียนไปเล่น"
อาการข้อเท้าพลิกไม่อำนวยให้วิ่งตามใครได้ตามสะดวกอีก ครั้นเมื่อเห็นว่าเหวินซานเริ่มหันหลังเดินออกไปอีกครั้งพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ในมือ เด็กชายตัวน้อยกลับยิ่งพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งตามไปทั้งหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มด้วยความรู้สึกเ็ป
"ฮือ เทียนจะไม่ดื้อแล้ว เทียนทำโทษตัวเองก็ได้ เฮียอย่าเดินหนีเทียนนะ--โอ๊ย!!"
เดินตามได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มลงไปอีกครั้งทั้งอาการาเ็บริเวณข้อเท้าข้างขวาที่หนักกว่าเดิมไม่สามารถขยับตัวได้อีก ในขณะที่คนตรงหน้าเริ่มเดินหนีห่างออกไปไกลทุกที แม้จะะโร้องเรียกให้ขาดใจอย่างไรก็ไร้ผลอยู่ดี
ดวงตาเคลือบน้ำตาพยายามเพ่งมองไปข้างหน้าอีกครั้ง เก็บภาพความทรงจำสุดท้ายเอาไว้ก่อนที่แผ่นหลังแสนคุ้นเคยจะเริ่มห่างไกลออกไปกระทั่งหายไปจากระยะสายตา
...ไม่หวนคืนกลับมาอีก
...
มาเก๊า
19.20 น.
"ใกล้ถึงเวลาแล้ว อย่ามัวแต่เหม่อ"
เสียงเรียกเอ่ยทักของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่เป็ผลให้สติที่หลุดลอยวิ่งกลับเข้าร่าง เทียนอี้กะพริบตาสองสามครั้งเมื่อได้สติก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบกับผู้เป็สามีซึ่งยืนกอดอกอยู่ด้านหลังผ่านกระจกบานใหญ่
"เสร็จแล้ว ไม่เห็นหรือไง?"
เอ่ยถกเถียงกลับยังไม่พอ ซ้ำยังหันหลังกลับไปหาคู่สนทนาแล้วอ้าแขนเป็เชิงถามว่าเขาดูไม่เรียบร้อยที่ตรงไหน ร่างสูงสมส่วนอยู่ในชุดทักซิโด้สีดำพอดีตัวที่เพิ่งจะถูกส่งมาให้กะทันหันเมื่อเช้านี้ จางเหวินซานหลุบสายตาลงมองผู้เป็ภรรยาั้แ่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณาก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้
"อะไร?"
"สงสัยเธอคงรีบเกินไป ถึงได้แต่งตัวหลุดรุ่ยเป็เด็กอย่างนี้"
โบว์หูกระต่ายที่บิดเบี้ยวถูกจัดให้เป็ระเบียบอย่างเบามือ ท่ามกลางบรรยากาศความเงียบสงบ เทียนอี้ขมวดเข้าหากันทันทีเมื่อได้ฟัง ปัดมืออีกฝ่ายออกจากตัวแล้วเงยคอเอ่ยเถียงอย่างไม่ยอมความ
"แล้วไม่เคยมีใครสอนหรือไง ว่าจะหิ้วใครไปงานอะไรก็ควรจะรีบบอกเขาั้แ่เนิ่นๆ ไม่ใช่นึกอยากจะเอาไปที่ไหนตอนไหนก็เอาไป"
เอ่ยเถียงได้สมดังใจก็เดินออกจากห้อง ล่วงหน้าออกไปที่รถโดยไม่บอกกล่าว เหลือทิ้งไว้เพียงหัวหน้ากลุ่มจินหลงที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมพลางหันมองตามแผ่นหลังของภรรยาที่เดินห่างไกลออกไป
เข็มกลัดสีทองลายัสลักลวดลายอักษรสวยงามถูกหยิบขึ้นมาดูอย่างเงียบๆ มันควรจะถูกกลัดอยู่บนปกเสื้อของอีกฝ่ายทว่าภรรยาของเขาช่างดื้อดึง คุยกันได้ไม่กี่คำก็ผิดใจกันเสียแล้ว เสียงถอนหายใจเบาๆดังขึ้นพร้อมกับนาฬิกาข้อมือที่ถูกยกขึ้นเพื่อดูเวลา ก่อนร่างสูงจะเก็บเข็มกลัดเข้ากระเป๋าเสื้อแล้วเดินตามออกไป
รถคันหรูวิ่งแล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง รอบข้างรายล้อมไปด้วยผู้คนในชุดเสื้อผ้าหรูหราราคาแพง ครั้นเมื่อจางเหวินซานก้าวเท้าลงจากรถจึงถูกประกบด้วยเหล่าบอดี้การ์ดทันทีเพื่อรักษาความปลอดภัย พร้อมกับถ้อยคำเอ่ยกล่าวต้อนรับจากผู้คนภายในงานอย่างถ้วนทั่ว
โรงแรมเบื้องหน้าคือโรงแรมที่เพิ่งสร้างเปิดใหม่ ภายใต้การดูแลของกลุ่มจินหลง มีการออกแบบและตกแต่งโดยรับสถาปัตยกรรมตะวันตกมาอย่างเต็มรูปแบบ ภายในประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้า คาสิโนและสถานที่อำนวยความสะดวกอีกมากมาย แม้จะเปิดตัวได้ไม่นานทว่ากลับได้รับผลตอบแทนมหาศาล
แม้ว่าจางเหวินซานจะไม่ใช่คนที่ลงมาดูแลธุรกิจในส่วนนี้โดยตรง ทว่าทุนมหาศาลในการสร้างทั้งหมดล้วนมาจากผู้ชายคนนี้ทั้งนั้น
"ลงมาสิ"
ฝ่ามือถูกยื่นมาหาพร้อมกับร่างของอีกฝ่ายที่ยังคงยืนรอกันอยู่เบื้องหน้า เทียนอี้คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็ง่อย แค่ลงจากรถไม่จำเป็ต้องขอยืมมือใครเพื่อมาใช้ประคองตัว
"ไม่ใช่คนแก่ ไม่ต้องประคองลง"
"แค่เธอขมวดคิ้วก็เหมือนคนแก่อยู่แล้ว"
"ว่าไงนะ?"
!!!
เพราะมัวแต่สนใจคำพูดยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายจึงไม่ได้สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง ครั้นเมื่อก้าวเท้าลงจากรถได้ ก้าวเดินได้เพียงสองก้าวก็สะดุดกับพื้นต่างระดับโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างกายเซแถ่ดไปชนกับอกของผู้เป็สามีเข้าอย่างจัง
"เซ่อซ่า"
ดวงตาสีน้ำตาลสวยเบิกกว้างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบสายตากับคนอายุมากกว่าที่กำลังยืนยิ้มเยาะอย่างสาแก่ใจ ตัดสินใจรีบผละกายออกมาแล้วแยกเขี้ยวใส่อย่างเอาเื่เอาราว กระนั้นก็ยังไม่สามารถทำอะไรไปมากกว่านั้นได้อยู่ดี
ภายในงานถูกตกแต่งอย่างหรูหราโอ่อ่า เพื่อเป็การเฉลิมฉลองความสำเร็จที่เป็ไปตามเป้าหมายซ้ำยังพัฒนาธุรกิจสีเทาบนดินได้อย่างก้าวะโ เสียงดนตรีจีนร่วมสมัยบรรเลงดังขึ้นเพื่อเสริมอารมณ์สุนทรี
ร่างสูงหย่อนกายลงนั่งบนโซฟากำมะหยี่เนื้อดีที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ โดยมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งคล้ายจะเป็ผู้ดูแลของที่นี่เดินมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับผู้ชายอีกคนหนึ่งในชุกทักซิโด้สีกรมท่า หน้าตาจิ้มลิ้มน่าดึงดูด ซ้ำยังดูอ่อนโยนน่าทะนุถนอมเสียจนชายหนุ่มหญิงสาวหลายๆคนเผลอใจจับจ้องเ้าตัวอยู่นานโดยไม่อาจละสายตา
"ท่านเหวินซาน ไม่ได้มามาเก๊าเสียนาน ยังดูดีไม่เปลี่ยนเลย"
ผู้ถูกทักทายเพียงพยักหน้ารับอย่างพอเป็พิธี ก่อนจะเบนสายตามองเด็กหนุ่มที่หย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตรงข้ามกัน เถ้าแก่มากอายุเห็นดังนั้นก็รีบแนะนำตัวหลานชายหัวแก้วหัวแหวนให้ฟังทันที
"นี่อาคุณครับนายท่าน อายุยี่สิบสองปี ไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เพิ่งจะกลับมา"
"ยินดีที่ได้พบครับนายท่าน"
หน้าตาจิ้มลิ้มดูน่ารักอย่างกับตุ๊กตา แม้แต่เสียงก็ยังดูอ่อนน้อมนุ่มนวลฟังเพลินไม่หยอก เด็กหนุ่มยกกาชาขึ้นรินน้ำชาลงใส่แก้วกระเบื้องลายวิจิตรก่อนจะยื่นให้คนอายุมากกว่าอย่างถูกต้องตามประเพณี
"หน้าตาน่ารักดีนะ"
ครั้นเมื่อได้ยินคำชม แก้มกลมใสกลับยิ่งประดับไปด้วยสีแดงฝาดจางๆ ผู้เป็ปู่ก็ยิ่งหัวเราะชอบใจท่ามกลางสายตานับร้อยนับสิบของบรรดาแขกเหล่าที่มองมา...แม้เทียนอี้จะไม่ได้รู้เื่มารยาทตามประเพณีมากนัก แต่ก็อดชมไม่ได้ว่าอาคุณช่างดูเป็เด็กหนุ่มที่เพรียบพร้อมซ้ำยังเหมาะสมกับสังคมระดับสูง ไปอยู่ตรงไหนก็ย่อมมีแต่คนรักคนเอ็นดูทั้งนั้น
ร่างสูงสมส่วนเอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วผินใบหน้าออกไปมองทางอื่น สำเนียงจีนกวางตุ้งยากกว่าที่คิด แม้จะพอฟังออกบ้างเล็กน้อยแต่ฟังนานๆไปก็จับใจความไม่ค่อยได้อยู่ดี ยิ่งอีกสามคนที่เหลือพูดคุยกันด้วยภาษาถิ่นที่เขาไม่เข้าใจ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเขาไม่ควรมาอยู่ในที่แบบนี้เลยด้วยซ้ำไป
ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปเดินมาในงานบ้างแทนการนั่งอยู่เฉยๆทว่าอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางผู้คนที่ไม่รู้จักนับร้อย สุดท้ายก็ต้องเดินกลับไปที่นั่งของตัวเองอยู่ดี ครั้นเมื่อเดินกลับเข้าไปใกล้บริเวณโซฟากลับต้องหยุดชะงักนิ่งเมื่อได้ยินบทสนทนาที่พอจะจับใจความได้บ้าง
"อาคุณเป็เด็กดี ตั้งใจเรียนแถมยังมีความสามารถหลายอย่าง"
"..."
"ใครมาทาบทามผมก็ปฏิเสธไปหมด กลัวคนพวกนั้นจะดูแลหลานชายได้ไม่ดี อาคุณแกซื่อ ตามคนไม่ค่อยทัน"
เพราะมองเห็นเพียงแผ่นหลังของผู้เป็สามี จึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีสีหน้าเป็อย่างไรขณะรับฟัง ต่อให้พูดอ้อมไปอ้อมมาถึงขนาดนี้ ให้ใครมาฟังก็คงดูออกว่ามีจุดประสงค์เป็อย่างไร จางเหวินซานยังไม่กล่าวตอบสิ่งใด เพียงยกแก้วชาขึ้นดื่มด้วยท่าทีสงบเท่านั้น
"นายท่านมีอำนาจปกครองภรรยาได้หลายคน เผื่อว่านายท่านสนใจอาคุณ ผมก็อยากจะยกให้ดูแล"
"เหอะ!"
ร่างขาวแค่นหัวเราะเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางการเดิน จากที่จะตรงดิ่งไปนั่งบนโซฟาข้างสามีกลับเปลี่ยนเป็เคาน์เตอร์บาร์ที่ตั้งอยู่ไกลออกไปอีกเล็กน้อย ต่อให้เดินกลับไปตอนนี้ก็คงมีสภาพไม่ต่างไปจากธาตุอากาศในวงสนทนาสักเท่าไหร่
ร่างสูงสมส่วนหย่อนกายลงนั่งบนเคาน์เตอร์บาร์ กวาดสายตามองบรรดาเมนูเครื่องดื่มแล้วจึงเอ่ยสั่ง ต่อให้นั่งอยู่นานแค่ไหนเขาก็หาเพื่อนไม่ได้สักคน การต้องนั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางคนนับร้อยที่ไม่รู้จักแม่งโคตรบัดซบเกินจะบรรยาย ทำได้เพียงทอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มจนหมดภายในครั้งเดียว
ลานกว้างขนาดใหญ่ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็สถานที่สำหรับการเต้นรำ แสงไฟจากโคมไฟระย้าคริสตัลยิ่งส่งให้บรรยากาศดูเหมาะสมสำหรับคู่รักให้ไปวาดลวดลาย โอบกอดตระกองกันด้วยความรักในลานกว้าง ท่ามกลางเสียงดนตรีที่ถูกบรรเลงเป็จังหวะอย่างเชื่องช้า
"ไวน์บนโต๊ะมันรสชาติแย่มากถึงขนาดที่เธอจะต้องหนีมานั่งตรงนี้เลยหรือไง"
เสียงของผู้มาใหม่เป็ผลให้เทียนอี้ชะงักไปเล็กน้อยแล้วหันมองเพื่อพบกับผู้เป็สามีที่เดินมานั่งอยู่ข้างกัน ก่อนจะเบนสายตาหนีไปทางอื่นพลางเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากนัก
"อยู่ไปก็ฟังพวกนายคุยกันไม่รู้เื่ แล้วฉันจะอยู่ไปทำไม"
เกิดบรรยากาศความเงียบสงบเข้าโอบล้อมรอบกายหลังจากนั้น จางเหวินซานในชุดทักซิโด้ดูดีมากเสียจนไม่อาจปฏิเสธว่าอีกฝ่ายดูเหมาะกับมันมากเพียงใด
"อาเทียนเต้นรำเป็หรือเปล่า"
"ฉันไม่ไป"
เอ่ยตอบปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ครั้นเมื่อเห็นว่าดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องกันอยู่จึงหันใบหน้าหนีไปทางอื่นแล้วเอ่ยเหตุผลสมทบกลับไปตามที่คิด
"ไปกับคนอื่นสิ คนมีอำนาจล้นมืออย่างนายจะหยิบจับเลือกใครมาก็ได้ไม่เสียหายอยู่แล้วนี่"
"อ้อ...ที่แท้อาเทียนก็เต้นรำไม่เป็"
ถ้อยคำใส่ความยิ่งทำให้ผู้ฟังคิ้วกระตุก ตัวเขาหยิ่งทระนงในตัวเองเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ครั้นเมื่อถูกปรามาสใส่กันอย่างนี้มีหรือที่จะยอม ดวงตาสีน้ำตาลสวยตวัดมองคู่สนทนาแล้วเอ่ยเถียงกลับทันควัน
"ฉันเต้นเป็"
"เด็กน้อยก็โกหกกันได้ทั้งนั้น"
ใครว่าหวังเทียนอี้กวนประสาทเป็อยู่ฝ่ายเดียว คนอย่างจางเหวินซานก็มีพรสวรรร์ในด้านนี้มากไม่ต่างกัน ร่างขาวส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นแล้วดึงกระชากผู้เป็สามีมาเต้นรำด้วยกันเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขาไม่ได้เป็ไก่อ่อนแค่เต้นรำก็ยังไม่เป็อย่างที่ถูกกกล่าวหา
"อย่ามาว่าฉันเป็เด็ก ฉันไม่ได้ดูน่าเวทนาอย่างที่นายคิด"
จางเหวินซานไม่ได้กล่าวตอบสิ่งใด เพียงแค่นหัวเราะออกมาเสียงเบา ก่อนจะวางฝ่ามือข้างซ้ายลงบนสะโพกของผู้เป็ภรรยา ฝ่ามือที่กอบกุมกันเริ่มออกแรงกระชับให้แน่นขึ้นเช่นเดียวกับระยะห่างระหว่างกันที่ถูกลดทอนลงกระทั่งััได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ตีรดผิวเนื้อ
จังหวะบรรเลงจากวงดนตรีเป็ไปอย่างเชื่องช้าซ้ำยังเพลิดเพลิน คนทั้งคู่ขยับขาและแขนไปตามจังหวะอย่างนุ่มนวล...สวนทางกับสายตาและริมฝีปากที่สรรหาถ้อยคำมาเชือดเฉือนกันไม่ยอมหยุด
"เคยเป็หงส์ฟ้าสยายปีกเฉิดฉายอยู่บนที่สูง...พอถูกจับเด็ดขนหักปีกให้พิการ ก็ย่อมดูน่าเวทนาเป็ธรรมดา"
เรียวนิ้วขาวที่วางอยู่บนไหล่กว้างเริ่มออกแรงจิกผ่านเสื้อผ้าเนื้อดีของอีกฝ่ายแ่เบาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็การโอบไหล่สามีเพื่อให้ระยะห่างระหว่างกันยิ่งลดลงไปอีก ดวงตาสีน้ำตาลสวยช้อนขึ้นมองสบ ปลายจมูกโด่งเกลี่ยกันไปมาพร้อมกับเสียงกระซิบตอบกลับแ่เบาให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน
"แล้วเคยเห็นหงส์พิการใช้เท้าจิกหัวผัวมันเองบ้างหรือยัง ถ้ายัง..อยากจะลองเห็นดูบ้างไหม เหล่ากง?"
"กล้าเหรอเทียนอี้"
ไม่ว่าประโยคดังกล่าวจะถูกส่งมาเพื่อเป็การเตือนสติกันหรือเพื่อข่มขู่ ก็ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ทำให้คนบ้าบิ่นอย่างเขารู้สึกกลัวหรือสำนึกแต่อย่างใด ริมฝีปากขยับเข้าหากันมากขึ้นกระทั่งััเสียดสีกันไปมา ก่อนที่ริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายจะถูกกัดอย่างแรงจนเืซิบพร้อมกับปลายเท้าใต้รองเท้าหนังที่ถูกกระทืบใส่อย่างแรง
ตึง!!
ร่างสูงถูกดันให้แผ่นหลังกระแทกกับต้นเสาอย่างแรง พร้อมกับฝ่ามือขาวที่กอบกุมแล้วบีบบริเวณลำคออย่างถือไพ่เหนือกว่า เสียงดนตรีถูกหยุดลงเช่นเดียวกับลานเต้นรำกว้างที่ถูกแปรเปลี่ยนให้กลายเป็สนามรบโดยสมบูรณ์
"ใครว่าไม่กล้า?..นี่ถือเป็การแสดงให้เห็นถึงความรักมากล้นที่ภรรยาคนนี้อยากมอบให้สามีที่รักไง"
จางเหวินซานยังคงมีท่าทีที่นิ่งสงบ ฝ่ามือจับบริเวณสะโพกของคนตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆเลื่อนมายังแผ่นหลังแล้วโอบเอวพอดีมือเข้าหาตัวกระทั่งเหลือช่องว่างระหว่างกันเพียงเล็กน้อย
"เหล่ากงยินดีน้อมรับความรักจากเหล่าผอมาด้วยความยินดี"
!!!
ตึง!!
ข้อมือขาวถูกจับกระชากออกก่อนที่ร่างของคนอายุน้อยกว่าจะเป็ฝ่ายถูกกดให้ใบหน้าแนบไปกับเสาพร้อมกับมือทั้งสองข้างที่ถูกรวบพันธนาการไว้ด้านหลัง ได้ยินเสียงกระซิบถามอย่างเย็นเยียบจากผู้เป็สามีที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"ถ้าอย่างนั้นให้เหล่ากงแสดงความรักตอบกลับบ้างดีไหม จะได้สมกัน"
"ฉันไม่กลัวนายสักนิด ฉันภาวนาขอให้นายเจอคนที่ถูกใจแล้วก็แต่งงานกันไปไวๆ จะได้ปล่อยฉันไปสักที---อื้อ!!"
ใบหน้าถูกจับบังคับให้แหงนเชิดขึ้นพร้อมกับอีกฝ่ายที่โน้มตัวเข้ามาดูดดึงริมฝีปากล่างอย่างแรงจนบวมเป่งก่อนจะผละออกพร้อมถ้อยคำเอ่ยกระซิบเสียงแหบพร่า
"เด็กโง่"
"..."
"เฮียจะหาเื่เหนื่อยเพิ่มให้ตัวเองทำไม"
!!!
ร่างทั้งร่างถูกอุ้มจนลอยหวือในท่าเ้าสาว พร้อมกับร่างสูงที่เดินตรงดิ่งไปยังรถที่ถูกจอดอยู่ไกลออกไปท่ามกลางสายตาของบรรดาแขกที่ยังคงใกับสถานการณ์ ไร้ซึ่งเสียงร้องโวยวาย มีเพียงกำปั้นลุ่นๆที่ทุบลงกับลาดไหล่ของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ กระทั่งประตูรถด้านหลังถูกเปิดออกพร้อมกับร่างขาวที่ถูกปล่อยลงบนเบาะรถ
เรียวขายกขึ้นยันอกของผู้เป็สามีทันทีอย่างพยศ ดวงตาสีรัตติกาลหลุบลงมองการกระทำแสนหยาบคายก่อนจะจับข้อเท้าดึงออก แล้วจับบั้นเอวภรรยากระชากเข้าหากันกระทั่งส่วนลำตัวแทรกอยู่กลางหว่างขาเรียว
"จะพยศไปถึงเมื่อไหร่"
"จนกว่านายจะอกแตกตายไปเลยเป็ยังไง?"
ร่างขาวแค่นหัวเราะเอ่ยตอบกลับ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นนั่งคร่อมทับบนตักกว้างของอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมแพ้ พลันฝ่ามือใหญ่จับประคองบั้นเอวพอดีมือแล้วลูบไล้ขึ้นลงแ่เบากระทั่งร่างเบื้องบนเริ่มอยู่ในนิ่ง
"อึก...ห้ามจูบ"
ฝ่ามือยกขึ้นกั้นกลางระหว่างริมฝีปากพร้อมกับคำพูดสั่งห้ามไม่ให้สถานการณ์เข้าทางอีกฝ่ายอีก ผู้ฟังชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกระตุกยิ้มแค่นหัวเราะ ปลายจมูกโด่งเกลี่ยไปมาบริเวณข้างแก้มแ่เบา สะโพกกลมถูกกระชากเข้าหา ใบหูถูกขบเม้มอย่างหยอกเย้ากะทันหันจนได้ยินเสียงร้องหลุดออกมาแ่เบา
"อ้ะ!!"
"ห้ามจูบงั้นเหรอ...เด็กน้อยจริงๆ"
น้ำเสียงที่เอ่ยกล่าวช่างราบเรียบ กระนั้นก็ยังแฝงความเย้ยหยันไปในที มือข้างหนึ่งละจากบั้นเอวพอดีมือแล้วเกลี่ยลงบริเวณผิวเนื้อใกล้ยอดอกกระทั่งผู้ถูกััแอ่นตัวขึ้นอย่างเผลอไผลทั้งสะโพกที่เริ่มขยับไปมาตามจังหวะที่ถูกชักจูง
"อื้อ!!...ไอ้---อา.."
ยอดอกถูกขบกัดเบาๆผ่านเนื้อผ้าให้รู้สึกสะท้านไปทั้งตัว เรียวนิ้วจิกลงบนลาดไหล่ของสามีเป็การเอาคืน ทว่าเม็ดเล็กๆกลับถูกดูดดึงแรงขึ้นจนเผลอหลุดร้องเสียงครางออกมาทั้งหยาดน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วย กำปั้นเริ่มคลายออกเหลือเพียงฝ่ามือที่จับประคองกับไหล่กว้างเพื่อทรงตัวเท่านั้น
ริมฝีปากบวมเจ่อถูกนิ้วหัวแม่มือเคล้นคลึงอย่างเย้าหยอก พร้อมกับถ้อยคำกระซิบถามเสียงแ่เบาข้างใบหู
"ไหน เหล่าผอคนเก่งหายไปไหนแล้ว"
"หุบปาก อ๊ะ!! อือ"
ซิปกางเกงของร่าง้าถูกปลดอย่างแเี เผยให้เห็นกางเกงชั้นในตัวบางซ้ำยังเห็นจุดกลางกายที่ขยับขยายจนเต็มที่ หยาดน้ำหล่อลื่นไหลออกมาเปรอะเนื้อผ้าเป็วง ก่อนที่สะโพกมนจะถูกดึงกระชากเข้าหากระทั่งส่วนล่างแนบชิดบดเบียดถูกันไร้ช่องว่าง
"ซี๊ด..."
"คลึงสะโพกลงมาแบบนี้...เก่ง"
อารมณ์กำหนัดเริ่มพุ่งขึ้นสูง ครั้นเมื่อได้ยินถ้อยคำชมเชยก็ยิ่งขยับเข้าหาให้ส่วนล่างเสียดสีกันแรงขึ้น ดวงหน้าแหงนเชิ่ดขึ้นหอบโกยอากาศเข้าปอด สะโพกกลมถูกบีบขยำก่อนจะฟาดลงมาอย่างแรงจนเกิดเสียงดังทั่วตัวรถ
เพี๊ยะ!!
"เหวินซาน...อึก เหล่ากง...เหล่ากง อ๊ะ!!"
น้ำเสียงที่เอ่ยเรียกสั่นเครือ ฝ่ามือใหญ่สอดเข้าไปใต้เนื้อผ้าจับกับบั้นเอวพอดีมือ ก่อนจะออกแรงนำจังหวะให้เริ่มถี่ขึ้นจนได้ยินเสียงเนื้อผ้าเสียดสีคละเคล้ากับเสียงครางกระเส่า ปลายจมูกโด่งกดลงสูดดมความหอมจากซอกคอขาวพร้อมกับริมฝีปากที่กดจุมพิตลงมาแ่เบา
"อยากอยู่เหนือกว่าเหล่ากงเหรอ"
"ฮึก"
"ตอนนี้เธอก็อยู่บนตัวเหล่ากงแล้วนี่ไง"
บั้นเอวขาวถูกจับให้ขยับขย่มแรงขึ้น เช่นเดียวกับหวังเทียนอี้ที่เริ่มร้องตัวสั่นอยู่บนตักของผู้เป็สามีอย่างทำอะไรไม่ได้ ยอดอกถูกขบกัดผ่านเนื้อผ้าซ้ำๆจนเกิดความเสียวกระสันแล่นปราดทั่วร่าง
"...ที่ตรงนี้เหมาะสมกับเธอด้วยซ้ำไป"
"อึก จะเสร็จ จะเสร็จ---อ๊า!!!"
สะโพกถูกจับให้กดลงเช่นเดียวกับเ้าของตักที่สวนเอวขี้นมาโดยไม่บอกกล่าว จังหวะขย่มถี่ระรัวกระทั่งร่างขาวเนื้อตัวสั่นกระตุก จิกเล็บลงกับบ่ากว้างอย่างแรงขนขึ้นข้อขาว เช่นเดียวกับร่างกายที่สั่นกระตุกอย่างแรงแล้วปลดปล่อยออกมาคากางเกง
เสียงหอบหายในหนักหน่วงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบและบรรยากาศภายในรถที่ร้อนระอุ ร่างขาวถูกดันให้นอนลงไปกระทั่งแผ่นหลังัักับเบาะรถ พร้อมกับคนอายุมากกว่าที่โน้มตัวลงมาเกลี่ยปลายจมูกโด่งเฉียดข้างแก้มไปแ่เบา
คนดื้อดึงได้แต่นอนหอบหายใจกระเส่า ยอมรับความพ่ายแพ้ในวันนี้แต่โดยดุษฏี
"เอวของอาเทียนพอมือเฮียมากกว่าที่คิดนะ"
"..."
"我鍾意" (แปลว่า 'ฉันชอบ' ในภาษาจีนกวางตุ้ง)
...
"อยากอยู่เหนือกว่าเหล่ากงเหรอ...ตอนนี้เธอก็อยู่บนตัวเหล่ากงแล้วนี่ไง"
- จางเหวินซาน -
...
#นายท่านกับภรรยาไม่ถูกกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้