“เ้าพูดเหมือนมิใช่คนแผ่นดินนี้ ข้ามิเคยเห็นผู้ใดสวมชุดสีขาวในวันแต่งงานมาก่อน” เฉียวซื่อเห็นแหวนหยกบนนิ้วของจิ่นเซวียนจึงเริ่มสนใจมัน
“แหวนหยกวงนี้เ้าได้มาจากที่ใดหรือ ข้ามิเห็นมันอยู่ในรายการสินสมรสก่อนหน้านี้เลย”
หญิงชรายุ่งไปเสียทุกเื่จริงๆ แหวนหยกวงนี้ได้มาจากที่ใดแล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับนางกัน
“นี่คือของขวัญวันเกิดที่อาจารย์ให้ข้า มันมิเข้ากับชุดแต่งงานก่อนหน้านี้ ข้าจึงมิได้สวมมันเ้าค่ะ”
ภรรยาตัวน้อยของเขาช่างลึกลับเสียจริง แหวนหยกวงนี้มีค่าควรเมือง มันแกะสลักจากหยกฝูหรงหายาก มีเงินยอมจ่ายมากเท่าใดก็หาซื้อมิได้
“โอ้ อาจารย์ของเ้าคงรักเ้ามากจริงๆ” เฉียวซื่อมิรู้จักหยกฝูหรง นางเลยมิรู้มูลค่าของมัน
หากเถาเยามิได้บอกว่านางต้องใส่ไว้ตลอดเวลา นางคงมิเอาออกมาใส่ แหวนหยกวงนี้สะดุดตาเกินไป คนที่รู้จักมองแวบเดียวก็รู้มูลค่าของมันแล้ว แต่คนที่มิรู้จักจะคิดว่ามันเป็แหวนหยกธรรมดาอย่างเช่นพ่อเฮงซวยนั่น
“ข้าคือศิษย์เพียงคนเดียวของท่านอาจารย์ หากเขามิรักข้า เขาจะมิมีผู้สืบทอดวิชาให้เ้าค่ะ” จิ่นเซวียนสร้างเื่ราวของอาจารย์ให้ตนเอง ทุกคนจะได้คิดว่าเป็เื่จริง
“อย่าออกไปเดินเล่นเลย คืนนี้ต้องเชิญทุกคนมาทานข้าว พวกเ้าอยู่ช่วยงานเถิด”
เฉียวซื่อสร้างความลำบากให้จิ่นเซวียนในหลายๆ เื่ นางเพิ่งแต่งเข้ามาได้มิทันไร เฉียวซื่อก็จะให้นางทำงานแล้ว คราแรกนางคิดจะช่วยงานอยู่หรอก แต่เวลานี้นางจะมิทำแล้ว
“ท่านแม่ ท่านให้เป่าจูไปช่วยเถิด ภรรยาของข้าเพิ่งแต่งเข้าบ้านซ่งมา ท่านจะให้นางทำงานบ้านเลยหรือ มันมิสมควรขอรับ” ซ่งจื่อเฉินยอดเยี่ยมจริงๆ เขาช่วยแก้หน้าให้ทั้งๆ ที่จิ่นเซวียนยังมิทันปฏิเสธเลย
คนพิการนี่สมควรตาย เขามองข้ามนางเกินไปแล้ว หลายปีมานี้นางพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจัดการคนพิการนั่น แต่เขาก็ยังอยู่ดีมาจนถึงวันนี้ เวลานี้ขาของเขาหายแล้ว เขาต้องเข้าร่วมการสอบคัดเลือกใน่วสันต์แน่ หากเขาได้เป็ขุนนางใหญ่คงไม่แม้แต่จะชายตามองนาง
“พี่ห้า ข้ามิเคยทำงานบ้านเ้าค่ะ ท่านก็รู้มิใช่หรือ” ซ่งเป่าจูเบะปากปรายตามองจิ่นเซวียนอย่างมิพอใจ “พี่สะใภ้ห้า แม้ท่านจะเป็คุณหนูบ้านซิ่วไฉ แต่มิอาจละเลยกฎของบ้านซ่ง หากท่านเป็คนในครอบครัวนี้ก็ควรทำงานบ้าน และต้องส่งเงินที่หามาให้ด้วย”
น้องสามีผู้นี้แปลกคนจริง นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดถึงมาชี้นิ้วสั่งนางเช่นนี้
“ข้าขอถามว่าเงินนี้ต้องมอบให้เ้าเก็บไว้ใช่หรือไม่?” จิ่นเซวียนหัวเราะแทนที่จะโกรธ
“แน่นอนว่าต้องให้ท่านแม่เก็บ ท่านแม่เป็นายหญิงที่คอยดูแลบ้านหลังนี้ พวกเราทุกคนต้องฟังนาง” ซ่งเป่าจูคิดว่าจิ่นเซวียนกลัวเลยยิ้มพึงพอใจ
“สินสมรสของท่านก็ควรมอบให้ท่านแม่เก็บ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สามต่างทำเช่นนี้กันทั้งนั้น”
“ข้ามิเคยได้ยินมาก่อนว่าต้องมอบสินสมรสให้แม่สามีด้วย เป่าจู เ้ามิได้หลอกข้าหรอกนะ” จิ่นเซวียนยังคงยิ้มบางดังเดิม นางอยากถ่วงเวลาจนผู้อื่นมาเห็น ซ่งเป่าจูจะได้ขายหน้า
“ในเมื่อเ้าเป็ลูกสะใภ้บ้านซ่งแล้วก็ควรเคารพกฎบ้านซ่ง อย่าอาศัยว่าตนเองมีความสามารถเพียงเล็กน้อยแล้วจะมองข้ามพวกเราได้ วันนี้ข้าขอบอกเ้าไว้เลยว่าเ้าต้องจ่ายเงินมาเดือนละหนึ่งร้อยตำลึง” เมื่อเฉียวซื่อพูดจบ จิ่นเซวียนก็หัวเราะขึ้นมา
มอบเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้ทุกเดือน คนพวกนี้คิดว่านางเป็ร้านแลกเปลี่ยนเงินหรือ?
เงินที่ลูกชายของนางหามาได้รวมกันยังมิถึงสิบตำลึงเลย ยังกล้ามาขอเงินหนึ่งร้อยตำลึงจากนางอีก ทำตัวไร้ค่าเสียจริง มิน่าเล่าลูกของนางถึงได้แยกบ้านกันออกไป จิ่นเซวียนมิอยากสนใจสตรีเช่นนี้เลย
“ท่านแม่ อยากให้พวกเราจ่ายหนึ่งร้อยตำลึงให้ท่านก็ย่อมได้เ้าค่ะ แต่ท่านต้องให้ลูกชายทั้งสามคนของท่านจ่ายหนึ่งร้อยตำลึงเช่นเดียวกัน”
“ท่านแม่ ท่านทำงานหนักมาครึ่งชีวิตแล้วยังมีเงินเก็บมิถึงหนึ่งร้อยตำลึงเสียด้วยซ้ำ ท่านจะให้ภรรยาของข้าจ่ายเงินให้ท่านเดือนละหนึ่งร้อยตำลึง ท่านเห็นนางเป็ร้านแลกเปลี่ยนเงินหรือขอรับ?” สิ้นเสียงของจิ่นเซวียน ซ่งจื่อเฉินก็เอ่ยต่อนางทันที
“นางมีความสามารถมาก ก็ควรจ่ายมากหน่อย ข้าจะให้นางเหลือไว้ใช้จ่ายส่วนตัวเดือนละหนึ่งร้อยอีแปะ”
คำพูดของเฉียวซื่อทำให้จิ่นเซวียนรู้จักนางมากขึ้น คิดมิถึงว่าในใต้หล้านี้ยังมีคนไร้ยางอายเช่นนี้อยู่
“ท่านแม่ ในเมื่อท่านพูดมาถึงขั้นนี้ เช่นนั้นข้าก็จะพูดกับท่านตามตรงนะเ้าคะ อย่าว่าแต่เงินหนึ่งร้อยตำลึงเลย ต่อให้เป็เงินเพียงอีแปะเดียว ข้าก็มิให้ท่าน” จิ่นเซวียนโมโหยิ่งนัก นางมิเคยเจอผู้ใดที่หน้ามิอายยิ่งกว่าเกาซื่อ เฉียวซื่อเป็คนแรก
“พี่สะใภ้ห้า ท่านแน่ใจว่าจะทำเช่นนี้หรือ?” ซ่งเป่าจูถลึงตามองจิ่นเซวียน สิ่งที่นางจะบอกคือหากจิ่นเซวียนมิฟัง พวกนางก็จะจัดการจิ่นเซวียน
“ซ่งเป่าจู ข้าแต่งมาบ้านของพวกเ้ามิได้มาเพื่อทรมาน พวกเ้าทำได้อย่างมากก็แค่เอาหนังสือหย่าให้ข้า” จิ่นเซวียนโกรธยิ่งกว่าซ่งเป่าจูเสียอีก นางหัวเราะเยาะ นางมิใช่คนที่ยึดติดกับผู้ชาย เหตุใดต้องทนอยู่ให้อึดอัดหมองใจเล่า
“ภรรยา เ้าอย่าโกรธเลย ข้าจะไปปรึกษากับท่านพ่อดูว่าพวกเราจะแยกออกมาอยู่เองได้หรือไม่” ซ่งจื่อเฉินปลอบโยนจิ่นเซวียนด้วยเสียงนุ่มนวล กว่าจะพบสตรีที่ชื่นชอบมิใช่เื่ง่าย เขามิอยากให้คนไร้ยางอายพวกนี้มาทำลายชีวิตของเขา เขายอมรับว่าตกหลุมรักจิ่นเซวียนั้แ่แรกพบจึงอยากใช้ชีวิตกับนาง
แย่จริง พวกนางไปยั่วโทสะคนพิการเข้าเสียแล้ว เมื่อใดที่คนพิการแยกบ้านออกไป เงินที่เขาหาได้จะมิตกมาถึงนางสักอีแปะเดียว จะทำอย่างไรดี
นี่เป็ครั้งแรกที่ซ่งจื่อเฉินเอ่ยถึงเื่แยกบ้านต่อหน้าเฉียวซื่อ นางเลยค่อนข้างกลัว
“จื่อเฉิน ข้ามิเอาเงินหนึ่งร้อยตำลึงแล้ว พวกเ้าให้ข้าเดือนละห้าสิบตำลึงก็พอ ข้าเชื่อว่าเงินห้าร้อยตำลึงนี้คงเล็กน้อย มิมีค่าสำหรับพวกเ้า”
จิตใจคนโลภมิมีที่สิ้นสุด ห้าสิบตำลึงนี่เป็เงินจำนวนน้อยหรือ?เงินจำนวนนี้สามารถสร้างบ้านมุงหลังคากระเบื้องได้ตั้งสามสี่หลัง
“ซ่งจื่อเฉิน ดูเหมือนคนบ้านท่านจะมิค่อยชอบข้าในเมื่อเป็เช่นนี้ข้าก็มิจำเป็ต้องอยู่ให้โดนรังแก” จิ่นเซวียนเสียใจ นางเสียใจที่แต่งให้ซ่งจื่อเฉิน บ้านซ่งอันตรายและซับซ้อนมาก นางอาจจะโดนเล่นงานได้ทุกเมื่อ
“ภรรยา......” ซ่งจื่อเฉินพูดมิทันจบ จิ่นเซวียนก็ใช้วิชาตัวเบาหนีไป
“ท่านแม่เลี้ยง ท่านทำให้ภรรยาของข้าโกรธจนหนีไปแล้ว พอใจท่านหรือยังขอรับ?” ซ่งจื่อเฉินตะคอกใส่เฉียวซื่อ แล้วรีบไล่ตามจิ่นเซวียนไป ส่วนจิ่นเซวียนเวลานี้กำลังรับลมอยู่บนต้นเหอเถา[1] ที่อยู่นอกเรือน
“สามี ข้าอยู่ตรงนี้” จิ่นเซวียนเห็นซ่งจื่อเฉินมองไปรอบๆ อยู่ด้านล่าง นางจึงเด็ดเหอเถาลูกหนึ่งโยนไปทางซ่งจื่อเฉิน เขาเงยหน้าขึ้นมามองบนต้นไม้ เมื่อเหอเถากระแทกหลังของเขา
“ภรรยา สามีไร้ประโยชน์ เ้าจึงมิได้รับความเป็ธรรม” ซ่งจื่อเฉินทะยานตัวขึ้นมาบนต้นเหอเถา และยืนบนกิ่งไม้หนามองจิ่นเซวียนด้วยความละอายใจ
“แม่เลี้ยงของท่านร้ายกาจกว่าแม่เลี้ยงของข้าเสียอีก หากยังอยู่กับนางเช่นนี้ต่อไป ข้าต้องโกรธนางจนบ้าตายแน่ๆ ” จิ่นเซวียนพิงกิ่งไม้ตอบซ่งจื่อเฉินอย่างใจเย็น
เฉียวซื่อเป็คนน่ารังเกียจ เขาเองก็มิชอบนางเช่นกัน แต่ที่เขารังเกียจที่สุดคือนางใช้ความาุโมากดขี่ผู้อื่น ซ่งจื่อเฉินปรายตามองไปยังลานบ้านของตนเอง “ภรรยา ข้าจะพูดความจริงกับเ้า ท่านพ่อมิได้ชอบนางหรอก ปีนั้นหากมิใช่เพื่อข้า ท่านพ่อมิมีทางสู่ขอนางมาแน่”
“ท่านพ่อฉลาดเช่นนั้น เขาจะชอบเฉียวซื่อได้อย่างไร มองแวบเดียวก็รู้ว่าเฉียวซื่อเป็สตรีเ้าเล่ห์ เฮ้อ น้องสาวของท่านถูกนางเลี้ยงจนเสียคนหมดแล้ว” จิ่นเซวียนดีใจที่ซ่งผิงมิได้ชอบเฉียวซื่อ นางรู้แล้วว่าจะใช้สิ่งใดจัดการเฉียวซื่อ
“ภรรยา เมื่อใดที่พวกเราขอแยกออกมาอยู่เอง ท่านพ่อต้องตกลงแน่” ซ่งจื่อเฉินอยากรั้งจิ่นเซวียนเอาไว้ เขารู้ว่าจิ่นเซวียนมิชอบเฉียวซื่อ เขาจึงตัดสินใจแยกออกมาอยู่กันเอง
เชิงอรรถ
[1] ต้นเหอเถา หมายถึง ต้นวอลนัท
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้