หลังจากกลืนกินร่างไร้ิญญาไปเกือบสิบร่าง พลังยุทธ์ของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิผู้นี้ก็เลื่อนจากขั้นจักรพรรดิระดับต้นไปสู่ขั้นจักรพรรดิระดับกลาง
ที่ตรงนั้นมีร่างหนังหุ้มกระดูกวางเรียงอยู่เต็มไปหมด ช่างน่าเวทนายิ่งนัก
มือของแม่ทัพเทพที่เคยเป็สีดำก็จางหายไปจนไม่มีสีดำแล้ว
เสิ่นเสวียนควบคุมร่างนั้นไว้ ััได้ถึงพลังจากร่างนั้นด้วยความพึงพอใจ
ด้วยร่างกายนี้ เสิ่นเสวียนสามารถป้องกันตัวได้ดียิ่งขึ้น แน่นอนว่าหากเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า พลังแค่นี้ของเขายังคงรับมือได้ยากลำบากมาก
ส่วนร่างอื่นๆ ที่กองอยู่ ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาแล้ว
หลังจากจัดวางร่างแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว จิติญญาของเสิ่นเสวียนก็ค่อยๆ แยกตัวออกมาจากทางหัว การเข้าไปอยู่ภายในร่างที่ไม่มีพลังชีวิต่ระยะเวลาหนึ่งทำให้ร่างจิติญญาเสื่อมถอยไปเช่นกัน
แล้วสะพานเชื่อมจิติญญาก่อนหน้านี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เมื่อจิติญญากลับคืนร่าง และกลุ่มจิติญญาสุดท้ายเข้าสู่ร่างกายแล้ว เสิ่นเสวียนจึงถอนหายใจออกมา
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิเลื่อนขั้นได้รวดเร็วเช่นนี้ และยังกล่าวได้อีกว่าไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
“ขอบคุณ”
เสิ่นเสวียนกล่าวขอบคุณออกมาจากใจจริง
หากเสวียนหลิงเอ่อร์เข้ามาช่วยเขาไม่ทัน แล้วโดนพลังเ่าั้กลืนกินไป ต่อให้เขามีโอกาสชนะแต่ร่างจิติญญาอาจได้รับความเสียหายไปกว่าครึ่ง
ซึ่งเป็สิ่งที่เสิ่นเสวียนมิอาจรับได้ในตอนนี้
ไม่มีพลังสามารถฝึกฝนใหม่ได้ แต่ถ้าจิติญญาได้รับความเสียหาย ใช่ว่าจะสร้างขึ้นใหม่ได้ง่ายๆ
“ไม่ต้องขอบคุณข้า นับว่าตอบแทนน้ำใจร่างจิติญญาของเ้าก็แล้วกัน”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ร่างจิติญญาที่นางกล่าวถึง อาจหมายถึงร่างจิติญญาของผู้ศักดิ์สิทธิ์จื่อกวงที่เสิ่นเสวียนมอบให้นางในตอนท้าย ร่างจิติญญานี้เป็ประโยชน์ต่อเสวียนหลิงเอ่อร์มาก ทำให้จิติญญาของนางแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
“เ้าจะทำอะไรก็ทำไป อย่ารบกวนข้าแล้วกัน แล้วก็เฝ้าดูงูจิ่นเมี่ยนให้ข้าด้วย”
เสวียนหลิงเอ่อร์ยังคงอยู่ในโลงศพสีแดง ขณะนี้เข้าสู่สภาวะพักผ่อนไปแล้ว
“ท่านวางใจได้”
เสิ่นเสวียนมองงูจิ่นเมี่ยนเล็กน้อย จากนั้นเขาก็สร้างม่านพลังขึ้นมาปกคลุมกรงของงูจิ่นเมี่ยนเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น
แล้วเขาก็จัดการธุระของตนเองต่อไป
อย่างแรกคือเอาหินพลังงานทั้งหมดออกมา วางเรียงตามรูปแบบของค่ายกลรวบรวมพลัง
เขา้าสร้างหุ่นเชิดคนนี้ด้วยพลังห้าธาตุ เดิมทีมันไม่สามารถสร้างด้วยพลังห้าธาตุบริสุทธิ์ได้ ทว่าเขามีหยวนก่อกำเนิดหกธาตุ ซึ่งหยวนก่อกำเนิดเปรียบเสมือนกับแกนกลางพลังงาน หากมีพลังภายนอกมากพอให้ดูดซับเข้ามา การสร้างหุ่นเชิดจะไม่ใช่เื่ยากอีกต่อไป
หินพลังงานห้าธาตุหลายพันก้อนถูกวางเรียงรายตามที่เขา้า ร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิถูกจับให้ยืนอยู่ใจกลาง
ค่ายกลรวบรวมพลังถูกเขาวาดขึ้นที่พื้น เพื่อดูดพลังจากหินเ่าั้เข้าสู่หัวของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิอย่างบ้าคลั่ง
หลังจากตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เสิ่นเสวียนจึงไปอยู่ตรงหน้าแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิ และชี้นิ้วไปตรงหน้าผากของอีกฝ่ายที่มีาแ
ก่อนหน้านี้เขาสร้างค่ายกลขึ้นภายในร่างของหุ่นเชิดโดยไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้น แม้จะยังเป็หุ่นเชิดได้ แต่พลังก็ยังมีขีดจำกัดอยู่
พลังโจมตีของเสิ่นเลี่ยนทำลายเพียงแกนกลางสมอง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อส่วนอื่น ซึ่งตอนนี้เขาสร้างค่ายกลไว้สองตำแหน่งในร่างของอีกฝ่าย คือที่หัวและหน้าอก ค่ายกลทั้งสองแห่งตอบสนองต่อกัน ขณะที่แสดงพลังแข็งแกร่งที่สุดออกมา ยังรับรองได้อีกว่าต่อให้ไม่มีหัวแล้วก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อการต่อสู้
หลังจากชี้นิ้วไปที่หัวแล้ว พลังจากนิ้วมือก็หลั่งไหลเข้าไปในหัวของอีกฝ่าย ส่วนหยวนก่อกำเนิดตัวน้อยที่อยู่ภายในตันเถียนก็ไหลตามพลังเ่าั้เข้าไปในหัวอีกฝ่ายเช่นกัน เสิ่นเสวียนใช้หยวนก่อกำเนิดเข้าควบคุมค่ายกลภายในหุ่นเชิด ทำให้สามารถหลอมรวมพลังห้าธาตุได้ง่ายยิ่งขึ้น
เพียงไม่นานค่ายกลที่หัวก็เป็รูปเป็ร่างขึ้นมา หยวนก่อกำเนิดไม่รอช้าพุ่งตรงไปที่หน้าอกของหุ่นเชิดทันทีเพื่อควบคุมค่ายกลต่อไป
หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ หยวนก่อกำเนิดกลับเข้าสู่ตันเถียนภายในร่างของเสิ่นเสวียน แล้วเสิ่นเสวียนก็ดึงมือกลับมาพร้อมกับเหงื่อเต็มใบหน้า
เขามองแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิตรงหน้า พลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ค่ายกลตรงหน้าอกและหัวของหุ่นเชิดตอบสนองต่อกันแล้ว มันเชื่อมโยงเข้าหากัน และยังสามารถทำหน้าที่แยกจากกันได้อีกด้วย หากหุ่นเชิดนี้แสดงพลังออกมาอย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าไร้ศัตรูท่ามกลางขั้นจักรพรรดิระดับกลางเลยก็ว่าได้
หากกล่าวว่าการสร้างค่ายกลภายในร่างของหุ่นเชิดเป็ขั้นตอนที่จำเป็ที่สุด อย่างนั้นขั้นตอนสุดท้ายนี้คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด และยังเป็ขั้นตอนที่ใช้เวลานานที่สุดอีกด้วย
การยืมพลังโดยรอบมาเพื่อกระตุ้นค่ายกล ทำให้ร่างนี้กลายเป็หุ่นเชิดได้อย่างแท้จริง
ขั้นตอนสุดท้ายนี้คือขั้นตอนหนึ่งที่ใช้เวลายาวนานที่สุด
หลังจากจิติญญากลับสู่ร่างแล้ว เสิ่นเสวียนพลันนั่งลงที่พื้น ส่วนแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิค่อยๆ ลอยตัวขึ้นไปยืนอยู่กลางอากาศ
ค่ายกลทั้งสองตำแหน่งเริ่มดูดซับพลังห้าธาตุที่อยู่รอบๆ เข้าไป พลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างหุ่นเชิดราวกับสายน้ำเลยทีเดียว
อัญมณีห้าธาตุที่เสิ่นเสวียนซื้อมาก่อนหน้านี้ ทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็สถานที่ที่มีพลังอัดแน่น และพลังเหล่านี้เพียงพอที่จะกระตุ้นค่ายกลขึ้นมาได้
ส่วนเสิ่นเสวียนก็ไม่ได้ว่าง เขาใช้พลังทั้งหมดดูดซับพลังฟ้าดินเข้ามา และส่งต่อไปยังค่ายกลภายในร่างของหุ่นเชิดอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกัน
เมื่อมีพลังพุ่งเข้าสู่ร่างสองทางเช่นนี้ ทำให้ค่ายกลถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์
ทั่วทั้งมิติใต้หนองน้ำกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง เห็นเพียงร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิลอยอยู่กลางอากาศ พลังห้าธาตุรวบรวมอยู่ภายในร่างกายอย่างบ้าคลั่งราวกับสายน้ำหลาก
ซ่าๆ!
ซ่าๆ!!!
เสียงพลังไหลเวียนกลายเป็เสียงหลักของที่นี่ไปแล้ว นอกจากนี้ก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นอีก
ส่วนดวงตาคู่นั้นที่แอบมองอยู่ในส่วนลึกของมิติ มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความเลื่อมใส และตื่นใกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้เป็อย่างมาก
กาลเวลาผันผ่านไปเรื่อยๆ ทว่าเสิ่นเสี่ยวเม่ยและคนอื่นๆ ในเมืองชางฉงที่ห่างออกไปหลายร้อยลี้กำลังเผชิญกับปัญหา
ห้าวันต่อมา
ณ สวนส่วนตัวของเฝิงเป่าเป่า เขตชานเมืองตะวันตกของเมืองชางฉง
สวนแห่งนี้กว้างใหญ่มาก กินอาณาเขตมากกว่าสิบหมู่[1] อย่าลืมว่าเขตชานเมืองตะวันตกยังอยู่ในเมืองชางฉง อาณาเขตสิบหมู่ของเมืองเป็สวนของเฝิงเป่าเป่าไปแล้ว มูลค่าของที่นี่ต้องไม่ธรรมดา
ภายในสวนหรูหราอย่างมาก มีเรือนทั้งหมดสิบสองหลัง มีศาลาทุกรูปแบบ นอกจากเรือนสองหลังที่มีไว้สำหรับคนรับใช้ ยังเหลืออีกสิบหลัง ซึ่งเป็ที่พักแขกไปแล้วเก้าหลัง และอีกหนึ่งหลังคือเรือนของเฝิงเป่าเป่า
เสิ่นเลี่ยน เสิ่นเสี่ยวเม่ย และเริ่นเสี้ยวเทียนพักอยู่ที่นี่
ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่ในศาลาใจกลางทะเลสาบ เฝิงเป่าเป่ามีสีหน้าเศร้าสร้อย
“แค่ดูก็รู้แล้วว่าเ้านั่นไม่ได้เป็คนดีสักเท่าไร กำจัดทิ้งไปเลยก็สิ้นเื่ ทำแบบนี้อู๋ิผู้นั้นก็ไม่มีปากเสียงอะไรแล้ว”
เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวกับเฝิงเป่าเป่าด้วยสีหน้าหดหู่
ทว่าเฝิงเป่าเป่ากลับส่ายหัวแรงๆ
“เขาเป็น้องชายข้า และยังเป็น้องชายที่พ่อกับแม่รักมากที่สุดอีกด้วย หากข้าทำร้ายเขา ข้าคงไม่มีหน้าไปพบพ่อกับแม่ได้อีก” เฝิงเป่าเป่าส่ายหัว หลายวันมานี้เฝิงเป่าเป่าพยายามอย่างสุดความสามารถ ทำให้กระดานหมากที่เสิ่นเสวียนถ่ายทอดให้เขาออกสู่ตลาด
ทว่าเขาคิดไม่ถึงเลย หลังจากผลักดันออกสู่ตลาดไปแล้ว เฝิงเทียนกลับออกมาบอกให้เฝิงเป่าเป่าล่าถอยออกไป ไม่อย่างนั้นจะสังหารพวกเขาทั้งหมด
เฝิงเป่าเป่าจะถอยให้ก็ได้ แต่เสิ่นเสวียนเคยบอกไว้แล้วว่าจะให้เฝิงเป่าเป่ามีอำนาจเพียงคนเดียว ไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าร่วมด้วย ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเฝิงเทียนเลย
แต่ถ้าไม่ยอมถอย เขารู้ดีถึงความสามารถของอู๋ิ ซึ่งอู๋ิต้องลงมืออย่างแน่นอน
“บอกไว้ก่อน พวกข้ารวมพลังกันยังสู้ตาแก่นั่นไม่ได้เลย หากเ้ายังลังเลตัดสินใจไม่ได้ คนที่ตายก็คือเ้า ไม่ใช่ว่าเ้าหวาดกลัวความตายที่สุดหรอกหรือ”
“ข้า...”
“ข้าอะไรนัก ลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ หากรอให้อู๋ิเจอตัว ไม่ว่าใครก็อย่าคิดหนีอีกเลย”
เริ่นเสี้ยวเทียนไม่ได้ล้อเล่น ในตอนนี้พวกเขายังสู้ขั้นจักรพรรดิไม่ได้จริงๆ
“ความจริงแล้ว ตราบใดที่พวกเราไม่ออกไป พวกเขาก็ไม่มีทางจับตัวพวกเราได้”
“จะซ่อนตัวอยู่ที่นี่ตลอดไปอย่างนั้นหรือ” เสิ่นเสี่ยวเม่ยถามเฝิงเป่าเป่า เขาขี้ขลาดเกินไปแล้ว!
“ไม่ต้องซ่อนหรอก ข้ามาที่นี่แล้วไม่ใช่หรือ”
ทุกคนได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
..........................................................
[1] หมู่ (亩) เป็หน่วยวัดพื้นที่ของจีน มีเนื้อที่ประมาณ 666.67 ตารางเมตร