ยามเหม่าสามเค่อ [1] ของเช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่หลี่ชิงชิงตื่นนอน นอกจากเด็กน้อยสามคน คนอื่นๆ ล้วนตื่นนอนกันหมดแล้ว นางตื่นสายกว่าหวังจวี๋เสียอีก
ผู้เฒ่าหวังหาบน้ำสิ่งปฏิกูลจากห้องสุขามาผสมกับน้ำสะอาด แล้วนำมารดแปลงฟักทองบนเนินเขา
หลิวซื่อไปที่แปลงผักเพื่อเก็บแตงกวาและสลัดต้นมาล้างทำความสะอาด
หวังจื้อใช้ไม้คานหาบถังน้ำไปตักน้ำในบ่อตรงทางเข้าหมู่บ้าน เขาหาบน้ำไปกลับเช่นนี้อยู่สิบกว่ารอบ เพื่อเติมน้ำใส่โอ่งขนาดใหญ่สองใบในบ้านให้เต็ม
จางซื่อปล่อยไก่ออกมา ก่อนจะไปกวาดพื้นบ้านและลานบ้าน
หวังเลี่ยงหุงข้าว ส่วนหวังจวี๋รับหน้าที่ก่อไฟ พวกเขาหุงข้าวขาวหนึ่งหม้อใหญ่ จากนั้นก็เปิดฝาหม้อตักข้าวออกมาพักให้เย็น นี่ไม่ใช่อาหารเช้า แต่เป็ข้าวสำหรับทําข้าวปั้นผัก
เมื่อก่อนตอนที่หลี่ชิงชิงอยู่บ้านเดิม คนตระกูลหลี่ก็ขยันขันแข็งเช่นนี้ แต่ก็ยังยากจนมาก
ั้แ่โบราณจนถึงปัจจุบัน หากชาวนาไม่มีความคิดที่ดี อาศัยเพียงพืชผลในไร่ก็ไม่มีทางหาเงินได้
หลี่ชิงชิงรีบเทกระโถนปัสสาวะลงที่แปลงผักด้านหลังแล้วล้างทำความสะอาด หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเสร็จนางก็มาที่ห้องครัว ครั้นได้ยินเสียงน้องชายและน้องสาวเอ่ยทักทายตน หญิงสาวจึงคลี่ยิ้มพลางเอ่ย "ข้าจะสอนพวกเ้าทําข้าวปั้นผัก"
"ตกลงเ้าค่ะ" หวังจวี๋อิจฉาฝีมือการทําอาหารของหลี่ชิงชิงยิ่งนัก วัตถุดิบเดียวกัน ทว่าหลิวซื่อและจางซื่อกลับทําออกมาได้แค่สุกเท่านั้น ห่างไกลจากที่หลี่ชิงชิงทำอยู่มากโข แต่ว่าสิ่งที่หวังจวี๋อิจฉาที่สุดก็คือทักษะทางการแพทย์ของนาง เพราะนี่คือความสามารถอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยชีวิตคนได้
"ขอบคุณพี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้สามยอดเยี่ยมที่สุด" ปากหวังเลี่ยงหวานเป็พิเศษ
หลี่ชิงชิงนำแตงกวาและสลัดต้นมาหั่นเป็ชิ้นเล็กๆ นำสลัดต้นไปลวกด้วยน้ำร้อนครู่หนึ่ง ก่อนจะนำแตงกวาและสลัดต้นที่ถูกหั่นเป็ชิ้นใส่เกลือลงไปเล็กน้อย และโรยลงไปในข้าว ผสมให้เข้ากัน จากนั้นขยำข้าวปั้นผักให้เป็ก้อนกลมๆ และมีขนาดเท่ากัน
ข้าวสีขาวราวหิมะ แตงกวาและสลัดต้นสีเขียวหั่นเป็ชิ้นเล็กๆ ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวและผักกระจายออกมา นี่คือข้าวปั้นผักที่เรียบง่ายและยังมีไขมันต่ำ
หวังเลี่ยงทำไปหนึ่งก้อน เขาปั้นไม่แน่นจึงออกมาไม่สวย หวังจวี๋ก็ปั้นออกมาได้ไม่ดีจึงไม่กล้าปั้นอีก เพราะเกรงว่าจะเป็การสิ้นเปลืองข้าวและผัก ดูเหมือนว่าข้าวปั้นผักก็ต้องใช้ทักษะเช่นเดียวกัน แววตาของทั้งสองคนที่มองไปยังหลี่ชิงชิงจึงยิ่งมีความเลื่อมใสเพิ่มมากขึ้น
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ข้าวปั้นผักสองร้อยกว่าก้อนก็เสร็จแล้ว ก่อนจะบรรจุใส่ตะกร้าที่มีใบไผ่สีเขียวเข้มปูรองด้านล่าง
หวังจื้อและหวังเลี่ยงแบกตะกร้าไว้บนหลัง และออกเดินทางไปขายที่อําเภอ
หวังจื้อเป็ผู้ใหญ่ แต่นิสัยเป็คนเก็บตัวและซื่อสัตย์ ขายของไม่ค่อยเป็ ส่วนหวังเลี่ยงแม้ว่าจะยังไม่โต ทว่ามีนิสัยเป็มิตรเข้ากับคนง่าย สติปัญญาปราดเปรียว สองพี่น้องจึงช่วยส่งเสริมกันและกันได้พอดี
ในเวลานี้ ข้าวอีกหม้อก็หุงเสร็จพอดี หลี่ชิงชิงรอให้ข้าวเย็นลงเล็กน้อย แล้วจึงทําข้าวปั้นผักอีกสองร้อยกว่าก้อน "ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านกินข้าวปั้นสองสามก้อนก่อนแล้วค่อยไปที่อําเภอ ใช่แล้ว ให้พี่ใหญ่กับน้องสี่กินข้าวปั้นด้วยนะเ้าคะ อย่าให้ทนหิว"
บ้านตนเองขายข้าวปั้นผัก ข้าวปั้นผักเหล่านี้มิใช่อาหารราคาแพงมากมาย จึงไม่มีเหตุผลว่าคนที่บ้านจะกินไม่ได้
"ตาเฒ่า รีบกินเร็วเข้า กินเสร็จแล้วจะได้ไปกัน" หลิวซื่อเร่งไปพลางยัดข้าวปั้นเข้าปากไปพลาง
"ชิงชิง เ้าก็กินข้าวปั้นด้วย อย่าปล่อยให้หิว" เมื่อครู่ผู้เฒ่าหวังคิดแล้วคิดอีก นางยังไม่ได้บอกว่าข้าวปั้นผักจะแบ่งกําไรอย่างไร
เขาคิดจะแบ่งกําไรของข้าวปั้นผักให้หลี่ชิงชิงมากขึ้นหน่อย แต่เขาไม่ได้เป็คนดูแลเื่เงินในบ้าน เงินทั้งหมดล้วนเป็หลิวซื่อดูแล
แคว้นต้าถังให้ความสำคัญแก่บุรุษมากกว่าสตรี ครอบครัวส่วนใหญ่ในหมู่บ้านหวังจึงเป็บุรุษที่จัดการเื่เงิน หากสตรีอยากใช้เงินจะต้องมาขอจากบุรุษ
ทว่าตระกูลหวังกลับตรงกันข้าม
เหตุผลนั้นพูดแล้วเื่ยืดยาว ในปีนั้นญาติของผู้เฒ่าหวังเสียชีวิตติดต่อกันหกคน จึงถูกชาวบ้านเล่าลือต่อๆ กันว่าเขามีดวงกินคน จะคอยสังหารคนที่มีชีวิตอยู่ทั้งหมด เขาในเวลานั้นอย่าว่าแต่หาภรรยา แม้แต่หาสหายสักคนก็ยังลำบาก
ภายหลังหลิวซื่อได้ส่งแม่สื่อมาบอกผู้เฒ่าหวังว่า หากให้นางจัดการเื่เงินหลังแต่งงานก็จะตบแต่งกับเขา
ยามนั้นผู้เฒ่าหวังหมดเงินไปกับการรักษาญาติและไว้ทุกข์ และยังได้ขายที่นาสองหมู่ไป นอกจากบ้านสามแถวไม่กี่หมู่แล้ว แม้แต่เหรียญทองแดงเหรียญเดียวก็ไม่มี ยังไม่ทันได้พูดความอื่นต่อเขาก็ตอบตกลงแล้ว
เพราะเหตุนี้ทั้งคู่จึงแต่งงานกัน หลังแต่งงานหลิวซื่อก็เป็คนจัดการเงิน
หลิวซื่อปฏิบัติต่อบุตรชายและบุตรสาวอย่างเท่าเทียม ไม่ได้ให้ความสำคัญกับบุรุษมากกว่าสตรี และยิ่งไม่รังเกียจหวังจื้อที่มีความพิกลพิการซึ่งเกิดกับสามีคนเก่า
บุตรต่างบิดาต่างมารดาย่อมมีความแตกต่างกัน หวังจื้อพี่น้องทั้งห้าคนต่างถูกหลิวซื่ออบรมสั่งสอนเื่ให้ความสำคัญกับความรักใคร่ผูกพัน ให้สามัคคีรักพวกพ้อง
ผู้เฒ่าหวังย่อมยินดีให้ลูกๆ รักใคร่กลมเกลียวกัน เพียงแต่หวังจื้อสามีภรรยาให้กําเนิดเพียงบุตรสาวมาสามคนติด ครรภ์นี้ของจางซื่อก็กลัวว่าจะให้กําเนิดบุตรสาวอีก ชาวบ้านในหมู่บ้านได้เสนอให้ผู้เฒ่าหวังแยกครอบครัวของหวังจื้อทั้งห้าคนออกไป อย่าให้ครอบครัวหวังจื้อห้าคนเป็ตัวถ่วงความเจริญ
ผู้เฒ่าหวังเคยไตร่ตรองเื่นี้มาก่อน หวังเฮ่าบุตรชายคนโตอย่างแท้จริงของเขาไปเป็ทหารเพื่อครอบครัว ต้องลำบากอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดและยังอันตรายยิ่งนัก ส่วนหลี่ชิงชิงลูกสะใภ้แท้ๆ นางได้ทำไข่เค็มออกมาหาเงินเพื่อครอบครัว
เฮ้อ เขาหวังว่าหลี่ชิงชิงจะมีเงินในมือมากขึ้นอีกหน่อย เช่นนี้เมื่อหวังเฮ่ากลับมาก็ไม่ต้องหนักใจเื่หาเงินอีกต่อไป
ผู้เฒ่าหวังแต่งภรรยาให้หวังจื้อผู้เป็ลูกเลี้ยงเพื่อจะได้มีบุตร มอบสินเดิมให้หวังเยวี่ยลูกเลี้ยงยามตบแต่งออกไป นี่ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว ยามนี้เขาคิดเพื่อบุตรแท้ๆ ของตนย่อมเป็เื่ธรรมดาของมนุษย์
ที่ข้างถนนหลวง หลิวซื่อเอ่ยกับผู้เฒ่าหวังที่แบกตะกร้าไม้ไผ่เสียงดังว่า "ตาเฒ่าเอ๋ย เ้าคิดอันใดอยู่ ข้าพูดกับเ้า เ้าก็ไม่ตอบ!"
ผู้เฒ่าหวังเลิกคิ้วหนาทั้งสองข้างขึ้น พลางเอ่ย "เงินที่ได้จากข้าวปั้นผักก็แบ่งให้ชิงชิงมากหน่อย"
ยามหลิวซื่ออยู่ที่บ้านก็เรียนทําข้าวปั้นผักด้วยเช่นกัน นางทําได้น่าเกลียดกว่าหวังเลี่ยงและหวังจวี๋เสียอีก ในใจจึงชื่นชมฝีมือการทําอาหารอันเหนือชั้นของลูกสะใภ้สาม ความคิดดีๆ เช่นนี้ไม่ได้ใช้ตอนอยู่บ้านเดิม แต่นำมาใช้ตอนอยู่บ้านสามีหรือก็คือตระกูลหวังของพวกนาง จึงถือว่าให้รางวัลสําหรับข้อนี้ นางหัวเราะพลางเอ่ย "ย่อมเป็เช่นนั้น ต่อให้เ้าไม่บอกข้าก็จะทําเช่นนี้เหมือนกัน"
ผู้เฒ่าหวังยังกลัวว่าหลิวซื่อจะไม่เห็นด้วย คิดไม่ถึงเลยว่าหลิวซื่อจะคิดเช่นกัน ผู้เฒ่าหวังคิดว่าหลิวซื่อชอบหลี่ชิงชิงและเอนเอียงไปทางหวังเฮ่า นั่นเป็เพราะว่าบุตรที่เกิดจากเขาดีและรักเขามากกว่าสามีเก่า เช่นนี้จึงอดฮัมทำนองเพลงพื้นบ้านขึ้นมาไม่ได้
หลิวซื่อไม่รู้ว่าที่ผู้เฒ่าหวังฮัมเพลงอย่างมีความสุข เป็เพราะสมองของเขาคิดถึงเื่รักๆ ใคร่ๆ มากเกินไป นางเอ่ย "ยากที่ท้องฟ้าจะเป็ใจ วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง หวังว่าข้าวปั้นผักของบ้านเราจะขายหมด"
ตอนที่สามีภรรยาชรามาถึงประตูเมืองอำเภอเหอ พวกเขาเดินไปรอบๆ ตลาดที่ทอดยาวทั้งสองด้านของถนนทางการ แต่ก็ไม่พบหวังจื้อพี่น้อง จึงคิดว่าพวกเขาคงไปขายข้าวปั้นผักที่ตําบลชาง
ยามนี้เป็่เช้าที่ตลาดคึกคักที่สุด ชาวบ้านในหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงนำสิ่งของจากบ้านของตนมาที่นี่เพื่อขายให้คนท้องที่ในอำเภอ
ในพื้นที่ที่เป็อู่ข้าวอู่น้ำ ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ประจวบเหมาะกับเป็สารทฤดู ไก่ เป็ด ปลา เนื้อ ไข่ ผัก กระต่ายป่า ห่าน ล้วนมีทั้งหมด และยังมีคนขายเนื้อลาด้วย
มีคนมาขายพริกเยอะที่สุด ราคาของวันนี้จึงต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย
ผู้เฒ่าหวังนึกถึงพริกที่บ้าน ให้ขายในราคาถูกก็ขาดทุนมากเกินไป หากไม่ขายแล้วเก็บไว้กินเองก็มากไป หากให้หลี่ชิงชิงนำไปทําพริกสับดอง...
"ข้าวปั้นผักหอมอร่อย ไม่ต้องก่อไฟไม่ต้องเข้าครัว สามารถกินเป็ข้าวได้เลย หนึ่งก้อนเพียงสองเหรียญทองแดง ซื้อห้าแถมหนึ่ง รีบมาซื้อกันเร็วเ้าค่ะ" หลิวซื่อไม่กลัวถูกคนหัวเราะเยาะ นางะโคําพูดที่หลี่ชิงชิงสอนมาเสียงดัง ทักทายผู้คนที่สัญจรเดินผ่านไปมา
เมื่อวานตอนขายไข่เค็มนางก็ะโเช่นนี้ อาจจะเสียงดังกว่าผู้เฒ่าหวังมากอยู่สักหน่อย
ชาวบ้านผิวคล้ำที่ขายไข่อยู่ข้างๆ เพิ่งมาได้สักพัก มองข้าวปั้นผักในตะกร้าไม้ไผ่ของสามีภรรยาชราดูน่ากินยิ่งนัก ทว่าขายราคาแพงเกินไปแล้ว
--------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ยามเหม่าสามเค่อ หมายถึง ่เวลา 06.45 น.
