ในยุทธการที่สังเวียนับรรพชน มีคนเพียงพันคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ห่างไกลจากหมอกแห่งน้ำและไอน้ำไปทุกทิศทุกทาง มีคนนับไม่ถ้วนรวมตัวกัน ส่วนใหญ่เป็นายน้อย และพวกเขาก็มีคนอยู่บ้าง ความคิดที่จะหยุดยั้งหลัวเลี่ยไม่ให้ไปแคว้นฉีเซียว
หลังจากเห็นนิ้วของหลัวเลี่ย ความหวังและโชคอันมากมายในหัวใจของผู้คนนับไม่ถ้วนก็ถูกกำจัดออกไปโดยตรง เช่นเดียวกับประกายไฟเล็กๆ ที่เหลือถูกดับลงด้วยน้ำเย็น ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกหนาวไปทั้งตัว
ชนชั้นสูงจากทั่วทุกมุมโลก อัจฉริยะหลายพันคนเข้าร่วมกองกำลัง แต่พวกเขาทำได้เพียงเกาหลังหลัวเลี่ยเท่านั้น
“เคล็ดวิชาที่ท้าทาย์เช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะฝึกได้”
มีคนถอนหายใจ
ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
ไม่มีใครมีความคิดเห็นเมื่อต้องเผชิญกับวิชาดัชนีที่น่าทึ่งและทรงพลังนั้น
“ข้าไม่มีความกล้าที่จะยอมรับการท้าทายจากเขา”
“หลัวเลี่ยไม่ใช่มนุษย์ มนุษย์จะมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“ใช่ ข้าเห็นด้วย ข้าคิดว่าตนเองก็ไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากับหลัวเลี่ย ครั้งต่อไปข้าไม่คิดจะสู้กับเขาอีกแล้ว”
ทุกคนตกตะลึง
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีผู้าุโบางกลุ่ม และแม้แต่ผู้มีอำนาจที่เฝ้าดูในมุมมืดก็ตกตะลึงเช่นกัน
แม้แต่ผู้าุโก็ยังะโด้วยความไม่เชื่อ
“หลัวเลี่ยเ้ากำลังใช้ทักษะพิเศษของกวงเฉิงจื่อใช่หรือไม่ เป็วิชาดัชนีพลิกฟ้าหรือไม่?”
ผู้คนที่พูดคุยกันอยู่ก็เงียบลงทันที
ราวกับมีฝูงม้าจำนวนนับไม่ถ้วนห้อตะบึงอยู่ในใจ หากปรมาจารย์าุโไม่ถาม พวกเขาคงจะแสดงความเห็นกันอย่างไม่รู้ความ แต่ใครบ้างจะไม่รู้ว่าดัชนีพลิกฟ้าเป็เคล็ดวิชาการต่อสู้อันดับหนึ่งกวงเฉิงจื่อ และได้รับการยอมรับว่าเป็ผู้บ่มเพาะระดับสูงสุดในบรรดาผู้บ่มเพาะในโลกวรยุทธ์ ไม่ต้องกล่าวถึงคนรุ่นใหม่ ต่อให้เป็ผู้บ่มเพาะที่มีประสบการณ์ก็ยังต้องใช้เวลาฝึกฝนมากกว่าสิบปี แต่หลัวเลี่ยเป็เพียงเยาวชนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การสอบถามของผู้าุโไม่ได้ไร้จุดประสงค์อย่างแน่นอน แล้วมันก็เป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ
คนเ่าั้จ้องมองหลัวเลี่ยด้วยความหวาดกลัว และมีคำถามดังก้องอยู่ในใจของพวกเขา ว่าหลัวเลี่ยใช้วิชานี้ได้จริงหรือ?
ลมหายใจของหลัวเลี่ยคงที่แล้วในเวลานี้ และเขาได้วิชาดัชนีพลิกฟ้าซึ่งต้องใช้ลมปราณที่มากพอสมควร ับรรพชนตัวน้อยรีบมุดตัวเข้าไปในมงกุฎจักรพรรดิั หลัวเลี่ยะโขึ้นหลังม้าพร้อมกับเสวี่ยปิงหนิง
อาชาัขาวเดินช้าๆ บนผิวน้ำทะเล
ทางด้านหลงจวินและเหล่าอัจฉริยะนับพันยังคงตกตะลึง และไม่สามารถกระตุ้นให้โจมตีอีกครั้งได้ มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ถึงความน่ากลัวของวิชาดัชนีนี้ดีที่สุด มีอัจฉริยะรุ่นเยาว์จำนวนหนึ่งในหมู่พวกเขาใมาก จนไม่สามารถใช้ลมปราณได้อีกต่อไป หากพวกเขาโจมตีอีกครั้ง พวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเหมือนครั้งที่แล้วอย่างแน่นอน
“มันคือดัชนีพลิกฟ้า นิ้วเดียวสั่นะเืท้องฟ้า!”
หลังจากที่หลัวเลี่ยกล่าวจบ ม้าัขาวก็พาพวกเขาห้อตะบึง และกลายเป็แสงสีเงินหายไปที่ปลายฟ้า
มีเสียงอุทานไม่รู้จบจากผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังและเหล่าผู้าุโ
ทุกคนมองดูการหายตัวไปของหลัวเลี่ยด้วยความหวาดกลัว และแยกย้ายกันไปอย่างเงียบๆ
ด้านหน้าสังเวียนับรรพชนเงียบสงบราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นที่นี่
เหลือแต่เสียงคลื่นทะเลเท่านั้น
…
แคว้นเป่ยสุ่ย
พระราชวัง
นับั้แ่จักรพรรดิซวนหลงชงโหวหู่สิ้นพระชนม์ แคว้นเป่ยสุ่ยก็เจริญรุ่งเรืองและสงบสุขภายใต้การปกครองของจักรพรรดินีหลิวหงเหยียน
พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และพระราชวังอันเงียบสงบกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หลังจากที่หลิวหงเหยียนจัดการเื่บางอย่างแล้ว นางก็มาที่ตำหนักปาหวัง นี่เป็สิ่งนางทำเป็ปรกติ
นี่คือที่ที่หลัวเลี่ยเคยอาศัยอยู่ชั่วคราว
นอกจากนี้ยังมีสามประโยคที่หลัวเลี่ยมอบให้นางตอนที่เขาจากไป
ทุกครั้งที่นางมายืนอยู่ที่นี่และมองดูสามประโยคนั้น นางมักจะคิดถึงคนรัก และหลิวหงเหยียนก็รู้สึกสงบอย่างสุดจะพรรณนา
หญิงชราผมสีเงินปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ข้างหลังนาง
“มีข่าวอะไร?” หลิวหงเหยียนยังคงไม่ได้ละสายตาจากป้ายที่แขวนอยู่บนผนัง แล้วถามเบาๆ
หญิงชราโค้งคำนับเล็กน้อย “หลังจากที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ับรรพชนทะลวงท้องฟ้า เซี่ยอ๋องก็แสดงพลังของเขาอีกครั้งที่สังเวียนับรรพชนด้วยวิชาดัชนีพลิกฟ้า ทำให้อัจฉริยะรุ่นเยาว์นับพันที่เข้าร่วมกองกำลังและทำให้ทั่วโลกต้องตกตะลึง”
“ดัชนี…พลิกฟ้า”
หลิวหงเหยียนพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของนางมีรอยยิ้มที่ตราตรึงใจปรากฏขึ้น “ในที่สุดเขาก็ทะลวงขอบเขตได้แล้ว”
ูเาต้าลั่วอูอวิ๋นเป็ที่ตั้งของสำนักอูอวิ๋นที่ก่อตั้งโดยอูวิ๋นเซียน
ูเาลูกนี้กว้างใหญ่ไพศาล
ที่นี่สำนักฝึกของบรรพชนอูอวิ๋นเซียนซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาอูอวิ๋นโดยมีเสาสูงตระหง่านขึ้นไปบนฟ้า
เกาอวิ๋นเหลิงซึ่งเป็ศิษย์หมายเลขหนึ่งของรุ่นเยาว์ในสำนักอูอวิ๋น เกือบจะสูญเสียความมั่นใจของเขาเพราะหลัวเลี่ย หลังจากเหตุการณ์ไก้อู๋ซวงจนตอนนี้ หลังจากได้รับคำชี้แนะและการฝึกฝนอย่างเคร่งครัดของสำนักอูอวิ๋นแล้วเกาอวิ๋นเหลิงก็กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง
ในขณะนี้ เขากำลังฟังสหายหนุ่มที่มาเยี่ยมเยือนอธิบายความลับของทักษะการต่อสู้
ชื่อของเขาเยี่ยนซ่างเซียวและเขามาจากหมู่บ้านป้านเยว่
หมู่บ้านป้านเยว่ไม่ใช่สถานที่ที่มีชื่อเสียงมากนักในดินแดนเหยียนหวง แต่มีปรมาจารย์ที่มีสถานะพิเศษเป็ผู้นำหมู่บ้าน แต่เหล่าปรมาจารย์และผู้าุโส่วนใหญ่จะรู้ว่าผู้หมู่บ้านป้านเยว่มีชื่อเสียงมากพอที่จะทำให้แม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับบรรพชนยังต้องยอมแพ้ เพียงเพราะหมู่บ้านแห่งนี้มีความสัมพันธ์กับสามจักรพรรดิแห่งฮั่วอวิ๋นตง
ปัจจุบัน เยี่ยนซ่างเซียวเป็ชายหนุ่มที่มีพร์สูงสุดเป็อันดับสามในรายชื่อผู้มีพร์ที่โดดเด่นในดินแดนเหยียนหวง
เพียงเพราะเขาไปเยี่ยมสำนักอูอวิ๋น เขาจึงถูกทิ้งไว้โดยผู้มีอำนาจ เพื่อเป็ที่ปรึกษาให้แก่เกาอวิ๋นเหลิง เพื่อที่เกาอวิ๋นเหลิงจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางจิติญญาผ่านเยี่ยนซ่างเซียว ดังนั้นจึงสร้างความเชื่อของเขาในเื่การฝึกฝนอีกครั้ง
ท้ายที่สุดไก้อู๋ซวงก็ตายไปแล้ว และความหวังเดียวสำหรับคนรุ่นนี้คือเกาอวิ๋นเหลิง
ขณะที่เขากำลังกล่าวถึงอู๋จง เยี่ยนซ่างเซียวก็เงียบไป
“พี่เยี่ยน มีอะไรผิดปกติหรือไม่?” เกาอวิ๋นเหลิงถาม
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเยี่ยนซ่างเซียว “ข้าได้ยินคนข้างนอกพูดคุยกันว่าจะบอกเื่หลัวเลี่ยกับเ้าดีหรือไม่?”
หัวใจของเกาอวิ๋นเหลิงสั่นเล็กน้อย “หลัวเลี่ยมีผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกอย่างหนึ่งหรือ?”
“ไม่เลวเลย” เยี่ยนซ่างเซียวกล่าวว่า “ทำให้ข้าใไปชั่วขณะหนึ่งเลย”
“ถ้ามันทำให้พี่เยี่ยนใได้ ก็หมายความว่าหลัวเลี่ยอาจจะทำอะไรที่น่าใอย่างแน่นอน” เกาอวิ๋นเหลิงกล่าวอย่างเ็า
เยี่ยนซ่างเซียวหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เ้าไม่กลัวว่าความมั่นใจของเ้าจะถูกทำลายเราอีกครั้งหรือ”
เกาอวิ๋นเหลิงหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวว่า “หลังจากการฝึกฝนอย่างเข้มงวดมาหลายวันถ้าเข้าใจแล้วว่าหากข้าไม่นำเื่ของเขามาใส่ใจการกระทำของหนูเนี่ยก็ไม่อาจส่งผลกระทบต่อข้าได้ข้าเชื่อว่าความมั่นใจในทักษะวิชาของข้าก็จะไม่ถูกทำลายลงได้ง่าย”
เยี่ยนซ่างเซียวพยักหน้า “เอาละ ข้าจะบอกเ้าก็ได้ หลัวเลี่ยต่อสู้เพียงลำพังกับเหล่าอัจฉริยะชั้นสูงนับพันจากทั่วทุกมุมโลก เขาใช้วิชาดัชนีพลิกฟ้าของกวงเฉิงจื่อในการต่อสู้ที่สังเวียนับรรพชน และการต่อสู้จบลงด้วยการเสมอกัน”
แม้ว่าเขาจะเตรียมตัวไว้แล้ว แต่เกาอวิ๋นเหลิงก็ยังคงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น
เยี่ยนซ่างเซียวไม่พูดอะไรอีกและมองไปยังเกาอวิ๋นเหลิงอย่างสงบ
ใบหน้าของเกาอวิ๋นเหลิงเปลี่ยนไปตลอดเวลา เขาใช้เวลานานก่อนที่เขาจะกลับสู่ภาวะปกติ เขาหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งและโค้งคำนับให้เยี่ยนซ่างเซียว “ขอบคุณพี่เยี่ยนที่บอกข้า และทำใจให้กระจ่าง อวิ๋นเหลิงเข้าใจชัดเจนแล้ว วันนี้ข้าจะไปที่วังจื่อซาเพื่อฝึกฝน”
หลังจากที่เขากล่าวจบเขาก็หันหลังกลับและจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
วังจื่อซาสถานที่ฝึกฝนสำหรับผู้ที่้าฝึกอย่างหนัก เพราะจะมีสถานการณ์ที่บีบบังคับให้อยู่ระหว่างความเป็กับความตาย ทำให้ผู้ที่ฝึกฝนอยู่ที่นี่ต้องเผชิญกับความสิ้นหวังถึงขีดสุด เมื่อถึงตอนนั้นก็จะสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างแท้จริง เป็สถานที่ฝึกฝนที่ดีที่สุดและอันตรายที่สุดในสำนัก
เยี่ยนซ่างเซียวเอามือไพล่หลังแล้วหัวเราะเบาๆ “อวิ๋นเหลิงเข้าใจแล้ว” เขามองไปยังทิศทางของสังเวียนับรรพชนและกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “หลัวเลี่ยเ้าเป็คนแรกที่ทำให้ข้าตกตะลึง ข้าตั้งตารอว่าสักวันหนึ่งเ้าจะกลายเป็รุ่นเยาว์อายุน้อยที่สุดที่ได้ขึ้นสู่ทำเนียบหากเ้าได้อยู่ในรายชื่อบุคคลที่มีพร์โดดเด่นเ้าถึงจะคู่ควรกับข้า”
ดัชนีพลิกฟ้าทำให้โลกต้องตกตะลึง
ไม่เพียงแต่รุ่นเยาว์ทั้งหญิงและชายเท่านั้นที่ตื่นตระหนกแต่ยังรวมถึงผู้าุโและเหล่าผู้มีอำนาจ และศิษย์ของสำนักกวงเฉิงจื่อ