หนามเพลิง!
นักรบเวทเลเวล 10 เมื่อใช้ทักษะจะเพิ่มค่าความเสียหายของลูกไฟได้ 15% และเมื่อฝึกทักษะไปจนถึงเลเวล 2 ก็จะสามารถเพิ่มค่าความเสียหายของลูกไฟได้ถึง 25% ถือเป็ทักษะที่สุดยอดที่สุดแล้วของการ pk กันใน่แรก
เพราะไม่ทันตั้งรับทำให้ไหล่ผมรู้สึกเจ็บเหมือนถูกงูพิษกัดขึ้นมาทันที
“128!”
ตัวเลขความเสียหายนั่นน่าใมาก อย่างน้อยก็สำหรับปริมาณเืของผมที่เป็แบบนี้
ผมรีบสไลด์เท้าฉวยโอกาสหนีออกจากแนวโจมตีของฝ่ายตรงข้ามพร้อมกำดาบขจีไพรไว้ในมือแน่นแล้วจ้องมองไปที่คู่ต่อสู้ตาไม่กะพริบ ตรงนั้นมีผู้เล่นโครงกระดูกิญญากำลังถือหอกยาวอยู่ในมือ เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่หมอนั่นคือกุ่ยกู่จือเลเวล17 และยังเป็ผู้เล่นที่สามารถติดสิบอันดับแรกของชาร์ตเมืองฝู่ปิงได้!
“ฮึ!”
กุ่ยกู่จือหัวเราะออกมาเสียงเย็นก่อนที่ปลายหอกแหลมจะพุ่งเข้ามาหาผม ชัดเจนแล้วว่านี่เป็การกลับมาเพื่อล้างแค้นที่ตัวเองถูกฆ่าตายไปเมื่อคราวก่อน
“ซวบ!”
หอกยาวเปล่งแสงเย็นเยียบออกมาเหมือนัคลั่งที่ทะยานขึ้นมาจากมหาสมุทรพร้อมแผดเสียงดังลั่น ถึงจะเป็แค่การออกอาวุธธรรมดาแต่ก็ยังเห็นศักยภาพของมันได้อย่างชัดเจน เ้ากุ่ยกู่จือคนนี้มีความสามารถไม่เบาเลยจริงๆ!
ผมรีบคว้าขวดเืขึ้นมากระดกพร้อมเคลื่อนเท้าซ้ายถอยหลังครึ่งก้าวเพื่อใช้ไหล่รับการโจมตีที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ การทำเช่นนี้จะทำให้เกิดการาเ็น้อยที่สุด และในขณะเดียวกันนั้นผมก็หมุนข้อมือใช้ดาบสกัดหอกของกุ่ยกู่จือและถือโอกาสส่งดาบคมพุ่งเข้าใส่กุ่ยกู่จือพร้อมส่งเสียงะโออกไป “หลบ!”
เสียง “แกร๊ง” ดังขึ้นมาพร้อมประกายไฟก่อนที่หอกยาวของกุ่ยกู่จือจะถูกกระแทกกระเด็นออกไป เขาหลุดสีหน้าที่หวาดผวาออกมาเล็กน้อยแล้วทันใดนั้นคมดาบสีเขียวก็แทงลงบนหน้าอกของเขาอย่างเืเย็น
“ซวบ ชิ้ง!”
เืดำพุ่งกระเซ็นก่อนที่บนหัวของกุ่ยกู่จือจะมีตัวเลขความเสียหายตัวโตลอยขึ้นมา— 228!
ผมไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขาได้หอบหายใจ จากนั้นโจมตีรวดเร็วดุจพายุสายฝนโหมกระหน่ำจากดาบยาวก็พุ่งตรงไปยังหน้าอกของอีกฝ่ายก่อนที่ผมจะเปลี่ยนท่าแล้วยกเท้าขึ้นเตะไปยังด้ามหอกของกุ่ยกู่จือจนทำให้อาวุธของเขาสะบัดหลุดออกจากมือและไม่สามารถการป้องกันได้อีก!
โอกาสมาแล้ว!
“ซวบๆ!”
ดาบยาวจี้ไปยังระหว่างต้นคอของกุ่ยกู่จื่อ ในการโจมตีครั้งที่สองนี้ผมได้เพิ่มทักษะพิเศษเข้าไปโดยใช้ทักษะดาบสังหารปกคลุมเหนือดาบคมกริบและแทงเข้าไปที่คอของกุ่ยกู่จือ
“เวรเอ้ย...”
กุ่ยกู่จือั์ตาเบิกโพลงขึ้นและทำได้เพียงมองดูตัวเองขณะถูกผมฆ่า ส่วนผมก็ใช้ทักษะดาบสังหารปาดคอเขาสุดแรงพร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “นายเป็คนรนหาที่ตายเองนะ ถ้าพร้อมแก้แค้นเมื่อไหร่มาได้ตลอด ฉันพร้อมเสมอ!”
“พรึ่บ ตุ้บ...”
กุ่ยกู่จือถูกฆ่าและล้มลงไปกองบนพื้นหญ้าด้วยสายตาตาเบิกโพลง อาชีพของเขาคือนักรบิญญาซึ่งอยู่ในประเภทเดียวนักรบเวทเช่นเดียวกับอาชีพของผมที่เป็หน่วยย่อยของนักรบ ดังนั้นเืของกุ่ยกู่จือจึงมีปริมาณสูง แต่น่าเสียดายที่พลังการโจมตีต่ำไปหน่อยทำให้ไม่สามารถฆ่าผมได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา แต่ผมก็ยังพอมีความสามารถที่จะอาศัยเทคนิคการต่อสู้ของตัวเองฆ่าเขาได้
ผมมองดูศพของกุ่ยกู่จือค่อยๆ ล้มลงบนพื้นหญ้าและมันก็ทำให้ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้ จากนั้นผมก็หย่อนก้นนั่งทับลงบนหลังของเขาพลางหยิบขวดเืขึ้นมาดื่มฟื้นฟูพลัง
ตอนนี้ิญญาของกุ่ยกู่จือคงหลุดจากร่างไปแล้ว
ทว่าเกิดเสียง “ติ้ง” ก็ดังขึ้นมา ระบบแจ้งเตือน: ผู้เล่นกุ่ยกู่จือขอเข้าร่วมเป็เพื่อนของคุณ คุณจะยอมรับหรือไม่?
......
ผมงุนงงนิดหน่อยแล้วกดยอมรับ จากนั้นชื่อของกุ่ยกู่จือปรากฏขึ้นมาบนแถบรายชื่อเพื่อนของผมทันที หมอนี่ถือเป็เพื่อนคนแรกในเทียนจ้งของผมเลย
จากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีกุ่ยกู่จื่อก็ส่งข้อความมาหาผม ”ขอถามนายหนึ่งข้อ”
“ว่ามา” ผมตอบ
“ฝีมือ pk ของนายเหมือนเขาคนนั้นมาก นายคือจู่หยิ่งล่วนเทพาหรือเปล่า?” กุ่ยกู่จือส่งข้อความมาอีก
ผมตกตะลึงไปทันที จูหยิ่งล่วน? ฝีมือ PK ของผมกับจูหยิ่งล่วนมหาอำนาจคนนั้นเหมือนกันเหรอ?
ผมครุ่นคิดสักพักและตอบไป “ไม่ใช่”
ผ่านไปไม่กี่วินาทีกุ่ยกู่จื่อก็ตอบกลับมา “งั้นก็ดีเลย ในเมื่อนายไม่ใช่จูหยิ่งล่วนก็คงไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางชนะ ฉันจะต้องฆ่านายให้ได้!”
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นผมก็ปิดกล่องแชทลงแล้วลุกขึ้นยืน แต่เมื่อมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนในเกมที่เต็มไปด้วยดวงดาวผมก็อดหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ไม่ได้ “จูหยิ่งล่วนแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าอาการดีเลย์ของฉันหายไปหรือทำให้ลดลงเหลือแค่ประมาณ 0.3 วินาทีละก็ หึ จูหยิ่งล่วนจะมีค่าอะไร?”
ผมถอนหายใจสักพัก นึกถึงสมัยก่อนผมก็เป็ระดับปรมาจารย์เทพเ้าแห่งเกมเหมือนกัน แถมยังเคยชนะจูหยิ่งล่วนมามากกว่าหนึ่งครั้งด้วย และจากที่ดูทั้งโลกแล้วก็คงมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้ แต่ตอนนี้อยู่ในสภาพกึ่งพิการ ร่างกายตอบสนองที่ช้าอยู่ 0.7 วินาที อืม ถ้าหากเจอกับจูหยิ่งล่วนในสภาพนี้คงมีแต่ตายสถานเดียว
......
แล้วทันใดนั้นก็มีเสียง “ติ้ง” ดังขึ้นมา—
ระบบแจ้งเตือน: ผู้เล่นเจี๋ยชูกาวโส่วขอเข้าร่วมเป็เพื่อนของคุณ คุณจะยอมรับหรือไม่?
ผมอดขำไม่ได้ ในที่สุดซือสานก็ได้ออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นแล้ว
ผมกดยอมรับ จากนั้นตู้สือสานก็ส่งข้อความมาอย่างร่าเริงทันที “ลู่เฉิน ฉันมาแล้ว! ฮ่าๆ ทั่วทั้งเมืองฝูปิงมีผู้เล่นแค่ 3,000 กว่าคนอันดับของฉันถือว่าสูงพอป่ะ?”
“เหรอ? จนฉันออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นมาได้เกือบหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วนะ...” ผมเยาะเย้ยทำลายความดีใจของเขา
“โธ่!”
ตู้สือซานหัวเราะขบขันไม่ได้โกรธอะไรก่อนที่เขาจะพูดต่อ “ฉันรับภารกิจมาจากประตูเมืองให้ไปยังป่าเหมันต์แล้วฆ่ามอนสเตอร์ขั้นสูง ถ้านายมีเวลาก็มาช่วยกันได้นะ ฉันยังหาคนร่วมกลุ่มไม่ได้”
“อืม แสดงพิกัดของภารกิจให้ดูหน่อยเดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“อย่า...”
ตู้สือสานเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา แต่พอผ่านไปไม่กี่วินาทีเขาก็พูดขึ้นมาอีก “ฉันเพิ่งจะเลเวล 10 เอง มอนสเตอร์ระหว่างทางเกือบจะฆ่าฉันตายแล้วนายมารับฉันหน่อยเถอะ…”
“ก็ได้”
ผมหมดคำพูดและรีบเดินทางไปยังเมืองฝูปิงทันที
ผ่านไปไม่นานผมก็เห็นสือสาน เ้านี่เป็นักรบเลเวล 10 ที่มีอาวุธสีขาวโพลนทั้งตัวและกำลังมองดูผู้เล่นหญิงที่เดินผ่านประตูเมืองไปด้วยความสายตาโง่เง่า เขาจ้องไปที่ขาขาวๆ ของผู้เล่นคนนั้นจนน้ำลายไหลย้อยราวกับอดไม่ได้ที่จะโถมตัวไปตะครุบขาของเธอแล้วร้องขึ้นว่า “พี่สาวผมหิว ป้อนนมผมหน่อยสิ...” เลยทีเดียว
“สือสาน!”
ผมะโเรียกจากไกลๆ จากนั้นสือสานก็หันมาเห็นผมแล้วรีบพุ่งมายังเขตชายแดนป่าทันที จากนั้นเขาก็มองดูทั้งตัวของผม “แม่เ้า! โคตรเทพเลยว่ะ มีทั้งดาบหินดำที่มีคุณสมบัติติดมาด้วย แล้วยังมีเกราะหินดำ รองเท้าบูตหินดำแล้วยังจะมีเกราะแขนอีก สุดยอดไปเลย...”
ขณะที่พูดอยู่นั้นจู่ๆ สีหน้าของสือสานได้เปลี่ยนเป็สีหน้าน่าหมั่นไส้และพูดขึ้นพร้อมทั้งน้ำลายที่ไหลย้อย “พี่เฉิน มีอาวุธหรือพวกเสื้อเกราะหรือเกราะหนังที่ไม่ใช่หรือเปล่า ถ้าไม่ใช้ให้ผมได้นะ”
“ไม่มี ถ้ามีแล้วค่อยว่ากัน”
“โอเค!”
ภายในเกมตู้สือสานรู้ว่าตัวเองอ่อนกว่าเลยทำตัวเป็น้องเล็ก แถมเขายังมีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็น้องเล็ก ประเภทที่ว่าเมื่อเถ้าแก่จะสูบบุหรี่แล้วเขาก็จะรีบจุดไฟให้หรือเมื่อเวลาที่พี่ใหญ่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์เขาก็จะรีบถืออิฐปาใส่คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนพร้อมกับร้องะโว่า “ไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่าอวดดีให้มันมาก ไม่งั้นเดี๋ยวพ่อจะตบให้เลย!”
ขณะพาตู้สือสานผจญภัยไปในป่าลึกด้วยกัน พวกเขาก็ถือว่าโชคดีที่เจอพวกมอสเตอร์เลเวลไม่สูงมาก ถ้าเป็พวกมอนสเตอร์เลเวลไม่ถึง 20 ผมก็สามารถจัดการมันได้อย่างสบายๆ ส่วนตู้สือสานก็แค่ตามกินค่าประสบการณ์เท่านั้น
ภารกิจมอนสเตอร์ที่ได้รับก็คืุ์หัวหมาป่าเลเวล 17 ด้วยศักยภาพของสือสานแน่นอนว่าเหมือนไปตาย แต่สำหรับผมใช้เวลาเพียง 10 วินาทีก็สามารถฆ่ามันได้แล้ว
และในระหว่างที่ตู้สือสานกำลังตัดหัวหมาป่าอยู่เขาก็พูดชื่นชมออกมาไม่ขาดสาย “ลู่เฉิน นายมันทรงพลังมาก เท่ที่สุด เฉียบแหลมสุดๆ เลย ฉันเคารพและศรัทธาในเพื่อนอย่างนายมากเหมือนสายธารที่เชี่ยวกราก...”
“บอกฉันมาว่านายวางแผนจะอัปเลเวลยังไงดีกว่า” ผมพูดตัดบทสนทนาขึ้น
“อ้อ สักพักฉันจะไปเก็บเลเวลที่ป่าหมูป่า ที่นั่นมีมอนสเตอร์หมูป่าประมาณเลเวล 11 แล้วก็ไม่ใช่มอนสเตอร์ประเภทที่จะจู่โจมก่อนด้วย ไปที่นั่นเลเวลน่าจะเลื่อนขึ้นค่อนข้างเร็ว”
“อืม งั้นฉันไปเก็บเลเวลของฉันต่อแล้วนะ เออใช่ นายเรียนทักษะอาชีพของนายหรือยัง ทักษะตัดสังหารของนักรบเลเวล 10 น่ะ?”
“หา ทักษะ...” ตู้สือสานทำสีหน้างุนงง “ทักษะอะไร?”
“ไอ้เวรนี่!” ผมแทบจะกระอักเืออกมา จากนั้นผมก็ให้เงินหมอนั่นไป 10 เหรียญเงินพร้อมพูดออกไป “ไปจุดเปลี่ยนอาชีพในเมืองแล้วเรียนทักษะก่อนค่อยออกไปเก็บเลเวล แวะซื้อน้ำยาเืไว้ด้วย ฉันไปเก็บเลเวลคนเดียวก่อนละ”
“อืม โอเค!”
ตู้สือสานได้เหรียญเงินไปแล้วก็หน้าแดงก่ำพร้อมะโโลดเต้นขึ้นมาด้วยความดีใจก่อนจะเดินจากไป
ผมเห็นเขาเป็แบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วพูดออกมาเบาๆ “ไม่มีอนาคตเอาซะเลย...”
......
ผมกลับมายังป้อมศีตเหมันต์อีกครั้งแล้วตระเวนฆ่ามอนสเตอร์โครงกระดูกที่อยู่บริเวณรอบนอกของสุสาน ก่อนจะดูดกลืนเปลวไฟิญญาเพื่อเติมเต็มร่างิญญาของตัวเอง
คุณสมบัติของมอนสเตอร์เผ่าิญญาสูงกว่ามอนสเตอร์สิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ 15% นอกจากนี้พลังและระดับการโจมตีต่างก็โดดเด่นทั้งสิ้น แถมค่าประสบการณ์และอัตราการดรอปก็สูงถึง 15% เหมือนกัน ดังนั้นมันจึงเป็สถานที่ที่อันตรายมากแต่ก็ได้ผลตอบแทนสูง ภายในคืนเดียวผมสามารถฆ่ามอนสเตอร์และเก็บหินเวทขนาดเล็กได้ทั้งหมด 11 ก้อน จากนั้นผมยังเอาไปขายได้เหรียญเงินมาอีกจำนวนมาก
แต่แล้วตอนมี 4 ข้อความของตู้สือสานก็ดังขึ้นมา เหนื่อยว่ะ ไม่ไหวไปนอนก่อนนะ
ผมยืนอยู่ในเขตค่ายของิญญารัตติกาลในป้อมศีตเหมันต์พลางมองดูเลเวลตัวเอง : LV-18 หลังจากที่ได้ต่อสู้มาทั้งคืน ในที่สุดก็ได้เลื่อนขึ้นมาถึงเลเวล 18 และอยู่ในอยู่อันดับที่ 99 ของชาร์ต 100 คนแรกในเมืองฝูปิงได้พอดี พวกคลั่งเก็บเวลนี่มันช่างเยอะเหลือเกิน!
ความจริงผมไม่ได้ทุ่มสุดชีวิตเพื่อเพิ่มเลเวล แต่ผมกลับใช้เวลาไปไม่น้อยในการศึกษาข้อมูลแผนที่เพราะครั้งนี้ผมไม่อยากเป็ที่สะดุดตาอีกแล้ว ถ้าผมตั้งใจละก็จะขึ้นไปติดอันดับ 10 คนแรกก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะตอนนี้ผู้เล่นที่อยู่อันดับ 1 กลับเป็วาตะเพ้อฝันอีกครั้งแล้ว ซึ่งอยู่แค่เลเวล 20 และห่างจากผมไม่มากเท่าไหร่
ไอเทมของผมก็ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะอาวุธหินดำ หากสู้ตัวต่อตัวละก็แน่นอนว่าในเมืองฝูปิงมีไม่ถึงสามคนที่จะสามารถเอาชนะผมได้!
ผมภูมิใจกับตัวเองอยู่สักพักก็ถึงเวลาต้องออฟไลน์ไปพักผ่อนแล้ว
......
ผมถอดหมวกเกมออก ตอนนี้เป็เวลาตี4 ครึ่งแล้วและท้องฟ้าด้านนอกก็กำลังจะสว่างแล้วด้วย
ผมลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแล้วส่องกระจก ตัวผมในกระจกดูอ่อนเพลียเล็กน้อย ช่างเถอะ อาบน้ำก่อนแล้วค่อยนอนแล้วกัน!
คิดมาถึงตรงนี้ ผมก็ถอดเสื้อเชิ้ตออก แต่ทันใดนั้นผมก็เห็นรอยด่างสีแดงม่วงน่าใปรากฏอยู่บริเวณแขนและหลัง นั่นมัน...คืออะไร?!
ผมตกตะลึงไปชั่วขณะราวกับร่างทั้งร่างตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง จากนั้นความกลัวและความสิ้นหวังก็แผ่คลุมไปทั่วหัวใจ
รอยเขียวช้ำหลังตาย!
มันคือการแข็งตัวของเม็ดเื เป็อาการที่จะพบได้บนศพเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้