หนิงมู่ฉือสาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาจ้าวซีเหอและหยุดยืนอยู่ข้างกายเขา ก่อนจะโค้งตัวคำนับ “ซื่อจื่อ เหตุใดถึงมาเป่าขลุ่ยอยู่คนเดียวตรงนี้เ้าคะ ทุกคนตามหาท่านกันตั้งนาน วันนี้เป็วันที่ท่านต้องเลือกชายาเอกมิใช่หรือเ้าคะ”
ครั้นจ้าวซีเหอได้ฟังโทสะพลันพุ่งขึ้นสูง หันขวับไปจ้องหน้าหนิงมู่ฉือเขม็ง ใช้ขลุ่ยเชยคางนางขึ้น “เื่ที่ข้าต้องเลือกชายาเอกเกี่ยวข้องอันใดกับเ้าด้วย เ้าห่วงแต่เื่ของตัวเองก็พอ”
ใบหน้าหนิงมู่ฉือเรียบเฉยไร้ความรู้สึก กระพริบตาไล่น้ำตา ก่อนจะกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเจือแววขมขื่น “ข้าเพียงเห็นท่านเป็ดั่งผู้มีพระคุณของข้าเท่านั้น...”
นางยังไม่ทันเอ่ยจบ จ้าวซีเหอใช้ริมฝีปากปิดปากนางไม่ให้พูดต่อเสียก่อน จูบของเขารุกเร้าและเรียกร้อง เมื่อถอนริมฝีปากออก ปากนางก็บวมแดง มองเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร
จ้าวซีเหอกล่าวหยอกล้ออย่างเ้าชู้ “ในเมื่อจะตอบแทนบุญคุณ ใช้ร่างกายตอบแทนง่ายที่สุด”
นางส่ายหน้า “ขอซื่อจื่อได้โปรดอย่าล้อข้าเล่นเช่นนี้”
ได้ยินเสียงเด็กรับใช้ะโเรียก จ้าวซีเหอขมวดคิ้ว จับแขนเสื้อหนิงมู่ฉือเอาไว้พลางเอ่ยว่า “ตามข้ามา”
ครั้งหญิงสาวทั้งหลายเห็นจ้าวซีเหอลากสตรีนางหนึ่งมาด้วย ต่างมองสตรีนางนั้นแล้วแกล้งทำเป็ถอนหายใจ “ที่แท้ซื่อจื่อก็มีหญิงในดวงใจอยู่แล้ว ท่านทำเช่นนี้เท่ากับหลอกลวงพวกเราชัดๆ!”
สตรีทั้งสามคนที่มีใจชอบพอจ้าวซีเหอเห็นภาพนั้น รู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก หลี่อี้ชิวลุกขึ้นยืนแล้วปรี่เข้าไปหาหนิงมู่ฉือ ก่อนจะใช้มือฟาดไปที่แขนอย่างแรง นางเอ่ยอย่างหยิ่งยโสว่า “เ้าคือผู้ใด! แขนเสื้อของซื่อจื่อใช่ของที่คนอย่างเ้าจะจับได้ที่ไหน”
แม่ทัพใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ด้วยเห็นบุตรสาวทำกริยาเช่นนี้รู้สึกอับอายขายหน้าเหลือเกิน รีบเข้าไปดึงตัวบุตรสาวให้กลับมานั่งที่เช่นเดิม หลี่อี้ชิวเห็นบิดามีสีหน้าไม่พอใจ รีบหุบปากฉับอย่างรู้ความ
จ้าวซีเหอมองมือที่ถูกตีจนเป็รอยแดงของหนิงมู่ฉือด้วยความปวดใจ ถึงกระนั้นกลับกล่าวกับทุกคนออกไปว่า “ข้าได้ยินว่าทุกคนอยากเจอเทพแม่ครัวที่ฮ่องเต้พระราชทานฉายาให้ด้วยพระองค์เอง จึงไปพานางมาให้ทุกคนได้ยล อาหารที่ทุกท่านทานในวันนี้เป็ฝีมือนางทั้งหมด”
ทุกคนหันไปมองหนิงมู่ฉือเป็ตาเดียวกัน อุทานอย่างตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยชมไม่ขาดปาก
ครั้นท่านอ๋องปรบมือ เด็กรับใช้ก็ยกน้ำชาดอกเบญจมาศสีเหลืองทองเข้ามาให้ทุกคน ขั้นตอนการชงชานี้พิถีพิถันยิ่ง ใช้น้ำค้างยามเช้าที่ตกลงมาบนดอกเบญจมาศในการชง ดอกเบญจมาศสีเหลืองทองที่ถูกตากจนแห้งมีรูปร่างสวยงาม เมื่อใส่ลงไปในถ้วยชา ััน้ำก็เบ่งบานกลายเป็ดอกเบญจมาศดังเดิม ผู้ดื่มไม่เพียงได้ชื่นชมด้วยตา ดื่มเข้าไปแล้วยังได้ดมกลิ่นและลิ้มรสชาติของมันอีกด้วย
ทุกคนยกนิ้วโป้งกล่าวชมเชยท่านอ๋อง “ชาดอกเบญจมาศของท่านอ๋องเป็ชาที่รสชาติดีที่สุดเท่าที่ข้าเคยดื่มมาเลยขอรับ ลำพังแค่ดอกเบญจมาศที่บานอยู่ในถ้วย ก็ทำให้ข้าต้องคิดถึงมันไปอีกหลายวัน”
ท่านอ๋องยิ้มด้วยความปิติยินดี ใช้มือชี้ไปที่หนิงมู่ฉือ “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ฝีมือของแม่ครัวที่ยืนอยู่ด้านข้างข้า”
หญิงสาวทั้งสามนางที่มีใจชอบพอจ้าวซีเหอเห็นหนิงมู่ฉือแย่งเอาความโดดเด่นไปจากตัวเอง รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่งยวด กล่าวกับท่านอ๋องด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ “ท่านอ๋อง ไม่ใช่ว่าวันนี้จะเลือกชายาเอกให้ซื่อจื่อหรอกหรือเ้าคะ เหตุใดถึงกลายมาพูดกันเื่อาหารไปได้”
“ใช่ แม่ครัวผู้นี้อย่างไรก็เป็แค่บ่าว คิดจะมาแย่งชิงความโดดเด่นกับคุณหนูอย่างพวกเราหรือ” หลี่อี้ชิวพูดอย่างใจกล้าและโอหัง ส่งผลให้แม่ทัพใหญ่ซึ่งเป็บิดาที่นั่งอยู่ด้านข้างถึงกับต้องถอนหายใจออกมา
เฉินซูเจินเหลือบมองหนิงมู่ฉือผาดหนึ่งก่อนจะกล่าวกับท่านอ๋อง “ในเมื่อท่านอ๋องและซื่อจื่อชื่นชมแม่ครัวผู้นี้มาก ข้าคิดว่าแม่ครัวผู้นี้จะต้องมีดีมากกว่าทำอาหารเป็แน่ เหตุใดถึงไม่ให้นางแสดงให้พวกเราดูเล่าเ้าคะ”
หนิงมู่ฉือได้ยินคำกล่าวของสตรีชนชั้นสูงเหล่านี้ใบหน้าประเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดขาว ในขณะที่ท่านอ๋องมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจยิ่ง ส่งยิ้มแหยให้บรรดาสตรีชนชั้นสูงเหล่านี้
จ้าวซีเหอที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ด้านข้างเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าราบเรียบ “หากทุกท่านอยากเห็นความสามารถของแม่ครัวของตำหนักอ๋องเราว่ามีความสามารถใดบ้าง ทุกท่านเอ่ยกับพวกเราไม่ได้หรอก ต้องถามนางด้วยตัวเอง”
จ้าวซีเหอเหลือบมองหนิงมู่ฉือด้วยสายตาลึกล้ำยากจะคาดเดา และในทันใดนั้นคนผู้หนึ่งก็เอ่ยขึ้นมา “นี่ แม่ครัว เ้ามีความสามารถใดบ้าง แสดงออกมาให้ดูหน่อยเถิด ให้พวกเราได้ชมเป็ขวัญตาสักหน่อย”
หนิงมู่ฉือมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ในใจนึกรังเกียจคนเหล่านี้ที่อยากเห็นนางขายหน้า นางโค้งคำนับขออภัยแก่ทุกคน พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล “บ่าวทำให้ทุกท่านต้องผิดหวังแล้ว บ่าวทำอาหารเป็เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเ้าค่ะ”
เอ่ยจบ หลี่อี้ชิวชี้มือมาที่นาง หัวเราะพร้อมกับกล่าวเย้ยหยัน “ฮ่าๆ พวกท่านเห็นหรือไม่ ข้าพูดไม่ผิดเลย นางเกิดมาเพื่อเป็แม่ครัวจริงๆ”
สิ้นเสียงของหลี่อี้ชิว ทุกคนก็หัวเราะตาม เฉินซูเจินใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากหัวเราะ แม้แต่เจิ้งฉีเหมยก็มองมาทางนางอย่างขบขันเช่นกัน
ท่านอ๋องทำหน้าไม่ถูก เอ่ยอย่างมีโทสะ “เหลวไหล! อยู่ต่อหน้าผู้คนยังกล้าแสดงความไม่เคารพต่อแม่ครัวที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานฉายาให้ด้วยพระองค์เองอีก รู้หรือไม่ว่ามีโทษสถานใด!”
หลี่อี้ชิวได้ยินก็หันไปมองบิดาของตัวเอง แม่ทัพใหญ่กลัวท่านอ๋องจะนำความโกรธมาลงที่บุตรสาว ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งกล่าวขออภัย “ท่านอ๋อง บุตรสาวของข้าไม่รู้ความ ขอท่านอย่าถือสานางเลยนะขอรับ”
ท่านอ๋องแค่นเสียงฮึ “บุตรสาวเ้าพูดจาโอหังยิ่งนัก กลับไปเ้าต้องอบรมสั่งสอนนางให้ดี มิเช่นนั้นต่อไปนางจะทำผิดเช่นนี้อีก”
แม่ทัพใหญ่รีบพยักหน้า ก่อนจะหันไปถลึงตาจ้องบุตรสาวผู้ไม่เอาไหนของตนเอง
ท่านอ๋องโบกมือไล่ทุกคน “เดิมทีข้าอยากจะเชิญทุกคนมาชื่นชมดอกเบญจมาศ ไม่คิดเลยว่าจะถูกทำให้เสียบรรยากาศเช่นนี้ ช่างเถิด แยกย้ายกันกลับไปได้แล้ว!”
ทุกคนแยกย้ายกันกลับอย่างประดักประเดิดยิ่ง สตรีทั้งหลายมองจ้าวซีเหออย่างทำหน้าไม่ถูก พร้อมทั้งนำความผิดทั้งหมดไปลงที่หนิงมู่ฉือ
ขณะเดินผ่านหนิงมู่ฉือ ก็ไม่วายกล่าววาจาถากถางใส่ “ก็แค่บ่าวคนหนึ่งถึงกับกล้าทำให้ท่านอ๋องโมโหพวกเรา สมกับเป็นังแพศยา เ้าก็มีดีแค่ทำอาหารเป็เท่านั้นแหละ”
หลี่อี้ชิวเอ่ยดูแคลน ก่อนจะตั้งใจเอาไหล่ชนอย่างเป็ปฏิปักษ์ขณะเดินกลับ
ครั้นเห็นทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว หนิงมู่ฉือเดินกลับไปยังห้องพักของตัวเองด้วยใจหดหู่ยิ่ง นางนึกถึงตอนที่นางยังเป็คุณหนูในจวนแม่ทัพ ตอนนั้นชนชั้นสูงเหล่านี้มีแต่จะต้องประจบเอาใจนาง โชคดีที่ตอนนั้นนางไม่ค่อยได้ออกไปปรากฏตัวข้างนอกเท่าไหร่
ทว่าฐานะของนางในปัจจุบัน มีแต่จะทำให้ผู้คนดูถูกดูแคลน
จ้าวซีเหอมองตามหนิงมู่ฉือ ในใจนึกเป็ห่วงสภาพจิตใจของนาง จึงเดินตามไปอย่างเงียบๆ