เหอชูซานกอดกระเป๋าไว้แน่นแล้วมุดผ่านช่องว่างระหว่างเบาะไปยังเบาะหลังอย่างคล่องแคล่ว เขายัดกระเป๋าไว้ใต้เท้า คาดเข็มขัดนิรภัย แล้วคว้าสูทที่ชย่าลิ่วอีถอดไว้มาคลุมศีรษะ
ตอนแรกเขาตั้งใจจะคลุมร่างโดยใช้มือทั้งสองข้างจับสูทที่พาดคลุมหัวไว้ แต่ครุ่นคิดอยู่ครึ่งวินาทีก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เขาจึงผูกแขนเสื้อทั้งสองข้างไว้ใต้คาง ห่อหัวของเขาด้วยสูทจนเหมือนข้าวต้มมัด เหลือเพียงรอยแยกเล็กๆ ให้พอเห็นดวงตาเท่านั้น จากนั้นก็คว้าราวจับ้าของประตูรถไว้เพื่อความปลอดภัย
และแล้วสัญญาณไฟเขียวก็สว่างขึ้น ชย่าลิ่วอีเหยียบคันเร่ง! รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว!
เหอชูซานรู้สึกราวกับถูกกระชากร่างชั่วขณะ จากนั้นก็เริ่มถูกเหวี่ยงไปมาตามทักษะการขับรถขั้นเทพของพี่ใหญ่ชย่า! ะโกระเด้งขึ้น! ทรุดตัวลง! ล้มไปทางซ้ายทีขวาที! ร่างกายโยกไปมา...
มีรถเก๋งสามคันที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนตามหลังรถของชย่าลิ่วอี พวกเขาขับรถไล่ล่ากันอย่างบ้าคลั่งถึงสองถนน เลี้ยวซ้ายทีเลี้ยวขวาทีไม่รู้ว่าอ้อมไปกี่ทางแล้ว แถมยังโชว์ลีลาหักพวงมาลัยเลี้ยวกะทันหันจนรถหมุนคว้างเป็วงกลมบนถนนใหญ่สายหนึ่งอีก!
ยี่สิบนาทีต่อมา รถสามคันที่ตามมาเหลือเพียงคันเดียว คนขับรู้ว่าชย่าลิ่วอีจับได้แล้วว่าถูกตามอยู่ เขาจึงไม่สนใจแม้แต่จะปลอมตัวอีกต่อไป เขาเหยียบคันเร่งตามหลังชย่าลิ่วอีอย่างกระชั้นชิด คนที่นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับหยิบปืนออกมา
ชย่าลิ่วอีจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ทันใดนั้นเขาก็หักพวงมาลัยอย่างแรงจนด้านข้างของรถตรงฝั่งที่นั่งผู้โดยสารพุ่งเข้าชนคู่กรณี!
‘โครม!’
หลังการชนที่รุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น รถคันนั้นก็พุ่งชนราวกั้นข้างทางก่อนจะพลิกคว่ำแล้วตกลงไปในคูน้ำ เสียงดังโครมครามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง รถคันนั้นค่อยๆ จมลงไปใต้น้ำอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันนั้นเองลูกน้องสองคนก็ตะเกียกตะกายออกมาจากหน้าต่างรถด้วยความทุลักทุเล
รถของชย่าลิ่วอีเสียหายแค่ไฟหน้า เขาไม่ได้สนใจคู่กรณีแต่อย่างใด ทำเพียงเหยียบคันเร่งแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว
เขาเลี้ยวไปตามถนนอีกหลายสายเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาอีก จากนั้นจึงลดความเร็วลงแล้วหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ ชย่าลิ่วอีพ่นควันออกมาเป็วงด้วยท่าทางสบายๆ แล้วถามอย่างเกียจคร้านว่า “อ้วกออกมาหรือยัง?”
“...” ที่เบาะหลังรถนั้น เหอชูซานกำลังหน้าซีดและพยายามกลั้นอาเจียนอย่างหนัก
เขาจะต้องไม่อาเจียนออกมาเด็ดขาด หัวของเขาถูกพันด้วยสูทจนเหมือนบ๊ะจ่าง ถ้าเขาอาเจียน มันก็จะเลอะเต็มหน้าเขาไปหมด!
ชย่าลิ่วอีเหลือบมองเขาผ่านกระจกมองหลัง มุมปากยกยิ้มขึ้น
เหอชูซานค่อยๆ แกะสูทที่พันอยู่บนหัวออก คลายเข็มขัดนิรภัยที่รัดรอบท้องของเขา จากนั้นก็หันไปทางเสื้อสูทที่เปื้อนอยู่แล้ว และ... “อ้วก!”
ชย่าลิ่วอีะเิเสียงหัวเราะลั่น เขาสูบบุหรี่ในมืออีกคำ ก่อนจะคว้ากล่องทิชชูแล้วโยนไปด้านหลังให้เหอชูซาน
ลูกน้องคนสนิทของเฝยชีถูกจับ ภรรยาและลูกของลูกน้องคนนั้นก็ถูกชย่าลิ่วอีพาไปซ่อนตัวไว้จนหาไม่เจอแม้แต่เส้นผม เฝยชีจึงตัดสินใจตัดขาดกับชย่าลิ่วอีและประกาศว่าจะเอาชีวิตของชย่าลิ่วอี คำพูดนั้นยังไม่ทันได้แพร่สะพัดก็พบว่าชย่าลิ่วอีขับรถเข้ามาในเขตอิทธิพลของเขาเพียงลำพัง รถสามคันนี้เป็รถที่เฝยชีส่งไปติดตามชย่าลิ่วอีั้แ่่บ่าย พอคลาดกันก็ให้วนเวียนอยู่แถวเจียนซาจวี่เพื่อหาเขาอยู่ตลอด ไม่คาดคิดเลยว่ารถของชย่าลิ่วอีจะขับออกมาจากที่จอดรถของศูนย์วัฒนธรรม อีกทั้งยังกล้าออกไปดูหนังอย่างไม่กลัวเกรงอีกด้วย?!
ตอนนี้รถทั้งสามคันถูกชย่าลิ่วอีสลัดออกไปอย่างราบรื่น เฝยชีซึ่งทราบข่าวของรถที่ตกลงไปในคูน้ำเพิ่งเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ เขายืนอยู่ริมถนน มองไปยังรั้วที่พัง ก่อนจะสาปแช่งชย่าลิ่วอีด้วยความโกรธเคือง เขาปรารถนาที่จะตัดก้อนไขมันออกจากท้องของเขาแล้วทุบมันลงบนใบหน้าของหัวหน้าที่ไร้ประโยชน์นั่น!
ในขณะที่เขาโกรธจนแทบเป็แทบตาย ชย่าลิ่วอีกลับรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง เขาคาบบุหรี่ จอดรถไว้ข้างๆ เมืองกำแพงเจียวหลง แล้วเปิดประตูเบาะหลังเพื่อลากเหอชูซานซึ่งหน้าซีดเผือดให้ลงมาจากรถด้วยตัวเอง ชย่าลิ่วอีปัดฝุ่นให้เขาเหมือนกำลังทำความสะอาดขนสุนัข จากนั้นก็จับเขาให้ยืนตัวตรง แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “สนุกไหม?”
เหอชูซานยังคงใช้กระดาษทิชชูเช็ดปากอย่างเชื่องช้าด้วยท่าทางอ่อนแรง จนกระทั่งทำความสะอาดตัวเองเสร็จ เขาก็ถามอย่างไม่เข้าเื่ขึ้นมาว่า “ทำไมพี่ถึงไม่ให้พวกเขาเห็นผม”
“ไร้สาระ” ชย่าลิ่วอีพูดอย่างหงุดหงิด “ถ้าพวกเขาเห็นนาย นายจะได้ไปมหา’ลัยอย่างสงบไหม? ฉันยุ่งมาก ฉันี้เีส่งคนไปตามนาย”
เหอชูซานจ้องมองเขา “พวกเขาเป็ศัตรูของพี่หรือ? ไล่ตามฆ่าพี่หรือ?”
“คนของไอ้อ้วนจากครั้งที่แล้วน่ะ” ชย่าลิ่วอีไม่ชอบถูกถามแบบสอบปากคำเช่นนี้เสียเท่าไร “เอาล่ะ รีบกลับไปได้แล้ว!” เขาพูดพลางหันหลังเตรียมจะจากไป
เหอชูซานคว้าแขนเสื้อขวาของชย่าลิ่วอีจากด้านหลังและถามต่อ “พี่ใช้ชีวิตอย่างอันตรายแบบนี้ทุกวันหรือเปล่า”
“นายคิดว่าฉันเป็ใคร? ผู้ว่าการฮ่องกงอย่างนั้นหรือ?” ชย่าลิ่วอีเยาะเย้ย เขาพยายามสะบัดแขนเสื้อออกแต่ไม่เป็ผล และเมื่อเขาหันกลับมาเพื่อจะด่า เขาก็สังเกตเห็นสายตาของเหอชูซานที่ดูจริงจังอย่างผิดปกติ มันเป็สีหน้าของคนที่มีความกังวล
ชย่าลิ่วอีหัวเราะ ท่าทีของเขาอ่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นขยี้ผมของเหอชูซานอย่างหยาบคาย “กังวลอะไร? พี่ลิ่วอีของนายจะเสียเปรียบได้ยังไง?”
“...” ไม่ว่าจะเสียเปรียบหรือไม่ อย่างไรเสียการถูกไล่ล่าแบบนี้ทุกวันคงต้องมีสักวันหนึ่งที่เกิดเื่ขึ้น
เหอชูซานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ครั้งหน้า... ถ้าที่ที่จะไปอันตรายมากก็อย่าไปเลย”
ชย่าลิ่วอีหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ทั้งฮ่องกงเป็ถิ่นของพี่ลิ่วอี อยากไปที่ไหนก็ไปได้ทั้งนั้น เลิกห่วงเื่ไร้สาระพวกนี้แล้วกลับไปนอนเถอะ”
เขาจับมือของเหอชูซานออกแล้วคาบบุหรี่ไว้ที่ปากก่อนจะขึ้นรถอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เหยียบคันเร่งขับรถแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว ควันไอเสียจากการเร่งเครื่องถูกพ่นใส่หน้าของเหอชูซานเต็มๆ
เหอชูซานมองเขาจากไปจนลับตา เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆ กอดกระเป๋าหนังสือเดินเข้าไปในเมืองกำแพงอย่างเงียบๆ
่นี้เขาตั้งใจอ่านนิยายเกี่ยวกับแก๊งมาเฟียในห้องสมุดเยอะมากเพื่อที่จะเขียนบทให้ชย่าลิ่วอี เขาคิดว่าตัวเองกำลังได้เห็นการเติบโตและความรุ่งเรืองของมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ที่อาจจะครองฮ่องกงได้ในอนาคต—— ชย่าลิ่วอีเป็คนกล้าหาญและฉลาด ดูเหมือนไม่ใส่ใจอะไรแต่จริงๆ แล้วรอบคอบและมีศักยภาพที่จะทำได้ทุกอย่าง—— แต่อาจเป็ไปได้ว่านอกจากความรุ่งเรืองแล้ว เขาจะได้เห็นจุดจบของชย่าลิ่วอีเช่นกัน
เส้นทางมาเฟียเป็เส้นทางที่ไม่มีวันหวนกลับ น้อยคนนักที่จะเดินไปถึงจุดจบอย่างสงบสุข ความดื้อรั้นและไม่เกรงกลัวของชย่าลิ่วอีอาจจะทำให้เขาประสบความสำเร็จ แต่สิ่งเ่าั้ก็อาจจะทำร้ายเขาได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกมาเฟียเหล่านี้ทำเื่เลวร้ายมากมาย แม้ว่าใจของพวกเขาจะไม่รู้สึกผิด แต่์จะต้องลงโทษพวกเขาเป็แน่—— เหมือนอย่างสวี่อิงและพวกอันธพาลบนดาดฟ้า หรือแม้แต่หัวหน้าใหญ่ชิงหลง ใครบ้างที่ได้ ‘ตายดี’? กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ ไม่มีใครหนีพ้น นี่เป็ผลกรรมที่พวกเขาต้องได้รับ
เขาไม่อยากเห็นชย่าลิ่วอีเป็แบบนั้น เหอชูซานไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เขาไม่สามารถมองชย่าลิ่วอีในฐานะคนแปลกหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาได้ เขาไม่อยากเห็นชย่าลิ่วอีได้รับาเ็และไม่อยากเห็นจุดจบที่น่าเศร้าของเขาเป็อย่างยิ่ง
เหอชูซาน อายุ 22 ปี เขากำลังจะเรียนจบมหาวิทยาลัยในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ความฝันของเขาั้แ่เด็กคือการได้พาพ่อออกไปจากชีวิตที่ยากลำบากและสกปรกแห่งนี้ และตอนนี้เขาเริ่มคิดว่าเขาจะสามารถพาใครอีกคนไปด้วยได้หรือไม่
เขาเดินก้มหน้าเข้าไปในเมืองกำแพงที่ทรุดโทรมและถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ถึงอย่างนั้นแสงแห่งความหวังสายหนึ่งก็กำลังผลิบานในใจของเขาที่ในตอนนี้เป็เพียงแค่เด็กหนุ่มที่ยังอ่อนเยาว์ ไร้เดียงสา และเชื่อว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้