“นั่นใคร!” นักบวชชุดดำหันศีรษะมาทันที เมื่อเห็นชิงอี สายตาของเขาก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นจึงโบกคทา “ยังมีเครื่องสังเวยอีกหนึ่งอย่าง รีบไปจับนางมา!”
ชิงอียิ้มอย่างดูถูก พร้อมกับเดินไปด้วยสีหน้าต้อนรับ ปล่อยให้ผู้ศรัทธาที่เหมือนสุนัขบ้าพุ่งเข้ามาหา หลังจากนั้น ในชั่วพริบตาที่บรรดาผู้ศรัทธาเข้ามาใกล้ตัวนาง ก็แหลกสลายเป็เถ้าถ่านจนนับไม่ถ้วน เพียงเสี้ยววินาทีเหลือแค่เพียงนางและนักบวชชุดดำเท่านั้น
ชิงอีปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนร่างกาย และยิ้มอย่างเย่อหยิ่ง “ก็แค่ฝุ่นของสุเมรุ เป็เพียงภาพหลอนของการกลับชาติมาเกิด ยังกล้าที่จะมาประมาทต่อหน้าข้าอีก”
“เ้าเป็ใคร?!” นักบวชชุดดำจ้องที่นางด้วยความโกรธ “กล้าที่จะทำลายการเครื่องสังเวยของพญามัจจุราช ข้าจะบดขยี้เ้าให้แหลกสลายเดี๋ยวนี้!”
เขาที่ตะคอกเสียงดังขึ้นมาพร้อมกับลมสีดำพุ่งตรงเข้ามายังชิงอี
“ไปซะ”
เมื่อเสียงเบาๆ จากปากของนาง ร่างนักบวชชุดดำที่อยู่ข้างหน้าก็ล้มลงกับพื้นและกลิ้งไปที่ขอบสระโลหิต
“เ้า...ที่แท้เ้าก็คือ...” นักบวชชุดดำมองนางด้วยความใ
“เป็บรรพบุรุษของเ้าไงล่ะ!” ชิงอีขยี้คนผู้นี้ให้เป็เถ้าถ่านด้วยเท้าข้างเดียว ก็แค่ภาพหลอนเท่านั้นแหละ ไร้สาระเสียจริง
นางยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างสระโลหิต สีหน้าค่อยๆ จริงจังมากขึ้น หลังจากที่เดินไปรอบๆ สระโลหิตสองครั้ง ชิงอีก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ในดวงตาก็เผยประกายที่ทำให้คนหวาดกลัวขนลุก “เป็ตราประทับการจุติจริงๆ ด้วย”
เมื่อนางดีดนิ้ว บริเวณรอบๆ ก็เริ่มบิดเบี้ยวและมีเสียงร้องไห้ของผีสาง เสียงหมาป่าหอน
หลังจากนั้นแสงจันทร์สีขาวเงินก็ตกลงมาอีกครั้ง หมู่บ้านผีก็ฟื้นคืนสภาพเดิม พร้อมกับต้นฮว๋ายต้นใหญ่นั่นที่ถูกเผาไปตรงหน้าชิงอี
ในฝ่ามือที่แบอยู่ของนาง มีชิ้นส่วนที่มีรูปภาพและข้อความลึกลับ
มันคือชิ้นส่วนของตราประทับจุติ!
“สำเร็จ!” ชิงอีเลิกคิ้วและหาววอดออกมา โดยที่ไม่ได้สนใจศพของชายชุดดำบนพื้น และเดินกลับไปในหมู่บ้านโดยอย่างไร้ความปรานี
ตอนที่เดินผ่านลานที่ไหนสักแห่ง นางก็ฝีเท้าหยุดลง ถอยหลังกลับไปสามก้าว หันศีรษะมองเข้าไปข้างใน และพูดด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดถึงยังมีผีชุดขาวอีกหนึ่งตัวล่ะ?”
นางเดินวางมาดเข้าไป และเตะผีสาวไม่ได้สติที่อยู่บนพื้นอย่างโหดร้ายไปหลายครั้ง
ประตูห้องปิดสนิท เมื่อเปิดจากด้านในก็เกิดเสียงดังแอ๊ด เซียวเจวี๋ยมองไปยังใครบางคนที่กำลังทำร้ายผู้อื่นอย่างโหดร้ายและถามว่า “ท่านทำอะไรอยู่?”
“กำจัดสิ่งชั่วร้าย” ชิงอีเลิกคิ้วและเหยียบหน้ากลมราวกับจานของ ‘ผีสาวพี่สาว’ ใช้ส้นรองเท้าขยี้ลงไปอีกสองครั้งจึงจะยอมหยุด และโบกมือให้เซียวเจวี๋ย “ใครให้เ้าหน้าตาดึงดูดผู้คนขนาดนี้ ครั้งนี้ก็ถูกพวกวิปริตตามติดแจอีก จำไว้เลยนะหนุ่มน้อย ท่านเป็หนี้บุญคุณข้าอีกครั้งแล้ว”
เซียวเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้ม เมื่อมองไปที่นาง ตัวปัญหาตัวน้อยนี้ช่างหยิ่งทะนงไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นางเองที่มองฉู่จุนหนิงด้วยความไม่พอใจ ตอนนี้กลับกลายเป็นางกำลังช่วยเขาระบายความโกรธงั้นหรือ?
“เหตุใดผีสาวผู้นี้ถึงหมดสติที่หน้าประตูท่านล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าเป็ท่านหรอกหรือที่ทำให้นางหมดสติ?” เซียวเจวี๋ยมองนางพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนจะไม่ยิ้ม
ดวงตาของชิงอีจ้องเขม็ง “อย่าแม้แต่จะคิดโทษข้าเลยนะ ใครให้มาล้มลงหน้าประตูล่ะ” สายตาของนางเหลือบมองไปที่เซียวเจวี๋ย และเห็นว่าผมยาวของเขาผูกไว้ข้างหลังศีรษะ สวมชุดคลุมสีดำสนิท เสื้อคลุมหลวมๆ นั่นก็เผยให้เห็นหน้าอกแกร่ง ยิ่งเพิ่มความเย้ายวนให้กับความเอื่อยเฉื่อย
สำหรับในหมู่บ้านร้างบนูเาแห่งนี้ สิ่งที่น่าสนใจก็คือชายหนุ่มผู้เย้ายวนจากในนวนิยายเช่นนี้นี่แหละ!
ชิ ชิงอีเบะปากและแอบมองเขาอย่างลับๆ “นอกจากผีสาวผู้นี้แล้ว ท่านก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยใช่ไหม?”
“ในป่าขุนเขาเงียบเป็อย่างมาก ทว่า กลางดึกเช่นนี้ องค์หญิงยังไม่นอน ทั้งยังมาหาข้าที่หน้าประตูห้อง หรือท่านอยาก...”
“เหอะ...” ชิงอีกลอกตาและหันหลังเดินออกไป
เซียวเจวี๋ยมองดูนางเดินออกไป แววตาก็ค่อยๆ เ็าขึ้น จากนั้นจึงเหลือบมองไปยังฉู่จุนหนิงที่หมดสติอยู่บนพื้น ในแววตาก็มีความรังเกียจพาดผ่านเข้ามา
หลังจากปิดประตู สีหน้าของเขาก็มืดมนไปชั่วขณะหนึ่ง
“ตราประทับจุติก็มาถึงบนโลกแล้วด้วยงั้นหรือ?”
...
ชิวอวี่และคนอื่นๆ ที่เพิ่งจะกลับมาถึงหมู่บ้านผีตอนกลางดึก ต่างหูก็หาไม่พบ ฝุ่นบนร่างกาย เมื่อปัดออกมาแล้วรวมกันก็คงได้เป็กิโล
เมื่อพวกเขาเห็นศพของคนชุดดำสองสามคนและหวังฮู่ที่หมดสติไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน ใบหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนสีทันที
ชิวอวี่รีบพาคนไปที่ลานของบ้านของชิงอี เถาเซียงและต้านเสวี่ยที่ในห้องถัดไปได้ยินเสียงของชิวอวี่ จึงเปิดประตูออกมา
“องค์หญิงล่ะ? เกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”
หญิงสาวสองคนมองหน้ากันแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่ก่อนหน้านี้มีแค่เสียงแปลกๆ เท่านั้น ทว่า องค์หญิงตรัสกับพวกข้าไว้ว่า ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ตามห้ามออกไปเด็ดขาด ดังนั้น ข้าก็เลยไม่รู้ว่ามันเกิดเื่อะไรขึ้นหรือไม่?”
ชิวอวี่รีบสั่งให้หญิงสาวทั้งสองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่เพื่อดู ไม่นานหลังจากนั้น เถาเซียงก็ออกมาและพูดว่า “องค์หญิงหลับไปแล้ว เพียงแต่ในห้องยุ่งเหยิงนิดหน่อย บางทีอาจจะมีหนูเข้ามาค้นสิ่งของกระมัง”
ชิวอวี่คิดในใจว่าเกรงว่าหนูตัวนี้ คงจะไม่ใช่หนูตัวปกติน่ะสิ
“องค์หญิงทรงไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว” เขาลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก และสั่งให้พี่น้องคนอื่นๆ กลับไปพักผ่อน หลังจากการเหนื่อยล้าในการหาต่างหูตอนกลางคืนมามากแล้ว
“หัวหน้าองครักษ์ชิว ท่านพบต่างหูขององค์หญิงแล้วหรือ?” ต้านเสวี่ยถามเกี่ยวกับเื่นี้ขึ้นมา
ชิวอวี่พยักหน้าด้วยสีหน้าแปลกๆ ตาก็เหลือบมองไปยังเ้าแมวที่กำลังนอนอยู่บนไหล่ของเขา จากนั้นก็ถอนหายใจแล้วจึงจะกลับไปที่ห้องของตนเอง
“องค์หญิงทรงตั้งใจให้พวกเราออกไปสินะ?”
“ก็ถ้าไม่ทำอย่างนั้น?” เ้าแมวอ้วนหาวออกมา “หากพวกเ้าไม่ไป หางพวกนั้นจะโผล่ออกมาหรือไง? อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะมีเื่ที่คาดไม่คิดอีกด้วยล่ะ”
เื่ที่คาดไม่คิดที่กำลังพูดถึงก็คือหวั่งฮู่กับพวกคนโง่เง่านั่นสินะ?
ชิวอวี่ถอนหายใจออกมา ในตอนนี้นอกจากการชื่นชมชิงอีแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดเลยจริงๆ เมื่อคิดๆ ดูแล้ว เหมือนว่าการเป็ลูกน้องของเ้าแห่งปรโลก ดีกว่าการเป็ลูกน้องขององค์รัชทายาทในโลกนี้อยู่มากเลยทีเดียว...
ในไม่ช้า ความคิดนี้ก็ถูกเขาสลัดออกไป!
การทรยศต่อเ้านายเพื่อแสวงหาความรุ่งโรจน์ให้กับตนเอง ยังคงเป็เื่ที่เขาไม่สามารถทำมันได้เลย!
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น
ก่อนที่ไก่ฟ้าจะขัน ทุกคนตื่นขึ้นท่ามกลางเสียงกรีดร้องราวกับหมูโดนเชือดของหญิงสาวคนหนึ่ง
ฉู่จุนหนิงที่ตื่นขึ้นมาข้างบ่อน้ำบนถนนในหมู่บ้าน เมื่อนางลืมตาขึ้นมาก็เห็นหน้าตาบวมปูดเขียวช้ำสะท้อนอยู่ในบ่อน้ำ ทำให้นางใจนกรีดร้องเสียงดังไปถึงท้องฟ้า
ผีในน้ำนั่นใครกัน?!
ไม่นานนัก ความเ็ปก็แล่นไปตามร่างกายของฉู่จุนหนิง ทำให้สติของนางกลับมา และคิดได้ว่าผีตัวนั้นคือนางเอง?!
พระเ้าช่วย หน้าสวยๆ ของนางกลายเป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
นางจำได้ว่าเมื่อคืนนี้ตนแต่งองค์ทรงเครื่องไปอย่างสวยงามเพื่อไปหาเซียวเจวี๋ย ทว่า เมื่อนางกำลังจะเคาะประตู ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องเล็กน้อย พอหันศีรษะไป ก็เห็นหวังฮู่และคนอื่นๆ วิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งตรงทางเข้าหมู่บ้าน
หลังจากนั้นก็...
หลังจากนั้นนางก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
เป็ใครกัน?! ใครกันที่ฉวยโอกาสตอนที่นางหมดสติ แล้วทำร้ายนางอย่างโเี้เช่นนี้?!!
ใช่แล้ว! หวังฮู่!
ฉู่จุนหนิงไปหาลูกน้องของตนเองด้วยความอาฆาตแค้น และในที่สุดก็เห็นหวังฮู่และคนอื่นๆ อยู่ที่มุมของหมู่บ้าน เ้าพวกโง่เง่า ยังมีหน้าจะมานอนหลับอยู่อีก!
“หวังฮู่!” ฉู่จุนหนิงวิ่งเข้าไปเตะ
หวังฮู่ที่ถูกปลุกด้วยเท้ากีบหมูตัวนี้ เมื่อเขาเห็นฉู่จุนหนิงก็ะโออกมา “ผี”
คนอื่นๆ ก็ตื่นขึ้นทีละคน เหล่าองครักษ์ก็ส่งเสียงร้องด้วยความใ
“ผีผู้หญิงมาอีกแล้ว!”
“ฮือๆ ข้ายังอยากเจอแม่ของข้าอยู่...”
“ผีพี่สาว ท่านปล่อยพวกเราไปเถอะ”
