ภาพและเื่ราวตะกี้มันคืออะไร “นี่เราสองคนเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม” เ้าวั่งซูเหมือนฟื้นจากภวังค์ และ มองที่ฮวาเฟยฟา แม้ภาพจำจะเลือนราง ยังไม่ชัด ความทรงจำที่วิ่งเข้ามายังไม่อาจปะติดปะต่อ บรรยากาศรอบตัวดั่งใบไม้ร่วง และ ดวงหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าที่สะกดใจตัวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่เค้าก็มั่นใจว่าคนนี้คือคนสำคัญในชีวิตเค้า
“ใช่ไม๊! เราเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไม๊ โปรดบอกข้าที” เ้าวั่งซู เอ่ยถามซ้ำ
ฮวาเฟยฟาหลับตาก้มหน้ายิ้มมุมปาก “ใช่สิเ้าก็ต้องเห็นและรู้สึกเหมือนที่ข้ารู้สึกสินะ”
“เื่ราวในความทรงจำเมื่อกี้มันคืออะไร มันช่างคุ้นเคยเหมือนกับข้าเคยผ่านมันมาเอง ไม่ใช่สิเหมือนเป็เื่คนอื่นที่ข้าไปเป็และรู้สึกแทนเค้า เค้าคนนั้นคือใคร? ทำไม? และทำไมถึงมีท่านในนั้น?” เ้าวั่งซูเอ่ยถามวกวนสงสัย
“เ้าคิดว่าพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไม๊” ฮวาเฟยฟาเอ่ยถาม
“ใช่! ข้ามั่นใจว่ามีท่านในความทรงจำที่ผ่านเข้ามา แต่ข้าไม่รู้ว่าท่านคือใครและข้าคือใคร” เ้าวั่งซูตอบยืนยัน
“ข้าก็คิดเหมือนเ้า เ้าคิดอะไรข้าก็คิดแบบนั้น ข้าคิดเหมือนเ้าทุกอย่าง ซูซู” ฮวาเฟยฟาเอ่ยกำกวม
เ้าวั่งซูมองหน้าฮวาเฟยฟาและงง คิดในใจ “สรุปมันแปลว่าอะไร”
“มันนานมากแล้วนะ ที่ข้าเคยรอเ้าอยู่ตรงนี้” ฮวาเฟยฟาหันมายิ้มอ่อนโยนมองเ้าวั่งซู ทั้งสองมองสบตากัน คล้ายระลึกผูกเชื่อมโยงความรู้สึกถึงกัน
แสงอาทิตย์ยามสายกระทบผิวน้ำสะท้อนวิบวับงดงาม เสียงน้ำตกที่ตกกระแทกพื้นน้ำดังเป็ท่วงทำนองที่หนักหน่วง ละอองน้ำที่แตกกระเซ็นใส่ดอกไม้พืชพันธุ์รอบบริเวณ เสียงนกร้องเคียงคู่กัน หงส์ป่าที่ว่ายน้ำคลอเคลียกัน เราสองจะไม่พรากจากกันนิรันดร์ เ้าวั่งซู่ยืนมองฮวาเฟยฟา ในดวงตาคล้ายเข้าใจความหมายของคำๆ นั้น และในใจก็ตอบกลับไปอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณนะ ที่เ้าไม่เคยทอดทิ้งข้าไปไหนเลย มันอาจจะนาน แต่ข้าสัญญาว่าจะไม่ทิ้งให้เ้าต้องรออีกต่อไป” บรรยากาศใบไม้ร่วงรอบด้านเริ่มหยุดลง เหล่าบรรดาพืชพันธุ์ต่างคืนชีวิตกลับสู่บรรยากาศแห่งภพพืชพันธุ์ปกติ
“แต่ข้าไม่เข้าใจ ข้าจำอะไรไม่ได้ ปะติดปะต่อเื่ราวอะไรไม่ได้เลย มีแค่ความรู้สึกที่คุ้นเคย สุข เศร้าเ็ป เต็มไปหมด” เ้าวั่งซูกล่าว
“เ้าอย่ากังวลเลย เดี๋ยวเ้าก็จำได้ และยิ่งมีข้าอยู่ด้วยข้างๆ เ้าแบบนี้ ข้าคนนี้ไม่ปล่อยให้เ้าลืมนานขนาดนั้นหรอก” ฮวาเฟยฟาพูดยิ้มเ้าเล่ห์
“นี่! เค้าจะทำอะไรข้ากันแน่คนนี้” เ้าวั่งซูคิดในใจ “เอ่อ ข้าไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ขอบคุณเ้าด้วยละกัน”
“ว่าแต่ทำไมเ้าถึงนั่งลงตรงนั้น ทั้งๆ ที่บอกจะลงน้ำกัน ” เ้าวั่งซูเอ่ยถาม
“ข้ารู้สึกได้ว่าวันนี้ ตรงนี้ ในอดีต ข้าเคยทำของสำคัญหล่นหาย ข้าเลยหามันและคิดว่าจะกลับคืนมา ที่นี่คือจุดเริ่มต้น” ฮวาเฟยฟาพูดอมยิ้ม
“ของสำคัญหรอ คงสำคัญกับท่านมากใช่ไม๊” เ้าวั่งซูเอ่ยถาม
“ไม่ใช่แค่มาก แต่ มากที่สุดในชีวิต” ฮวาเฟยฟาพูดและหันมายิ้ม เ้าวั่งซูมองเขิลทั้งที่ไม่รู้ว่าคืออะไร
“เอ๊ะ! หรือร่างที่เห็นทับซ้อนกันในนิมิตรคือปู่ทวดข้า!? เหอะๆ! แต่ตัวข้าเองก็เหมือนมีป้ายตระกูลเ้าแขวนอยู่บนหน้าผากตลอดเวลาอยู่แล้ว ข้าเดินไปไหน คนหันมามองและเสียงซุบซิบนินทาเื่บรรดาเ้าวั่งซูรุ่นก่อนๆ ก็ดังมาก ข้าไม่เข้าใจ! แม้ชื่อข้าจะเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า แต่หน้าข้าไม่ได้เหมือนพวกเค้าสักหน่อย ข้าก็แค่เด็กคนหนึ่งที่ได้ตกทอดเคียวสู่ภพมาต่อๆ จากตระกูลข้า แต่ทำไมทุกคนถึงได้จับจ้องข้าไม่วางตา เสมือนว่าข้าผู้นี้เป็ทำการะเิครั้งใหญ่นั่น” เ้าวั่งซูกอดอกบ่นคับใจ
“เ้าพูดแบบนี้ แสดงว่า เ้าไม่เคยเห็นเหล่าเ้าวั่งซู โดยเฉพาะผู้เลื่องชื่อรุ่นที่ 1 สินะ” ฮวาเฟยฟาอมยิ้มเอ่ยถาม
“หา! เออไม่เคยนะ! แต่มันหลายร้อยหลายพันปีมาแล้ว ข้าจะไปหารูปมาจากไหน ว่าแต่ทำไมเ้าเคยเห็นหรอ หน้าตารูปร่างท่านปู่ทวดข้าเป็ยังไง” เ้าวั่งซูเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“เ้าลองดูในน้ำนั่นสิ” ฮวาเฟยฟาเอ่ย
“หือ! อะไร มีอะไรในน้ำ” เ้าวั่งซูถามพร้อมนั่งยองๆ ลงริมน้ำและมอง เห็นหน้าตัวเอง “ก็ไม่เห็นมีอะไร หนิ เ้าจะให้ข้าดูอะไร” สักพักภาพหน้าในน้ำถูกซ้อนทับด้วยใบหน้าอีกคนที่ดูเป็ผู้ใหญ่กว่า แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนตัวเค้าเอง และ “เดี๋ยวนะ เอ๊ะ หน้านี้มันหน้าข้าหนิ” วั่งซูใ ร้อง “เฮ้ย” ขาก้าวถอยหลังออกจากน้ำสะดุดล้มลงก้นจ้ำเบ้า แต่สติก็ยังไม่มา
“หรือๆ ว่า เ้าวั่งซูรุ่นที่ 1 ก็คือ......!?” เ้าวั่งซูหันหน้าเหวอใไปทางฮวาเฟยฟาที่นั่งอยู่บนก้อนหินั์ใต้ต้นไม้ใหญ่
ฮวาเฟยฟากล่าวตอบ “ยังมีเื่อีกมากมายที่เ้าต้องรู้ ข้าถึงบอกไง ว่าข้าไม่ปล่อยให้มันนานเกินไปหรอก” ฮวาเฟยฟาหันมาอมยิ้มทำตาพริ้ม
“ห่ะ! นี่เ้าๆ นี่ข้าอยู่กับเซียนบท์หรือปีศาจจากนรก คนๆ นี้เป็คนยังไงกันแน่นะ” เ้าวั่งซูคิดหวั่นในใจ
“สำหรับเื่เ้าวันนี้พอแค่นี้ก่อน ไปกันเถอะ” ฮวาเฟยฟาเอ่ยชวนพร้อมก้าวเท้าลงจากหินั์
“ไปไหน” เ้าวั่งซูถาม
“ไปทำในสิ่งที่เ้าทำค้างไว้ไง” ฮวาเฟยฟาเอ่ยยิ้มอ่อนโยน
ในหัวเ้าวั่งซูเหมือนความทรงจำในอดีตลอยมาแว่บนึง พร้อมเสียงแ่กระซิบ “สุราดอกซ่างฮัวหลัว ไปกันเฟยเฟย พวกเราต้องเป็คนแรกที่ได้กินปีนี้”
“ดื่มสุราดอกซ่างฮัวหลัวจอกแรกของปีที่ฝังอยู่ใต้ต้นไม้แห่งชีวิตในกระจกภพพืชพันธุ์” เ้าวั่งซู ได้สติก็ “เอ๊ะข้าพูดอะไรไป”
“ว่าแต่พวกเราจะดำน้ำลงไปหรอ” เ้าวั่งซูเอ่ยสงสัย
ไป่ชิงหลงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทั้งสาม และคายไอฟองอากาสห่อหุ้มร่างทั้งหมด และช้อนอุ้มขึ้นไว้ในกรงเล็บมือทั้งสองที่แข็งแรง ดวงตาสีฟ้าดุจไพลินเปล่งแสงแหวกทางน้ำร่างกายเกล็ดสีขาวสะท้อนดั่งไข่มุก กระโจนตัวทะยานดำดิ่งลงด้านล่างพื้นน้ำอย่างรวดเร็ว
ภายใต้ผิวน้ำนั้นเต็มไปด้วยเส้นรากแก้วเปล่งแสงสีฟ้าระยิบระยับ รากของต้นไม้แห่งชีวิตที่ชอนไชทั่วบริเวณเพื่อถ่ายทอดพลังชีวิตให้แก่ทุกสรรพสิ่ง บรรยากาสใต้น้ำสว่างงดงามมีพืชพันธุ์แปลกๆ มากมายหลากสีสัน เชื่อมต่อกับรากของต้นแม้แห่งชีวิตเปล่งแสงสว่างขยับมีชีวิตทั่วบริเวณ นี่คือ์ใต้น้ำ ในขณะที่ไป่ชิงหลงดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ผ่านพืชพันธุ์รอบด้านนานา ก็เริ่มรู้สึกถึงการบีบรัดและอึดอัด บรรยากาศรอบด้านเริ่มแปลกๆ ไป เหล่าต้นไม้เริ่มยืดกิ่งก้านมุ่งหมายเข้ารัดจับตัวชิงหลง และบางต้นกลับมีฟันเขึ้ยวแหลมคมพุ่งเข้าโจมตี แต่ชิงหลงมีบาเรียหุ้มร่างกายไว้จึงไม่สะทกสะท้านอะไร
“นี่พวกต้นไม้พวกนี้ล้วนมีชีวิต จากพลังจากต้นไม้แห่งชีวิต้า ข้าเข้าใจว่า หลานหลี่เซ่อ คือคนจำลองทุกอย่างที่นี่ขึ้น และเป็คนเติมพลังชีวิตให้สิ่งเหล่านี้ แต่ทำไม มันถึงได้สามารถให้พลังชีวิตได้เหมือนต้นจริงที่มีชีวิตอยู่ที่ภพพืชพันธุ์” เ้าวั่งซูถามสงสัย
“เฟยเฟย เ้าเคยเห็นภพพืชพันธุ์ของจริงไม๊ มันเป็ตามตำราว่าไว้หรือไม่”
“บรรยากาศภพท้องฟ้าเปิดสว่าง มีเพียงพันธุ์พืชหลากสีสัน พืชบก พืชน้ำ พืชผล พืชใบ พืชยืนต้น พืชล้มลุก ดอกไม้นานาพันธุ์เกิดโตทอดกายทับซ้อนกัน ทำให้บรรยากาศโดยรวม บางส่วนคล้ายโลกา พันธุ์ไม้และดอกไม้มากมายในภพนี้ คือสิ่งที่หายากทั้งหมด และไม่สามารถพบได้ในภพไหนๆ เพราะมีการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ของพันธุ์พืชมากมายที่นี่ ในตำรากล่าวว่า
จะมีดวงจิตปฏิสนธิจากภพเดรัจฉานเพียงชนิดเดียวที่สามารถอยู่ร่วมและขยายพันธุ์ในภพพืชพันธุ์ได้นั่นคือ “ผีเสื้อราตรี” ผู้ที่ทำหน้าที่ช่วยนำเกสรของพืชต่างพันธุ์เข้าผสมข้ามพันธุ์เพื่อขยายพืชต่างๆ ให้เจริญแตกแขนงสายพันธุ์ะเิออก ผีเสื้อราตรีโดยปกติจะกระจุกตัวอยู่รอบต้นไม้แห่งชีวิต เพื่อรับไอแห่งชีวิต เฉกเช่นเดียวกับพืชอื่นๆ ในภพนั้น
ในอดีตกาลที่เกิดเหตุะเิที่จัตุรัสเฟิงสุ่ย ทำให้เมล็ดพืชพันธุ์นานาชนิดแตกะเิกระจายและไปกำเนิดภพภูมิอื่นๆ แต่ก็น้อยนักที่จะยังสามารถมีชัวิตรอดและเจริญเติบโตในรูปแบบเดิม จะเหลือเพียงการเปลี่ยนรูปทรงให้ง่ายขึ้นไร้ความประหลาด และความงามที่น่าฉงน กลับคงไว้เพียงรูปลักษณ์ของต้นไม้ดอกไม้ปกติที่พวกเราได้เห็น เช่น เหล่าพืชพันธุ์ในภพมนุษย์ก็เช่นกัน และที่สำคัญคือพืชพันธุ์ที่จุติต่างภพจะไร้ิญญาตั้งอาศัย นั่นหมายความว่า ในขณะที่เผ่าพันธุ์ต้นไม้ดอกไมที่ปฏิสนธิที่ภพพืชพันธุ์ จะสามารถพูดขยับและมีพลังจักราไม่ต่างจากดวงิญญาในภพอื่นๆ นั่นก็เพราะต้นไม้แห่งชีวิต เหล่าพืชพันธุ์จะเชื่อมต่อรับพลังและกำเนิดดวงจิตเปล่งแสงขยับ ปกป้อง และโจมตี ได้ แต่จะสูญเสียดวงจิตนั้นไป คงเหลือเพียงร่างพืชพันธุ์ยืนต้นธรรมดาในภพนั้นๆ เพราะขาดไร้ซึ่งพลังจากต้นไม้แห่งชีวิต”
“ถ้าอย่างั้น เ้าคิดเหมือนข้าไม๊ ว่าที่นี่แหล่ะคือภพแห่งพืชพันธุ์” เ้าวั่งซูเอ่ยกับฮวาเฟยฟา
ทั้งสองนิ่งและมองหน้ากัน แล้วทำไมภพพืชพันธุ์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ มันมีอยู่เพื่อจุดประสงค์อะไร คงมีแต่หลานหลี่เซ่อเท่านั้นที่ให้คำตอบได้ แต่เค้าไม่ได้อยู่ที่เรือนตอนที่พวกเราเข้ามา หลานหลี่เซ่อ ต้นไม้แห่งชีวิต ลำธารแห่งชีวิต สุราดอกซ่างฮัวหลัว กระจกพืชพันธุ์ และภพพืชพันธุ์ เหล่านี้ข้องเกี่ยวกันอย่างไร
“ข้ารู้สึกกลิ่นไม่ดีเกี่ยวกับเื่นี้” เ้าวั่งซูเอ่ย
เฟยฟาพยักหน้ารับแบบเห็นด้วย “งั้นพวกเราเริ่มจากปมแรก “สุราดอกซ่างฮัวหลัว” หาให้เจอน่าจะมีเบาะแสชี้นำไปสิ่งอื่น”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้