หลงเหยียนยิ้ม “แค่คืนนี้เท่านั้น ข้าก็ไม่สะดวกเดินทางต่อ อยู่พักที่นี่สักคืน วางใจเถิด ข้าเคยเจอคนชั่วมามากมาย ก็แค่ลั่วเฉิงคนเดียว เขาหรือจะกล้าทำอะไรข้า?” เมื่อหลงเหยียนพูดจบ เขาก็หยิบยารักษามอบให้กับฉินเซียนหลายเม็ด จากนั้นก็พาหนานกงฉู่กลับขึ้นชั้นสองอีกครั้ง
ฉินเซียนมองหยกิญญาและยารักษาในมือ ครุ่นคิดครู่หนึ่งเขาก็พุ่งจากไป เพราะตอนนี้ศพของคนในครอบครัวเขายังอยู่ข้างนอก รอให้จัดการศพของพวกเขาเสร็จค่อยกลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาตัดสินใจจะเฝ้าร้านอาหาร หากเกิดอะไรขึ้น เขาจะรายงานหลงเหยียนเป็คนแรก
“ผู้มีพระคุณ ขอบคุณท่าน บุญคุณที่ใหญ่หลวงเช่นนี้ เกรงว่าคงมีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะตอบแทนได้” เขาคำนับสามครั้งให้หลงเหยียนที่เดินขึ้นชั้นสองแล้ว
กลับมาในร้านอาหารอีกครั้ง แววตาที่ทุกคนมองหลงเหยียน หนานกงฉู่และพี่น้องกลับเปลี่ยนไปจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง เพราะพวกเขารู้ดีว่าการมีเื่กับนายน้อยลั่วเฉิงมีจุดจบอย่างไร ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าขวาง ผู้จัดการร้านปวดหัวไม่น้อย เขาคำนวณอย่างต่อเนื่องเพราะเกรงว่าวันนี้ร้านและที่พักของตนต้องเสียหายมากแน่ ทว่าทุกครั้งที่เกิดเื่เช่นนี้ เขาก็จะได้รับค่าเสียหายแสนมหาศาลจากลั่วเฉิง จึงทำให้เขาสบายใจขึ้นมามาก
“พี่ฉู่ มานี่เร็ว หลงเหยียนขอดื่มให้ท่าน ท่านมักบอกข้าเสมอ เวลาออกไปไหนต้องรู้จักระวัง ข้ากลับ… ข้าอดไม่ได้…”
หนานกงฉู่สีหน้าแย่ยิ่งนัก เมื่อครู่หลงเหยียนเห็นพี่ชายของเขาพูดกระซิบข้างหูหนานกงฉู่ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน
มีหรือที่หลงเหยียนจะไม่รู้ เขายิ้ม “พี่ซวิน ท่านกำลังเตือนให้พี่ฉู่รีบจากไปใช่หรือไม่ วางใจเถิด พวกท่านช่วยข้าครั้งใหญ่แล้ว เท่านี้ข้าก็ตื้นตันยิ่งนัก หากพวกเรามีโอกาสเจอกันในเมืองหยุนจง ข้าต้องตอบแทนพวกท่านให้ได้ ข้ารู้ว่าพวกท่านกำลังกังวลสิ่งใด ข้าต้องอยู่ที่นี่ต่อ หากเนินดาราไม่ได้รับการแก้ไข เกรงว่าคงต้องจมอยู่กับความมืดมนไปชั่วกาล”
หนานกงฉู่ลุกขึ้นมาตบบ่าหลงเหยียนพร้อมเอ่ยว่า “สหายเอ๋ย พวกเรามีวาสนาต่อกันจริงๆ ทว่าครั้งนี้เราจำต้องจากไปก่อน ตอนแรกข้าอยากเตือนให้เ้าไปพร้อมกัน ไอ้ลั่วเฉิงนั่นต้องไม่ยอมจบแค่นี้แน่ เมื่อครู่ผู้จัดการและเสี่ยวเอ้อก็บอกแล้วว่าให้เราจากไป ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะผู้าุโของเราช่วยท่านพ่อของลั่วเฉิงในวัยหนุ่ม เกรงว่าวันนี้พวกเราคงไม่มีใครจากไปได้แล้ว”
หลงเหยียนก็อยากจากไปพร้อมกับพวกเขาเช่นกัน ถึงอย่างไรตระกูลลั่วก็ทำเกินไปจริงๆ หากไม่สั่งสอนลั่วเฉิงสักครั้ง เกรงว่าเขาต้องวางตัวอยู่เหนือผู้อื่นไปตลอด หลงเหยียนวางแผนในใจแล้ว หากวันนี้เขากล้ามา หลงเหยียนต้องทำให้เขารู้ว่าตนน่ากลัวเพียงใด จากนั้นก็ทำให้หนีไปให้ไกลสุดหล้าฟ้าเขียว
ไม่ตายก็ต้องเลี้ยงไม่โต อย่างน้อยก็ไม่ทำร้ายผู้ใดอีก แต่มีหรือที่เขาจะพูดสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ หลงเหยียนเพิ่งเคยเจอหนานกงฉู่กับพวกของเขา ถือว่ามีวาสนาต่อกัน เคยดื่มสุราด้วยกัน เื่ที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็บุญคุณครั้งใหญ่ เท่านี้หลงเหยียนก็ตื้นตันมากแล้ว เช่นนั้นจะสร้างความลำบากให้พวกเขาต่อได้อย่างไร
“พี่ฉู่ ข้าอยู่ที่นี่ต่อเพราะยังมีเื่ที่สะสางไม่เสร็จ วางใจเถอะ ข้าไม่เป็อะไรหรอก” เมื่อเห็นว่าหลงเหยียนแน่วแน่จะอยู่ต่อ หนานกงฉู่จึงลุกขึ้นยืน รินสุราจนเต็มแก้วพร้อมพูดว่า “ได้ ข้าดื่มให้กับเ้า!” เขายกแก้วสุราขึ้น จากนั้นสี่พี่น้องหนานกงก็พากันลุกขึ้น แล้วเดินทางออกจากร้านอาหารถิงหยุน
“พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าสหายหลงเหยียนเป็อย่างไร?”
หนานกงซวินครุ่นคิดก่อนตอบว่า “เขาเป็คนกล้าหาญนัก น่านับถือจริงๆ ดูเหมือนเขาอยากออกตัวแทนคนในเนินดารา สั่งสอนนายน้อยลั่วเฉิง คล้ายเขาวางแผนมาแล้วด้วย”
หนานกงฉู่คิดครู่หนึ่งแล้วพูด “พี่ใหญ่ หากเป็ไปได้ พวกเราซ่อนตัว เฝ้าอยู่ข้างกายสหายหลงเหยียนก่อน หากเกิดเื่อะไรขึ้น พวกเราต้องปกป้องเขา!”
ในหมู่บ้านตระกูลหยาง พวกเขามีชื่อเสียงด้านคุณธรรม หมู่บ้านใกล้เคียงต่างก็นับถือเื่นี้ ทว่าได้เจอหลงเหยียนวันนี้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ แววตาไม่ยอมแพ้ มีนิสัยซื่อตรงและคุณธรรม การช่วยเหลือฉินเซียนเมื่อครู่ทำให้สี่พี่น้องหนานกงตื้นตันจริงๆ
…
ยามดึก แสงจันทราสอดส่องลงมายังหอที่พักด้านหลังร้านอาหารถิงหยุน เวลานี้หลงเหยียนนอนมองมือของตน “สิงโตน้อย เ้าว่าคืนนี้ข้าจะผ่านพ้นไปได้ไหม? ข้าเห็นเงาของตัวเองบนตัวของฉินเซียน ข้า…”
หลงเหยียนผนึกลมหายใจ เพราะเขารู้สึกได้ว่ามีคนขยับเข้ามาใกล้ห้องพักของตน หลงเหยียนยืดเส้นยืดสาย ะโขึ้นไปอยู่บนคานห้อง
เขาซ่อนพลังปราณของตนไว้ทั้งหมด แอบฟังเสียงด้านนอกอย่างเงียบเชียบผ่านพลังิญญา นั่นคือผู้ที่มีพลังระดับชีพัขั้นที่เจ็ด ไม่นานทั้งสองก็ร่างกะพริบเข้าไปในห้องนอนของเขา ผ้าผืนดำคลุมหน้าและตัว เขาชูดาบที่เรืองรองขึ้นก่อนฟาดลงบนหมอนขาดเป็สองท่อนทันที
ไม่นานคนหนึ่งก็ชูมือขึ้นเป็การบอกให้หยุด แล้วเปิดผ้าห่มออก
“บัดซบ ไอ้หมอนั่นไม่อยู่ เกรงว่าพวกเราคงเก็บเงินนี้ไว้ไม่ได้แล้ว”
“ต้องเป็เพราะไอ้หมอนั่นกลัวจนหนีไปก่อนแน่ ทว่าพวกเราเฝ้าที่นี่ทั้งคืน ยังไม่เห็นเขาออกไปไหนเลย”
“พี่ใหญ่ ท่านดูนี่สิ ห่อผ้าของเขายังอยู่ แสดงว่าเขายังไม่ได้จากไป”
เมื่อเขาพูดจบ อยู่ๆ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดทับมาจาก้า หลงเหยียนะโลงมา ฝ่ามือที่หลอมไปด้วยพลังปราณพุ่งลงพร้อมกัน ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที หลงเหยียนไม่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสหายใจ บีบคอเขาทันที หลงเหยียนมีพลังระดับชีพัขั้นที่เจ็ด จากนั้นก็ออกแรง สองคนยังไม่ทันส่งเสียงดัง ชีวิตก็ดับสูญแล้ว
“ฮึ! ไอ้ลั่วเฉิงนั่นอยากฆ่าข้าจริงด้วย จิตใจชั่วช้าเกินมนุษย์ ดูเหมือนคืนนี้ข้าจะอยู่อย่างสงบไม่ได้แล้ว”
ในความมืด หนานกงฉู่และพี่น้องต่างก็ทนไม่ไหวนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะหนานกงซวินขวางไว้ก่อน เขาคงพุ่งไปถึงห้องหลงเหยียนแล้ว
ทว่าภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้น ทำให้หนานกงฉู่ตกตะลึง
“สหายหลงเหยียนไม่ธรรมดาจริงด้วย…”
ขณะที่เขากำลังกลับมานอน อยู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ฉินเซียนที่ดูร้อนรนรีบผลักประตู เมื่อเห็นว่าหลงเหยียนยังไม่เป็อะไร แววตาฉินเซียนก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
“พี่เหยียน ท่าน ท่านไม่เป็อะไรหรือ? เมื่อครู่ข้าเห็นเงาสองคน?” หลงเหยียนชี้ไปที่พื้นจึงพบว่ามีศพสวมชุดดำไร้ิญญานอนกองอยู่
หลงเหยียนเดินไปข้างกายฉินเซียนแล้วตบไหล่เขาเบาๆ “สหายฉินเซียน เ้าเฝ้าด้านล่างมาโดยตลอดหรือ? เ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว คืนนี้นอนห้องข้าเถอะ ข้าเชื่อว่าพวกเขาคงไม่ส่งคนมาอีกเป็ครั้งที่สอง”
หลงเหยียนตื้นตันอย่างยิ่ง เขาเก็บศพสองคนนี้ไว้ในถุงผ้าเฉียนคุน แล้วราชสีห์หิรัณย์ก็กลืนคนชั่วทั้งสองเข้าไปในท้องอย่างรวดเร็ว
ั้แ่ต้นจนจบ แววตาของฉินเซียนเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง เขามองเพียงครู่เดียวก็รู้แล้วว่านั่นคือถุงผ้าเฉียนคุน เพราะเมื่อก่อนผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงมักแขวนถุงผ้าเฉียนคุนติดตัวเสมอ เมื่อเดินอยู่ในเนินดารา นั่นคือสัญลักษณ์ของความสูงส่งและมีอำนาจ
…
รุ่งสาง หลงเหยียนที่กำลังนั่งขัดสมาธิลืมตาขึ้น จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ทำให้ฉินเซียนที่หลับอยู่หัวเตียงสะดุ้งตื่น
“ลั่วเฉิงมาแล้ว ไปกัน…”
ฉินเซียนเดินตามหลังหลงเหยียนไม่ห่าง ผู้ดูแลตระกูลลั่วขี่ม้าสีดำที่ดูสง่า ด้านหลังคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงสิบกว่าคน ทุกคนต่างมีพลังอยู่ในระดับไม่ธรรมดา อย่างน้องก็คือระดับชีพัขั้นที่เจ็ด บ้างก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับชีพัขั้นที่แปด
--------------------