เมื่อจอดรถเรียบร้อย กานต์รีบเดินตรงมาที่อรศรีโดยไม่ต้องรอให้ลูกสาวบอกกล่าวใด ๆ “สวัสดีครับครูอร ขอโทษนะครับที่ให้รอ วันนี้กลับจากตลาดช้าไปนิด”
"ไม่เป็ไรค่ะ ครูกานต์ นั่งคุยกับหนูนิดกำลังสนุกเลย พี่เองก็มาเร็วกว่าเวลานัดด้วย”
"นั่นคงเป็คุณอนงค์ภรรยาครูกานต์ใช่ไหมคะ “อรศรีมองเลยไปข้างหลังของกานต์เห็นหญิงสาวอายุไล่เลี่ยกับกานต์ เกล้าผมสูง รูปร่างโปร่ง ผิวขาว รูปหน้าและดวงตาคล้ายกับลูกสาวมาก กำลังเดินตามกานต์มาติด ๆ จึงสามารถเดาออกได้อย่างทันที
"ใช่ครับ” พลางหันมาดึงภรรยาให้เดินออกมาข้างหน้าเพื่อกล่าวทักทาย
"สวัสดีค่ะ ครู ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อย่าเรียกนงว่าคุณเลยค่ะ เรียกชื่อนงเฉย ๆ ก็พอ”
"งั้นก็เรียกพี่ว่าพี่อรนะคะ รวมทั้งกานต์ด้วย ห้ามเรียกครูเหมือนกัน ครูน่ะให้เด็กนักเรียนเรียกก็พอแล้ว”
ทั้งสองหัวเราะแล้วก็ตอบรับโดยไม่โต้แย้งใด ๆ ก่อนที่อนงค์จะขอตัวไปช่วยนวลและทองขนของเข้าบ้าน ส่วนกานต์เดินเข้าบ้านไปเตรียมเอกสารการสอนเอามาให้อรศรี
เมื่อเห็นอนงค์กานต์เดินวนขนของจากท้ายกระบะเข้าบ้านเป็รอบที่สอง ชากรก็ไม่อยากนั่งอยู่เฉยอีก รีบลุกขึ้นไปช่วย และได้รับสายตาแสดงความขอบคุณจากทั้งแม่และลูกสาว
"นิดหิวไหมลูก เอาขนมนี่ไปแบ่งกินกับพี่เขาก่อน แม่ขอทำกับข้าวเพิ่มอีกสองสามอย่าง” เธอซื้อปลาปิ้งและน้ำพริกมาจากตลาดด้วยส่วนหนึ่งแล้ว แต่ตั้งใจจะชวนสองแม่ลูกอยู่กินข้าวด้วยกัน จึงคิดจะทำอาหารง่ายๆ อีกสามอย่างให้เพียงพอกับจำนวนคน อนงค์กานต์เดินมารับขนมจากมือแม่แล้วก็หันมาชวนชากรไปนั่งกินกันที่แคร่
"ตอนเจอคราวก่อน นิดนึกว่าป้าอรกับพี่จะไปเที่ยวดอยกันเสียอีก” เมื่อได้พูดคุยกับคนวัยใกล้เคียงกัน เธอก็สามารถหาเื่มาคุยเพื่อทำลายความเงียบได้อย่างสบาย
"วันนั้นแม่พาพี่ไปสมัครเรียนน่ะ ไม่นึกเลยจะเจอคนมาวิ่งชนแต่เช้า ฤกษ์ดีจริง ๆ” เล่าพลางปรายตามองเด็กหญิงอย่างกล่าวหา
อนงค์กานต์หัวเราะเสียงแห้ง ไหนใครว่าผู้ชายไม่ชอบแค้นฝังหุ่น "แต่นิดก็เจ็บมากกว่าตั้งเยอะ ถือว่าหายกันน่า"
"แล้วพี่เข้าเรียนที่ไหนเหรอ"
"โรงเรียนเวียง์" อนงค์กานต์ทำตาโตเมื่อได้ยิน
"โรงเรียนเดียวกับนิดเลย พี่อยู่ชั้น ม.2 ใช่รึเปล่า" เมื่อเห็นเขาพยักหน้ารับ เธอก็ยิ้มยิงฟันส่งให้แล้วก็พูดต่อ "อยู่ตึกเดียวกันด้วย แต่คนละชั้น ตอนอยู่โรงเรียน พี่มีอะไรสงสัยหรือมีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกนิดได้เลย นิดช่วยได้หมดแหละยกเว้นเื่การเรียน ฮ่าฮ่า..."
"แสดงว่าเรียนไม่ค่อยเก่งสิเรา"
"เรียนได้ เข้าใจดีด้วย เพียงแต่ตอนสอบตอบคำถามได้ไม่ค่อยตรงกับที่ครูอยากได้เท่านั้นเอง" อนงค์กานต์เลี่ยงบาลี ทำเอาชากรหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ ถึงจะเรียนไม่ค่อยดีแต่ท่าทางจะเอาตัวรอดเก่งทีเดียว
-----
"พอกินได้ไหมคะพี่อร" เมื่อคุยธุระเสร็จ กานต์และอนงค์ก็รั้งตัวให้ทั้งสองอยู่กินอาหารด้วยกันก่อน เมื่อเห็นถึงความตั้งใจของสองสามีภรรยา อรศรีจึงตอบตกลงอย่างว่าง่าย
"อร่อยเลยแหละค่ะ โดยเฉพาะผัดกะหล่ำใส่วุ้นเส้นนี่อร่อยมาก ๆ วันก่อนได้ยินครูใหญ่พูดชมฝีมือทำอาหารของนงอยู่ พอได้มากินจริง ๆ อร่อยเกินคาดมาก ดูตาเอกก็ได้ ปกติเป็คนกินยาก แต่วันนี้ไม่ว่าเมนูไหน ก็ตักเข้าปากไม่หยุดเลย"
"ถ้าชอบ คราวหน้าก็แวะมากินด้วยกันบ่อย ๆ นะคะ เอกด้วย ถ้าวันไหนแม่ไม่ว่างก็แวะมากินข้าวที่บ้านน้าได้เลย กินกันหลาย ๆ คนสนุกดี"
"สงสัยพวกเราคงได้อ้วนกันคราวนี้แหละ สบายแล้วเนอะเอก" อรศรีหันไปพูดขำ ๆ กับลูกชาย
"พี่พอจะปรับตัวได้บ้างรึยังครับ"
"สบายมากทีเดียวค่ะ อากาศดี เงียบ สงบ ไม่วุ่นวาย ไม่เหมือนที่กรุงเทพฯ ถึงพี่จะอยู่เขตชายแดนเกือบถึงสมุทรปราการแล้ว แต่ก็ดูยุ่งวุ่นวายมากอยู่ดี แต่เมื่อมาที่นี่ พี่กับเอกนี่หลับได้สนิทั้แ่คืนแรกเลย"
"ที่นี่ปกติก็จะเงียบ ๆ คนไม่พลุกพล่านแบบนี้แหละครับ กลางวันก็ออกไปไร่กันหมด จะมาคึกคักหน่อยก็ตอนเย็น ๆ แต่ส่วนมากก็จะไปนั่งคุยนั่งเล่นกันที่ลานชุมชนข้างวัดมากกว่า พอค่ำแล้วก็บ้านใครบ้านมัน ชาวบ้านที่นี่นอนกันไวครับ หลังสองทุ่มไปก็เงียบหมดแล้วทั้งหมู่บ้าน"
"ถ้าพี่มีอะไรให้ช่วยไม่ต้องเกรงใจนะครับ พวกเรายินดี"
"ขอบใจกานต์กับอนงค์มากจ้ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว บ้านพักครูก็ดีมาก ไม่ต้องซ่อมหรือเปลี่ยนอะไร โรงเรียนเอกก็เรียบร้อยหมดแล้ว จะเหลืออีกอย่างคือเื่ทะเบียนบ้าน ตอนนี้พี่ขายบ้านที่กรุงเทพฯ แล้ว และโอนชื่อของพี่กับเอกมาอยู่ที่ทะเบียนบ้านกลาง จะต้องหาที่อยู่ใหม่ภายใน 15 วันค่ะ รอเปิดเทอม พี่ว่าจะปรึกษาครูใหญ่ให้ช่วยหาทะเบียนบ้านสำหรับลงให้หน่อย ขอแค่ฝากชื่อไว้เท่านั้น ส่วนพี่กับลูกก็ยังอยู่ที่บ้านพักเหมือนเดิม"
"พี่กานต์ ทำไมไม่ให้พี่อรไปอยู่ในทะเบียนบ้านเดิมของน้ามาล่ะคะ" อนงค์นั่งฟังเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ ก็เสนอวิธีแก้ปัญหาออกมา
"จริงด้วย พี่อรครับที่บ้านหลังนั้นตอนนี้ว่างนะ" พลางชี้นิ้วไปยังทิศที่บ้านน้ามาตั้งอยู่ "เ้าของเดิมย้ายไปอยู่เชียงใหม่ ผมเลยรับซื้อที่ดินกับบ้านหลังนั้นไว้ ตอนนี้ทะเบียนบ้านยังว่างไม่มีผู้อาศัย สามารถโอนชื่อพี่กับเอกเข้าไปได้เลย เราเป็เ้าบ้านเอง จะสะดวกตอนไปติดต่อหน่วยงานที่ต้องใช้ทะเบียนบ้าน ถ้าไปฝากชื่อกับบ้านคนอื่น เวลาจะใช้ตัวจริงหรือสำเนา คงค่อนข้างยุ่งยากน่าดู"
"ดีมากเลยค่ะ ได้แบบนั้นจริง ๆ พี่ก็โล่งใจมาก" น้ำเสียงของอรศรีแสดงถึงความดีใจและโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด "ขอบใจทั้งกานต์และนงมากนะจ๊ะ ที่ช่วยเหลือพวกเราในครั้งนี้"
"รู้จักกันแล้วก็เหมือนพี่น้องกันค่ะ อะไรที่พอช่วยได้พวกเราก็ยินดี"
"พรุ่งนี้ก่อน 9 โมงเช้า พี่ว่างไหมครับ ถ้าว่างก็เตรียมเอกสารต่าง ๆ แล้วไปหาผมที่ตลาด ผมจะพาไปทำเื่โอนย้ายให้ น่าจะใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง พาเอกไปด้วยนะครับเผื่อเ้าหน้าที่ถามหา"
อาหารมื้อนี้จบลงด้วยความเบิกบานใจของทุกคน อรศรีหมดปัญหาในเื่ที่กังวลใจอยู่ กานต์และอนงค์ก็ได้มิตรที่ดีเพิ่มขึ้น และมิตรภาพนี้ก็ยืนยาวไปตลอด่อายุขัยของพวกเขาเลยทีเดียว
