ร่างของหลินนั่วอีเปล่งแสง ล่องลอยอยู่กลางอากาศลมูเาโชยมา ชายเสื้อโบกสะบัด ผมยาวปลิวไสว เธอมองลงไปยังเบื้องล่าง
เทพปีกเงินทั่วร่างเต็มไปด้วยเืแม้แต่แสงสีเงินเรืองรองยังถูกย้อมด้วยเืสีแดงฉาน บนร่างเต็มไปด้วยาแชวนให้น่าใอย่างยิ่ง
ทั้งคู่ยืนเคียงกันอยู่กลางอากาศท่ามกลางเขางูขาวด้วยท่วงท่าไม่ธรรมดาต่อให้ได้รับาเ็ก็ยังดูโดดเด่นเป็สง่า
ฉู่เฟิงยืนอยู่บนพื้น มือถือคันศรั์ มองนิ่งไปยังเบื้องบนระยะทางไกลเกินไป ยิงเทพปีกเงินไม่ตายหรอก
นี่คือข้อดีของการบินได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเพลี่ยงพล้ำแถมยังหลบอยู่บนฟ้าได้อีกด้วย ต่อให้คนบนพื้นดินร้ายกาจเพียงใด ก็ไม่อาจแตะต้องได้
ชั่วอึดใจที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครเอ่ยปากอะไรเหมือนกับกำลังยืนเผชิญหน้ากัน
เขางูขาว เต็มไปด้วยมนุษย์พิเศษที่ต่างเฝ้าจับตามอง
หลินนั่วอีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวนวล ทว่าท่าทีเ็าใบหน้างดงามไร้ที่ติเหมือนกับแกะสลักมาจากก้อนน้ำแข็ง เป็ความงามอันลึกล้ำ
เธอไม่อยากเป็ศัตรูกับคนเบื้องล่างผู้นั้น หากไม่เป็เพราะมู่เหตุการณ์ที่ทำให้เทียนเสินเซิงอู้เสียหายหนักหนาเช่นวันนี้ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้น
นั่นก็คือเทพปีกเงินแทบจะถูกสังหารด่าวดิ้น
รอบกายหลินนั่วอีมีแสงวูบวาบโอบล้อมเธออยู่ชั้นหนึ่ง แล้วค่อยๆ ลอยขึ้นสูงดึงเทพปีกเงินให้สูงขึ้นไปด้วยกันเป็การป้องกันการโจมตีอย่างไม่คาดฝันของลูกศรกระดูก
“รีบร้อนมากนักหรือ?” เธอเอียงหน้า ลำคอขาวผ่องผมยาวพลิ้วสยาย ดวงตาทั้งคู่จ้องอยู่ที่เทพปีกเงิน มองไปที่แผลเหวอะหวะจากลูกศร
เทพปีกเงินส่ายศีรษะ
บนร่างของเขา าแเ่าั้ทยอยทอแสง อย่างที่ปีกสีเงินนั่น แผลฉกรรจ์ฉีกเปิดเป็บริเวณกว้าง
ยังมีบางาแที่แม้จะสมานตัวแล้ว หากก็ยังอาการหนักอย่างเช่นาแตรงอกที่โดนศรกระดูกทะลวงผ่าน คราบเืเกรอะกรัง
หลินนั่วอีหยิบขวดเจียระไนออกมา ภายในมีน้ำยาสีม่วง เมื่อเปิดจุกขวดออกก็เทใส่แผลฉกรรจ์บนร่างของเทพปีกเงิน
ได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ เืหยุดไหล าแปิดสนิท อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมโชยชาย
หลังจากที่เทียนเสินเซิงอู้ได้ลูกไม้วิเศษมาส่วนของเวชศาสตร์พันธุกรรมก็พัฒนาอย่างพรวดพราด คิดค้นน้ำยาสูตรลับได้หลายขนาน
มนุษย์พิเศษบางคนที่มีความสามารถบินได้ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาล้วนมีปีกต่างพากันห้อมล้อมหลินนั่วอีและเทพปีกเงินไว้ตรงกลาง
ที่จริงแล้ว จุดนั้นห่างจากพื้นดินเป็อย่างมากจะลูกศรหรือะุปืนย่อมยากที่จะยิงมาถึง
ไม่นานนัก คนของโพธิจีนส์ก็เร่งรุดมาพวกมนุษย์พิเศษที่บินได้ต่างก็เผชิญหน้ากับพวกหลินนั่วอีบางคนก็ขยับเข้าใกล้ฉู่เฟิง
ติงซือถงปรากฏตัวขึ้น ท่ามกลางการอารักขา เธอเยื้องกรายออกมาจากแนวป่าหยุดอยู่ไม่ห่างจากฉู่เฟิงสักเท่าไหร่
บนเขา มนุษย์พิเศษจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็แตกตื่นสุมหัวซุบซิบกันทันที
พวกเขาสังหรณ์ว่า โพธิจีนส์คิดจะโน้มน้าวฉู่เฟิง ยามนี้ก็ต้องแสดงตัวเป็มิตรไว้ก่อน
ห่างออกไป ชายหนุ่มผอมบางหวีผมทรงเสยที่แอบอยู่บนยอดเขาพอเห็นเช่นนี้เข้าก็อดไม่ได้ที่จะะโ “นางฟ้าของผม!”
โจวเฉวียนตื่นเต้นหนักมาก แต่ก็ใ เขาไม่ได้หนีไปไหนได้แต่แอบดูอยู่ห่างๆ ตอนแรกก็เป็ห่วงฉู่เฟิง แต่ต่อมาพอเห็นมาดห้าวของเขาเข้าก็อ้าปากค้างจนคางแทบหลุดไปกองกับพื้น
ตอนนี้ มาเห็นว่านางฟ้าแห่งปวงประชา ติงซือถง มุ่งตรงไปทางนั้นเป้าหมายก็คือฉู่เฟิง เขายิ่งเนื้อเต้นไม่หยุด
“เขาคือหนิวเสินหวัง ผมเองก็เป็สมาชิกตระกูลหนิวเหมือนกันนะ”โจวเฉวียนตบเขาที่ซ่อนอยู่ในทรงหวีเสย เป็ครั้งแรกที่รู้สึกว่า เออมันก็ไม่ได้ดูเลวร้ายเนอะ
อย่างน้อย เขาก็ไม่รู้สึกขัดหูขัดตาแล้ว
ในป่า ฉู่เฟิงระวังตัว ไม่ว่าจะเป็เทียนเสินเซิงอู้ หรือโพธิจีนส์ ถ้าเป็ไปได้อยู่ห่างไว้เป็ดี
บริษัทั์ใหญ่พวกนี้ยากแท้หยั่งถึง เข้าใกล้พวกเขามากเกินไปก็ยากนักที่จะบอกได้ว่าโชคดีหรือเคราะห์ร้าย
หากไม่เป็เพราะมู่คิดกำจัดเขา หากไม่เป็เพราะเทพปีกเงินคิดสังหารเขาพอเสร็จธุระเขาก็กะจะสะบัดตูดหนีแต่แรกแล้ว ไม่อยู่ก่อเื่วอดวายอย่างนี้หรอก
“เจียงลั่วเสิน” หลินนั่วอีที่อยู่กลางอากาศเอ่ยปากคนที่อยู่เบื้องล่าง
มนุษย์พิเศษต่างก็พากันสงสัย ใครคือเจียงลั่วเสิน?
เมื่อมองตามสายตาของเธอ หรือจะเป็ ... ติงซือถง
แน่นอน ติงซือถงตอบกลับด้วยรอยยิ้มหวาน เอ่ยว่า “เธอคือหลินนั่วอี?”
คนไม่น้อยงุนงง นางฟ้าแห่งปวงประชามีอีกชื่องั้นหรือ เจียงลั่วเสิน?
คนจำนวนน้อยที่รู้ความนัยกระซิบกระซาบบอกคนข้างๆ ว่าชื่อจริงของเธอคือเจียงลั่วเสิน ส่วนติงซือถงนั้นเป็ชื่อในการแสดง
ตระกูลเจียง เป็หนึ่งในสมาชิกสำคัญของกลุ่มโพธิจีนส์พวกเขา้าให้ลูกหลานปกปิดตัวตน ไม่เช่นนั้นยามกระทำการใดจะดึงดูดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้ง่ายดาย
ผู้คนต่างเข้าใจในทันที!
...
อันนาม ลั่วเสิน1 นั้นย่อมไพเราะอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครๆ ต่างก็เหมาะสมกับชื่อนี้
มันชัดเจนอย่างยิ่งว่าสาวน้อยตระกูลเจียงนางนี้มีคุณสมบัติมากพอไม่เช่นนั้นแล้ว ภายในระยะเวลาอันสั้น เธอคงไม่ได้รับสมญานามว่านางฟ้าแห่งปวงประชา
“คุณใจร้อนไป” กลางอากาศ หลินนั่วอีเอ่ยขึ้นมา ใบหน้างดงามเ็า เธอเสยผมตาสวยจ้องลงมาเบื้องล่าง
คำพูดของเธอเรียบง่าย การจะเตือนหนิวเสินหวัง พูดเพียงไม่กี่คำก็พอแล้วพูดมากไปกลับจะไม่เป็การดี
เกมในตอนแรกก็เดินไปได้ด้วยดี สุดท้ายกลับถูกมู่ทำเสียแผน
มู่ถูกสังหารไปแล้ว เทพปีกเงินก็ได้รับาเ็ หลินนั่วอีย่อมไม่มีทางญาติดีกับหนิวเสินหวังแต่เธอก็ไม่้าให้ทางโพธิจีนส์ดึงคนไปเป็พวก
เจียงลั่วเสินยิ้มอ่อน ร่าเริงอย่างยิ่งหยาดเยิ้มเสียจนหนุ่มน้อยทั้งหลายต่างก็พร่ำเพ้อ เธอยิ้มพลางเอ่ย “คุณกังวลเหรอ?”
ท่าทางเธอสบายๆ ไม่พูดอะไรมากมาย แล้วก็ไม่ปิดบังความ้าที่จะดึงหนิวเสินหวังไปเป็พวกด้วยแถมยังจี้ใจดำหลินนั่วอีเข้าอย่างจัง
สำหรับหลินนั่วอีแล้ว เื่นี้เป็ปัญหาใหญ่หรือจะต้องปิดเกมกับหนิวเสินหวังให้ได้? แต่จะลงมือตอนนี้ก็ไม่เหมาะอย่างยิ่งไม่เช่นนั้น อาจเสียหายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
หรือจะดึงเขามาเป็พวก? นั่นยิ่งเป็ไปไม่ได้เกมที่มู่เดินพลาด ใครมาเดินต่อต่างก็จนปัญญา
กลางอากาศ หลินนั่วอีสงบนิ่ง มองไปทางเจียงลั่วเสิน เอ่ยว่า“ยิ้มแรกล่มเมือง ลืมแสดงความยินดีกับเธอไปเลย”
มนุษย์พิเศษหลายคนงุนงง แต่แล้วก็เข้าใจโดยพลัน
คนจำนวนไม่น้อยต่างก็รู้ดีว่า นางฟ้าแห่งปวงประชาเป็มนุษย์พิเศษความสามารถของเธอนั้นไม่ต่างกับจิ้งจอกขาวเก้าหางในตำนาน พละกำลังมหาศาล และที่สำคัญก็คือ สามารถล่อลวงใต้หล้าให้อยู่ในอำนาจ!
หลินนั่วอีใช้คำพูดวกวน ยิ้มแรกล่มเมือง ยิ้มอีกคราล่มชาติ2 นี่คือจงใจจี้ถึงความสามารถในการล่อลวงอันไร้ขอบเขตของจิ้งจอกขาวเก้าหางในตำนานอย่างนั้นหรือหรือว่าเธอกำลังเตือนหนิวเสินหวัง?
เธอก็พูดออกไปลอยๆ อยู่ที่ใครจะคิดอย่างไร
เจียงลั่วเสินไม่ได้ใส่ใจนัก หญิงสาวพกเอาเสน่ห์เกินร้อย เดินฉับๆไปทางฉู่เฟิง
พอเข้าใกล้ เธอก็พูดอย่างตรงไปตรงมาเชื้อเชิญฉู่เฟิงให้เข้าร่วมกับกลุ่มโพธิจีนส์เธอพูดอย่างเปิดเผยว่ามาเชิญเขาโดยเฉพาะ แล้วแย้มรอยยิ้มพิมพ์ใจ
แต่ฉู่เฟิงคิดต่าง หลังจากโลกเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ก็ยิ่งลึกลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์พิเศษปรากฏกายบ่อยขึ้นแม้แต่พลังอำนาจของจิ้งจอกขาวเก้าหางในตำนานก็สามารถกันได้แล้วหรือ?
“นางฟ้ามาเชิญเอง ผมย่อมยินดีอย่างยิ่ง แต่ว่าตอนนี้ผมไม่อยากอยู่ตรงนี่อีกต่อไป อยากจะไปให้พ้นทันที”
ฉู่เฟิงก็สงบไม่แพ้กัน แถมยังมีแววเล่นหัวอยู่หน่อยๆ
“ถ้างั้น คุณมีนามบัตรไหม วันหลังผมจะเชิญคุณไปดื่มชากันหน่อย?”
คนไม่น้อยต่างมีสีหน้าประหลาด ขอนามบัตรของนางฟ้าแห่งปวงประชาแล้วยังชวนไปดื่มชาอีก เขาพูดอย่างสบายใจ ท่าทางผ่อนคลายเป็อย่างมาก
คนของเทียนเสินเซิงอู้รู้สึกเบาใจ ฟังออกว่าหนิวเสินหวังปฏิเสธทางอ้อมเหมือนกับว่าไม่อยากเข้าร่วมกับโพธิจีนส์
“ได้สิ นี่นามบัตรของฉัน” เหนือความคาดหมายของคนทั้งปวงเจียงลั่วเสินแย้มยิ้มสดใส เป็ธรรมชาติ พลางยื่นนามบัตรออกมาจริงๆ เสียด้วย
มนุษย์พิเศษคนหนึ่งรับมา แล้ววิ่งเหยาะๆ มาส่งให้ฉู่เฟิง
“ได้ ไว้วันไหนคุณว่าง ผมขอเชิญนะ”ฉู่เฟิงพูดจบก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่รีรอ ก็ในเมื่อไม่อาจสังหารเทพปีกเงินได้อยู่ต่อไปก็เท่านั้น
ขณะเดียวกันเขาเองก็ไม่อยากเข้าไปแทรกกลางระหว่างสองั์ใหญ่เทียนเสินเซิงอู้กับโพธิจีนส์รีบเผ่นออกมาเป็ตัวของตัวเองดีกว่า ถึงเวลาจะได้หนีออกมานอกวงได้
“พี่น้อง นี่เป็นามบัตรของฉัน” ถึงตอนนี้ก็มีคนวิ่งตามมาเป็โจวอี่เทียนนั่นเองที่วิ่งตามหลังเขาพลางเอ่ยอย่างตื่นเต้น
ฉู่เฟิงหันกลับไปมอง พอเห็นเขาเข้าก็เผ่นแน่บทันทีเขาไม่อยากไปแสดงบันทึกตำนานาแห่งมหาเทพปีศาจวัวอะไรนั่น
เหล่ามนุษย์พิเศษล้วนตะลึง จากนั้นก็หัวเราะลั่นหนิวเสินหวังผู้ห้าวหาญถึงกับเผ่นหนีไม่เป็ท่า?
“หนิวเสินหวัง ช้าก่อนสิ!” โจวอี่เทียนะโโหวกเหวก
“ไม่ต้องตามฉันมาเลยนะ ข้างหลังคุณยังมีนางฟ้าของปวงประชาอยู่ไงไปขอความร่วมมือจากเธอเถอะ” ฉู่เฟิงโกยแน่บ พริบตาก็ไม่เห็นเงา
“ฮ่าฮ่า...” มนุษย์พิเศษพากันหัวเราะลั่น
“ผมต้องเชิญนางฟ้าเจียงแน่นอน” โจวอี่เทียนยังคงะโไล่หลัง
ว่าแล้วก็พูดจริงทำจริง เขาไม่ได้ไล่ตามฉู่เฟิง แต่วิ่งไปทางเจียงลั่วเสินออกปากอย่างกระตือรือร้น เชื้อเชิญเต็มที่
เจียงลั่วเสินใบหน้าหมดจดงดงาม เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ทว่าพอได้ยินที่เขาพูด ใบหน้าขาวนวลถึงกับหมองคล้ำทันควัน
“นางฟ้าเจียงครับ ผมเอาจริงนะ!”โจวอี่เทียนพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่านี่เป็อภิมหาซีรีส์ฟอร์มั์เชียวนะ
“คุณว่าไหม ตรงนั้นน่าจะมีคนที่เหมาะสมอย่างมากอยู่คนไม่ใช่หรือ?” เจียงลั่วเสินยิ้มน้อยๆ ชี้ไปทางหลินนั่วอีที่อยู่กลางอากาศ
“เหาะเหินเดินอากาศได้ อย่างกับในนิทานแน่ะ ไหนจะมาดเยือกเย็นเป็สง่าความสวยระดับนั้น มันใช่เลย” โจวอี่เทียนเอ่ย
แต่พอเขาหันหน้ากลับมา เจียงลั่วเสินก็เผ่นแน่บไปไกลแล้วไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดอะไรเลยสักนิด
เขาอยากไล่ตามไป แต่ก็มีมนุษย์พิเศษมาขวางทาง
“ผู้กำกับ เอาไงดี?” ด้านข้างมีคนกระซิบถาม
“ไม่เป็ไร ยังไงก็ถ่ายเก็บภาพสองสาวนี่ไว้หมดแล้ว สองนางเอกดังร่วมแสดง!” โจวอี่เทียนคุยโว
ทว่า พอพูดจบเขาก็เหลียวมองรอบด้านอย่างระแวดระวัง พอเห็นว่าไม่มีคนสนใจก็ะโขึ้นอีก “ไป ทำงานต่อ ถ่ายเก็บฉากให้ครบทุกมุม!”
นอกเขตเขางูขาว หวงหนิวหยุดวิ่ง มันมีลางประหลาดรู้สึกกระวนกระวายตลอดเวลา เป็เพราะก่อนหน้านี้ มันััได้ว่าบริเวณนี้ผิดปรกติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้มันรู้สึกได้ว่าเบื้องหน้าเต็มไปด้วยอันตรายร้ายแรง!
แต่ว่า ถ้าหยุดวิ่ง เทพวัชระก็จะตามมาทัน จะไปต่อก็ไม่ได้จะหยุดอยู่ก็ใช่ที่ ทำเอามันปวดหัวหนักมาก
ทันใดนั้น มันก็เห็นวัวั์สีดำตัวหนึ่ง ยืนเคี้ยวหญ้าอ้อยส้อยอยู่ตรงปากทางิัและขนดำขลับเป็มันเลื่อม
พอหวงหนิวเห็นมันเข้า ลูกั์ตาพลันเป็ประกาย เริ่มวางแผนร้าย
มันรีบซ่อนกล่องเหล็ก จากนั้นลอกชุดหนังออกอย่างรวดเร็ว
มันก้มลงมองตัวเองที่ิัและขนทั่วทั้งตัวสีทองอร่ามแล้วสะบัดตัวอย่างแรง สีเหลืองทองพลันหดหาย มันกลายเป็วัวสีดำแทน
แน่นอนว่า มันตัวเล็กอย่างยิ่ง ก็ไม่ได้ตัวใหญ่โตมาแต่ไหนแต่ไรมองดูแล้วเหมือนลูกวัวตัวหนึ่ง
สีของเขาวัวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่ใช่สีเหลืองทองแลดูไม่ต่างไปจากเขาวัวธรรมดาทั่วไปแม้แต่น้อย แล้วมันก็เดินส่ายอาดๆ ออกมา
มันเข้าไปใกล้วัวั์สีดำโดยทิ้งระยะห่างออกมาหน่อยยืนเคี้ยวหญ้าอ่อนสบายอกสบายใจ
วัวั์สีดำเองก็ไม่ได้สนใจมัน ต่างฝ่ายต่างนิ่งไม่เหมือนกับว่าที่ตรงนี้จู่ๆ ก็มีลูกวัวตัวกะเปี๊ยกเพิ่มขึ้นมาอีกตัว
เทพวัชระพ่นลมยาว วิ่งไล่มาตลอดทาง เขาโมโหที่จู่ๆก็ถูกคนประหลาดลอบทำร้ายจนลูกสนสีม่วงทองถูกชิงหายไป ตอนนี้เขารู้สึกกดดันหนักมาก
ถ้าหากไม่ได้มาั้แ่แรกก็แล้วไป แต่นี่ตกลงสู่มือแล้วกลับถูกคนฉกไปเสียนี่
พอวิ่งมาถึงตรงนี้ เขาก็ชักจะลังเล หยุดวิ่งเพราะเขาเองก็ััได้เช่นกันว่าตรงขอบเขตของเขางูขาวคลับคล้ายกับมีอันตรายร้ายแรงรอคอยอยู่เบื้องหน้า
ระหว่างที่เทพวัชระกำลังงุนงงสงสัย ด้านหลังของเขาเ้าวัวน้อยที่กำลังเคี้ยวหญ้าอยู่พลันยืดตัวขึ้นอย่างไม่กระโตกกระตากแล้วกระแทกกีบตึงตึงตึงอย่างแรงไปที่หลังศีรษะของเขา
โดนลอบกัดอย่างนี้ เทพวัชระถึงกับเห็นดาว จากนั้นภาพตรงหน้าดับวูบหัวแทบจะทิ่มลงกับพื้น
เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น เขาโดนไปอย่างต่ำห้ากีบพละกำลังมหาศาลขนาดทลายหินั์หนักห้าตันได้ หากเป็คนอื่นหัวคงเละเป็แตงโมแตกไปแล้ว
แต่ในเมื่อเป็เขาผู้มีร่างเป็ะ จึงได้แต่ทนเ็ปอย่างสุดประมาณ
เทพวัชระเพลิงโทสะพลุ่งพล่าน โดนลอบกัดอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาหันขวับมามองกลับเห็นเพียงแค่ลูกวัวตัวหนึ่ง เขาถึงกับตาค้าง
ไอ้บ้าเอ๊ย นี่มันแค่...ไอ้ลูกวัวตัวหนึ่งเนี่ยนะ!?
เทพวัชระนึกย้อนไปก่อนหน้านี้ ลักษณะพิเศษของคนประหลาดผู้นั้นพอฉกกล่องเหล็กไปแล้ว คล้ายๆ กับจะทิ้งแขนขาทั้งสี่ลงกับพื้นแล้วเผ่นแน่บ?
เขายังคิดว่าคนผู้นั้นเชี่ยวชาญวิชาเหาะเหินเดินอากาศเพื่อที่จะปีนผาสูงชันอย่างรวดเร็วว่องไวจึงใช้มือเท้าทั้งสี่ไม่นึกไม่ฝันว่ามันจะเป็สัตว์กลายพันธุ์!
เทพวัชระโมโหสุดขีดจนสติแตก ควันพ่นออกจากทวารทั้งเจ็ดที่แท้ก็โดนไอ้ลูกวัวดำปิดปี๋ตัวนี้กระทืบหลังหัวติดๆ กันสองครั้งเห็นเขายอมถูกรังแกง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?!
เขาฝืนทนความเจ็บที่หลังศีรษะ กระโจนเข้าหาหวงหนิว กะจะสู้กับมันสักตั้ง
หวงหนิวใจแป้วไปเล็กน้อย มันมองออกว่าร่างกายของเทพวัชระแข็งแกร่งสุดประมาณทนมือทนเท้าเป็อย่างยิ่ง แจกไปแล้วตั้งหลายกีบ แต่ก็ยังล้มเขาไม่ได้อย่างนี้งานเข้าเสียแล้ว ตึงมืออย่างยิ่ง
“ตึงตึงตึง...”
มาถึงตอนนี้ วัวั์สีดำตัวนั้นที่อยู่ห่างออกไปพลันลงกีบทันทีรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ จังหวะที่เทพวัชระหันไปรับมือกับหวงหนิววัวั์สีดำพลันยกตัวขึ้นกระแทกเขาเข้าให้อีกสี่กีบทันที
ตัวของมันใหญ่ั์ พละกำลังย่อมมหาศาลสุดประมาณ
ตึงตึงตึง...
เสียงกระแทกหนักๆ ดังขึ้น
เทพวัชระตาเหลือก ร่างชักกระตุก ยืนไม่อยู่ เขาฝืนหันไปมองด้านหลัง
หัวโดนกีบวัวั์กระแทกอีกชุดแล้วหรือนี่!
นี่มันอะไรกัน? หวงหนิวตาค้าง ทำหน้าอย่างกับเห็นผี
เทพวัชระเป็บื้อ หวงหนิวเองก็ใบ้กินตามไปด้วย
********************************
1ลั่วเสิน 洛神 ตามตำนานเทพเ้าของจีน ลั่วเสินเป็ภรรยาของเหอป๋อ 河伯 ซึ่งเป็เทพแห่งแม่น้ำฮวงโห (黄河 หวงเหอ)ได้ชื่อว่าเป็ตัวแทนแห่งความมั่งคั่งและรุ่งเรืองต่อมาใช้แทนความหมายของหญิงในฝันที่ชายใฝ่ฝันอยากได้มาเป็คู่ชีวิต แม่น้ำลั่วเป็สาขาหนึ่งของแม่น้ำฮวงโหต้นกำเนิดอยู่ในเขาหวาซาน มณฑลส่านซี (陕西) อีกตำนานกล่าวว่า ลั่วเสินเป็ธิดาของฝูซีผู้ก่อกำเนิดมนุษยชาติ แต่นางจมน้ำตาย จึงกลายเป็เทพแม่น้ำ ในบทกวี ลั่วเสินฟู่ (洛神赋)เป็บทกวีอันลือลั่นที่แต่งโดยโจสิด (曹植 เฉาจื๋อ) ลูกโจโฉ สรรเสริญความงามของลั่วเสินเชื่อว่าเป็กลอนที่แต่งให้นางเอียนสี (甄洛เจินจี่) ซึ่งเป็ฮองเฮาของโจผี (曹丕 เฉาพี)
2 ยิ้มแรกล่มเมืองยิ้มอีกคราล่มชาติ มาจากเพลงหญิงงามของหลี่เหยียนเหนียน (李延年) ท่อนที่ว่า “ชายตาคราแรกล่มเมืองชายตาอีกคราล่มชาติ” (一顾倾人城,再顾倾人国) เขาแต่งเพลงนี้ร้องถวายฮ่องเต้ฮั่นอู่ตี้ภายหลังน้องสาวของหลี่เหยียนเหนียนถวายตัวเข้าวังและได้รับการแต่งตั้งเป็หลี่ฟูเหริน(李夫人) ส่วนสำนวนล่มชาติล่มเมืองนั้น หมายถึงหญิงสาวที่งดงามอย่างมากจนนำหายนะมาให้ประเทศชาติ อันมีที่มามาจากนางเปาซื่อ (褒姒) สนมของฮ่องเต้โจวโยวหวัง (周幽王) แห่งราชวงศ์โจวตะวันตก นางมีหน้าตางดงามหากไม่เคยมีรอยยิ้ม ฮ่องเต้จึงคิดวิธีให้จุดไฟตีกลองส่งสัญญาณว่ามีข้าศึกบุกประชิดทางแม่ทัพนายกองและอ๋องทั้งหลายตามหัวเมืองชายแดนเห็นสัญญาณก็รีบระดมทัพมาช่วยทันทีแต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เปาซื่อพอเห็นแม่ทัพยกทัพมาเก้อก็หัวเราะออกมาต่อมาแคว้นเซินยกทัพมาตีเมืองจริงๆ โจวโยวหวังจุดไฟตีกลองเรียกทัพแต่กลับไม่มีเมืองไหนยกกำลังมาช่วย เมืองถูกตีแตก ฮ่องเต้โจวโยวหวังสิ้นพระชนม์ราชวงศ์โจวตะวันตกสูญสิ้น ส่วนเปาซื่อหายสาบสูญ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้