ล่วงเลยเข้าปลายยามห้ายอวี้จิ่นออกจากห้องพัก แสร้งเดินเล่นไปตามถนนในเมืองเฉียนโจว ในมือข้างซ้ายถือลูกผิงกั่วกัดกินไปด้วย ท่ามกลางความเงียบสงัดอย่างที่คนบังคับรถม้าบอก ทำให้รู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อยแต่นั่นไม่ช่วยให้ความรู้ลดลงแต่อย่างใด ้าหลังคายังมีคนกลุ่มหนึ่งคอยตามอวี้จิ่นไปเงียบ ๆ
หลังจากเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่หลายมุมจนเริ่มจะเมื่อยขา และอวี้จิ่นคิดว่าคืนนี้ไม่น่ามีเหตุการณ์ในข่าวลือเกิดขึ้น จึงคิดจะเดินกลับโรงเตี๊ยมเพื่อนอนพักเอาแรงยามที่กำลังคิดเื่กลับห้องพัก ก็มีเสียงหัวเราะแทรกเข้ามาด้วยบรรยากาศที่เงียบเชียบ พอมีเสียงหัวเราะดังขึ้นมากลับกลายเป็ความรู้สึกน่ากลัว สำหรับคนในเมืองเฉียนโจวยิ่งแต่อวี้จิ่นทำเพียงหยุดเดินและรอคอยอย่างตั้งใจ ว่าผีสาวตนนี้จะทำอะไรกับนางถ้าหากนางถามคำถามออกไป มันจะตอบคำถามของนางได้หรือไม่
“ฮิ ๆ ๆ อาหารของข้า”
“โอ๊ะ!! ในที่สุดก็ออกมาจนได้ขอดูหน้าหน่อยก็แล้วกัน ว่าจะเป็ผีสาวใบหน้างดงามหรือน่าขยะแขยง”
“ฮ่า ๆ ๆ มาเป็อาหารให้ข้าเสียเถิดเด็กน้อย แผล่บ ๆ”
“ขวับ!! สวัสดีตอนดึกเ้าค่ะเป็ผีทำไมถึงรู้สึกหิวได้ล่ะ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะว่าิญญาคนตายจะรู้สึกหิวเหมือนคนปกติ”
“...?”
“อ๋า เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยทำไมเงียบไปไม่ตอบคำถามข้าล่ะ หรือว่าจะหิวจนพูดไม่ออกเอานี่ไปกินรองท้องก่อนไหม ผลไม้นี้เรียกว่าผิงกั่วมันอร่อยมากเลยนะลองชิมดูแล้วเ้าจะติดใจ” อวี้จิ่นหันไปถามกับผีชุดขาวผมเผ้ารุงรังไม่เห็นใบหน้า และยังมีน้ำใจยื่นผลผิงกั่วให้ผีได้ชิมอีก
‘อึก...!?นังเด็กนี่มีผลไม้ราคาแพงได้อย่างไร จากเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ดูก็รู้ว่าฐานะยากจนแต่กลับมีผลผิงกั่วกินอย่างเอร็ดอร่อย ข้าทำงานให้ใต้เท้าอวี่มาตั้งนานยังไม่กล้าซื้อมากิน ฮึ่ม นี่นางกล้าหยามข้าซึ่งหน้าเช่นนี้เชียวรึคงต้องสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว’
เจียนฉือลูกน้องอีกคนของเ้าเมืองเฉียนโจว คิดอย่างดูถูกฐานะของอวี้จิ่นจากเสื้อผ้าที่นางใส่อยู่ เขาทำหน้าที่แต่งตัวเป็ผีสาวออกมาอาละวาดหลายเดือน เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้ชาวบ้านทั้งในเมืองและนอกเมือง สำหรับเปิดทางให้เ้าเมืองเฉียนโจวและคนใต้บัญชาขององค์ชายหก ลักลอบนำเกลือเถื่อนเข้ามาก่อนจะกระจายออกไปขาย และวิธีนี้ช่วยให้องค์ชายหกได้เงินจากการค้าเกลือเถื่อนแต่ละครั้งหลายหมื่นตำลึงทอง ซึ่งจะนำไปเลี้ยงดูกองกำลังที่แอบซ่องสุมไว้
“พี่สาวอย่าได้เกรงใจมีของดีก็แบ่งกันกินคนละนิดคนละหน่อย กินคนเดียวมันจะไปอร่อยได้อย่างไรกัน อ่ะ ท่านถือไว้แล้วค่อยกัดทีละนิดจะได้รู้ว่ามันอร่อยมากแค่ไหน” อวี้จิ่นฉวยโอกาสที่เจียนฉือยืนนิ่งจ้องมาที่นางเดินเข้าไปใกล้และจับมือของเขาขึ้นมา
แต่สิ่งที่อวี้จิ่นคาดไม่ถึงคือภาพที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ััมือของเจียนฉือและนางเอาแต่ยืนนิ่ง เพราะกำลังปะติดปะต่อเื่ราวจากภาพที่เห็นว่าแท้จริงแล้วเป็อย่างที่นางคิด ข่าวลือที่เกิดขึ้นคือฝีมือของคนและยังเป็ขุนนางอีกด้วย
ขณะนั้นเองกลุ่มคนที่คอยตามอวี้จิ่นมาเห็นว่านางยืนนิ่งไม่ยอมขยับ ฟู่หลงเหยียนกำลังคิดว่านางคงถูกทำร้ายจึงะโลงไปด้านล่างทันที เป็่เวลาเดียวกับที่เจียนฉือใช้มือทั้งสองข้างผลักร่างของอวี้จิ่น เนื่องจากนางไม่ทันระวังตัวเมื่อถูกผลักออกอย่างแรงร่างของอวี้จิ่นจึงหงายหลัง เกือบจะาเ็เพราะความไม่รอบคอบของตนแต่เป็ฟู่หลงเหยียนที่ะโเข้ามารับร่างของนางเอาไว้เสียก่อน
“ปึก อ๊ะ!!”
“พรึ่บ! หมับ! ตุบ”
“พวกเ้าสามคนช่วยกันจับตัวมันไว้อย่าปล่อยให้หนีรอดไปได้” ฟู่หลงเหยียนเมื่อรับร่างบางไว้แล้วจึงออกคำสั่งกับคนสนิททั้งสามทันที
“ขอรับ/ขอรับ/ขอรับ”
“าเ็ที่ใดหรือไม่” เมื่อร่างบางยืนได้มั่นคงฟู่หลงเหยียนจึงถามถึงอาการาเ็กับร่างบางในอ้อมแขน
อวี้จิ่นที่ยังหลับตาอยู่เพราะคิดว่าตนเองต้องเจ็บตัวแน่ ๆ แต่พอได้ยินเสียงทุ้มติดไปทางดุเล็กน้อยถามกับตนเอง จึงตอบกลับไปทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่เช่นเดิม
“มะ มะ ไม่เ้าค่ะดีที่ท่านมารับข้าไว้ทันจึงไม่าเ็ ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าเอาไว้เ้าค่ะ”
“หึ ควรมองหน้าผู้มีพระคุณยามต้องพูดคำว่าขอบคุณมิใช่หรือ”
“อ่อ ขอบคุณคุณชายมากที่ช่วยรับข้าเอาไว้จะ จะ เ้าค่ะ” อวี้จิ่นพูดจบและเงยหน้ามองผู้มีพระคุณก่อนจะอึกอัก เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างทั้งยินดีและเกรงกลัวในคราวเดียวกัน
“หึ ๆ ๆ ไม่เป็อะไรก็ดีเ้าหลบอยู่ด้านหลังข้าจะปลอดภัยกว่านะ และหวังว่าต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้กับเ้าอีก”
“เชอะ! ครั้งนี้ข้าแค่ไม่ทันระวังตัวเท่านั้นแหละเ้าผีบ้านั่นถึงมีโอกาสทำร้ายข้าได้ เป็คนดี ๆ ไม่ชอบกลับชอบทำตัวปลอมเป็ผีสาวมาทำร้ายคน เ้านายสารเลวของเ้าถือว่าฉลาดมากที่ใช้วิธีนี้ แต่แผนการทั้งหมดมันจบลงเมื่อเ้าต้องมาพบเจอคนอย่างอวี้จิ่น ฮึ” อวี้จินไม่ชอบใจที่ถูกบุรุษตรงหน้าดูถูกความสามารถ จึงลืมตัวพูดถึงแผนการของเจียนฉือที่รับคำสั่งจากเ้าเมืองเฉียนโจวออกไปไม่รู้ตัว
“เ้านายสารเลว? แผนการร้าย? ที่เ้าพูดมาหมายความว่าอย่างไร เื่ข่าวลือมีคนบงการอยู่เื้ัใช่หรือไม่!” ฟู่หลงเหยียนได้ยินเต็มสองรูหูและคิดว่าเขาฟังไม่ผิดแน่
“ใช่น่ะสิพวกขุนนางชั่วเห็นแก่เงินสมควรถูกทำโทษ อุ๊บ!!”
“เ้าจะปิดปากตนเองไปทำไมกันพูดมาเสียขนาดนี้ แล้วอย่าคิดจะแก้ตัวว่าเ้าแค่พูดออกมาตามสถานการณ์เพราะมันไม่ทันแล้วล่ะ”
ยังไม่ทันจะโต้ตอบคนรู้ทันเสียงเอะอะจากคนที่ถูกจับตัวได้ เรียกสายตาคนทั้งสองให้หันไปมองเมื่อภายใต้ผมเผ้าที่บดบังใบหน้าไว้ แท้จริงแล้วเป็บุรุษรูปร่างคล้ายสตรีมิใช่สตรีจริง ๆ
“เ้าจะดิ้นไปทำไมให้เหนื่อยถึงอย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่ดี” อู่จิ้งเริ่มรำคาญเจียนฉือที่ไม่ยอมหยุดดิ้น
“ปล่อยข้า!! หากพวกเ้าไม่อยากเดือดร้อนจงรีบปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้ ถ้านายท่านของข้ารู้ว่าพวกเ้าสอดมือเข้ามายุ่ง รับรองว่าพวกเ้าต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่เมืองเฉียนโจวแห่งนี้แน่นอน” เจียนฉือแอบอ้างบารมีเ้าเมืองมาข่มขู่กลุ่มคนที่จับตัวเขาไว้
“ไอหยา ข้ากลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้วเ้านายของเ้าต้องมีอำนาจมากใช่ไหม ถึงได้กล้าให้ลูกน้องอย่างเ้ามาสร้างข่าวลือเช่นนี้” ตงลู่ทำทีว่าเกรงกลัวอำนาจของอีกฝ่ายเหลือเกิน
“นายน้อยจับตัวคนผู้นี้ได้แล้วจะให้พาไปที่ใดดีขอรับ” เฉินอิ่นสอบถามถึงสถานที่สำหรับการไต่สวนหาความจริง
“ปิดปากให้เงียบแล้วพาไปยังตรอกร้างทิศตะวันตก ข้า้ารู้ความจริงทั้งหมดในคืนนี้ก่อนจะวางแผนขั้นต่อไป” แต่นั่นต้องขึ้นอยู่กับสตรีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาด้วย
“รับทราบขอรับ รีบเอาตัวมันไปที่นั่นก่อนจะมีชาวบ้านมาเห็นเข้าเสียก่อน” เฉินอิ่นหันไปกำชับกับสหายอีกสองคนก่อนจะฉีกชายเสื้อของเจียนฉือออกมาอุดปากของเ้าตัวไว้
“อื้อ ๆ ๆ”
อวี้จิ่นที่ยืนมองคนแปลกหน้าพาตัวเจียนฉือไป นางคิดว่าคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตนแล้วจึงจะกลับโรงเตี๊ยม แต่กลับมีมือหนาจับเข้าที่ข้อมือของนางเอาไว้พร้อมกับแรงดึงให้เดินตามคนกลุ่มนั้นไป
“หมับ!!”
“เฮ้ย!! ดะ ดะ เดี๋ยวก่อน ๆ ๆ ท่านจะจับมือข้าไว้ทำไมกันเ้าคะ แล้วจะพาไปที่ใดข้าจะกลับโรงเตี๊ยมของข้านะเ้าคะ”
“หืม ใครบอกว่าจะให้เ้ากลับไปโรงเตี๊ยมในยามนี้ เ้าต้องตามข้าไปและเื่ในคืนนี้เ้ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก เพราะเ้ารู้ในสิ่งที่ข้าไม่รู้ดังนั้นเดินตามไปเสียดี ๆ หากเ้ายังดื้อดึง ข้าจะอุ้มเ้าแทนการจับมือว่าอย่างไรจะเลือกอย่างไหนรึ” ฟู่หลงเหยียนข่มขู่อวี้จิ่นเมื่อนางบอกว่าจะกลับโรงเตี๊ยม
“ข้าเดินเองได้ท่านแค่เดินนำทางไปก็พอเ้าค่ะ” จะเลือกได้ยังไงที่เขาพูดมานางเสียเปรียบทั้งสองทาง
“เอาตามที่ข้าตัดสินใจจับมือเ้าไว้น่ะดีแล้วจะได้ไม่หลงทางเพราะตรอกร้างที่จะไปมันมืดมาก รีบตามพวกนั้นไปเถิดได้เบาะแสทั้งหมดเมื่อไหร่ข้าจะไปส่งเ้าที่โรงเตี๊ยมด้วยตัวเอง” ฟู่หลงเหยียนได้จับมือบางที่เขาสามารถกำได้รอบก็ได้แต่คิดว่า ที่ผ่านมานางได้กินอิ่มท้องบ้างหรือไม่เหตุใดถึงผอมเหลือเกิน
“ข้าจะโต้แย้งไปทำไมในเมื่อท่านตัดสินใจแล้วนี่”
พอเห็นอวี้จิ่นทำหน้าไม่พอใจด้วยการทำแก้มป่องนั่น ทำเอาคนเ็าถึงกับแอบยกยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว เขามองว่าท่าทางของอวี้จิ่นยามนี้ช่างน่ารักมากเสียจริง และอยากจะแกล้งนางบ่อย ๆ ทั้งที่เขาไม่ใช่คนนิสัยขี้แกล้งเลยสักนิด
เมื่อมาถึงตรอกร้างการเค้นเอาความจริงจากเจียนฉือก็เริ่มขึ้น ฟู่หลงเหยียนหาที่นั่งให้อวี้จิ่นในระยะที่ห่างจากคนร้ายพอสมควร เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายฉวยโอกาสใช้นางเป็ข้อต่อรอง
“บอกความจริงเกี่ยวกับนายของเ้ามาทั้งหมดสิ่งที่ทำอยู่โดยใช้ข่าวลือเื่ผีสาวฆ่าคนเพื่ออะไร หากสารภาพโทษหนักจะได้กลายเป็เบา แต่หากไม่ยอมสารภาพเ้าย่อมรู้ดีว่าจะได้รับโทษเยี่ยงไร” ฟู่หลงเหยียนยืนอยู่ด้านหน้าเจียนฉือเพื่อสอบถามความจริง
“เพ้ย!! คิดว่าข้าโง่มากไม่รู้ความคิดของพวกเ้ารึ ไม่ว่าจะพูดหรือไม่พูดก็ต้องรับโทษตายอยู่ดีแล้วข้าจะพูดให้เปลืองน้ำลายทำไม ฮ่า ๆ ๆ”
“อ่อ ถามดี ๆ ไม่ชอบต้องเจ็บตัวก่อนกระมังถึงจะยอมพูด ตงลู่เ้าช่วยถามแบบเจ็บ ๆ กับคนร้ายทีสิข้าอยากรู้ว่าจะปากแข็งได้นานแค่ไหน” ฟู่หลงเหยียนไม่อยากเสียเวลาจึงสั่งตงลู่ออกแรงสั่งสอนเล็กน้อย
“ขอรับนายน้อย”
“ผัวะ! อ่ะ ผัวะ! อั่ก แค่ก ๆ ๆ”
ฟู่หลงเหยียนเห็นตงลู่ลงมือเขาจึงนึกขึ้นได้ว่ายังมีอวี้จิ่นนั่งดูอยู่ จึงรีบเดินไปขวางหน้าของนางไว้เสียก่อนเพราะไม่อยากให้เห็นความรุนแรงนี้
“อ้าว นี่คุณชายท่านจะมายืนบังไว้ทำไมกันเ้าคะ หรือท่านคิดว่าข้าจะหวาดกลัวกับเื่เช่นนี้ท่านสบายใจเถิดข้าไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น”
“งั้นหรือ?”
“อืม ข้าขึ้นเขาต้องพบเจอสัตวดุร้ายเป็ประจำ แค่เื่ลงมือเพื่อเค้นเอาความจริงกับคนร้ายถือว่าเื่เล็กเ้าค่ะ แต่ข้าว่าถึงท่านจะสั่งสอนไปก็เท่านั้นบุรุษผู้นี้ไม่มีทางยอมสารภาพแน่ เอาเป็ว่าครั้งนี้ข้าจะช่วยเหลือให้ท่านจับคนชั่วมาลงโทษก็แล้วกัน ท่านรับปากได้หรือไม่ว่าจะไม่บอกใครว่ารู้มาจากข้าน่ะ” อวี้จิ่นอยากให้ชาวบ้านได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ต้องคอยระแวงเกี่ยวกับเื่ภูตผีอีก อย่างไรเสียความสามารถของนางก็มีไว้ช่วยเหลือคนดี
“ได้ข้ารับปากเ้าจะไม่บอกใครเด็ดขาดว่ารู้เื่ทั้งหมดจากเ้า และยินดีช่วยเหลือหากเ้า้าให้ข้าช่วย ทีนี้บอกมาได้หรือยังว่าเ้ารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับเื่ข่าวลือของเมืองเฉียนโจว”
ฟู่หลงเหยียนถามด้วยน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิม แม้ในใจจะเกิดความสงสัยว่าสตรีร่างบางที่เขายังไม่รู้จักชื่อแซ่ รู้รายละเอียดเื้ัการปลอมเป็ภูตผีได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่เขากับนางเข้าเมืองเฉียนโจวในวันและเวลาเดียวกัน
“อืม ข้ารู้ว่าข่าวลือที่สร้างขึ้นบังหน้านี้เพราะ้าให้ชาวบ้านหวาดกลัว ไม่กล้าออกจากบ้านยามค่ำคืนเนื่องจากเ้าเมืองเฉียนโจว ้าเปิดทางให้พรรคพวก ลักลอบขนเกลือเถื่อนเข้ามาขายทุก ๆ สามเดือน ส่วนคนที่เป็ขุนนางตำแหน่งสูงกว่านั้น ข้าได้ยินท่านเ้าเมืองเรียกว่าใต้เท้าจินและมีอีกคนที่เป็องค์ชายด้วยเ้าค่ะ”
“นี่เ้า!! เ้าเป็สายลับของใครเหตุใดถึงรู้ความลับเื่นี้ได้?” เจียนฉือใกับความจริงที่อวี้จิ่นพูดออกมา
“ห๊ะ!! แค่รู้ความลับชั่ว ๆ ของพวกเ้าข้าต้องเป็สายลับด้วยรึ แต่ข้าเพิ่งจะมาถึงเมืองเฉียนโจวเมื่อกลางวันนี้เองนะ จะมีความสามารถปลอมตัวเป็สายลับเข้าจวนเ้าเมืองทันได้อย่างไร” อวี้จิ่นงุนงงที่คนร้ายกล่าวหาว่านางเป็สายลับของฝ่ายตรงข้าม
“ใต้เท้าจินและองค์ชายงั้นหรือที่แท้คนพวกนี้ก็มีแผนการร้ายต่อราชบัลลังก์จริง ๆ อู๋จิ้งเ้าไปหาเช่าจวนหลังเล็กแล้วนำตัวมันไปขังไว้ที่นั่นอย่าให้หลบหนีออกมาได้ตงลู่เ้าไปช่วยอู๋จิ้ง ส่วนข้าและเฉินอิ่นจะตามหาหลักฐานที่ซ่อนไว้ทั้งหมดเองเมื่อได้หลักฐานค่อยนำตัวนักโทษกลับเมืองหลวง” ฟู่หลงเหยียนคิดไว้แล้วว่าขุนนางในราชสำนักต้องมีส่วน
“รับทราบขอรับนายน้อย”
อวี้จิ่นพอได้ยินคำว่าเมืองหลวงจากปากของฟู่หลงเหยียน จึงนึกบางอย่างขึ้นมาได้และ้าทำข้อแลกเปลี่ยน เพื่อจะขอติดตามเดินทางไปเมืองหลวงกับฟู่หลงเหยียน
“เอ่อ คุณชายพวกท่านมาจากเมืองหลวงหรือเ้าคะ หากข้ามีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างอยากเสนอกับท่านจะได้ไหมเ้าค่ะ”
“หืม เ้ามีข้อแลกเปลี่ยนกับข้าแล้วสิ่งที่เ้า้าแลกเปลี่ยนคือสิ่งใดหรือ” เขาแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ ๆ นางก็บอกว่ามีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่าง
"ข้าแค่จะขอติดตามขบวนเดินทางของพวกท่านไปเมืองหลวงเท่านั้นเ้าค่ะ”
“แค่นี้หรือที่เ้า้าทำการแลกเปลี่ยนกับข้า?”
“ใช่เ้าค่ะ ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะเป็เื่ใหญ่สำหรับท่านและคนติดตามแต่อย่างใด” พวกเขาเก่งกาจถึงเพียงนี้แค่สตรีร่างเล็กอย่างนางคงไม่มีปัญหากระมัง
“ตกลง ข้ายินดีให้เ้าติดตามขบวนเดินทางไปด้วย ว่าแต่สิ่งที่เ้าจะใช้แลกเปลี่ยนในครั้งนี้คืออะไร”
“ข้ารู้ว่าหลักฐานที่คุณชาย้านั้นซ่อนอยู่ที่ไหน และสามารถพาท่านไปเก็บหลักฐานทั้งหมดเพื่อลงโทษขุนนางชั่วได้เ้าค่ะ” อวี้จิ่นพูดด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังมาก แต่มันกลับดูน่ามองสำหรับบุรุษร่างสูงอย่างฟู่หลงเหยียนเสียเหลือเกิน
“อืม เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะส่งเ้ากลับโรงเตี๊ยมนอนพักผ่อนให้มาก แล้วพรุ่งนี้ยามเฉินข้ากับเฉินอิ่นจะไปรอเ้าอยู่ตรงหน้าโรงเตี๊ยม เพื่อไปค้นหาหลักฐานจากที่ซ่อนตามที่เ้าได้บอกเอาไว้”
“เ้าค่ะ”
อวี้จิ่นรู้สึกโล่งอกเมื่อไม่ต้องเดินทางเพียงลำพังอีก แต่เื่นี้กลับทำให้ฟู่หลงเหยียนชอบใจมากกว่า ตลอดการเดินทางกลับเมืองหลวงเขาจะได้ทำความรู้จักกับอวี้จิ่นให้มากกว่านี้ เพราะฟู่หลงเหยียนแน่ใจแล้วว่านางคือคนที่ทำให้หัวใจที่ไม่เคยเต้นแรงกับสตรีใดอีก กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งด้วยการกระทำที่เป็ธรรมชาติของนาง ซึ่งมันแตกต่างกับอดีต
คนรักของเขาที่เป็สตรีมีใบหน้างดงาม กิริยามารยาทอ่อนหวานได้รับคำชื่นชมอยู่เสมอ แต่แท้จริงแล้วเขาไม่เคยรู้จักตัวตนจริง ๆ ของนางเลยแม้แต่น้อย
