ทางร้านจะให้นางนำตำราทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้าชุดหนึ่งกลับไป กระดาษกับหมึกทางร้านเป็คนจัดหาให้ นางจ่ายเงินมัดจำให้กับทางร้านสิบตำลึงเงิน กำหนดส่งสินค้าคืออีกสองเดือน นี่คือข้อตกลงที่หลินหวั่นชิวทำกับร้านตำรา
ภายในสองเดือนนี้ นางต้องหาวิธีเปิดเผยการคัดตำราสู่ที่แจ้งให้ได้ จะให้เอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ เช่นนี้คงไม่ใช่
“เถ้าแก่หลิว ร้านพวกท่านมีหนังสือที่ราคาถูกมากหรือไม่ หนังสือกระไรก็ได้ ขอเพียงแค่ราคาถูกเป็พอ”หลินหวั่นชิวลองถามเพราะนึกขึ้นได้ว่าในเสียนอวี๋มีแผงขายของพื้นฐานห้าช่อง ซึ่งสามารถนำของไปวางขายได้ห้าอย่าง
หนังสือในยุคนี้…ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าเป็ของโบราณ น่าจะขายได้ราคาไม่น้อย หลินหวั่นชิวคิด
“ก็พอมีอยู่ มีนักเขียนนามว่าคนเสเพลแห่งยุทธภพเขียนนิยายส่งมาขายสองปีแล้วแต่ขายไม่ออกสักเล่ม วางกองอยู่ที่มุมนั้นแหละ เ้าลองไปเลือกดูเถิด เล่มละยี่สิบเหรียญทองแดง”
ราคาต่างกันมาก!
หนังสือยุคนี้ราคาแพง ปกติแล้วเล่มละหนึ่งตำลึงเงินขึ้นไป ต่อให้ราคาถูกอย่างไรก็ต้องมีอย่างน้อยสองถึงสามพวงเหรียญ ทว่านี่กลับแค่ยี่สิบเหรียญทองแดง…หนังสือนี่ต้องแย่ขนาดไหนกัน?
หลินหวั่นชิวเหลือบตามองไปทางมุมของร้านตำรา เห็นว่าในตะกร้ามีหนังสือมัดไว้หลายชุด
นางลองพลิกอ่านดู รู้สึกว่าเนื้อหาค่อนข้างดี ไม่ฉูดฉาดหรือไร้รสนิยมแม้แต่น้อย
แม้ไม่ใช่เนื้อเื่ตามแบบฉบับที่ได้รับความนิยมในสมัยโบราณที่มีเทพธิดาจิ้งจอกตอบแทนบุญคุณบัณฑิต คอยช่วยเหลือเคียงข้าง เมื่อบัณฑิตประสบความสำเร็จก็ช่วยสานด้ายแดงกับลูกสาวตระกูลขุนนางใหญ่ จากนั้นค่อยๆ หายกลับเข้าป่า
หลินหวั่นชิวกวาดตาอ่านคร่าวๆ รู้สึกว่าผู้แต่งสำนวนไม่เลว เนื้อเื่มีความลึกซึ้ง คงเป็สาเหตุที่ทำให้ขายไม่ดีกระมัง
“เถ้าแก่หลิว ข้าเอาหนังสือพวกนี้ทั้งหมด ท่านให้ราคาข้าถูกลงอีกหน่อยเถิด” หนังสือในตะกร้ามีทั้งหมดหกมัด มีมัดละห้าถึงหกเล่ม คำนวณดูก็ประมาณเจ็ดร้อยเหรียญทองแดง
เถ้าแก่หลิวคิดจะซื้อใจหลินหวั่นชิวเป็ทุนเดิม เขามีลางสังหรณ์ว่าตำราขนาดเล็กที่สะใภ้น้อยคนนี้ส่งมาจะทำให้เบื้องบนพึงพอใจ
แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครถามถึงหนังสือในตะกร้านั้นอยู่แล้ว วางขายไปก็กินเนื้อที่เปล่าๆ อันที่จริง หากไม่ใช่เพราะคนที่นำหนังสือมาส่งเป็คนที่พวกเขาต่างล่วงเกินไม่ได้ พวกมันคงถูกคนในห้องครัวเอาไปทำเป็เศษกระดาษจุดไฟ
“ข้าให้ราคาทั้งหมดห้าร้อยเหรียญทองแดง ตะกร้านี่เ้าเอาไปใช้ก่อน ครั้งหน้าเ้ามาค่อยคืนให้แก่ข้า!”
“เช่นนั้นข้าขอบคุณท่านมาก!” หลินหวั่นชิวดีใจ นางรีบจ่ายเงินให้กับเถ้าแก่หลิว พร้อมกับเก็บเงินจำนวนห้าพวงเป็เงินทั้งหมดห้าร้อยเหรียญทองแดง ใส่ลงในตะกร้าและนำผ้าเก่ามาปิดไว้
ก่อนออกจากร้าน เถ้าแก่หลิวตามมากำชับนางว่า “ตำราของคุณชายตู้เ้าต้องตั้งใจทำนะ…เขามาจากเมืองหลวง เป็พวกชนชั้นสูง”
ตู้ซิวจู๋จ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อตำราคัดมือของหลินหวั่นชิว แต่นางกลับยังยินดีขายให้เขาในราคาเล่มละห้าตำลึงเงิน ไม่มีท่าทีจะขึ้นราคากับเขาอีก เื่นี้ทำให้เถ้าแก่หลิวรู้สึกว่าหลินหวั่นชิวเป็คนฉลาดจึงเต็มใจที่จะเตือนนาง
“ขอบคุณเถ้าแก่หลิว” หลินหวั่นชิวขอบคุณเสร็จก็สะพายตะกร้าไปหาหวางกุ้ยเซียงที่ร้านปักเย็บ
คงเป็เพราะนางมีพละกำลังเพิ่มขึ้น หลินหวั่นชิวถึงได้ไม่รู้สึกว่าของในตะกร้าใบนี้หนัก
“พี่สะใภ้” หวางกุ้ยเซียงร้องเรียกเมื่อเห็นหลินหวั่นชิวเข้ามา “อีกประเดี๋ยวข้าก็เสร็จแล้ว” ครั้งนี้มาร้านปักเย็บหวางกุ้ยเซียงอยากได้ลายปักใหม่ๆ นางจึงใช้เวลาพอสมควรในการศึกษา
“ไม่เป็ไร ข้าจะเดินดูของรอเ้า” หลินหวั่นชิวสะพายตะกร้าเดินเข้าไปในร้าน ข้างร้านปักเย็บเป็ร้านขายผ้า ทั้งสองร้านเชื่อมต่อกัน ดูจากป้ายร้านแล้วน่าจะเป็กิจการเดียวกัน
ตอนนี้หลินหวั่นชิวอยู่ในครอบครัวฐานะยากจน ไม่มีเงินมากพอมาซื้องานปัก แต่นางอยากซื้อผ้าสักเล็กน้อย
นางเองก็ไม่เสแสร้ง เข้าไปพูดกับพนักงานในร้านขายผ้าว่า “ข้าอยากดูผ้าฝ้ายที่ถูกที่สุดในร้าน”
พนักงานไม่มีท่าทีรังเกียจการค้าที่ได้เงินน้อย อีกอย่าง ดูจากการแต่งตัวของหลินหวั่นชิวก็รู้ได้ทันทีว่าไม่มีเงินมากนัก
เขาพานางมาที่มุมอับสายตาภายในร้าน ที่นี่มีผ้าที่ไม่เต็มผืนกับเศษผ้าเต็มสองตะกร้าใหญ่ รอให้คนมาเลือก
“ผ้าพวกนี้ขายเป็ชั่ง ผืนใหญ่ชั่งละสิบห้าเหวิน ผืนเล็กชั่งละสิบเหวิน เศษผ้าชั่งละห้าเหวิน”
“ข้าเลือกได้หรือไม่?” หลินหวั่นชิวถาม
พนักงานตอบ “เลือกได้” เพราะถึงนางจะเลือกอย่างไรก็ตามผ้าพวกนี้ก็ขายได้อยู่แล้ว ใครใช้ให้มีคนจนไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้ามีเยอะกันล่ะ
เลือกได้ก็ดี หลินหวั่นชิววางตะกร้าลง เริ่มจากเลือกเศษผ้าชิ้นใหญ่ นางพยายามเลือกสีผ้าที่ไม่ต่างกันมากนัก
นางเลือกเศษผ้ามาจำนวนหนึ่ง ถึงแม้จะทำเสื้อผ้าไม่ได้แต่อย่างน้อยก็สามารถทำรองเท้าได้
ท้ายที่สุด นางเลือกเศษผ้าผืนใหญ่มาสิบชั่ง ผืนกลางสามชั่ง และผืนเล็กสองชั่ง
นอกจากนี้ หลินหวั่นชิวยังซื้อใยฝ้ายกับเส้นด้ายเพิ่ม นี่ก็ใกล้เข้าหน้าหนาวแล้ว ดังนั้นนางต้องรีบทำชุดผ้าฝ้ายออกมา
หลังจากคิดเงินเสร็จ พนักงานห่อผ้าเป็สองห่อใหญ่ให้นาง ซึ่งไม่สามารถใส่ลงตะกร้าสะพายหลังได้ นางจำเป็ต้องถือแยกกลับไป
เมื่อนางนึกได้ว่าต้องไปซื้อเกลือ น้ำมัน ข้าวสารและแป้ง หลินหวั่นชิวจึงคุยกับพนักงานว่าจะขอฝากของไว้ที่นี่ก่อน หลังจากซื้อของเสร็จนางจะกลับมาเอา
เพราะคนในร้านรู้จักกับหวางกุ้ยเซียง พวกเขาจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“พี่สะใภ้ ท่านซื้อของเยอะขนาดนี้เลยหรือ?” หวางกุ้ยเซียงใเมื่อเดินมาดู
หลินหวั่นชิวพยักหน้า “ใช่ ใกล้เข้าหน้าหนาวแล้ว เด็กสองคนที่บ้านยังไม่มีเสื้อกับกางเกงผ้าฝ้าย หย่วนเกอทิ้งเงินไว้ให้ข้าก่อนขึ้นเขา ให้ข้าเป็คนช่วยจัดการ”
เจียงหงหย่วนเป็คนมีสามารถ กล้าเข้าไปหาของในูเาลึก หวางกุ้ยเซียงจึงไม่สงสัยในความสามารถในการหาเงินของเขา
คนในหมู่บ้านต่างก็รู้ว่าหากตระกูลเจียงไม่มีคนป่วยคอยถ่วงไว้คงกลายเป็เ้าของที่ดินไปนานแล้ว
“ไป ข้ายังต้องไปซื้อข้าวสารกับแป้งหมี่ ที่บ้านใกล้หมดแล้ว” หลินหวั่นชิวควงแขนหวางกุ้ยเซียงไปด้านนอก หวางกุ้ยเซียงเคยตามหวางฟู่กุ้ยมาจ่ายตลาดอยู่บ่อยๆ ทำให้รู้จักว่าร้านใดอยู่ตรงไหน และช่วยพาหลินหวั่นชิวไปเลือกซื้อ
หลินหวั่นชิวลองคำนวณวันที่เจียงหงหย่วนจะกลับมา ซื้อข้าวสาร แป้ง น้ำมัน เกลือ เครื่องปรุงรส ทั้งยังซื้อน้ำมันหมูอีกหนึ่งชั่ง
ซื้อเครื่องใช้ประเภทชามและตะเกียบเพิ่มเล็กน้อยเช่นกัน ตระกูลเจียงขาดแคลนทุกอย่าง นางเป็คนชอบใช้ชีวิตสุขสบาย ในเมื่อตอนนี้มีลู่ทางหาเงินได้แล้วนางย่อมไม่อยากให้ตัวเองลำบากอีก
“กุ้ยเซียง ข้าขอรบกวนเ้าได้หรือไม่” หลินหวั่นชิวพูดกับหวางกุ้ยเซียงขณะเดินไปปากทางถนน
“พี่สะใภ้พูดมาได้เลย ไม่มีกระไรรบกวนทั้งนั้น ต้าเกอข้ากับเจียงต้าเกอสนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ พวกเราไม่ใช่คนอื่นคนไกล”
“หากคนในหมู่บ้านถาม เ้าช่วยข้าปิดบังได้หรือไม่ บอกว่าเ้าเป็คนซื้อเสบียงกับเศษผ้าพวกนี้ เ้าก็รู้ ตอนนี้หย่วนเกอออกไปล่าสัตว์ ที่บ้านไม่มีผู้ใดช่วยออกหน้าได้ บ้านเหล่าหลินก็…”
หวางกุ้ยเซียงเข้าใจขึ้นมาทันที หลินหวั่นชิวกำลังป้องกันครอบครัวเหล่าหลิน สองสามวันก่อนที่เจียงต้าเกอไม่อยู่ ครอบครัวเหล่าหลินเพิ่งจะไปยุให้หัวหน้าหมู่บ้านจับหลินหวั่นชิวถ่วงน้ำ หากรู้ว่านางซื้อของมากขนาดนี้ ไม่แน่ว่าจะมาแย่งของไป
“ได้ ตกลงตามนี้” หวางกุ้ยเซียงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่เดินมาถึงปากทางถนน หวางฟู่กุ้ยรออยู่ที่นั่น
หลินหวั่นชิวแค่อยากป้องกันไว้ก่อน ผลลัพธ์คือ เมื่อพวกนางกลับไปขนเศษผ้าที่หลินหวั่นชิวซื้อมา จู่ๆ ก็มีเสียงส่งเข้ามาจากไกลๆ
“โอ้ น้องเล็กของข้ามาจ่ายตลาดหรือ แต่งงานแล้วเ้าไม่เหมือนเดิมจริงๆ ไหนเ้าซื้อสิ่งใดมาบ้าง พี่ขอดูได้หรือไม่”
ผู้มาใหม่คือพี่สาวคนรองของหลินหวั่นชิว นามว่าหลินไหวฮวา นางเดินบิดเอวมาพลิกของบนเกวียนดู