Chapter 29
“แม่พอจะติดต่อเขาให้ปลื้มหน่อยได้มั้ยครับ” ไม่ใช่ว่าจะอยากสานสัมพันธ์อะไรกับใครหรอกนะ แต่อยากนัดเจอเพื่อคุยให้เคลียร์มากกว่าว่าเื่ของเราทั้งสองคนมันจะไม่เกิดขึ้น
“ได้สิ วันนั้นแม่ขอเบอร์น้องเขามาด้วย”
“น้อง?”
“ใช่ เขาเป็น้องปลื้มสองปี” แถมยังเป็หลานชายของนายกกระทรวงการคลังอีกด้วย แต่เธอก็ไม่ได้บอกลูกชายเธอไปหรอก มันจะกลายเป็การกดดันปลื้มเสียเปล่าๆให้ลูกชายเธอรู้แค่เด็กคนนั้นอายุน้อยกว่าตัวเองก็พอแล้ว “เดี๋ยวแม่ส่งเบอร์น้องเขาให้ปลื้มแล้วกัน”
“ครับ”
“แล้วแทน ปลื้มจะบอกแทนมั้ย”
“ไม่บอกแทนก็น่าจะดูออกเหมือนแม่นั่นแหละครับ แต่ก็คงต้องบอกให้มันมั่นใจว่ายังไงปลื้มก็เลือกมันไม่เลือกคนอื่นหรอก” เื่อะไรเราต้องให้โชคชะตามากำหนดชีวิตของเรา นี่มันชีวิตของเขาไม่จำเป็ต้องให้ใครมากำหนดอะไรให้ทั้งนั้นแหละ
“คุยกับแทนดีๆนะลูก แม่ว่าแทนกังวลเื่นี้มากเลย” จากสายตาและการแสดงออกของเด็กหนุ่มในวันนั้นทำให้เธอคิดว่าแทนคงจะคิดมากกับเื่คู่โชคชะตาของปลื้มไม่น้อยเป็แน่ แต่อย่างว่าใครที่เจอแบบนี้ก็คงต้องหวั่นไหวกันทั้งนั้น อีกฝ่ายเป็ถึงคู่โชคชะตาเชียวนะได้เปรียบกว่าเห็นๆเลยทีเดียว
“ครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะ ตำแหน่งลูกสะใภ้คนเล็กของบ้านเราปลื้มจองไว้ให้แทนเท่านั้น” ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแย่งไปง่ายๆหรอก
อีกอย่าง...
“เมื่อวานที่ปลื้มรัท” ใบหน้าของชายหนุ่มดูสลดลงเมื่อกำลังจะพูดถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน “ปลื้มนอท”
“ปลื้ม” ผู้เป็แม่ใจนต้องยกมือขึ้นมาทาบอก การนอทของอัลฟ่าใน่ที่รัทนั้นไม่ใช่เื่เล็ก มันสามารถที่จะทำให้อีกคนท้องได้เลยไม่ว่าจะมีเพศรองเป็อะไรก็ตาม
“ขอโทษครับ”
“คนที่ปลื้มควรขอโทษคือแทนไม่ใช่แม่” เธอไม่เสียเวลามาถามว่าลูกชายของเธอได้ใช้ถุงยางหรือเปล่าเพราะเมื่ออัลฟ่านอทต่อให้ใส่ถุงยางอนามัยมันก็ไร้ผลอยู่ดี
ห่วงก็แต่แทนไม่รู้ว่าจะเป็อย่างไรบ้าง ต้องมารับรู้ว่าปลื้มมีคู่โชคชะตาอยู่แล้วไม่พอยังต้องมานั่งคิดมากอีกว่าจะตั้งท้องลูกของปลื้มมั้ยแล้วถ้าท้องจริงปลื้มจะรับผิดชอบหรือเปล่า ให้ตายเถอะ ลูกชายของเธอนี่มันน่าตีจริงๆ ไวเท่าความคิดมือเรียวก็ตีลงไปที่แขนของลูกชายตัวดีในทันที
“น่าตีจริงๆ”
“ปลื้มผิดไปแล้ว ขอโทษครับ” ชายหนุ่มรีบผละอ้อมกอดออกไปพร้อมกับเดินหนีให้พ้นจากรัศมีของความยาวแขนของมารดาอย่างรวดเร็ว
“แล้วยังจะทิ้งเขาไว้บนห้องคนเดียวอีก แบบนี้เขาจะคิดว่าได้แล้วทิ้งขึ้นมาทำอย่างไง”
“ไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย”
“หมายความว่าอย่างไง”
“ไม่ได้หมายถึงเื่นอทนะ ปลื้มพึ่งนอทแค่ครั้งเดียว” ร่างสูงยกนิ้วขึ้นมาชูประกอบคำพูด
“ครั้งเดียวมันก็ไม่ควรเกิดขึ้น ยังเรียนกันไม่จบเลย” เธอล่ะปวดหัวกับลูกคนนี้จริงๆ
“เรียนไม่จบก็มีลูกได้”
“เลี้ยงเด็กคนหนึ่งมันไม่ง่ายนะปลื้ม ตอนนี้ปลื้มยังเลี้ยงตัวเองไม่ได้เลย” คำพูดของมารดาทำเอาใบหน้าหล่อสลดลงอีกครั้ง เมื่อความจริงที่แม่พูดออกมานั้นมันแทงใจของปลื้มเข้าอย่างจัง “ชีวิตของเด็กคนหนึ่งมันแพงมากนะปลื้ม ปลื้มต้องซับพล็อตทั้งชีวิตแล้วก็ความฝันของเขา ซึ่งแม่บอกได้เลยว่าทั้งปลื้มและแทนในตอนนี้ยังทำแบบนั้นไม่ได้” พอถึงเวลาที่ต้องสอนผู้เป็แม่ก็ต้องทำหน้าที่ของตน
“เงินเก็บปลื้มก็มี ถ้าไม่พอปลื้มเอาพวกเสื้อผ้าไปขายก็ได้”
“ถ้าปลื้มทำได้แล้วแทนล่ะ อนาคตของแทนน่ะปลื้มได้คิดเผื่อไว้หรือเปล่า”
“...” คราวนี้อัลฟ่าหนุ่มเถียงไม่ออกของจริง จึงทำได้แค่เงียบปากไว้เท่านั้น
“...” พอเห็นว่าลูกชายเงียบไม่ยอมพูดอะไร มารดาก็ใช้ความเงียบเพื่อให้ลูกชายได้คิดทบทวนตามคำพูดของเธอ
“ปลื้มก็ไม่อยากจะนอทหรอกแต่มันห้ามตัวเองไม่ได้นี่นา” ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเองตามสัญชาตญาณเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าจะนอทหรือไม่นอท ถ้ารู้ก็คงรีบเอามันออกมาก่อนที่มันจะนอทนั่นแหละ
“เอาเถอะปลื้มก็คงจะควบคุมมันไม่ได้จริงๆ” ลูกชายของเธอรัทซึ่งถ้าหากอัลฟ่าตกอยู่ในสภาวะอาการรัทก็จะมีโอกาสสูงมากที่จะนอทใส่คู่นอนของตนตามมา ในตอนนั้นปลื้มก็คงจะไม่ได้มีสติมากพอที่จะยับยั้งชั่งใจตัวเองสักเท่าไร “ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วปลื้มก็รับผิดชอบผลจากการกระทำของตัวปลื้มเองด้วยแล้วกัน”
“ถ้าปลื้มมีลูกจริงๆ แม่กับพ่อจะรักลูกของปลื้มมั้ย” ทางด้านพ่อคงไม่มีปัญหาอะไรเพราะถ้าหากแทนท้องลูกของเขาทั้งสองคนก็เป็ถึงอัลฟ่าเืบริสุทธิ์เชียวนะ
“มีหรอที่แม่จะไม่รักหลานของตัวเอง แต่ตอนนี้ขึ้นไปดูแทนก่อนเถอะ ใจเสียแย่แล้วมั้งตื่นมาไม่เจอเรา เดี๋ยวเขาก็คิดว่าได้แล้วทิ้งกันพอดี”
“แทนไม่คิดแบบนั้นหรอก แทนรู้ปลื้มเป็คนดี”
“หลงตัวเองเหลือเกินนะพ่อคุณ” ผู้เป็มารดาได้แต่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา
พอพูดคุยกับมารดาเสร็จ ปลื้มก็เตรียมอาหารเช้าง่ายๆอย่างขนมปังปิ้ง ไข่ดาวแล้วก็น้ำส้มหนึ่งแก้วให้กับคนที่ยังนอนหลับไม่รู้เื่รู้ราวอยู่้า ชายหนุ่มเดินถือถาดอาหารพร้อมกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ประตูห้องนอนถูกเปิดออกอย่างแ่เบาและระมัดระวังเพราะเกรงว่าถ้าทำอะไรเสียงดังจะไปรบกวนคนที่ยังหลับอยู่เข้า แต่เมื่อเดินเข้าไปด้านในคิ้วคมเข้มก็ขมวดเข้าหากันทันทีเนื่องจากบนเตียงนอนนั้นว่างเปล่า
ดวงตาคมจึงมองไปยังห้องน้ำเห็นว่าประตูปิดอยู่จึงคิดเอาเองว่าอีกคนน่าจะตื่นแล้วและกำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ด้านในนั้น ถาดอาหารถูกวางลงบนโต๊ะที่อยู่ข้างหัวเตียง ปลื้มเดินไปเก็บเสื้อผ้าของเขาทั้งคู่ที่ตกอยู่บนพื้นใส่ตะกร้า ค้นหาโทรศัพท์มือถือของตัวเองจนเจอแต่ของแทนกลับไม่พบ ชายหนุ่มแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่ได้สงสัยอะไรมาก เขาเดินไปนั่งรอร่างบางบนเตียงจนเวลาผ่านไปสักพักก็ยังไร้วี่แววว่าประตูห้องน้ำจะถูกเปิดออก
ก๊อกๆ
“แทน ทำไรอยู่วะ” มือหนาเคาะลงบนบานประตูคาดหวังให้คนด้านในตอบอะไรกลับมาบ้างแต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมีเพียงความเงียบเท่านั้น
“...”
เมื่อคิดว่ามันเริ่มเงียบจนผิดปกติร่างสูงจึงทาบหูแนบลงไปกับบานประตูเพื่อฟังเสียงที่เกิดขึ้นด้านในแต่ทุกอย่างก็เงียบสงบราวกับว่าไม่มีใครอยู่ด้านในนั้น ปลื้มจึงเอื้อมมือไปคว้าลูกบิดเอาไว้และใช้แรงเปิดมันออก อัลฟ่าหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเขาพบว่ามันไม่ได้ถูกล็อกเอาไว้และเมื่อผลักประตูให้เปิดเข้าไปด้านในได้สำเร็จเขาก็ไม่เจอสิ่งมีชีวิตคนไหนที่อยู่ในห้องน้ำเลย
ว่างเปล่า...แทนไม่ได้อยู่ในนี้
แทนหายไปไหน
ปลื้มเดินกลับไปที่เตียงมือหนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาคนที่หายตัวไปแต่ก็ไม่มีใครรับสายสุดท้ายมันก็ตัดไปเอง เป็แบบนั้นอยู่สามสี่รอบ ร่างสูงจึงรีบวิ่งจากชั้นบนลงมายังชั้นล่าง เขาวิ่งหาแทนจนรอบบ้านเหมือนคนบ้าแต่ก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของอีกคนอยู่ดี ถามใครในบ้านก็ตอบว่าไม่รู้ไม่เห็นกันทั้งนั้น ความหงุดหงิดและความเป็ห่วงเริ่มตีขึ้นมาจนปลื้มไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับความรู้สึกอันไหนของตัวเองก่อน ท้ายสุดก็ตัดสินใจว่าจะไปถามยามที่หน้าบ้านดูว่าแทนออกไปแล้วหรือยัง แต่ก็เจอกับปลาบที่กำลังลงมาจากรถเสียก่อน
“อ้าวมึงจะไปไหนวะ” ปลาบร้องทักน้องชายที่ยังใส่ชุดนอนอยู่แต่ทำท่าเหมือนกำลังจะออกไปไหน
“ไปถามยามว่าเห็นแทนมั้ย”
“ถามทำไม”
“แทนแม่งหายไปไหนก็ไม่รู้”
“อ๋อ มันไม่ได้หายแต่กูพึ่งไปส่งมันมาเอง”
“ไปส่งที่ไหน”
“ที่บ้านมันดิ มันบอกกูว่าที่บ้านมีปัญหาท่าทางดูจะเครียดๆด้วยกูเลยรีบไปส่งมันก่อน”
“ทำไมมันถึงไม่บอกกูเลย โทรไปแม่งก็ไม่รับเนี่ย”
“มึงนอนอยู่มันคงไม่อยากกวนมั้ง”
“นอนเชี่ยไรกูตื่นก่อนมันอีกเถอะ”
“อ้าว” แล้วทำไมตอนที่บอกให้เขาไปส่งแทนมันถึงบอกว่าปลื้มยังนอนอยู่วะ
นี่กูโดนน้องสะใภ้ตัวเองต้มหรอ
“อ้าวอะไร”
“ก็ตอนแรกกูถามมันว่าทำไมไม่ให้มึงไปส่ง มันบอกมึงนอนอยู่ แบบนี้เรียกได้แล้วหนีหรือได้แล้วทิ้งวะ”
“แม่งเอ้ย มึงเอากุญแจรถมา” ปลื้มยื่นมือไปแย่งกุญแจรถออกมาจากมือของพี่ชาย ก่อนจะเดินผ่านตัวอีกคนไปขึ้นรถด้วยท่าทางที่ดูรีบร้อน
“ถึงรีบแค่ไหนแต่ก็ต้องขับรถดีๆอย่าหาเื่ตายเร็วนะไอ้สัด” ปลาบะโไล่หลังน้องชายไปด้วยความเป็ห่วง แต่ไม่รู้ว่าอีกคนได้ฟังในสิ่งที่เขาพูดมั้ยเพราะเมื่อเขาพูดจบปลื้มก็ปิดประตูรถแล้วขับออกไปเลย
ทางด้านแทนพอกลับมาถึงบ้านก็ตรงขึ้นไปที่ห้องของตัวเองทันที เขาทิ้งตัวนอนคว่ำลงบนเตียงนอนนุ่ม ในหัวก็คิดถึงคำว่าคู่โชคชะตาวนเวียนอยู่แบบนั้น ไหนจะสายตาของปลื้มที่มองข้ามเขาไปยังโอเมก้าคนนั้นทั้งที่เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าอีกคนยิ่งทำให้หัวใจเขาปวดหนึบขึ้นมา
เมื่อคิดไม่ตกเสียทีก็คงไม่พ้นต้องระบายเื่ราวนี้ให้ใครสักคนฟัง และน้าเล็กก็ยังคงเป็ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการปรึกษาปัญหาความรักในชีวิตของเขา
“น้าเล็ก” ร่างบางเอ่ยเรียกอีกคนทันทีที่ปลายสายกดรับ
(มีอะไรหรือเปล่า) น้ำเสียงของแทนทำให้ปลายสายรับรู้ได้ไม่ยากนักว่าหลานชายน่าจะมีเื่ที่ไม่สบายใจอย่างแน่นอน
“แทนแย่แล้ว”
(เกิดอะไรขึ้น) ความเป็ห่วงตีขึ้นมาในอกของคนอายุมากกว่าเมื่อหลานชายสุดที่รักพูดออกมาแบบนั้น
“ปลื้มมันเจอแล้ว คู่โชคชะตาของมัน” สิ้นประโยคบอกเล่าของแทนความเงียบก็เกิดขึ้นมาจากทั้งสองฝ่าย “แทนควรทำอย่างไงดีน้าเล็ก”
(แล้วปลื้มเขาว่าอย่างไรบ้าง ได้คุยเื่นี้กันหรือยัง)
“ยังเลย แทนออกมาก่อน อยากกลับมาตั้งหลัก”
(เื่นี้เราต้องค่อยๆคุยกันนะแทนห้ามคิดไปเองเด็ดขาดรู้มั้ย)
“แทนก็อยากจะห้ามตัวเองไม่ให้คิดนะ แต่มันก็หยุดคิดไปเองไม่ได้เลย” แทนพลิกตัวมานอนหงายมองเพดานห้องขณะที่ยังถือโทรศัพท์แนบกับใบหูเอาไว้ “ถ้าปลื้มเลือกเขาแทนก็ต้องปล่อยมันไปใช่มั้ย”
(ก็ถ้าเขาเลือกแล้ว เราจะทำอะไรได้) คนที่มีประสบการณ์ตรงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูปลงตก (แต่น้าว่าแทนไปคุยกับปลื้มก่อนดีกว่า ปลื้มอาจจะเลือกแทนก็ได้)
“มันเป็ไปได้หรอที่เขาจะไม่เลือกคู่โชคชะตาอะน้าเล็ก”
(...) ปลายสายเงียบ เนื่องจากผู้เป็น้าเองก็ไม่มีคำตอบให้สำหรับคำถามนี้เหมือนกัน (มันก็อาจจะเป็ไปได้ก็ได้) สุดท้ายก็เลือกใช้คำพูดที่ปลอบใจหลานชายออกไป
“แต่มันอาจจะเป็ไปไม่ได้มากกว่า ขนาดน้าเล็กกับผู้ชายคนนั้นรักกันขนาดนั้นเขายัง...” แทนเว้น่ไว้หลังจากที่นึกขึ้นมาได้ว่าคำพูดของตัวเองนั้นอาจจะไปสะกิดเข้ากับแผลเก่าในใจของคนปลายสายเข้า
(ยังทิ้งน้าไป)
“ขอโทษครับ แทนไม่ได้อยากจะพูดถึงมันให้น้าเล็กรู้สึกแย่เลยนะ” ร่างบางรีบแก้ตัวเป็พัลวันก่อนที่ปลายสายจะคิดว่าคำพูดของเขามันคือการซ้ำเติมความรู้สึกแย่ๆที่ฝังอยู่ในใจของคนอายุมากกว่า
(น้าเข้าใจ แต่ปลื้มอาจจะไม่ทำแบบผู้ชายคนนั้นก็ได้)
“...”
(ทางที่ดีที่สุดคือการที่เราคุยกันตรงๆ ถ้าแทนโทรมาเพื่อถามน้าว่าแทนควรทำยังไง น้าจะแนะนำให้เราสองคนหันหน้าคุยกันดีกว่านะ)
“แทนคุยอยู่แล้ว แค่แทนกลัวคำตอบของปลื้มเฉยๆ แทนยังไม่พร้อมที่จะเสียปลื้มไปทั้งที่เตรียมใจไว้ว่ามันอาจเกิดขึ้นสักวันแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้”
(ไม่มีใครคิดแทนปลื้มได้หรอกว่าเขาจะเลือกทางไหน หรือถ้าสุดท้ายเขาจะไม่เลือกแทนน้าก็อยากให้หลานของน้าเคารพการตัดสินใจของเขา เพราะในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไปต่อให้เรารั้งเขาไว้ได้ก็จะเป็ตัวเราเองที่ไม่มีความสุขอยู่ดี)
รถยนต์คันหรูจอดลงที่บริเวณหน้ารั้วบ้านสีขาวสะอาดตา จากปกติที่แทนจะเป็คนมาเปิดประตูแต่วันนี้กลับเป็ทีนน้องชายเ้าของบ้านที่เดินออกมาเปิดประตูให้เขา
“เฮียแทนบอกว่ายังไม่อยากคุยกับพี่ปลื้มตอนนี้” ผู้ส่งสารเอ่ยบอกข้อความที่ได้รับฝากมาก่อนจะทำท่าหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้าน
“ไม่ได้”
“ไม่ได้อะไร” คนตัวเล็กเอี้ยวใบหน้ากลับมาถาม
“พี่ต้องคุยกับแทนวันนี้ แล้วก็ตอนนี้ด้วย” เขาจะไม่ยอมให้เรามีเื่เข้าใจผิดหรือทะเลาะกันข้ามวันเด็ดขาด เื่ทุกอย่างมันควรจะคุยกันให้เคลียร์และจบในวันเดียวไม่ควรลากยาวไปวันอื่นอีก
“เฮ้อ ก็เฮียบอกว่าไม่อยากคุย ทีนขัดคำสั่งเฮียไม่ได้หรอกนะ” คนน้องไหวไหล่อย่างช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ
“แค่เปิดประตูบ้านให้พี่เข้าไป”
“ทำแบบนั้นเฮียก็งอนทีนดิที่ไม่ทำตามคำสั่งอะ”
“งั้นพี่ปีนนะ” ไม่ใช่แค่คำขู่นะแต่ปลื้มทำจริงอย่างแน่นอน
“อันนั้นอยู่นอกเหนือคำสั่งพี่น่าจะทำได้ แต่เดี๋ยวทีนไปหยิบบันไดมาให้แล้วกัน” ถึงจะรักพี่ชายมากแต่ก็เอ็นดูพี่เขยคนนี้อยู่พอตัวเหมือนกัน ช่วยนิดช่วยหน่อยคงไม่เป็ไรหรอก อีกอย่างพี่ชายของเขาก็บอกแค่ว่าไม่ต้องเปิดประตูให้ไม่ได้บอกว่าห้ามช่วยปีนเข้าบ้านนี่นา
ปลื้มส่ายหัวให้กับความแสบของทีน ก่อนจะปีนขึ้นรั้วบ้านของแทนอย่างที่ลั่นวาจาไว้ โชคดีที่ไม่มีคนผ่านมาเห็นไม่งั้นคงได้โทรเรียกตำรวจมาจับเขาเป็แน่เพราะดูทรงโจรไม่ไหวแล้วตอนนี้
“แทน” พอเดินเข้าไปในบ้านปลื้มก็ได้พบกับคนที่เขามาหากำลังเดินลงบันไดมา
ก่อนหน้าที่จะขึ้นห้องแทนได้ทิ้งคำสั่งไว้กับน้องชายว่าถ้าปลื้มมาหาให้เขาให้ไล่อีกคนกลับไป พอได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านตอนแรกก็เข้าใจว่าคงเป็ปลื้ม แอบฟังว่าเสียงรถจะขับออกไปหรือไม่แต่ทุกอย่างก็เงียบสนิทเลยเข้าใจว่าอาจจะเป็เพื่อนเขาที่มาหาหรือเปล่าจึงเดินลงมาดู แต่พอเห็นว่าเป็ใครที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านดวงตากลมก็เบิกตากว้างมองหน้าของร่างสูงด้วยความใ ก่อนจะหรี่ตามองเลยไหล่แกร่งไปส่งสายตาดุๆให้น้องชายตัวแสบของตัวเองที่เดินตามหลังปลื้มมาเหมือนคาดโทษ
ปลื้มน่ะขี้โกงกับความรู้สึกของแทนจริงๆนะ แค่ได้เห็นหน้าแม่งก็ใจสั่นแล้วอะ
“พี่ปลื้มเขาปีนเข้ามา ทีนไม่ได้เปิดประตูบ้านให้เขาเลยนะเฮีย” คนตัวเล็กรีบพูดแก้ตัวพร้อมกับยกมือขึ้นมาโบกไปมาแล้วรีบเดินสวนแทนขึ้นไป้า “สู้ๆนะเฮีย ทีนเป็กำลังใจให้ คนรักกันมันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้างแต่เราก็ควรรีบเคลียร์กันไม่ควรปล่อยให้ข้ามวันนะรู้เปล่า” คนอายุน้อยกว่าเอ่ยบอกกับพี่ชายเพราะเข้าใจว่าแทนงอนปลื้มเลยหนีกลับบ้านมาจนปลื้มต้องมาตามง้อ
“ไปไหนก็ไปเลยไป” ร่างบางยกมือขึ้นมาผลักหัวของน้องชายด้วยความหมั่นไส้
“ทำไมถึงหนีกลับมาก่อน” ปลื้มยิงคำถามทันที
“กูไม่ได้หนีที่บ้านมีเื่นิดหน่อยเลยกลับมาจัดการ”
“เื่อะไร” คิดว่าเขาจะเชื่อหรือไง ทีนก็ดูไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้วที่บ้านจะมีเื่ได้อย่างไง
“เื่ส่วนตัว”
“...” ปลื้มหุบปากฉับเจอแบบนี้ไปใครแม่งจะกล้าไปตื้อถามต่อวะ ไม่ต่างจากโดนด่าว่าเสือกเลยเถอะ “มึงคิดมากเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานใช่มั้ย”
“...”
เงียบแปลว่าใช่
“มึงฟังกูนะแทน” ร่างสูงเดินเข้าไปหาร่างบาง “ยังไงกูก็เลือกมึง”
“...”
“กูอยากให้มึงเชื่อใจกูนะ” มือหนาจับมือของอีกคนมากุมเอาไว้ พยายายามส่งความจริงใจผ่านทางสายตาหวังให้อีกคนมองเห็นความจริงใจที่เขามีให้
“แต่ถ้ามันเป็สิ่งที่ชะตากำหนดไว้ มึงจะเลือกเขากูก็ไม่ว่าอะไร” แทนเสตาหลบแววตาเว้าวอนจากอีกคน
“ช่างหัวโชคชะตาสิ มันเลือกใครก็ช่างหัวมัน กูรู้แค่กูเลือกมึง” ร่างสูงเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเมื่ออีกคนเอาแต่พูดเหมือนจะผลักไสเขาให้คนอื่นอยู่แบบนี้
“แต่การที่อัลฟ่าคบกับอัลฟ่ามันก็ไม่ใช่เื่ที่สังคมนี้จะยอมรับได้อยู่แล้ว ยิ่งมึงมีคู่โชคชะตาอยู่แล้วแบบนี้ด้วย” ความกดดันของพวกเขามันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมาอีก
“กูพร้อมหันหลังให้คนทั้งโลกเพื่อมึงได้นะแทน มึงช่วยสนใจแค่เราสองคนได้มั้ย” ดวงตาคมมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่เว้าวอน “ใจดีกับกูหน่อยดิวะ”
“…”
“ได้มั้ย” เอ่ยถามย้ำด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้องขอพร้อมกับออกแรงบีบกระชับมือของอีกคนที่กุมเอาไว้ให้แน่นขึ้น
“อือ” ใบหน้าสวยพยักลงช้าๆ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกอีกคนกระชากเข้าไปกอด
อัลฟ่ากลิ่นสนซุกหน้าลงกับลาดไหล่ของอีกคน ท่อนแขนแกร่งโอบกอดอีกคนเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าถ้าใช้แรงกอดรัดน้อยกว่านี้อีกคนอาจจะหนีหายไปจากเขาได้
“กูเชื่อใจมึงนะปลื้ม” ร่างบางยกมือขึ้นมาลูบที่แผ่นหลังของคนตัวโตกว่า
“กูจะไม่ทำให้มึงผิดหวังในตัวกูแน่แทน ไม่มีวัน”
“...”
“แบบนี้ถือว่าเราคืนดีกันหรือยัง”
“คืนดีอะไร เราไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อย” คำตอบของแทนทำเอาปลื้มห้ามรอยยิ้มกว้างของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
น่ารักฉิบหายเลยให้ตายเถอะ
ฟอด
สุดท้ายร่างกูก็ทนอดกลั้นความมันเขี้ยวเอาไว้ไม่ได้ ต้องผละตัวออกมากดจมูกลงไปบนแก้มหอมของอีกคนหนึ่งครั้ง ก่อนจะกลับไปกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเหมือนเดิม หลังจากที่ยืนกอดกันจนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ท้องของแทนก็ส่งเสียงร้องประท้วงออกมา พวกเขาทั้งสองคนจึงย้ายร่างกายของตัวเองไปอยู่ที่โซนของห้องครัว ข้าวต้มกุ้งฝีมือแทนกลายเป็มื้อแรกของวันสำหรับพวกเขาทั้งสองคน
“เื่คู่โชคชะตาถือว่าเคลียร์แล้วใช่มั้ย”
“ก็ถ้ามึงยืนยันว่าจะเลือกกู กูก็จะพยายามไม่คิดมากแล้วกัน”
“งั้นกูพูดถึงอีกเื่เลยนะ”
“เื่อะไร” แทนตักน้ำซุปที่หอมยั่วน้ำย่อยขึ้นมาชิมรสชาติว่าได้รสตามที่เขา้าแล้วหรือยัง
“ที่กูนอท” ร่างบางชะงักมือที่กำลังคนข้าวต้มอยู่ทันทีเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ “กูยินดีรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นจากการกระทำของกู”
“มึงไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรอกปลื้ม”
“ทำไมล่ะ” ร่างสูงถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“เพราะกูกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ยังไงก็ไม่ท้องหรอก” แทนตอบพร้อมกับจัดการปิดแก๊สหลังจากที่รู้สึกพอใจกับรสชาติของอาหารที่ตัวเองทำแล้ว ก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“มึงไม่อยากมีลูกกับกูเลยรีบกินยาดักเอาไว้หรอ”
“ใช่”
“ใจร้ายฉิบหาย” ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าหนีแทนแสดงความน้อยใจออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบังหรือแอบซ่อนมันเอาไว้
“ถ้ากูยอมให้เขาเกิดมาทั้งที่เรายังไม่พร้อมคงใจร้ายมากกว่า”
“...”
“มึงคิดว่าเราสองคนในตอนนี้พร้อมจะเป็พ่อแม่ที่ดีของลูกแล้วหรือไง”
“ก็ยัง” ร่างสูงเอ่ยตอบเสียงอ้อมแอ้ม มันก็จริงอย่างแทนว่าพวกเขายังไม่ทำอะไรเป็ชิ้นเป็อันสักอย่างแล้วจะไปดูแลชีวิตของคนคนหนึ่งให้เขาเติบโตมาอย่างดีได้ยังไง
“ไว้เราค่อยมีเขาในวันที่เราพร้อมกว่านี้ก็ได้” ข้าวต้มกุ้งๆหอมๆถูกยกมาวางตรงหน้าของปลื้ม แต่เขาไม่ได้สนใจมันเลยใบหน้าหล่อเอาแต่จับจ้องไปยังใบหน้าของแทน
“หมายความว่ามึงจะยอมมีลูกกับกูหรอ”
“ถ้ามึงทำให้กูท้องได้อะนะ”
“กูทำได้แน่ คอยดูเลย”
“แล้วเื่คู่โชคชะตามึงจะทำยังไงต่อ” ถามไปก็ตักข้าวต้มขึ้นมาเป่าเข้าปากไปด้วย
“กูว่าจะติดต่อเขาไป” เมื่อเห็นว่าอีกคนเริ่มกินอาหารตรงหน้าแล้วปลื้มเองก็ลงมือบ้างเช่นกัน “กูอยากเคลียร์กับเขาเอง ไม่อยากให้แม่ไปคุยให้เกรงใจท่าน อีกอย่างกลัวฝั่งนั้นหาว่ากูเป็ลูกแง่ด้วยที่พอมีปัญหาอะไรก็ให้พ่อแม่จัดการให้”
“มึงจะบอกเขาว่ายังไง”
“ก็บอกไปตามตรงว่ากูคงจับคู่กับเขาไม่ได้เพราะกูมีคนที่กูรักอยู่แล้ว”
“...” ใบหน้าของแทนร้อนวูบขึ้นมาทันที นี่เป็ครั้งแรกเลยที่เขาได้ยินคำว่ารักออกมาจากปากของปลื้มแม้ว่าอีกคนจะไม่ได้เอ่ยบอกรักออกมาตรงๆอย่าง กูรักมึงนะอะไรทำนองนี้ แต่คนฟังก็ยังอดที่จะเขินไม่ได้อยู่ดี
“กูไม่สนหรอกว่าเขาจะยอมรับมั้ย แค่ไปบอกให้รับรู้ไว้ถ้ารับได้ก็โอเคถ้ารับไม่ได้ก็ให้เขากลับไปจัดการตัวเองเพราะกูจัดการกับตัวกูเองได้แล้ว”
“...”
“กูอยากให้มึงไปกับกูด้วยนะ จะได้รู้ว่ากูคุยอะไรกับเขาบ้าง”
“จะดีหรอ กูว่าเื่ส่วนตัวแบบนี้มึงคุยกับเขาแค่สองคนไม่ดีกว่าหรือไง”
“กูไม่อยากทิ้งให้มึงกังวลอยู่ข้างหลัง มีอะไรมึงก็ไม่ค่อยถาม ไม่ค่อยพูด บางครั้งกูก็ไม่รู้ว่ามึงกำลังคิดมากอยู่หรือเปล่า ให้มึงเห็นกูอยู่ในสายตาของมึงตลอดคงดีกว่า” ปลื้มอยากแสดงออกให้แทนเห็นว่าเขานั้นแคร์อีกคนมากแค่ไหน
“กูก็เลือกที่จะเชื่อใจมึงเเล้วไง”
“คิดว่าไปนั่งให้กำลังใจกูก็ได้อะ” ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“เออๆ”
“...” เมื่อเห็นว่าอีกคนยอมตกลงแต่โดยดีปลื้มก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
“แล้วพ่อแม่ของมึงพวกท่านว่ายังไงบ้าง”
“พ่อยังไม่ได้คุยแต่ก็คงรู้เื่จากแม่แล้ว ส่วนแม่กูท่านบอกให้กูตัดสินใจเอง ท่านไม่ได้ว่าอะไรเลยที่กูเลือกมึง” ปลื้มวางช้อนลงบนถ้วยก่อนจะตั้งใจพูดมากกว่าเดิม “ท่านบอกว่าหัวใจนี้เป็ของกู มันเป็สิทธิ์ของกูที่จะใช้มันรักใครก็ได้”
“แม่มึงนี่ดีจังเน๊าะ” ไม่รู้เลยว่าที่บ้านของเขาจะใจดีแบบนี้บ้างหรือเปล่า หรือแค่เห็นหน้าปลื้มก็จะไล่ตะเพิดออกมาจากบ้านแล้วก็ไม่รู้
“แม่ทำให้กูรู้สึกโชคดีมากเลยที่ได้เกิดมาเป็ลูกของท่าน ท่านมักจะสนับสนุนการตัดสินใจของกูในทุกเื่ไม่ว่าเื่อะไร ท่านสอนให้กูเรียนรู้ความผิดพลาดและใช้ชีวิตอยู่กับความผิดพลาดนั้นให้ได้เพราะกูเป็คนเลือกเอง”
“แล้วที่เลือกกูนี่ผิดพลาดด้วยหรือเปล่า”
“กูมั่นใจเลยว่ามึงจะเป็หนึ่งในเื่ราวดีๆที่กูตัดสินใจเลือกเพื่อตัวกูเอง”