หลงอวี้ย่อมรู้อยู่แล้วว่าที่หลิ่วยวนกลับมาเพื่อที่จะชิงเศษชิ้นส่วนจันทราจากตัวเขาไป
“ถ้ามีปัญญาก็เข้ามาลองดูสิ”
หลงอวี้แสยะยิ้มที่มุมปาก ราวกับว่าไม่สนใจการข่มขู่ของหลิ่วยวนเลย
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้ากล้าหาญ”
ดวงตาคู่งามของหลิ่วยวนปรากฏแววตาเ็า
“เพียงแต่ เ้าจะไม่มั่นใจในตัวเองไปหน่อยหรือ”
“พูดพล่ามอะไร เ้าไม่กล้าลงมือกับข้าหรืออย่างไร”
หลงอวี้หัวเราะ
เขาฉวยโอกาสนี้ััโอสถปราณหยินลงที่กลืนลงไปทันที มันได้แผ่ปราณหยินอันเข้มข้นออกมาภายในตัวเขา ปราณหยินเหล่านี้เหมือนกับปราณอสูรในเน่ยตานของสัตว์อสูร และพลังฟ้าดินที่อยู่ในยาโอสถทั้งหลาย เขาสามารถดูดกลืนมันและเปลี่ยนเป็ลมปราณในตัวได้!
เมื่อมีสัญลักษณ์ัปรภพช่วยด้วย ความเร็วในการดูดกลืนปราณหยินในโอสถปราณหยินก็สูงส่งเหนือคนธรรมดา เพียงครู่เดียวก็สามารถดูดกลืนเข้าไปเก็บไว้ในสัญลักษณ์ัปรภพ
ในจังหวะที่เขาพูดคุยกับหลิ่วยวนเพียงสองสามประโยค เขาก็สามารถดูดกลืนปราณหยินทั้งหมดเข้าไปได้แล้ว!
แน่นอนว่าปราณหยินส่วนใหญ่ล้วนถูกเก็บอยู่ในสัญลักษณ์ั ยังไม่ถูกเขาดูดกลืนมาใช้ เมื่อเป็เช่นนี้ พลังต่อสู้ของเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว!
ฟึ่บ!
ในที่สุดหลิ่วยวนก็ทนไม่ไหว เงาร่างอันงดงามพลันดีดตัวพุ่งใส่หลงอวี้อย่างรวดเร็ว กระบี่คู่สีชาดก็ได้พุ่งเข้ามาพร้อมกับประกายแสงสีขาว!
“เดี๋ยวก่อน ข้ายอมมอบเศษชิ้นส่วนจันทราให้ก็ได้!”
อยู่ๆ หลงอวี้ก็ส่งเสียงะโดังออกมาพร้อมกับยื่นมือเข้าไปในอกเสื้อ
“เ้าไม่ต้องมาเล่นลูกไม้กับข้า เ้ารู้สินะว่า เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
หลิ่วยวนหยุดฝีเท้าตรงจุดที่ห่างจากหลงอวี้ไปสิบจ้าง มองดูหลงอวี้ด้วยความระแวดระวัง
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
หลงอวี้พยักหน้า จากนั้นก็ควักอะไรบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ
“ัปรภพทะยานฟ้า!”
ในตอนที่หลิ่วยวนเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่มือของหลงอวี้อยู่นั้น หลงอวี้ก็ได้กวาดหอกออกไปกะทันหัน พลันดีดตัวไปทางด้านหลังกว่าร้อยจ้างอย่างรวดเร็ว เพียงแวบเดียวก็ไปอยู่ตรงริมขอบของหลุมแร่แล้ว!
“คิดหนี?”
แต่หลิ่วยวนก็คาดเดาการเคลื่อนไหวของหลงอวี้ไว้ก่อนแล้ว พอเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเ็า เงาร่างเคลื่อนไหววูป พุ่งไปทางหลงอวี้ด้วยความเร็วสูงสุดจนกลายเป็ประกายแสงเงากระบี่!
“ความเร็วสูงมาก!”
หลงอวี้รู้สึกใเล็กน้อย ไม่กล้าหยุดเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย หอกัปรภพแทงออก เงาหอกมากมายกระหน่ำแทงไปด้านหลังตรงทางที่หลิ่วยวนพุ่งเข้ามา
ต่อจากนั้นเขาก็ได้กวาดหอกโดยใช้ท่าัปรภพทะยานฟ้าอีกครั้ง!
อันที่จริงกระบวนท่านี้เผาผลาญลมปราณไม่น้อยเลยทีเดียว แต่หลงอวี้ที่หล่อหลอมตันเถียนมาแล้ว จึงมีความเร็วในฟื้นฟูลมปราณสูงส่งกว่าคนทั่วไปมาก ทำให้เขาสามารถใช้ได้หลายครั้ง
“แหลก!”
หลิ่วยวนพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงจนกลายเป็ประกายแสงเงากระบี่ เงาร่างอันงดงามของนางเข้าใกล้หลงอวี้อย่างรวดเร็ว กระบี่คู่สีชาดตวัดฟันออกไป ประกายแสงเงากระบี่สีขาวฟาดฟันทำลายเงาหอกของหลงอวี้จนแตกสลาย
นางเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว ด้วยความเร็วของนางย่อมไม่มีทางปล่อยให้หลงอวี้หนีรอดไปได้แน่นอน!
หลงอวี้เคลื่อนตัวออกไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวในพริบตา ต่อจากนั้นก็ได้ใช้ท่าัปรภพทะยานฟ้ามุ่งหน้าไปต่อโดยผ่านเนินเขาที่ยาวเหยียดแห่งหนึ่ง หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน เขาก็มาถึงหุบเขาขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
หุบเขาแห่งนี้นั้นมีหน้าผาสูงนับสิบจ้างล้อมรอบ หากไม่ใช้ท่าัปรภพทะยานฟ้าจะไม่มีทางข้ามผ่านไปได้แน่
เพียงแต่ตอนนี้หลงอวี้ได้เผาผลาญลมปราณไปพอสมควรแล้ว!
“คาดไม่ถึงเลยว่าหลิ่วยวนจะมีความเร็วสูงถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังไล่ตามมาติดๆ จนตอนนี้ข้ามีลมปราณไม่พอใช้ท่าัปรภพทะยานฟ้าอีกแล้ว...”
หลงอวี้ที่ยืนอยู่ในหุบเขาััได้ว่าหลิ่วยวนกำลังไล่ตามมาจากด้านหลังด้วยความเร็วสูง ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะคิดแผนการออก!
ในตอนที่หลิ่วยวนกลายเป็ประกายแสงสีขาวไล่ตามมาถึงในหุบเขาขนาดเล็กแห่งนี้ นางก็ไม่เห็นเงาร่างของหลงอวี้แล้ว รู้สึกแค่ว่าหลงอวี้เคยมาที่นี่เท่านั้น
“ข้ามหุบเขาไปแล้วหรือ ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าระหว่างลมปราณของเ้ากับข้าใครจะหมดก่อน ทันทีที่เ้าหมดสิ้นเรี่ยวแรง ดูสิว่าเ้าจะยังหนีรอดจากเงื้อมมือของข้าได้หรือเปล่า!”
หลิ่วยวนกระแทกเสียงเบาๆ จากนั้นก็ดีดตัวขึ้นฟ้าสูงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็ประกายแสงเงากระบี่อีกครั้ง!
นางะโเพียงครั้งเดียวก็ขึ้นไปได้สูงนับสิบจ้างเลยทีเดียว เพียงพริบตาเดียวก็ข้ามหุบเขาขนาดเล็กไปได้ จากนั้นก็ไล่ล่าหาหลงอวี้ต่อทันที!
และเมื่อเงาร่างของนางหายไป หลงอวี้ก็ปรากฏตัวมาจากในหุบเขา
ที่แท้เมื่อครู่นี้เขาได้ใช้ลมปราณเปลี่ยนร่างกายให้เป็ปราณิญญาแล้วหลบซ่อนในหุบเขาแทนเพราะไม่เหลือลมปราณให้ใช้ท่าัปรภพทะยานฟ้าอีกแล้ว
เป็เพราะในแหล่งแร่ขนาดใหญ่แห่งนี้มีปราณหยินมากมายกระจายไปทั่วบริเวณ แม้เขาจะเปลี่ยนนร่างเป็ปราณิญญา หลิ่วยวนก็จับััไม่ได้จริงๆ ด้วย!
“ต้องใช้โอกาสนี้ดูดกลืนปราณหยินให้หมด!”
หลงอวี้รีบออกจากหุบเขาไปทันที มุ่งหน้าไปตามเส้นทางบนูเาจนไปถึงยังมุมอับอีกแห่งหนึ่งของเทือกเขานี้ ก่อนจะหาที่นั่งลง!
ตัวเขาในตอนนี้มีเวลาค่อนข้างจำกัด
หากสามารถใช้ปราณหยินในโอสถปราณหยินมาช่วยสร้างิญญาแท้จนก้าวขึ้นสู่ขอบเขตวิถียุทธ์ระดับิญญาแท้ได้ ต่อให้จะถูกหลิ่วยวนไล่ตามถึงตัวอีกครั้งเขาก็สามารถต่อกรได้อย่างแน่นอน!
ปราณหยินที่อยู่โอสถปราณหยินของหมาป่าจักรพรรดินั้นได้ผ่านการหล่อหลอมแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์สามารถดูดกลืนได้เหมือนกับเน่ยตานของสัตว์อสูร
ปราณหยินภายในแหล่งแร่นึ้เป็ปราณหยินธรรมชาติที่เป็พิษต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ไม่สามารถดูดกลืนมาใช้งานได้เลย
“เทียนม่ายของข้า เหลือด่านกั้นอีกเพียงด่านเดียวก็สามารถเชื่อมต่อกับฟ้าดินผืนนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ขอเพียงยกระดับขึ้นไปถึงขีดจำกัดสูงสุดของวิถียุทธ์ขั้นเก้า จากนั้นก็สร้างิญญาแท้ขึ้นมา เท่านี้ก็สามารถเปิดเทียนม่ายได้อย่างสมบูรณ์ ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตระดับิญญาแท้ได้แล้ว”
หลงอวี้ัักับเส้นลมปราณที่อยู่ภายในร่างกายที่แทบไม่มีลมปราณหลงเหลืออยู่แล้ว มันถูกเผาผลาญไปจนหมดั้แ่ตอนหนีจากหลิ่วยวนก่อนหน้านี้
แต่หลังจากที่เขาเริ่มทำการดูดกลืนปราณหยินที่กักเก็บในสัญลักษณ์ัปรภพแล้ว ภายในเส้นชีพจรของเขาก็เริ่มมีลมปราณฟื้นฟูกลับมาจนเต็มเปี่ยม จากนั้นก็ได้หลั่งไหลไปยังเทียนม่ายที่เชื่อมต่อกับฟ้าดินอย่างเชี่ยวกราก
หมาป่าจักรพรรดิที่เป็ตัวตนสุดแกร่งระดับิญญาแท้ขั้นสามนั้น โอสถปราณหยินของมันย่อมต้องมีพลังงานที่เกรี้ยวกราดสุดขีดบรรจุอยู่
หากเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิถียุทธ์ขั้นเก้าทั่วไปย่อมไม่มีทางกล้ากลืนมันเข้าไปอย่างบุ่มบ่ามอยู่แล้ว
แต่หลงอวี้ได้กักเก็บมันเข้าไปในสัญลักษณ์ัปรภพก่อนแล้ว ทำให้ปราณหยินพวกนี้มันไม่เกรี้ยวกราดขนาดนั้นอีกต่อไป ถูกเขาดูดกลืนไปใช้งานได้อย่างราบรื่น
“ทะลวงไปซะ!”
ปราณหยินอันเข้มข้นในตัวของหลงอวี้ได้ถาโถมเข้าใส่ด่านกั้นสุดท้ายของเทียนม่ายเพื่อเจาะทะลวงให้เปิดออก!
ปราณหยินไหลทะลักอย่างเชี่ยวกรากราวกับคลื่นั์ในมหาสมุทร หมายจะเจาะทะลวงเทียนม่ายให้เปิดออกเพื่อเชื่อมต่อกับฟ้าดินที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดขีดผืนนี้!
แต่ไม่ว่าหลงอวี้จะพยายามมากเพียงใด หากยังไม่สร้างิญญาแท้ได้ สุดท้ายก็ไม่เจาะทะลวงด่านกั้นสุดท้ายของเทียนม่ายไปได้อยู่ดี
“ยกระดับถึงขีดจำกัดสูงสุดของวิถียุทธ์ขั้นเก้าแล้ว ต่อไปคือการสร้างิญญาแท้”
หากคิดจะสร้างิญญาแท้ สิ่งสำคัญคือทำให้ตัวเองมีความเข้ากันได้กับฟ้าดินผืนนี้มากพอ
ขอเพียงหาจุดที่เข้ากันกับฟ้าดินได้ ก็จะเริ่มสร้างิญญาแท้ได้ เริ่มก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับิญญาแท้
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์บางคนที่มีพร์ไม่มากพอ เื่นี้นับว่ายากลำบากสุดขีด
อย่างเช่น ปู่ทวดตระกูลถานที่หลงอวี้ฆ่าตายไปก่อนหน้านี้ที่ทั้งชีวิตไม่เคยฝึกวิชาฝึกพลังเลย ไม่มีความเข้าใจในกฎเกณฑ์ฟ้าดินเลยแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว
การจะหาจุดเข้ากันได้กับฟ้าดินจะไม่ยากเย็นได้อย่างไร?
แต่สำหรับหลงอวี้แล้วเื่นี้ไม่นับเป็โจทย์ยากเลยด้วยซ้ำ
“ข้าบรรลุเขตแดนสยบฟ้าได้แล้ว อย่างนั้นก็ใช้กฎเกณฑ์สยบฟ้าเป็จุดเข้ากันกับฟ้าดิน มาสร้างเป็ิญญาแท้ของข้า!”
หลงอวี้ตาเป็ประกายสีทองเรืองรอง
กฎเกณฑ์ฟ้าดินที่เขาบรรลุได้ หลักๆ คือกฎเกณฑ์แห่งการกดทับที่บรรจุอยู่ในเคล็ดสยบฟ้า
ส่วนกฎเกณฑ์บึงแล้งของต้นหญ้าพิสดาร ความเข้าใจเกี่ยวกับมันยังตื้นเขินเกินไป ไม่ค่อยได้ใช้ในการต่อสู้ด้วย ไม่มีทางนำมาใช้สร้างเป็ิญญาแท้ได้อยู่แล้ว
ต่อจากนี้คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด การสร้างิญญาแท้!
ไม่ว่าจะเป็ิญญาแท้ของใคร จะต้องมีรูปลักษณ์ที่แน่นอนเป็ของตัวเอง อย่างเช่น ฝ่ามือั์ของอวี้สุ่ยอวิ๋น ราชันพยัคฆ์ของหวังเทียนจั๋วและคนของตระกูลหวัง อินทรีย์ฟ้าของปู้สิง เป็ต้น
รูปลักษณ์ของิญญาแท้นั้น ล้วนเป็เพียงการนำกฎเกณฑ์ฟ้าดินต่างๆ ที่ตัวผู้สร้างบรรลุได้มาแสดงด้วยรูปลักษณ์เฉพาะตัวเท่านั้น
รูปลักษณ์ของิญญาแท้ที่แสดงออกมานั้น ยิ่งมีความเข้ากันได้กับกฎเกณฑ์ฟ้าดินเท่าไรก็ยิ่งแสดงพลังออกมาได้ทรงอานุภาพมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
แน่นอนว่า สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปแล้ว แค่สร้างิญญาแท้ขึ้นมาได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ไม่มีโอกาสเลือกรูปลักษณ์เลยด้วยซ้ำ
แต่หลงอวี้กลับไม่ได้เป็เช่นนั้น!
เขาที่สามารถบรรลุได้ถึงขั้นเขตแดนสยบฟ้า ตอนนี้สามารถเลือกที่จะแสดงกฎเกณฑ์แห่งการกดทับในรูปลักษณ์แบบไหนก็ได้ที่เขา้า
การสร้างิญญาแท้สำหรับหลงอวี้นั้น เมื่อกลืนโอสถปราณหยินเข้าไปแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ เขาควรจะแสดงกฎเกณฑ์แห่งการกดทับออกมาในรูปลักษณ์แบบไหนดี?
“ัปรภพ?”
หลงอวี้พลันนึกถึงสัญลักษณ์ัปรภพตรงหน้าอกตัวเอง แต่อยู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงการต่อต้านอย่างรุนแรงจากสัญลักษณ์ัปรภพอย่างกะทันหัน
ัปรภพเหมือนจะเป็ตัวตนที่โบราณและทรงพลังมากเกินไป ไม่เหมาะที่จะเป็แค่ตัวแทนของกฎเกณฑ์แห่งการกดทับเลยแม้แต่น้อย
“สัญลักษณ์ัปรภพนี่ มันงอแงได้ด้วยหรือ?”
หลงอวี้รู้สึกปวดขมับเล็กน้อย แต่ถ้าไม่สามารถใช้ัปรภพมาเป็ตัวแทนของกฎเกณฑ์แห่งการกดทับได้ เขาก็ได้แต่ต้องคิดหารูปลักษณ์อื่นแทน
กดทับหรือ ต้องเป็สิ่งใดในฟ้าดินถึงจะสามารถแสดงพลังกฎเกณฑ์แห่งการกดทับได้มากที่สุด?
หลงอวี้คิดไปพลางเงยหน้าขึ้นไปพลาง
ตอนนั้นเอง เขาพลันััได้ถึงดวงอาทิตย์อันร้อนแรงบนท้องฟ้า มันสาดส่องแสงอาทิตย์ไปทั่วหล้า ทำให้เขาบรรลุ
“พระอาทิตย์ สาดส่องทุกสรรพสิ่ง หากสามารถสร้างิญญาแท้ดวงตะวันได้ แรงกดทับของกฎเกณฑ์แห่งการกดทับก็สามารถสาดกระจายไปทั่วบริเวณได้ในพริบตาน่ะสิ?”
หลงอวี้รู้สึกตื่นเต้น
เขาก้าวเข้าสู่วิถียุทธ์มาสักพักหนึ่งแล้ว เคยเห็นิญญาแท้มาหลากหลายรูปแบบ แต่กลับไม่เคยเห็นิญญาแท้พระอาทิตย์เลยสักครั้ง
ิญญาแท้พระอาทิตย์กับพลังของกฎเกณฑ์แห่งการกดทับจะต้องเข้ากันมากแน่ๆ เหมาะสมกับหลงอวี้พอดี
เขาัักับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาบนตัวเขา แม้จะถูกปราณหยินหลายชั้นขวางไว้จนอ่อนลง แต่มันก็ยังมีความร้อนอันเป็เอกลักษณ์เฉพาะตัวถ่ายไปทั่วร่าง
เขาเริ่มทดลองนำกฎเกณฑ์แห่งการกดทับที่เขาบรรลุได้มาหลอมรวมกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงบนตัวเขา
ภายในแหล่งแร่พลันเกิดดวงตะวันอันร้อนแรงสาดแสง!
ไม่มีใครรู้เลยว่า ในสถานที่ที่มืดทึบเช่นนี้ กลับมีคนเลือกที่จะสร้างิญญาแท้พระอาทิตย์ และไม่มีใครคิดว่าหลงวี้จะสามารถสร้างิญญาแท้พระอาทิตย์ขึ้นได้ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายมากถึงเพียงนี้!
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป การสร้างิญญาแท้เป็หนึ่งในเื่ที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตทีเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางสร้างิญญาแท้ในสถานการณ์แบบนี้แน่
แต่หลงอวี้กลับเลือกที่จะทำแบบนี้!
อีกทั้งยังใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปมอดดับเท่านั้น เขาก็สามารถนำเขตแดนสยบฟ้าไปหลอมรวมอยู่ในแสงอาทิตย์ได้ สร้างเป็เงาของพระอาทิตย์กลมๆ ดวงหนึ่งอยู่ในตันเถียนของเขา
นี่คือ ิญญาแท้ที่เขาสร้างขึ้นมา ิญญาแท้สุริยะ!
“เรียกเ้าว่าสุริยะสยบฟ้าก็แล้วกัน”
หลงอวี้ครุ่นคิดอย่างพึงพอใจ
หลังจากสุริยะสยบฟ้าถูกสร้างสำเร็จแล้ว หลงอวี้ก็รู้สึกได้ว่าด่านกั้นด่านสุดท้ายในเทียนม่ายของเขา ในที่สุดก็เริ่มหลวมลงมาบ้างแล้ว
หลังจากที่ถูกปราณหยินเข้มข้นซัดกระหน่ำเข้าใส่หลายระลอก ในที่สุดเทียนม่ายก็ถูกเจาะทะลวงจนเปิดออก เชื่อมต่อเป็หนึ่งเดียวกับฟ้าดินผืนนี้อย่างสมบูรณ์!
ขอบเขตระดับิญญาแท้!
หลงอวี้ลืมตาขึ้น ปลดปล่อยแสงสว่างราวกับดวงตะวัน!
