“ข้าทราบแล้วเ้าค่ะมามา ต่อไปข้าจะระวังไม่กินอาหารตอนดึกอีกแล้วเ้าค่ะ” เหอตังกุยก้มหน้าด้วยความละอายใจ ก่อนเอ่ยกระซิบ “เดิมทีวันนั้นข้าไม่คิดจะกินอาหารค่ำ แต่เมื่อได้กลิ่นหอมจึงอดใจไม่ไหว เผลอกินไปไม่น้อย หยางมามาไม่รู้อะไรเสียแล้ว น้องสี่ปฏิบัติต่อข้าอย่างดี อาหารที่ส่งมามีทั้งเนื้อไก่ เนื้อเป็ดและเนื้อปลา ยังมีแกงหวานที่ทำเพื่อข้าโดยเฉพาะ อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก ข้าไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณคุณหนูสี่อย่างไรดี”
“เนื้อไก่ เนื้อเป็ด เนื้อปลาและแกงหวานหรือ?” หยางมามาใจนขาอ่อน “คุณหนูสามช่างใสซื่อเสียจริง กินอาหารเหล่านี้ตอนดึกได้อย่างไร ทุกเช้าท่านก็กินอาหารที่เรือนเหล่าไท่ไท่ ล้วนเป็ของที่ดีที่สุดในจวน เหตุใดจึงกินอาหารเหล่านี้อีก ไม่เลือกกินอาหารเย็นที่มีประโยชน์กว่านี้เล่า”
เหอตังกุยที่ถูกหยางมามาตำหนิกะพริบตาด้วยแววตาหวาดกลัว นางเกาตามร่างกายพลางอธิบาย “มามาก็รู้รสชาติอาหารที่เหล่าจูจงชอบ นางกินรสเผ็ดมาโดยตลอด อาหารบนโต๊ะทุกอย่างเผ็ดไม่น้อย เหล่าจูจงเอ็นดูข้า ทั้งยังให้ข้านั่งร่วมโต๊ะกินข้าว เพื่อตอบแทนความหวังดีของเหล่าจูจง ข้าจึงไม่กล้าบอกว่าข้าไม่สามารถกินเผ็ดได้ เมื่อกินแล้วจะแสบท้องมาก ดังนั้นข้าจึงไม่กล้ากินข้าวเช้าและข้าวเที่ยงมากนัก คราวที่แล้วที่ข้านำเื่ไปบอกเหล่าจูจง ไม่เพียงทำให้ท่านป้ารองโกรธเท่านั้น ซ้ำยังถูกป้าหวังแม่ครัวผู้ดูแลห้องครัวลงโทษ ตกเย็นห้องครัวก็ไม่ส่งอาหารค่ำมาให้เรือนซีคั่วอีก”
“ไม่ส่งอาหารค่ำให้คุณหนูสามกระนั้นหรือ” หยางมามาเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เป็ไปได้อย่างไร เหล่าคุณหนูทุกท่านในจวนจะมีเงินจัดสรรให้หนึ่งตำลึงแปดเหรียญสำหรับอาหารในทุกวัน อาหารเช้าและอาหารกลางวันถูกยกเลิกแล้ว ทว่าหนึ่งตำลึงแปดเหรียญสำหรับอาหารมื้อเย็นก็น่าจะเพียงพอ แม้ท่านคนเดียวจะไม่ได้กินเยอะเพียงนั้น แต่ทางห้องครัวก็น่าจะใช้วัตถุดิบสดใหม่ทำอาหารที่มีประโยชน์ให้คุณหนูสามได้ พวกเราปฏิบัติตามกฎนี้มายาวนาน เหตุใดแม่บ้านหวังฉี่กล้ายักยอกค่าอาหารของท่าน”
เหอตังกุยส่ายศีรษะ เอ่ยปกป้องแม่บ้านหวังฉี่ด้วยความหวังดี “ป้าหวังไม่ได้ยักยอกหรอกเ้าค่ะ ความจริงล้วนเป็ข้าที่ไม่ดี ครั้งที่แล้วท่านป้ารองบันดาลโทสะต่อหน้าเหล่าจูจง วันต่อมาป้าหวังก็ส่งอาหารมาให้ข้าเต็มโต๊ะ ข้าประหลาดใจที่ได้รับความเอ็นดูมากมาย แต่ในใจกลับไม่สบายใจนัก ขณะข้าเริ่มกินอาหารหลายสิบอย่างบนโต๊ะก็พบว่ารสชาติไม่ถูกปากเท่าไร จึงให้สาวใช้นำกลับไปที่ห้องครัวเพื่อปรุงรสชาติใหม่ นึกไม่ถึงว่าจะเป็การล่วงเกินป้าหวัง นางให้คนมาบอกว่าหากข้าไม่ชินอาหารในครัวใหญ่ เช่นนั้นก็ให้กินอาหารที่ครัวเล็กของเรือนซีคั่ว ทุกเดือนนางจะหักค่าอาหารจากห้องครัวใหญ่หกสิบสองตำลึงเพื่อเป็ค่าอาหารสำหรับนายบ่าวในเรือนซีคั่ว”
หยางมามาขมวดคิ้วก่อนถอนหายใจพลางเอ่ย “คุณหนูสามส่งอาหารเ่าั้กลับไปให้แม่ครัวทำใหม่หรือ? มิน่าล่ะ แม่บ้านหวังฉี่จึงโกรธ ตระกูลของนางทำอาหารมาหลายชั่วอายุคน พี่ชายของนางก็ทำอาหารอยู่ในพระราชวัง แม้ท่านไม่อยากกินก็ควรจะไว้หน้านางบ้าง เรือนซีคั่วมีครัวเล็กไม่ใช่หรือ? เหตุใดไม่ปรุงใหม่ในครัวของตนเล่า?”
เหอตังกุยตอบกลับด้วยความละอายใจ “หยางมามาอาจยังไม่รู้ เมื่อข้าย้ายเข้าเรือนซีคั่วได้ไม่นานก็มีหนูมาวุ่นวายในครัวเล็กจนใช้ไม่ได้ ต้องโทษที่ข้าตระหนี่เกินไป เป็เพราะเติบโตในหมู่บ้านหนงจวงจึงคิดว่าอาหารได้มาไม่ง่าย ข้าไม่อยากสิ้นเปลืองอาหารมากมายบนโต๊ะ จึงให้สาวใช้นำไปทำให้สุกก่อนค่อยกิน”
“ทำให้สุกก่อนค่อยกิน?” หยางมามาอุทานด้วยความใ หรือเนื้อปลาที่ห้องครัวใหญ่ส่งมาจะไม่สุก
เหอตังกุยพยักหน้า ก่อนเอ่ยเื่อดีต “เมื่อข้านั่งที่โต๊ะอาหารก็พบว่าเนื้อปลายังดิบ ป้าหลิวที่นำอาหารมาส่งบอกว่ากินเนื้อปลาดิบในฤดูใบไม้ผลิจะรักษาโรคที่ไม่มีทางรักษาของข้าได้ ข้าจึงคีบมันเข้าปาก ทว่าไม่สามารถทนกลิ่นคาวปลาได้จนต้องคายออกมา จากนั้นก็คีบเนื้อขาหมูมันวาวและอวบอิ่มมากิน กัดอยู่หลายทีกว่าจะขาด พบว่าด้านในยังมีเืปริ่ม ข้าใร้องเสียงหลง ก่อนให้สาวใช้นำกลับไปทำให้สุกก่อนค่อยกินเ้าค่ะ”
หยางมามาได้ฟังก็ใมาก โทสะพรั่งพรูล้นอก ก่อนเอ่ยตำหนิด้วยความเดือดดาล “แม่บ้านหวังฉี่ทำเกินไปแล้ว เพียงสามีเปิดร้านอาหารในิชูฟางที่เมืองหยางโจวก็คิดว่าตนมีฐานะเหนือผู้อื่นเสียแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะกล้ารังแกผู้เป็นาย คุณหนูสาม ในเมื่อนางหักเงินจากครัวใหญ่เพื่อเป็ค่าอาหารให้ท่าน เหตุใดท่านจึงไม่ซ่อมแซมห้องครัวเล็กของเรือนซีคั่วแล้วทำอาหารกินเองเล่า? เมื่อครู่ท่านบอกว่ามีหนูมาวุ่นวายจนครัวเล็กเสียหาย น่าแปลกนัก ข้าอยู่ในเรือนตระกูลหลัวฝั่งตะวันออกเกือบสี่สิบปี ยังไม่เคยได้ยินว่ามีหนูวุ่นวายในจวน เท่าที่ข้ารู้ ทุกสามวันจะมีการโรยปูนขาว ทุกเจ็ดวันจะมีการฉีดยาเหลว แม้แต่ครัวบ่าวรับใช้ก็ไม่มียุงสักตัว หนูนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
เหอตังกุยก้มศีรษะต่ำ พลางกล่าวอย่างเศร้าใจ “ก่อนท่านแม่จะไปวัดซานชิง นางเคยมาเยี่ยมข้า พร้อมให้ตั๋วเงินสองร้อยตำลึงไว้ใช้สอยแต่ข้าไม่้า ตอนนั้นข้าบอกท่านแม่ว่า ‘แม้ลูกเพิ่งอาศัยที่ตระกูลหลัวได้เพียงสองสามวัน แต่เหล่าจูจงและท่านลุงท่านป้าต่างเอาใจใส่ลูกมาก ไหนเลยจะจำเป็ต้องใช้เงินมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นลูกยังเด็กนัก ไม่รู้วิธีเก็บเงินทองของมีค่า หากหล่นหายจะไม่วุ่นวายหรือ?’ เมื่อท่านแม่เห็นข้ายืนกรานไม่รับจึงไม่บังคับ ต่อมาข้ากลับล่วงเกินท่านป้าหวังั้แ่เดือนแรก หากมีตนเพียงคนเดียวที่ไม่ได้กินอาหารเย็นคงไม่นับว่าเป็เื่ใหญ่ ทว่าบ่าวรับใช้ในจวนกลับต้องลำบากทนหิวไปด้วย เดิมทีข้าคิดจะเปิดห้องครัวเล็กในเรือนอีกครั้ง จึงให้สาวใช้ไปขอปูนขาวและน้ำยาฆ่าแมลงจากลุงเฉียวผู้รับผิดชอบเื่นี้ ด้วยอยากนำยาเ่าั้โรยในห้องครัวเพื่อกำจัดแมลงและหนู แต่ลุงเฉียวบอกว่ายาต่าง ๆ ล้วนเป็ทรัพย์สินส่วนรวมของจวน ท่านป้ารองผู้ดูแลเื่ในจวนนั้นละเอียดอ่อนรอบคอบ ไม่ว่าจะเื่เล็กใหญ่ก็ต้องสอบถามด้วยตัวเอง เหตุนี้จึงไม่สามารถขอส่วนตัวได้ ท่านลุงเฉียวให้ข้าไปหาท่านป้ารองเพื่อบอกชนิดยาและจำนวนที่้า ขอเพียงท่านป้ารองอนุญาต ท่านลุงเฉียวก็จะส่งไปให้ที่เรือนซีคั่วทันที เฮ้อ ทำเช่นนี้มีแต่จะเสียเวลา…สุดท้ายห้องครัวเล็กในเรือนซีคั่วก็ไม่ได้รับการจัดการ”
“ทีแรกท่านป้ารองตอบตกลงแล้ว” เหอตังกุยก้มหน้า แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นพลางเอ่ย “แต่ตอนที่ข้าไปหาท่านป้ารองที่เรือนเป่าฉิน น้องเว่ยก็เล่นอยู่ที่นั่นด้วย เมื่อเขาได้ยินว่าข้ามาขอปูนขาวและยาเบื่อหนูเพื่อนำไปจัดการห้องครัวในเรือน เขาก็ปฏิเสธทันที พลางร้องห่มร้องไห้ขวางทางไม่ให้ข้าเข้าไป ท่านป้ารองสงสารหลานชายจึงไม่อนุญาตให้ท่านลุงเฉียวมอบยาแก่ข้า”
หยางมามาได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วฉับ นางเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เื่นี้เกี่ยวข้องอันใดกับคุณชายเว่ย? คุณหนูสามอยากจัดการห้องครัวในเรือนตนแล้วเกี่ยวข้องกับคุณชายเว่ยอย่างไรกัน? เหตุใดต้องปฏิเสธคำขอของเ้า?”
เหอตังกุยหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา ขณะเดียวกันก็หัวเราะเยาะในใจ ชาติที่แล้วทุกคนในตระกูลหลัวต่างบอกเป็เสียงเดียวกันว่านางใจคอคับแคบ เ้าคิดเ้าแค้นและมักนำความไปฟ้องเหล่าไท่ไท่เสมอ ทว่าความจริงแล้วในตระกูลหลัวนั้น นางพูดไม่เก่งที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงเสียเปรียบจนนับไม่ถ้วน อีกทั้งคนเ่าั้ก็พูดเก่ง ทั้งที่มีเหตุผลมากมายอยู่ในใจแต่นางกลับอ้ำอึ้งพูดไม่รู้เื่ พวกไม่มีเหตุผลก็พูดสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเสียจนน้ำไหลไฟดับ คนในตระกูลหลัวต่างพูดว่านางขี้อาย ทั้งยังมีปัญหามากเช่นเดียวกับมารดา
สิ่งที่คนตระกูลหลัวมอบให้คือการทำให้นางเรียนรู้ว่าควรจะ “ขี้ฟ้อง” เช่นไรและควรจะฟ้องเื้ัด้านมืดอย่างไร ความจริงแล้วขอบเขตสูงสุดของการฟ้องร้องคือ “การเสียบถังหูลู่” พูดอีกอย่างคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว เมื่อนางฟ้องเื่เหล่านี้แล้ว ไม่มีสักคนในตระกูลหลัวที่จะรอดพ้นจากโคลนสกปรกที่นางเตรียมสาดได้
เหอตังกุยวางผ้าเช็ดมือ ก่อนถอนหายใจพลางกล่าว “น้องเว่ยกล่าวพลางร้องไห้ว่าหนูสีเทาในครัวของเรือนซีคั่วล้วนเป็ของเล่นของเขา ท่านน้าไม่ยอมให้เขาเลี้ยงในเรือนหลิวหลี่ เกรงจะนำโรคภัยมาให้ น้องเว่ยจึงเลือกสถานที่ดี ๆ ให้พวกมันอีกครั้ง นั่นคือห้องครัวเล็กของเรือนซีคั่ว อย่างไรเสีย น้องเว่ยก็เป็เพียงเด็กอายุสามสี่ขวบเท่านั้น ไม่เข้าใจความน่ากลัวของหนู มันไม่เพียงขโมยกินข้าวสาร ไม่เพียงแพร่พันธุ์เชื้อโรค แต่...เฮ้อ ข้าห่วงคนในตระกูลหลัวจริง ๆ ”
หยางมามาเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก “คุณหนูสามเป็ห่วงอันใด? สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของสัตว์เ่าั้คืออะไร?”
ภายใต้ผ้าคลุมหน้าผืนหนานั้น มุมปากของเหอตังกุยยกยิ้มเย้ยหยันก่อนกระซิบ “สิ่งที่น่ากลัวที่สุดมีสองอย่าง อย่างแรกคือการแพร่พันธุ์ อย่างที่สองคือการเจาะรู เดิมทีครัวเล็กของข้ามีพื้นที่กว้างพอสมควร ต่อมาก็ถูกพวกมันทำให้ข้าวของเสียหายและสกปรก ข้าจึงทำได้เพียงทิ้งห้องครัวเล็กไว้และใส่โซ่คล้องกุญแจ ปล่อยให้ที่แห่งนั้นกลายเป็์ของพวกมันไป พวกมันจะออกลูกออกหลานรุ่นแล้วรุ่นเล่า ทุก ๆ รุ่นก็จะขุดหลุมใหม่เพิ่มอีกหลายหลุม… เฮ้อ ไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาเลย”
แม้หยางมามาจะเป็มามาชราที่เคยพบเจออุปสรรคมากมาย ทว่าเมื่อได้ยินเหอตังกุยบรรยายจนเห็นภาพ ร่างของนางก็อดสั่นสะท้านไม่ได้
น้ำเสียงอ่อนโยนของเหอตังกุยเปรียบเสมือนยาพิษอ่อน ๆ ที่ลูบไล้ข้อต่อกระดูก นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสกังวาน “หนูมีสัญชาตญาณเป็ขโมยั้แ่เกิด ร่างกายพวกมันมีแต่เชื้อโรค หยางมามา ท่านว่าสัตว์กลุ่มนี้น่ากลัวหรือไม่ หากพวกมันวิ่งเข้าไปในทุก ๆ เรือน วันนี้ขโมยข้าวเที่ยงของเหล่าจูจง พรุ่งนี้แทะเครื่องประดับของพี่รองเสียหาย วันต่อไปก็กัดนิ้วของน้องเว่ยขาด วันต่อ ๆ ไปก็นำเชื้อโรคมาแพร่ในอาหาร ในน้ำหรือแม้กระทั่งบ่อน้ำสะอาดในเรือนเป่าฉินของท่านป้ารอง...”
แววตาของหยางมามาเบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว ห้องที่หนาวเย็นดุจโรงโม่น้ำแข็งกลับทำให้หน้าผากของนางมีเหงื่อผุดซึม
เหอตังกุยเอ่ยอย่างเป็กังวล “หยางมามา ท่านก็รู้ว่าท่านป้ารองเป็เ้านายที่อัธยาศัยดี นางมักเชิญคุณหนูคุณชายจวนอื่นมาร่วมงานน้ำชาบทกวี ทั้งยังให้คุณหนูคุณชายที่ชอบความสดใหม่และความน่าสนใจลงไปตักน้ำในบ่อมาชงชาด้วยตัวเอง หากคุณหนูคุณชายฐานะสูงส่งเ่าั้กินของไม่สะอาดจะเกิดอันใดขึ้น...เฮ้อ อาจกลับกลายเป็ทำคุณบูชาโทษ ท่านป้ารองผู้เป็ตัวแทนจวนหลัวตะวันออกคงจะต้องบาดหมางกับตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นเป็แน่”
หยางมามาหลุดพูดเสียงดัง “บาดหมางกับตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น? คงไม่ถึงขั้นนั้นกระมัง?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้