เวลานี้มีผู้มาเจรจากับเขาเกี่ยวกับการค้านี้เขาย่อมประหลาดใจอย่างมาก ที่นั่งชั้นพิเศษอีกฝ่ายเป็ผู้เปิด เฉิงซิ่นเถ้าแก่ร้านยาได้ไปที่นั่นตามเวลานัดหมาย แต่ไปถึงค่อนข้างเร็ว อีกฝ่ายยังมาไม่ถึง ขณะที่กำลังร้อนใจจนนั่งไม่ติดนั้นก็ได้ยินเสียงลอยมาจากข้างนอก “เสี่ยวโหวเหฺย ระวังนะขอรับ”
ต่อมามีเด็กชายน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา ด้านหลังของเขามีคนอีกสองคน คนหนึ่งเป็ชายหนุ่ม อีกคนหนึ่งเป็ชายวัยกลางคน
“เถ้าแก่จี้” เมื่อเห็นจี้ซิ่น เฉิงซิ่นเถ้าแก่ร้านยาจึงเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น
จี้ซิ่นพูดยิ้มๆ “มิกล้า นี่คือนายท่านของข้า วันนี้ผู้ที่้าพบท่านคือเขา”
หมายความว่าอย่างไรกัน? เฉิงซิ่นเถ้าแก่ร้านยาไม่กระจ่างแจ้ง
“นั่ง” หลี่ลั่วเลือกตำแหน่งที่นั่งก่อน จากนั้นนำกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับไว้ออกมา ข้างบนเป็รายละเอียดเื้ัเกี่ยวกับร้านยาของเฉินซิ่น และรายละเอียดส่วนตัวของเถ้าแก่ผู้นี้ “ท่านดูซิ ว่ามีอะไรตกหล่นบ้าง”
ทันทีที่เฉิงซิ่นเถ้าแก่ร้านยาได้อ่าน “ท่าน...พวกท่านตรวจสอบข้า?”
“ตรวจสอบนั้นเป็เื่ปกติ ท่านไม่ต้องกังวล ด้วยพวกเรา้าร่วมงานกับท่าน ดังนั้นจึงตรวจสอบท่าน” หลี่ลั่วเอ่ย
“หมายความว่าอย่างไรกัน? เ้าเป็เด็กน้อยคนหนึ่ง ้าร่วมมือกับข้า?” เฉินซิ่นเถ้าแก่ร้านยาคิดว่าเด็กน้อยคนนี้เสียสติไปแล้วกระมัง
หลี่ลั่วยิ้มบางๆ จิบน้ำชาคำเล็กๆ หนึ่งคำ “ข้ามีร้านค้าอยู่ร้านหนึ่ง ทำเกี่ยวกับกิจการค้าการกุศล ข้าตรวจไข้ แต่จะไม่จัดยา ดังนั้นข้าจึงอยากจะร่วมมือกับร้านยาของท่าน ข้าได้สังเกตร้านยาบางส่วนในเมืองหลวงแล้ว มีเพียงร้านยาของเถ้าแก่ที่มีราคายุติธรรม ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจว่าท่านเป็คนมีโนธรรมและซื่อสัตย์คนหนึ่ง
นี่เป็คำยกยกปอปั้น ทำให้เฉิงซิ่นเถ้าแก่ร้านยารู้สึกอึดอัดคับข้องใจ แต่ร้านค้าเพื่อการกุศลที่เขาพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร “เื่รักษาคนไข้เพื่อการกุศลของท่าน ข้าไม่เข้าใจนัก”
“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็ไร ข้าจะค่อยๆ อธิบาย” หลี่ลั่วหันไปมองจี้ซิ่นและกล่าวว่า “ให้คนยกอาหารเข้ามา”
“ขอรับ”
ระหว่างที่อาหารถูกยกเข้ามาขึ้นโต๊ะหลี่ลั่วอธิบายว่า “เื่การกุศลทั้งหมด ก็คือการทำเื่ดีๆ ร้านของข้าชื่อร้านหมอการกุศล ดังนั้นข้าอยากจะให้ร้านยาของท่านมาร่วมมือ ท่านหมอที่มาทำการรักษานั้นข้าเป็คนจัดการ เขาเป็หมอหลวงของสำนักหมอหลวง มารักษาให้ทุกคนโดยไม่เก็บเงิน ค่าตรวจรักษาของท่านหมอนั้นไม่คิดเงินได้ แต่ยาไม่เก็บเงินไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงอยากจะร่วมงานกับท่าน ทางข้าจะเขียนใบสั่งยา แนะนำลูกค้าให้ไปร้านยาของท่าน”
“เื่นี้สำหรับข้าแล้ว เป็เื่ดีที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงเื่หนึ่ง” เฉิงซิ่นเถ้าแก่ร้านยากล่าว เป็การได้รับผลประโยชน์โดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเชิญหมอหลวงจากสำนักแพทย์หลวงมานั่งตรวจรักษาไข้ได้อีก “ท่านคือ?”
“จงหย่งโหวหลี่ลั่ว” หลี่ลั่วกล่าว
หา? เป็เสี่ยวโหวเหฺยหรือ? หลี่ลั่วมีชื่อเสียงจริงๆ ด้วยถูกพระราชทานสมรสให้กับฉีอ๋อง ฉีอ๋องผู้เป็บุคคลอันดับหนึ่งอันดับสองของเมืองหลวง ดังนั้นชื่อของหลี่ลั่วจึงดังไปทั่วเมืองหลวง “ผู้น้อยไม่รู้ว่าเป็เสี่ยวโหวเหฺยเสด็จมา ผู้น้อย...”
“ไม่ต้องเกรงใจ” อีกฝ่ายกำลังจะคารวะ ถูกหลี่ลั่วห้ามเอาไว้ “แน่นอนว่า ถึงข้าจะเชิญหมอหลวงมานั่งตรวจรักษา แต่ก็ย่อมไม่สามารถไปกระทบกับกิจการร้านยาร้านอื่นและท่านหมอคนอื่นได้ ดังนั้นข้าจึงเชิญหมอหลวงมาตรวจรักษาไม่เก็บเงินทุกๆ เจ็ดวันหนึ่งครั้ง” ขุนนางในราชสำนักทุกๆ เจ็ดวันมีวันหยุดหนึ่งวันเช่นกัน เท่ากับยุคสมัยปัจจุบันสัปดาห์หนึ่งหยุดพักผ่อนหนึ่งวัน
“เช่นนั้นท่าน้าอันใดหรือ?” หากเป็เช่นนี้ย่อมดีต่อตนเองเป็แน่ อีกทั้งยังมีเสี่ยวโหวเหฺยเป็ขุนเขาให้เขาพึ่งพิง
“ข้า้ากำไรจากท่านครึ่งหนึ่ง” หลี่ลั่วพูดตรงไปตรงมาอย่างไม่อ้อมค้อม “กำไรของท่านอาจจะไม่มาก แต่ผ่านการแนะนำจากข้า แน่นอนว่าย่อมต้องดีกว่าเมื่อก่อน อีกทั้งการที่ทางข้าแนะนำการค้าให้ท่าน เดิมทีก็เป็การทำการค้าโดยไม่ได้คิดกำไรไม่ใช่หรือไร?”
“อย่าว่าแต่ครึ่งหนึ่งเลย ต่อให้เสี่ยวโหวเหฺย้าเจ็ดส่วน ข้าก็รับปากเช่นกัน ด้วยเป็อย่างที่เสี่ยวโหวเหฺยพูด ทางข้านั้นได้ประโยชน์โดยไม่ต้องทำอันใด” เฉิงซิ่นเถ้าแก่ร้านยาไม่ใช่คนเขลา มีความเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจสูงศักดิ์นั้นไม่ใช่เื่ง่าย ตนเองมีโชคลาภวาสนาเช่นนี้ เขาย่อมไม่ปล่อยให้ผ่านไป
“พวกท่านไปเก็บยาก็ลำบากไม่น้อยเช่นกัน ข้า้าครึ่งหนึ่งเพียงพอแล้ว” หลี่ลั่วกล่าว “หากว่าท่านตกลง ถึงเวลานั้นข้าจะเขียนชื่อร้านหมอการกุศลของข้าพร้อมกับชื่อร้านยาของท่านลงนามร่วมกัน ยามที่แบ่งผลกำไรทางข้าจะคิดตามใบสั่งยาและตรวจสอบกับทางท่าน แล้วค่อยเก็บเงิน ท่านเห็นเป็อย่างไร?”
“ได้ขอรับ ผู้น้อยไม่มีปัญหาขอรับ” เฉิงซิ่นเถ้าแก่ร้านยารู้สึกว่าเสี่ยวโหวเหฺยผู้นี้ไม่ง่ายดายเลย อายุน้อยแค่นี้ รู้จักที่จะไม่ขวางทางทำมาหากินของผู้อื่น คิดพิจารณาปัญหาได้ละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง นี่เพียงอายุหกขวบ เด็กจากครอบครัวผู้มีอำนาจสูงศักดิ์ช่างร้ายกาจ
หลังจากจัดการปัญหาเื่ยาเสร็จ ก็มาถึงร้านช่วยเหลือการกุศลและร้านอาหารการกุศลแล้ว ร้านช่วยเหลือการกุศลเท่ากับเป็กล่องเปล่า เมื่อถึงเวลาเปิดกิจการยังไม่รู้ว่าจะมีคนบริจาคเงินหรือสิ่งของหรือไม่ ร้านอาหารเพื่อการกุศลหลี่ลั่วได้คิดวางแผนไว้นานแล้ว
เหล้าองุ่นในมือของเขาที่หมักั้แ่เดือนห้าปีที่แล้วเวลานี้มีสิบห้าขวด ที่หมักั้แ่เดือนเก้าปีที่แล้วจนถึงเวลานี้มีหนึ่งร้อยขวด เหล้าที่หมักั้แ่เดือนห้าเวลาค่อนข้างยาว รสชาติดียิ่ง ถึงเวลานั้นเชิญคนเขลาทั้งสามมาประชาสัมพันธ์เสียหน่อย เหล้าที่บรรจุขวดหนึ่งชั่งไม่รู้ว่าจะขายได้เงินเท่าใด
ต่อมาคือขนมเค้กซึ่งทำมาจากนม แป้ง และน้ำตาล แม้น้ำตาลและนมจะมีต้นทุนสูง แต่ขนมเค้กนั้นกำไรมหาศาล เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หลี่ลั่วก็คิดถึงชานมไข่มุก สตรีในยุคสมัยโบราณยังรวมตัวกันชุมนุมชา ชุมนุมบทกวี นี่หากมีการสั่งจองเข้ามาก็จะถือเป็การค้าใหญ่โตเลยทีเดียวเชียว
แผ่นมันฝรั่งเป็สินค้าต้นทุนต่ำที่สุด มันฝรั่งหนึ่งชั่งเพียงไม่กี่อีแปะ อันนี้ขายดี
ยังมีผลไม้ในสวนผลไม้ของตนเองก็นำมาขายเช่นกัน
สุดท้ายคือลูกกวาด...
วันเปิดกิจการย่อมต้องเลือกฤกษ์ยามสิริมงคล หลี่ลั่วคิดๆ ดูแล้ว เลือกวันที่สิบสี่เดือนสอง วันที่เช่นนี้สำหรับคนในยุคสมัยโบราณแล้วไม่มีความหมายอันใด แต่สำหรับหลี่ลั่วแล้วถือเป็วันดี
ก่อนเปิดกิจการ หลี่ลั่วได้ให้ข้ารับใช้ของบ้านการกุศลไปแจกใบประกาศแล้ว ใบประกาศของสมัยโบราณนั้นทำง่ายดายยิ่ง
‘วันที่สิบสี่เดือนสองเปิดกิจการ สหายผู้ที่ชอบทำการกุศลอย่าพลาด
บ้านการกุศล ตรวจรักษาไข้ให้ทุกคนไม่เก็บค่ารักษา’
กระดาษหนึ่งใบ คำพูดสองประโยค เมื่อถึงวันที่สิบสี่เดือนสองคนไม่น้อยจริงๆ ทว่าล้วนมารักษาไข้ทั้งสิ้น ยังดีที่หลี่ลั่วฉลาดเฉลียว ได้นัดแนะกับองค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง และองค์ชายสามเอาไว้ก่อนแล้ว
ประตูของบ้านการกุศลนั้นเป็สีแดง เป็สัญลักษณ์ของความเป็สิริมงคล แต่ในเวลานี้ด้านนอกมีผู้คนมาโอบล้อมไว้ไม่น้อย ประตูร้านกลับยังคงปิดอยู่
“นี่มันเื่อันใดกันเล่า?”
“ไม่ใช่บอกว่าไม่เก็บค่ารักษาไม่ใช่หรือ?”
“คงไม่ได้หลอกกันกระมัง ร้านค้าของผู้ใดกัน?”
“หากยังไม่เปิดก็จะกลับบ้านแล้ว”
“กล้าหลอกลวงคนก็ทุบประตูร้านเสีย”
ขณะที่ผู้คนกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานา ‘เพิง’...เสียงตีฆ้องผสมเสียงกลองดังขึ้น ดังก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณ ผู้คนที่ล้อมหน้าประตูร้านค้าตกอกใเสียจนสะดุ้งโหยง ค่อยๆ ถอยออกมา อยากจะดูว่าเกิดเื่อันใดขึ้น เห็นเพียงชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สองคนถือฆ้องและกลองพร้อมกับตีเสียงดังเข้ามา จากนั้นด้านหลังก็มีสิงโตสองตัวออกมา พวกมันกำลังร่ายรำอยู่
ทุกคนเห็นแล้วจึงเข้าใจว่า เริ่มดูละครได้แล้ว
สิงโตทั้งสองต่างเชิดตามเสียงฆ้องและกลอง จากนั้นไปยืนอยู่ทั้งสองข้างของบ้านการกุศล สิงโตอ้าปาก คายป้ายมงคลกลอนคู่คู่หนึ่งออกมาจากปาก บนนั้นเขียนไว้ว่า ‘ครอบครัวปรองดองเจริญรุ่งเรืองอายุยืนนาน ผู้มีจิตเมตตาสุขภาพแข็งแรงสงบสุขร่มเย็น’
ต่อมามีเด็กชายตัวน้อยสวมอาภรณ์สีแดงทั้งชุดเดินลงมาจากรถม้า ผู้ที่เดินลงมาพร้อมกันยังมีหมอหลวงที่อยู่ในชุดราชสำนักและชายหนุ่มคนหนึ่ง จี้ซิ่นก้าวขึ้นไปข้างหน้ากล่าวว่า “ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานการเปิดกิจการบ้านการกุศลในวันนี้ นี่คือนายท่านของพวกเรา” เขาชี้ไปที่หลี่หง ด้วยหลี่ลั่วอายุน้อยเกินไป ท่ามกลางผู้คนมากมายจึงไม่ผลักเขาออกมา
หลี่หงยกมือขึ้นเป็หมัดแล้วกล่าวว่า “บ้านการกุศลเปิดกิจการ ขอยินดีต้อนรับทุกท่าน”
ประตูใหญ่ของร้านค้าเปิดออก ปรากฏให้เห็นว่าด้านในร้านค้าแบ่งเป็สามร้านแตกต่างกัน ร้านช่วยเหลือการกุศล ร้านอาหารการกุศล ร้านหมอการกุศล
“ข้าขอแนะนำร้านค้าทั้งสามให้กับทุกท่าน” จี้ซิ่นใช้ฝีปากที่เจรจาเป็เลิศของเขาแนะนำร้านค้าทั้งสามร้าน “จากนั้นขอเรียนเชิญแขกผู้มีเกียรติในวันนี้มาตัดริบบิ้น องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง และองค์ชายสาม” คนทั้งสาม ร้านค้าสามร้าน พอดิบพอดี นี่เป็ฟ้าลิขิต
“์ ยังมีองค์ชายตัดริบบิ้น”
“นี่มันเื่อะไรกัน?”
“ไม่รู้ ดูต่อไปสิ”
องค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง และองค์ชายสาม คนทั้งสามตัดริบบิ้นพร้อมกัน หลังจากตัดริบบิ้น องค์ชายใหญ่เอ่ยขึ้นก่อน “ในเมื่อเป็การช่วยเหลือผู้คน เช่นนั้นข้าขอบริจาคก่อนหนึ่งร้อยตำลึง”
“ข้าบริจาคหนึ่งร้อยตำลึงเช่นกัน” องค์ชายรองกล่าวตาม
“เสด็จพี่ทั้งสองชอบช่วยเหลือคน น้องชายจะล้าหลังได้อย่างไร หนึ่งร้อยตำลึงเช่นกัน” องค์ชายสามกล่าว
ดังนั้น ในสมุดบัญชีของร้านช่วยเหลือการกุศลจึงมีชื่อขององค์ชายทั้งสามพร้อมกับจำนวนเงินที่พวกเขาบริจาค
พวกเขากำลังบริจาคเงินอยู่ทางนี้ ร้านหมอเพื่อการกุศลยุ่งเสียจนทำงานไม่ทัน เข้าแถวยาวเฟื้อย รอการรักษาไม่คิดเงิน “พวกเราที่นี่ตรวจรักษาไข้ไม่คิดเงิน แต่ยาพวกท่านต้องไปหาซื้อเอง” จี้ซิ่นกล่าว “แต่พวกเราที่นี่จะแนะนำร้านยาให้ ราคายาของร้านยาเฉิงซิ่นยุติธรรมยิ่งนัก หากไปจัดยาตามใบสั่งยาของร้านเรา จะสามารถนำไปใช้เป็ส่วนลดได้”
ไปซื้อยาหรือไม่นั่นเป็เื่หนึ่ง อย่างไรเสียรักษาไข้ไม่คิดเงิน ไพร่ฟ้าประชาชนเพียงแต่อยากจะมารับการตรวจรักษาไม่คิดเงิน ต้องรู้ว่านี่เป็หมอหลวงมาจากแพทย์หลวง
ดังนั้น หมอหลวงที่มาเปิดกิจการเป็วันแรกนั้นจึงมีคนไข้ล้นมือ
แน่นอนว่าร้านอาหารการกุศลก็มีคนไม่น้อยเช่นกัน คนงานในร้านอาหารการกุศลถือจานมันฝรั่งแจกจ่ายให้กับผู้ที่อยู่ด้านหน้าร้านค้า ใครใช้ให้แผ่นมันฝรั่งต้นทุนต่ำเล่า? สำหรับเนื้อแผ่น ลูกกวาด ขนมเค้ก และขนมปัง...เหล่านี้ไม่ได้ให้ชิม
บางคนชิมไปหนึ่งแผ่น รู้สึกว่ารสชาติดียิ่ง จึงเอ่ยปากถามราคา
มันฝรั่งหนึ่งชั่ง[1]เป็เงินสามอีแปะ[2] มันฝรั่งลูกหนึ่งทอดออกมาได้ยี่สิบแผ่น ดังนั้นราคาของแผ่นมันฝรั่งคือ น้ำหนักหนึ่งตำลึง[3]ยี่สิบอีแปะ โดยทั่วไปสำหรับชาวบ้านในเมืองหลวงแล้ว แผ่นมันฝรั่งหนักหนึ่งตำลึงราคายี่สิบอีแปะนั้นยังซื้อได้ ดังนั้นมันฝรั่งแผ่นจึงเป็สินค้าที่ขายดีที่สุดในร้านอาหารเพื่อการกุศล
แน่นอนว่าเมื่อพบลูกค้าผู้ชาย คนงานจะนำเหล้าองุ่นให้เขาลองดื่ม และให้คำแนะนำ “นี่คือเหล้าองุ่นที่ฝ่าาแนะนำเมื่องานเลี้ยงวันพระราชสมภพ หนึ่งชั่งสองตำลึง”
คนมีเงินในเมืองหลวงมีมากมาย บางคนชิมเพียงเล็กน้อย คิดว่าซื้อไหวก็ซื้อขวดละหนึ่งชั่งกลับไปดื่ม
“ลั่วเกอเอ๋อร์” หลี่เจ๋อเห็นหลี่ลั่วอยู่ที่ร้านอาหารเพื่อการกุศล วันนี้บ้านการกุศลเปิดกิจการ หลี่เจ๋อได้ยินข่าวจึงมาดูๆ ได้ยินมาว่าหมอหลวงตรวจรักษาอาการไม่คิดเงิน ข่าวเช่นนี้จะพลาดได้อย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะพบหลี่ลั่วที่นี่
“พี่เจ๋อมาแล้วหรือ?” หลี่ลั่ววิ่งเข้าไปทักทาย
“เ้าไฉนจึงมาอยู่ที่นี่ได้?” กลับไปมองของว่างเ่าั้อย่างละเอียดอีกครั้ง “นี่เป็เ้าหรอกหรือที่เปิดกิจการนี้?” ของว่างเหล่านี้ทั้งเมืองหลวงไม่มีร้านที่สอง เมื่อเดือนห้าหลี่ลั่วเคยให้พวกเขากินแล้ว “โอ้ ยังมีเหล้าองุ่นนี้ด้วย”
“เหล้าองุ่นหนึ่งชั่ง เป็เงินสองตำลึงขอรับ” หลี่ลั่วแนะนำ “พี่เจ๋ออยากจะซื้อสักหน่อยหรือไม่ขอรับ?”
[1] ชั่ง (斤) คือหน่วยชั่งน้ำหนักของจีนในสมัยโบราณ 1 ชั่ง เท่ากับ 500 กรัม
[2] อีแปะ (文) คือหน่วยเงินตราของจีนในสมัยโบราณ 1000 อีแปะ เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน
[3] ตำลึง (两) ในที่นี้คือมาตรวัดน้ำหนักในสมัยโบราณ 1 ตำลึง เท่ากับ 50 กรัม