ตรุษจีนนี้ หมี่หลันเยว่ตัดสินใจพักผ่อนอย่างเต็มที่ วันตรุษจีนวันแรกเธอใช้เวลาไปกับการนอนทั้งวัน ตื่นขึ้นมากินข้าวสามมื้อเพราะแม่ปลุก นอกนั้นก็เอาแต่นอนเพื่อชดเชยที่ผ่านมา หวังหย่วนฉิงรู้ว่า่นี้ลูกสาวเหนื่อยมาก เลยปล่อยให้เธอนอนหลับพักผ่อนเต็มที่
พอวันที่สอง หมี่หลันเยว่วางแผนจะพาน้องชายกับพี่ชายไปเดินเล่นในเมือง ดูว่าน้องชายอยากได้อะไรเป็พิเศษ จะได้ซื้อให้ แต่แล้วแม่ก็ทำให้เธอประหลาดใจกว่า เพราะวันนี้ต้องไปบ้านคุณยาย
เนื่องจากบ้านคุณปู่คุณย่าอยู่ไกลจากซวงเฉิงมาก พ่อมาทำงานที่เมืองนี้คนเดียว การกลับไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าจึงไม่ใช่เื่ง่าย นานๆ ทีถึงจะได้กลับไปสักครั้ง ส่วนบ้านคุณยายอยู่ใกล้ๆ ซวงเฉิง นั่งรถไฟแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว
"ว้าว จะได้ไปบ้านคุณยายแล้ว จะได้ไปบ้านคุณยายแล้ว"
เพราะหมี่หลันซิงเป็น้องคนเล็กสุดในบ้าน เขาจึงเป็ที่รักใคร่เอ็นดูของคนในครอบครัวคุณยายมากที่สุด แน่นอนว่าเขาชอบไปบ้านคุณยายที่สุด ที่บ้านคุณยายมีของอร่อยและของเล่นดีๆ เตรียมไว้ให้เขาหมด
"โอ้โห ดีใจขนาดนี้เลยเหรอที่จะได้ไปบ้านคุณยาย พี่ว่าจะพาไปเดินเล่นในเมืองวันนี้สักหน่อย จะซื้อของที่นายอยากได้ ถ้าไปบ้านคุณยาย แบบนี้ก็จะพลาดไปแล้วนะ"
หมี่หลันเยว่แกล้งหลันซิง ทำให้หน้าน้อยๆ ของหลันซิงยู่เข้าหากัน เขาเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
"โธ่ อย่าไปแกล้งน้องเลย เดี๋ยวร้องไห้ขึ้นมา แล้วจะปลอบยังไงล่ะนั่น"
ในสายตาของหวังหย่วนฉิง หลันซิงก็คือเด็กคนหนึ่ง การร้องไห้งอแงเป็เื่ปกติ แต่คำพูดนี้หมี่จิ้งเฉิงไม่ชอบใจเท่าไหร่ หลันซิงเป็เด็กผู้ชาย จะเลี้ยงให้เป็คนขี้แยได้ยังไง
"ร้องไห้อะไรกัน หลันซิงของพวกเราไม่ร้องไห้หรอก เื่แค่นี้เอง ค่อยกลับมาคุยกับพี่สาวก็ได้ ว่าหลังจากกลับจากบ้านคุณยายแล้ว ค่อยไปซื้อของให้หลันซิงได้ไหม หลันซิงของพวกเราเป็เด็กดี พี่สาวจะต้องยอมแน่นอน"
หมี่หลันเยว่ชื่นชมวิธีการสอนแบบหมี่จิ้งเฉิงมาก เธอจึงมองน้องชายด้วยสายตาที่คาดหวัง อยากรู้ว่าน้องชายจะเข้ามาคุยเธอได้ไหม เธอนึกว่าน้องชายจะลังเลสักหน่อย แต่แล้วเ้าตัวเล็กก็วิ่งกระเด้งกระดึ๋งเข้ามา พุ่งเข้าใส่พี่สาวทันที โชคดีที่หมี่หลันเยว่นั่งอยู่บนเตียง ไม่อย่างนั้นคงโดนชนล้มไปแล้ว
"พี่ฮะ พวกเราไปบ้านคุณยายก่อนได้ไหม ไปอวยพรตรุษจีนกับคุณยายกับคุณตา แล้วก็น้าๆ เสร็จแล้วค่อยกลับมาเดินเล่นกันได้ไหมครับ หลันซิงเป็เด็กดีนะ พวกเราอวยพรตรุษจีนเสร็จแล้วจะกลับมาเลย ตกลงนะฮะพี่สาว?"
โดนน้องชายอ้อนขนาดนี้ หมี่หลันเยว่จะไม่ยอมได้ยังไง
"ก็ได้ ดูจากที่หลันซิงของพวกเราเป็เด็กดี รู้จักไปสวัสดีตรุษจีนผู้ใหญ่ก่อน เป็เด็กดีมาก งั้นรอกลับมาแล้ว ค่อยไปเดินเล่นในเมืองกันนะ"
พอได้ยินพี่สาวตอบตกลง หลันซิงก็ะโโลดเต้นด้วยความดีใจ
"บอกแล้วว่าพี่สาวดีที่สุด จะต้องยอมแน่นอน พี่ครับ ผมพูดแล้ว พี่ต้องทำตามสัญญานะ ตรุษจีนเสร็จ พอกลับมาแน่นอน พี่สาวต้องซื้อปืนของเล่นที่ผมชอบมานานแล้วให้นะครับ?"
เ้าตัวเล็กเริ่มคิดถึงเื่ที่พี่สาวจะเสียเงินให้ตัวเองแล้ว
"พี่ไม่ได้ให้ซองอั่งเปาไปแล้วเหรอ อยากได้ปืนของเล่นก็ซื้อเองสิ"
หมี่หลันเยว่ยังคงแกล้งน้องชาย ดูว่าน้องจะเสียดายไหม
"พี่ฮะ ผมเอาเงินอั่งเปาให้แม่ไปแล้ว แม่กับพ่อดูแลผมมาทั้งปีเหนื่อยมาก ผมเลยเอาเงินให้แม่ ให้แม่เอาไปซื้อของอร่อยๆ กิน"
คำพูดนี้ทำให้หวังหย่วนฉิงน้ำตาคลอ ถึงแม้หลันซิงจะยังเล็ก แต่ในใจเล็กๆ ของเขาก็คิดถึงเื่ต่างๆ อยู่เสมอ ตอนที่เขาเอาเงินให้แม่ เขาไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่ตอนนี้พอได้ยินเขาพูดคำพูดพวกนี้กับลูกสาว หวังหย่วนฉิงก็รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลออกมา
"เห็นไหม น้องชายฉันเป็เด็กดีจริงๆ เอาล่ะ พี่สาวมีน้องชายที่ดีขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องทำตามสิ่งที่น้องขอในวันตรุษจีนของให้เป็จริงสิ พอกลับมาจากบ้านคุณยายแล้ว พี่สาวจะซื้อปืนของเล่นให้นะ"
พอพี่สาวสัญญาแล้ว หลันซิงก็ร้องะโออกมาด้วยความดีใจสองครั้ง จากนั้นก็วิ่งไปแต่งตัวกับแม่ เตรียมตัวสำหรับการเดินทางของทั้งครอบครัว
พอลงจากรถไฟ น้าชายคนเล็กก็ยังคงมารับทั้งสี่คน
"แม่บอกว่าไม่ต้องเอาอะไรมาแล้วไง ทำไมไม่ฟังกันเลย พอพูดแล้วกลับเอามาเยอะกว่าเดิมอีก บ้านเราก็มีคนไม่เยอะ จะกินหมดได้ยังไง เปลืองเงินเปล่าๆ เดี๋ยวแม่ก็ว่าเอาอีก"
เนื่องจากลุงที่เป็ลูกคนโต ลุงคนที่สอง และป้าคนโตไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ พวกเขาอยู่ในเมืองที่ห่างไกลมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถกลับมาใน่ตรุษจีนได้ ค่าเดินทางใน่นี้ถือเป็ภาระที่หนักหนาสำหรับครอบครัวหนึ่ง โดยปกติแล้วก็เลยจะได้กลับมารวมตัวกันแค่สักสามถึงห้าปีครั้งหนึ่งเท่านั้น
"ของพวกนี้มีอยู่แล้วที่บ้าน เพื่อนของหลันเยว่เอาของขวัญตรุษจีนมาให้รถเข็นใหญ่ เรากินไม่หมด ก็เลยแบ่งมาบ้าง ไม่ได้เสียเงินอะไรมากมายหรอก"
หวังหย่วนฉิงรีบอธิบายให้น้องชายฟัง ของพวกนี้กินใช้ไม่หมดจริงๆ หนิวต้าลี่เอาของขวัญตรุษจีนมาให้เยอะมาก
พอไปถึงบ้านคุณยาย คุณยายก็รออยู่ตรงหน้าประตู
"คุณยาย ทำไมออกมาข้างนอกล่ะฮะ อากาศหนาวขนาดนี้ ดูสิ หน้าแดงหมดแล้ว เดี๋ยวหลันซิงอุ่นให้ครับ"
หลันซิงปากหวานวิ่งเข้าไปหาเป็คนแรก คุณยายก้มตัวลงให้เ้าตัวเล็กเอามือมาอังหน้า ดวงตาเป็ประกาย
"บอกแล้วว่าไม่ต้องเอาอะไรมา ทำไมไม่เชื่อกันเลยนะ"
พอเห็นของที่ลูกสาวกับลูกเขยถือมา ลูกชายคนเล็กก็ถือมาด้วย คุณยายก็เริ่มบ่นทันที หวังหย่วนฉิงรีบอธิบายให้แม่ฟังอีกครั้ง
"เข้าไปข้างในก่อนเถอะ ข้างนอกมันหนาว เข้าไปคุยกันข้างใน"
น้าชายดันพ่อกับแม่เข้าไปในบ้าน คุณยายก็เลยต้องเงียบไป เธอพาหลันซิงเข้าไปข้างในก่อน น้าชายขยิบตาให้พี่สาวกับพี่เขย หวังหย่วนฉิงได้แต่ยิ้มอย่างจนปัญญา
คนเป็แม่ก็เป็แบบนี้ ให้ลูกมากเท่าไหร่ก็ไม่เคยรู้สึกว่ามากเกินไป แต่พอเห็นลูกเอาอะไรมาให้ตัวเอง ก็รู้สึกเกรงใจมาก พวกเขารู้ว่านั่นคือความตั้งใจของลูกๆ แต่ก็อดสงสารความพยายามและการเสียสละของลูกๆ ไม่ได้ ไม่อยากให้ตัวเองเป็ภาระของลูกๆ
"พ่อคะ สวัสดีตรุษจีนค่ะ พ่อนั่งเฉยๆ นะคะ เดี๋ยวหนูขึ้นไปนั่งเป็เพื่อน"
หวังหย่วนฉิงประคองแม่ไปนั่งบนเตียงอุ่น พอเห็นพ่อใส่เสื้อผ้าใหม่นั่งอยู่บนเตียงมองมา หวังหย่วนฉิงก็ถอดรองเท้าปีนขึ้นไปบนเตียง ตั้งใจว่าจะนั่งคุยกับพ่อแม่ก่อน
"แม่คะ ไม่ต้องห่วงว่าหนูจะใช้เงินเยอะ ของพวกนี้กินใช้ไม่หมดที่บ้าน วางไว้ก็เสียเปล่าๆ คนอื่นเอามาให้ ปีนี้ที่บ้านแทบไม่ได้ใช้เงินเลย"
หวังหย่วนฉิงอธิบายที่มาของของขวัญตรุษจีนเหล่านี้ให้แม่ฟังก่อน การคุยกับพ่อแม่ก็เป็แบบนี้ หลายเื่ถ้าพูดไม่ชัด ก็ต้องพูดให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องเป็ห่วง
จากนั้นก็รับน้ำอุ่นจากมือของหลันหยาง ส่งให้พ่อ ดื่มให้ชุ่มคอ เตียงเตาร้อนเกินไป สุขภาพของพ่อไม่ค่อยดีนัก แถมยังมีน้ำหนักเกิน เดินเหินไม่ค่อยสะดวก เดินแล้วตัวสั่น โยกไปมา เขาจึงไม่ค่อยเดินไปไหนมาไหน แต่การที่ขยับตัวน้อยเกินไปก็ทำให้เป็ห่วง
"คนอื่นเอามาให้? ไม่ได้ใช้เงินอะไรเลย? ดูจากของที่เอามาก็มีตั้งหลายอย่าง ใครจะเอาของขวัญตรุษจีนมาให้มากมายขนาดนี้ อย่ามาหลอกแม่นะ ถึงแม่จะแก่แล้ว แต่หูก็ไม่ได้หนวก ตาไม่ได้ฝ้า เื่แค่นี้แม่ดูออก"
หมี่หลันเยว่ย้ายเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งข้างๆ คุยกับแม่และคุณยายคุณตา เธอมองคุณยายใส่แว่นอ่านหนังสือแล้วบอกว่าตัวเองหูไม่ได้หนวกตาไม่ได้ฝ้า หมี่หลันเยว่ก็แอบหัวเราะในใจ แต่พอได้ยินคุณยายพูดจามีเหตุมีผลขนาดนี้ ก็อดชื่นชมไม่ได้ สมกับที่เป็คนมีการศึกษา
แต่ก็นับว่าโชคดีไม่น้อย ที่คุณยายเป็คนมีมนุษยสัมพันธ์ดี ในยุคนั้นเอง คุณยายก็ช่วยปกป้องคุณตาเอาไว้ได้จนรอดชีวิตมา ทุกวันนี้ครอบครัวถึงได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันได้ ถือเป็ปาฏิหาริย์จริงๆ หมี่หลันเยว่ชื่นชมความสามารถในการต่อสู้ของคุณยายเป็อย่างมาก ได้ยินมาว่าทุกครั้งที่คุณตาถูกประณาม คุณยายจะขึ้นไปยืนบนเวทีเป็เพื่อน ทำให้ชาวบ้านไม่กล้าทำร้าย
"แม่คะ ของขวัญตรุษจีนที่คนอื่นเอามาให้จริงๆ เป็เพื่อนของหลันเยว่ค่ะ"
คุณยายได้ยินแบบนั้นก็มองไปที่หมี่หลันเยว่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงอย่างสงสัย หลานสาวคนเล็กของตัวเองเก่งมากเื่นี้เธอรู้ แต่เธอยังเด็กขนาดนี้ เพื่อนที่ไหนจะเอาของขวัญตรุษจีนมาให้มากมายขนาดนี้กัน
พอเห็นสายตาที่ไม่เชื่อของแม่ หวังหย่วนฉิงก็ต้องอธิบายอย่างละเอียดอีกครั้ง
"แม่คะ เื่จริงค่ะ หลันเยว่เปิดร้านเสื้อผ้าเอง ขายดีมาก เพื่อนที่เอาของมาให้ก็คือลูกค้าที่มารับของที่ร้าน ลูกค้าอยากขอบคุณหลันเยว่ เลยเอาของมาให้เยอะแยะ"
"จริงเหรอ?"
คุณยายมองไปที่หลันเยว่ หลันเยว่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
"ค่ะคุณยาย ลูกค้าเอามาให้จริงๆ พวกเราปฏิเสธไม่ได้ เลยรับไว้ค่ะ"
หมี่หลันเยว่รู้ว่าถ้าไม่รีบบอกว่าตัวเองปฏิเสธไปแล้ว กลัวว่าคุณยายจะต้องพูดอีกเยอะแยะ
"อืม ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เป็เื่ของการตอบแทนบุญคุณ จำไว้ว่าต้องตอบแทนกลับไป อย่าให้คนอื่นคิดว่าเราเอาเปรียบ"
เห็นไหมว่าเป็แบบนี้จริงๆ หมี่หลันเยว่ตอบรับอย่างเชื่อฟังอีกครั้ง จากนั้นคุณยายก็เริ่มคุยเื่ร้านเล็กๆ ของเธอกับหมี่หลันเยว่ คุยจนคุณยายหน้าบาน หลานสาวคนเล็กของตัวเองเก่งเหลือเกิน
"หลันเยว่ เก่งมาก แต่ก็อย่าให้ตัวเองเหนื่อยเกินไปนะ แล้วก็อย่าทิ้งการเรียนรู้ด้วย รู้ไหม?"
"ค่ะ หนูรู้ค่ะคุณยาย สอบปลายภาคนี้ หนูก็ยังได้ที่หนึ่งของห้องเหมือนเดิมค่ะ"
"จริงเหรอ หลันเยว่ของพวกเราเป็เด็กดีจริงๆ"
คุณยายมองหลันเยว่ ยิ่งมองก็ยิ่งเอ็นดู เด็กผู้หญิงที่ฉลาดขนาดนี้ เป็ลูกหลานของตัวเองนี่นะ
