แต่ไหนแต่ไรมาแคว้นเหยียนหลงที่ยิ่งใหญ่จากดินแดนทางเหนือก็มีประวัติว่าเป็แคว้นที่มีอากาศร้อนเสมอ ในหนึ่งปีที่แคว้นแห่งนี้ไม่มีฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม่ร่วง และฤดูหนาว แคว้นเหยียนหลงมีเพียงฤดูร้อนเท่านั้น นอกจากนี้ยังร้อนมากอีกด้วย แต่บัดนี้ทั่วทั้งแคว้นเหยียนหลงกลับมีอากาศหนาวเย็นลงอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
ทุกคนที่อยู่ในแคว้นเหยียนหลง ไม่ว่าจะเป็ประชาชนทั่วไป หรือแม้กระทั่งฮ่องเต้ต่างก็รู้สึกถึงความหนาวเหน็บ
“ที่แท้นี่ก็คือรสชาติของอากาศหนาว”
มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดเช่นนี้
แต่ผู้คนที่อยู่ในเมืองหลวงและในพระราชวังต่างตกอยู่ในความตื่นตะลึง
ไก้อู๋ซวงต่อสู้จนตายแล้ว!
ประโยคนี้คล้ายเป็สายฟ้าที่ฟาดลงมากลางหัวใจของทุกคน ตอนที่ศิษย์ของสำนักอูอวิ๋นเซียนได้รับรู้ข่าวสารนี้มา พวกเขาก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เสียงด้ง บางคนก็พูดกระทั่งว่าไก้อู๋ซวงคือคนที่จะพาสำนักของพวกเขาไปสู่จุดสูงสุด
แต่ไม่คิดเลยว่าไก้อู๋ซวงที่เพิ่งจะถือกำเนิด และได้รับการยอมรับให้เป็ศิษย์จากอูอวิ๋นเซียน กลับต้องมาตายด้วยฝีมือของเยาวชนคนหนึ่งที่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้จักด้วยซ้ำ
หลังจากวันนั้นชื่อของหลัวเลี่ยก็เป็ที่รู้จักไปทั่วแคว้นเหยียนหลงอย่างรวดเร็ว
คำพูดที่ว่าหลัวเลี่ยฝึกฝนเคล็ดวิชามหาหลุนิจนถึงระดับถ่องแท้ได้ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ อาจทำให้หลายคนไม่เชื่อและคิดว่าเขาโป้ปด แต่ครั้งนี้คนเ่าั้กลับตกตะลึง
หลังข่าวได้แพร่ไปเพียงหนึ่งวัน ก็ไม่มีชาวเหยียนหวงคนใดที่ไม่รู้จักชื่อของหลัวเลี่ยแล้ว
และในวันนั้นก็เป็วันที่คนในพระราชวังไม่กี่คนเต็มไปด้วยจิตสังหาร ไม่ว่าพวกเขาจะต้องบดขยี้หลัวเลี่ยให้เป็เถ้าถ่าน หรือฉีกร่างของหลัวเลี่ยออก พวกเขาก็จะทำเพื่อล้างแค้นให้ไก้อู๋ซวง
ห้ามปล่อยให้หลัวเลี่ยมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เพราะหากหลัวเลี่ยยังมีชีวิตอยู่ ย่อมแสดงถึงความอัปยศของสำนักออวิ๋นเซียนเป็แน่
ทันใดนั้นผู้คนที่กำลังเดือดดาลก็สงบลงในชั่วพริบตา
เพราะการปรากฏกายของข่งไท่โต้ว
ข่งไท่โต้วยืนอยู่ในสถานที่ที่ข่งเยวี่ยเจินถูกไก้อู๋ซวงสังหาร เขายืนนิ่งไม่ไหวติง แต่เมื่อมองดูแล้วเขากลับคล้ายูเาไฟที่กำลังรอเวลาปะทุ ท่าทางของเขาทำให้ทุกคนตกอยู่ในสภาวะกดดัน
ข่งไท่โต้วไม่ได้เอ่ยว่าเขา้าจะปกป้องหลัวเลี่ย
แต่ที่เขาปรากฏกายขึ้นเป็เพราะเื่ที่หลัวเลี่ยสังหารไก้อู๋ซวงเพื่อล้างแค้นให้ข่งเยวี่ยเจิน
ไม่ว่าหลัวเลี่ยจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลข่งหรือไม่ ทุกคนต่างก็เข้าใจในเื่นี้ดี และทุกคนก็รู้ว่าตระกูลข่งมีกฎที่ต้องทำตาม
ต้องตอบแทนผู้มีพระคุณ!
หากกล่าวว่าผู้ที่อยู่ในระดับบรรพชน หรือแม้กระทั่งเทพนั้นยึดถือคำสัตย์ของตนที่สุด เช่นนั้นตระกูลข่งก็เป็อีกหนึ่งตระกูลที่ยึดถือในคำสัญญาของตนมาก พวกเขาเป็ประเภทที่ใครดีมาก็ดีตอบ ใครร้ายมาก็ร้ายตอบ เป็คนที่พูดคำไหนคำนั้น บอกว่าจะทำก็คือทำแน่ พวกเขาไม่เคยกังวลถึงผลที่จะตามมา ต่อให้ต้องต่อสู้กับเทพก็ไม่เคยหวาดหวั่น ยิ่งไปกว่านั้นข่งเซวียนยังเคยสังหารเทพองค์หนึ่งเพื่อปกป้องชีวิตของมนุษย์อีกด้วย
ในทำนองเดียวกันนี้ ที่เมืองหลวงของแคว้นเหยียนหลงก็มีคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าคนคนนี้คือใคร และนางมาทำอะไร
คนคนนี้ก็คือเยี่ยนอวิ๋นหวู่!
วันเวลาผ่านไปท่ามกลางความกดดัน
การฆ่าเพื่อล้างแค้นที่ทุกคนคาดเดาไว้ไม่ได้เกิดขึ้น นอกจากนี้อูอวิ๋นเซียนยังไม่มีท่าทีใเลยสักนิดเมื่อรู้ว่าไก้อู๋ซวงตายไปแล้ว
เขาทำตัวราวกับว่าไม่เคยมีเื่อะไรเกิดขึ้น
สามวันต่อมา บนผืนฟ้าในแคว้นเหยียนหลงที่ว่างเปล่าก็มีไอพลังไหลวนอยู่บนนั้น จากนั้นไอพลังนั้นก็ก่อตัวเป็แท่นที่มีเปลวเพลิงอยู่ตรงกลาง
ระยะเวลาสามวันเพียงพอแล้วสำหรับการฟื้นตัวของหลัวเลี่ย
นอกจากนี้ในมือของหลัวเลี่ยยังมีบางสิ่งที่ผนึกด้วยคาถารักษาที่แพนด้าน้อยปั้นทิ้งเอาไว้ให้เขา
ใน่เวลานี้ไม่มีใครตามหลัวเลี่ยมาเลย ไม่ใช่ว่าคนพวกนั้นไม่อยากแก้แค้น แต่เป็เพราะพวกเขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ ตอนนี้พลังของหลัวเลี่ยก้าวหน้าไปมากแล้ว หากชายหนุ่มและหญิงสาวพวกนั้นยังจะมาต่อสู้กับหลัวเลี่ยอีก ก็เท่ากับว่าพวกเขารนหาที่ตายแล้ว
เพราะเหตุนี้จึงทำให้หลัวเลี่ยใช้เวลาสามวันที่ผ่านมาได้อย่างสบายใจ
หลัวเลี่ยเปิดกระเป๋าเฉียนคุณของไก้อู๋ซวง
ในกระเป๋าเฉียนคุณของไก้อู๋ซวงมีสิ่งของมากมาย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเคล็ดวิชาประดับจตุรทิศที่ไก้อู๋ซวงใช้ หากมีเนื้อหาในเื่นี้เหลืออยู่ ต่อให้เป็เนื้อหาส่วนน้อยๆ เขาก็จะฝึกฝนตามนั้นทันที
ตอนนี้หลัวเลี่ยฝึกฝนจนถึงขั้นต้นแล้ว และแน่นอนว่าเื่ขีดจำกัดในวิชายุทธ์เขาก็เข้าใจ อย่างเช่นหมัดประกายดำและวิชาประดับจตุรทิศต่างก็เป็เคล็ดวิชาที่ไม่ธรรมดา และมันก็ฝึกฝนไม่ง่ายเลย
ในบรรดาสิ่งของหลายอย่างที่อยู่ในกระเป๋าเฉียนคุณของไก้อู๋ซวง หลัวเลี่ยสนใจอยู่สามสิ่ง
นั่นก็คือรูปหนึ่งใบ เข็มหนึ่งเล่ม และค้อนจิ๋วหนึ่งอัน
สิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้ เช่น สิ่งของที่จำเป็ในการดำรงชีวิต และป้ายชื่อในการประลองยุวราชันจำนวนมาก ล้วนถูกหลัวเลี่ยโยนทิ้งไปแล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจการประลองอีกแล้ว
“แผนที่”
“ดูเหมือนว่าการที่ไก้อู๋ซวงเข้าร่วมการประลองนี้จะมีจุดประสงค์อื่น”
หลัวเลี่ยดูแผนที่ และเริ่มนึกถึงภูมิศาสตร์ที่เขาเห็นเมื่อตอนที่เขาบินอยู่เหนือเทือกเขาเหยียนรื่อ จากนั้นเขาก็พบว่าจริงๆ แล้วแผนที่นี้คือแผนที่ของเทือกเขาเหยียนรื่อ และจุดหมายที่ขีดอยู่ภายในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ห่างจากจุดที่เขาอยู่มากนัก
หลัวเลี่ยคิดว่าสิ่งของที่ทำให้ไก้อู๋ซวงสนใจได้ต้องไม่ใช่สิ่งของที่ธรรมดาเป็แน่
หลังจากที่เขาฟื้นตัวเต็มที่ และพลังได้กลับสู่สภาวะสูงสุดแล้ว เขาก็เริ่มมองหาสถานที่ที่คล้ายกันตามเครื่องหมายบนแผนที่
ผ่านไปครึ่งวัน เขาก็พบเส้นทางที่เขียนไว้บนแผนที่แล้ว
หลัวเลี่ยเดินตามเส้นทางในแผนที่เพื่อค้นหาจุดหมาย
หลังจากที่หลัวเลี่ยเดินวนไปวนมา ข้ามูเาสิบกว่าลูก ข้ามแม่น้ำสามสาย และหลบหลีกสัตว์อสูรที่ทรงพลังมากมาย ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดหมายที่ระบุไว้ในแผนที่แล้ว
สิ่งที่ปรากฏอยู่หน้าหลัวเลี่ยคือทางเดินระหว่างูเาสูงสองลูกที่กว้างเพียงครึ่งจั้ง
ทางเดินนั้นแคบมาก บาง่ก็ถูกบีบให้แทบจะติดกัน และส่วนที่กว้างที่สุดประมาณครึ่งจั้งนั้นก็มีหินยื่นออกมาขวางข้างทางมากมาย หากหลัวเลี่ยจะเดินเข้าไปก็ต้องตะแคงหันด้านข้างลำตัวเข้าไป และต้องระมัดระวังเื่หินที่จะสามารถข่วนผิวได้ด้วย
หลัวเลี่ยเหยียบหินก้อนเล็กๆ ที่ยื่นออกมาจากูเาทั้งสองข้างของเขา จากนั้นเขาก็มองไปยังกำแพงูเาด้านซ้ายของตน
เมื่อหลัวเลี่ยมองแผนที่ เขาก็เห็นว่ากำแพงูเานี้เป็ตำแหน่งสูงสุด
หากมองจากภายนอก กำแพงูเานี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากกำแพงูเาอื่นๆ และไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะแผนที่ แม้ว่าหลัวเลี่ยจะยืนอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่ามีอะไรแตกต่างออกไป
หลัวเลี่ยยกมือขึ้นและทุบไปที่กำแพงูเานี้
ตึกๆ!
กำแพงูเามีรอยแตกร้าวเกิดขึ้น จากนั้นหินจำนวนมากก็ร่วงหล่นลงมา
ไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ
หลัวเลี่ยยังคงทุบต่อไปโดยไม่หยุด เขาทำเช่นนี้ไปห้าครั้ง
หินูเาจำนวนมากร่วงหล่นมา และในที่สุดกำแพงูเาที่โดดเด่นก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลัวเลี่ย กำแพงูเานั้นเป็รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สูงเกือบครึ่งลี้ และยาวสามสิบจั้ง มันดูเก่ามากและทรุดโทรมเล็กน้อย
มองแวบแรก กำพงูเานี้ดูเหมือนประตูหิน
นอกจากนี้ที่บริเวณกำแพงยังปรากฏรูที่มีขนาดเล็กมากเหมือนรูเข็มอยู่จำนวนหนึ่ง
“แม้ข้าจะไม่รู้ว่ารูเข็มนี้คืออะไร แต่ข้าเดาว่าเข็มที่มาจากไก้อู๋ซวงเล่มนี้คงมีประโยชน์”
หลัวเลี่ยหยิบเข็มออกมาจากกระเป๋าเฉียนคุณ
ตอนที่หลัวเลี่ยพบเข็มเล่มนี้ เขาก็รู้สึกว่าเข็มเล่มนี้แปลกมาก เหตุผลก็คือเขาไม่สามารถทำลายมันได้ และเข็มเล่มนี้ก็ไม่ใช่สมบัติวิเศษ นี่ก็คือความแตกต่าง เพราะความจริงแล้วพลังของหลัวเลี่ยสามารถทำให้ของวิเศษที่พบได้โดยทั่วไปเกิดการสั่นคลอนได้
หลัวเลี่ยมองไปที่รูเข็ม ในขณะเดียวกันเขาก็พยายามสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อย
เข็มเล่มยาวไม่มีปฏิกิริยาใดในตอนแรก แต่เมื่อได้รับพลังหลั่งไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับหนึ่ง มันก็สั่นอย่างรุนแรง ราวกับว่าได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมา และ้าที่จะหลุดจากการควบคุมของหลัวเลี่ย
เมื่อมองดูเข็มและรูเข็มนี้ หลัวเลี่ยก็คลายมือออก
วืด!
ทันใดนั้นเข็มเล่มยาวก็พุ่งออกไป และหยุดอยู่หน้ารูเข็มรูหนึ่งที่อยู่ตรงกลางรูเข็มอีกหลายรู
พรึ่บ!
เมื่อเข็มเล่มยาวได้หยุดอยู่ตรงหน้ารูเข็มรูนั้น ทันใดนั้นกำแพงูเาก็สั่นไหว มีลำแสงจางๆ ปรากฏขึ้นมาบนประตูหิน และรูเข็มรอบๆ รูเข็มที่อยู่ด้านหน้าเข็มเล่มยาวนั้นก็เริ่มปรากฏลำแสงขึ้นมาเส้นหนึ่งที่ถักทอเชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่องด้วยความว่องไว ลำแสงเส้นนี้แผ่ขยายออกไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็ลวดลายประหลาดลวดลายหนึ่ง
กึกๆ...
หลังจากนั้น ประตูหินก็ค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นทางเดินที่คล้ายจะเป็ภาพลวงตา
หลัวเลี่ยหรี่ตาลงและมองเข้าไปข้างใน เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เดินเข้าไป
ปัง!
เมื่อประตูหินปิดลง ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้