หลิวเต้าเซียงใส่อาหารไก่ที่ผสมเสร็จแล้วลงในรางและตอบว่า “ถึงอย่างไรก็ต้องซื้อลูกไก่ของคนอื่น ปีก่อนได้ยินหลี่เจิ้งบอกว่า ภาษีของเรากำลังจะเพิ่ม ทั้งยังเพิ่มภาษีบุคคลด้วย ได้ยินว่ายังมีภาษีท่อน้ำ คนที่เข้าอำเภอก็มีภาษีเข้าเมือง และยังจำเป็ต้องจ่าย หากไม่จ่ายทางราชการจะส่งคนมาเก็บถึงบ้าน”
เมื่อเอ่ยถึงเื่นี้ เฉินซื่อที่กำลังเป็ผู้ช่วยก็มีสีหน้ากังวล “เื่นี้ในหมู่บ้านก็วุ่นวายกันเป็แถว ได้ยินว่า่นี้บ้านหลี่เจิ้งหัวกระไดไม่แห้งเลย อันที่จริง ชาวบ้านอย่างเราแค่อยากมีถิ่นฐานที่มั่นคงสบายใจ มีเสื้อผ้าห่มกาย ไม่ต้องมีชีวิตที่รัดเข็มขัดตลอดเวลา”
ขอเพียงมีเงินในมือเล็กน้อย ใครเล่าจะสนใจว่าต้องจ่ายภาษีเท่าไร
หลิวเต้าเซียงถอนหายใจ เดิมทีนาง้าหาเงินเพิ่มเพื่อเก็บเงินส่วนตัว แต่...
“ดังนั้น ซื้อของใครก็ซื้อเหมือนกันไม่ใช่หรือ? บ้านเรายังขาดอีกหลายพันตัว เดือนที่แล้วรับมาหกพันตัว ดูเหมือนมาก อันที่จริงก็แค่สิบแปดตำลึง ต่อให้รับมาครบหนึ่งหมื่นตัว ก็แค่ไม่เกินสามสิบตำลึง ท่านพี่ ท่านยาย ต่อไปพวกท่านไปบอกกับคนในหมู่บ้านว่า บ้านเรารับมันเทศด้วย ให้พวกเขาปลูกเยอะหน่อย ไม่เพียงแค่ในหมู่บ้านเรา หมู่บ้านอื่นก็รับด้วยนิดหน่อย ช่างเถิด เื่หมู่บ้านอื่นจะรับเท่าไร เดี๋ยวข้าจะขอไปปรึกษาท่านพ่อกับท่านปู่หลี่เจิ้งเอง พวกเขาจะได้ไม่ตีกัน”
แม้ว่าผู้คนในแต่ละหมู่บ้านจะชอบแก่งแย่งกัน แต่เมื่อคนในหมู่บ้านมีปัญหาขัดแย้งกับต่างหมู่บ้าน ก็จะสมานสามัคคีกันทั้งแก่และเด็ก
หลิวเต้าเซียงรู้สึกว่ามีนิ้วมือทอง หากไม่เกินความสามารถของตนเองที่ช่วยเหลือผู้คนได้ นางก็ยินดี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็การสร้างชื่อเสียงให้แก่ผู้เป็พ่อได้ด้วย
นางไม่้าเป็คนดี แค่้าให้ผู้คนสรรเสริญบิดาของตนว่า คนผู้นี้เป็คนใช้ได้
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม วิหคเหินฟ้ากระต่ายออกวิ่ง
เมื่อกิ่งไม้มีแสงกระทบ หลิวเต้าเซียงสวมชุดอ๋าวตัวบาง ตรงแขนเสื้อเป็พื้นสีขาวปักลายดอกกล้วยไม้หยกสีชมพู สวมสร้อยเงิน ส่วนมือซ้ายถือผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาว มือขวาจูงเด็กน้อยอายุราวสามขวบหน้าตาน่ารักน่าชัง เด็กสาวสวมชุดกางเกงผ้าฝ้ายสีแดงสด ตรงแขนเสื้อและขากางเกงแต่งขอบด้วยลายผีเสื้อและผักหลากสีสัน
“พี่รอง ท่านพ่อจะกลับมาเมื่อไร?”
เด็กสาวตัวน้อยก็คือหลิวชุนเซียงที่อายุเกือบสามขวบ น้องสามของหลิวเต้าเซียง ส่วนน้องชายฝาแฝดของนาง คนโตชื่อหลิวจื้อฮ่าว คนเล็กชื่อหลิวจื้ออวี๋
“คำนวณเวลาแล้ว ท่านพ่อน่าจะใกล้กลับมาแล้ว”
หลิวชุนเซียงเอาลูกอมขิงมาจากไหนไม่รู้แล้วอมเข้าไปในปาก จากนั้นเอ่ยเสียงไม่ชัด “ท่านพ่อเขียนจดหมายบอกว่าวันนี้ไม่ใช่หรือ?”
“น้องสาม เหตุใดเ้าแอบกินลูกอมอีกแล้ว?” หลิวเต้าเซียงทำอะไรไม่ได้ ท่านยายเฉินซื่อมักจะทะนุถนอมรักใคร่พวกนางจนเกินเหตุ
หลิวชุนเซียงหัวเราะคิกคัก แล้วเอาลูกอมออกมาอีกหนึ่งอันยื่นไปที่ปากของหลิวเต้าเซียง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนเยาว์ “พี่รองกิน”
หลิวเต้าเซียงกำผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก จิ้มหน้าผากนางเบาๆ ยิ้มแล้วตำหนิ “เ้าเล่ห์นัก ถ้าท่านแม่รู้เข้าแล้วไม่ตีก้นเ้าก็คงแปลก”
“พี่รองชอบข้าที่สุด ไม่มีทางไปฟ้องหรอก”
หลิวเต้าเซียงเอื้อมมือออกไปกุมหน้าผาก รู้สึกว่าในครอบครัวของนางกำลังจะมีจอมมารตัวน้อยสามคนแล้ว
หลิวชุนเซียงเขย่ามือซ้ายของนางและพูดอย่างมีความสุข “พี่รอง ดูสิ มีคนบนถนน ใช่ท่านพ่อของเรากลับมาหรือไม่?”
หลิวเต้าเซียงบีบผ้าเช็ดหน้าและวางตรงหน้าผากเพื่อบังแดด ไกลออกไปมีเงาสีดำเคลื่อนมาทางนี้อย่างรวดเร็ว นางขมวดคิ้วเบาๆ หรือว่าท่านพ่อจะพาสหายมาด้วยหรือ?
เมื่อคิดเช่นนี้ นางคำนวณอยู่ว่าควรกลับบ้านเพื่อไปเตรียมอาหารก่อนดีหรือไม่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคนที่มาคือบิดาของนาง
“ท่านพี่ พ่อเราต้องสอบผ่านแน่นอน ใช่หรือไม่ๆ!” ใบหน้าขาวสะอาดของหลิวชุนเซียงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเงยหน้าและเคี้ยวลูกอมเสียงดังจั๊บๆ
หลิวเต้าเซียงเช็ดคราบน้ำตาลที่มุมปากของนางเบาๆ แล้วยิ้มจนตาโค้ง “ท่านพ่อต้องสอบผ่านซิ่วไฉแน่นอน”
บิดาของนางเป็คนที่หัวดี สามารถอ่านผ่านตาและไม่ลืม การสอบซิ่วไฉนับว่าเื่เล็กไม่ใช่หรือ?
หลิวชุนเซียงได้รับคําตอบในเชิงบวกจึงพยักหน้าเหมือนผู้ใหญ่ “นั่นสิ ซื่อหนิวยังบอกว่าข้าชอบคุยโว พ่อเราเก่งกาจขนาดนั้น ต้องสอบผ่านซิ่วไฉแน่นอน”
ซื่อหนิวเป็น้องชายของซานหนิว ซึ่งโตกว่าหลิวชุนเซียงหนึ่งปี
หลิวเต้าเซียงยกมือขึ้นกุมหน้าผาก เด็กน้อยตอนนี้มีความมั่นใจเพียงนี้เชียวหรือ?
“ประกาศ!”
ทันใดนั้นก็ได้ยินคําที่คลุมเครือมาจากที่ไกลๆ
ประกาศ?
หรือว่า?
มือขวาของหลิวเต้าเซียงบีบผ้าเช็ดหน้า ทาบที่หน้าอกแล้วเขย่งเท้ามองไปทางถนน ไกลออกไป เงาสีดำนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็สีเทา และปนสีแดงไว้
เ้าหน้าที่ราชการหรือ?
ไม่นานนัก หลิวเต้าเซียงก็ได้ยินเสียงที่คนเ่าั้ะโอย่างชัดเจน
“ประกาศข่าวดี!”
นางจับมือเล็กๆ ของหลิวชุนเซียงและอดไม่ได้ที่จะบีบไว้แน่น นางกำลังมองดูคนที่มายังถนนใหญ่ ไม่ทันสังเกตว่าฝ่ามือของตนนั้นมีเหงื่อซึมออกมา
หลิวชุนเซียงมองไปที่มือเล็กๆ ที่กําลังถูกจับอย่างสงสัย จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองพี่รองของนางที่สวมชุดอ๋าวตัวบาง แล้วแหงนมองท้องฟ้า ใบไม้เหี่ยวแห้งลอยตามลมมาปิดหน้าน้อยๆ ของนาง
ถ้าหลิวชุนเซียงด่าคำหยาบได้ คงบอกว่าเฮงซวยสุดๆ!
“พี่รอง พี่ร้อนมากหรือ?”
หลิวเต้าเซียงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและหมดคําพูด...
จากนั้นก็ก้มหน้ามองหลิวชุนเซียงที่ทำหน้าจริงจัง เพราะรอคำตอบจากนาง
“น้องสาม ดูเหมือนข้างหน้าจะมีการประกาศข่าวดี!”
“ข่าวดี?” มันคืออะไร?
หลิวชุนเซียงดูสับสน!
“น่าจะเป็เ้าหน้าที่มาแจ้งว่าพ่อเราสอบผ่านซิ่วไฉแล้ว”
หลิวเต้าเซียงเชื่อว่าสำหรับบิดาของนางแล้ว การสอบซิ่วไฉนั้นง่ายดายนัก
ผ่านไปชั่วหนึ่งจิบน้ำชา คนกลุ่มใหญ่ก็มาล้อมวงคนที่นำข่าวมาแจ้ง ฝุ่นสีเหลืองคลุ้งไปทั่วตัวสองพี่น้อง จากนั้นก็เลี้ยวผ่านสะพานหน้าบ้านทางเข้าไปทางหมู่บ้าน...
หลิวชุนเซียงพึมพำอย่างไม่มีความสุข หยดน้ำตาคลอเบ้า นางเอ่ยน้ำเสียงสะอื้นต่อว่าหลิวเต้าเซียง “พี่รอง พี่โกหก ไหนบอกว่าท่านพ่อสอบผ่านซิ่วไฉไงเล่า!”
หลิวเต้าเซียงเอื้อมมือออกไปลูบท้ายทอย เป็ไปไม่ได้นี่นา?!
บิดาผู้เป็เด็กเรียนของนางจะสอบไม่ผ่านได้อย่างไร?
“สันนิษฐานว่าคนเหล่านี้น่าจะเป็คนปลอม พวกเขากำลังเล่นเกมประกาศข่าวดีน่ะ เ้าไม่รู้สึกว่าสนุกหรือ?”
หลิวเต้าเซียงไม่มีวันยอมรับว่าตนเองคํานวณผิดพลาด นางแค่กังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบิดาผู้เป็เด็กเรียนหรือไม่!
การสอบก็ผ่านพ้นมาหลายวันแล้ว คนส่งข่าวก็ไม่ได้บอกว่าสอบผ่านหรือไม่ แต่ในคำพูดของเขาสื่อความปีติยินดีไว้ นอกจากนี้ก็ไม่ได้บอกว่าจะกลับบ้านมาเมื่อใด เขาคือเด็กเรียน เขาสามารถลงสนามสอบได้อย่างสบาย หรือจะให้พูดก็คือข้อสอบง่ายดายเหลือเกิน...
ขณะนั้นมีเสียงประทัดดังกึกก้องในหมู่บ้าน
หลิวชุนเซียงกัดนิ้ว ส่วนหลิวเต้าเซียงเองก็กัดผ้าเช็ดหน้า เป็ไปไม่ได้!
กลุ่มของชายหนุ่มเมื่อครู่กรูกันเข้าไปรวมกันอยู่หน้าบ้านเดิมตระกูลหลิว ขณะนี้ยังกระจุกกันอยู่ตรงนั้น
เท้าซ้ายของหลิวเต้าเซียงขยับ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ยกขึ้น
หลิวชุนเซียงไม่รู้ความกังวลในใจของนาง เมื่อเห็นว่ามีเื่สนุกให้ดู นางที่อายุเพียงสองขวบเศษก็ลากหลิวเต้าเซียง งอแงอยากไปดูความคึกคักที่บ้านเดิม
นางไม่เคยมีประสบการณ์จึงไม่รู้ว่าจะรับมือกับหลิวฉีซื่ออย่างไร ในภาพจำนั้นท่านย่าคือคนที่น่ารังเกียจชิงชัง มักจะมาหยิบฉวยข้าวของในบ้านของนางอยู่บ่อยครั้ง
ในที่สุดหลิวเต้าเซียงก็ต้านน้องสาวไม่ไหว จึงจูงนางเดินไปที่บ้านเดิมอย่างเชื่องช้า
“นี่ เต้าเซียง ได้ยินหรือยัง? อาสี่ของเ้าสอบติดซิ่วไฉแล้ว”
“ใช่ เต้าเซียง แล้วพ่อของเ้าล่ะ สอบผ่านหรือไม่?”
“แม่หนูเต้าเซียง ฟังคำย่านะ บอกแม่เ้าว่าอย่าคิดมาก พ่อเ้าน่ะข้าเห็นเขามาั้แ่เด็กจนโต แม้จะไม่ได้ฉลาดมากนัก แต่ก็เป็คนดีซื่อตรง การแต่งงานนั้น ไม่ควรแต่งกับคนที่เ้าเล่ห์นัก ผู้หญิงเราน่ะ สู้ผู้ชายไม่ไหวหรอก”
“ไม่มีเหตุผลน่า พ่อเ้าเรียนเก่งกว่าอาสี่ไม่ใช่หรือ? นี่คงไม่ได้ล้อกันเล่นหรอกใช่หรือไม่?”
......
ระหว่างทาง คิ้วของหลิวเต้าเซียงกระชับแน่นขึ้นเรื่อยๆ ถูกต้อง การเรียนของท่านพ่อต้องไม่ด้อยกว่าอาสี่นี่นา
“นี่ นางตัวดีมาจากไหนกัน?” หลิวเสี่ยวหลันทำหน้ามีชัยยืนอยู่ตรงหน้าประตู เหมือนว่าคนที่สอบผ่านซิ่วไฉก็คือตัวของนางเอง เมื่อเห็นคนที่นางริษยาตาร้อน แล้วก็เกลียดชังมากที่สุด จึงอดไม่ได้ที่จะโอ้อวดทันที
หลิวเต้าเซียงกลอกตา นางยังคงเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าท่านพ่อต้องสอบผ่าน
เพียงแต่เ้าหน้าที่ผู้ส่งสารไม่ได้ไปที่บ้านนาง นางต้องอย่าเพิ่งได้ใจไปก่อน หากมีข้อผิดพลาดขึ้นมา เท่ากับว่านางตบหน้าตนเอง
“นางตัวดี หมายถึงใครน่ะ!” หลิวเต้าเซียงเอ่ย
“นางตัวดีก็หมายถึงเ้าไง เ้ามันนางตัวดี... ไม่รู้ไปหัดเรียนการอ่อยเหยื่อให้ท่าผู้ชายมาจากไหน เชอะ แต่งตัวเหมือนจิ้งจอกเข้าไปทุกวัน” หลิวเสี่ยวหลันพูดอย่างลื่นไหลและติดกับ นางอยากพุ่งเป้าไปที่เื่ใบหน้าที่นับวันก็ยิ่งสวยขึ้น นางตัวดีมีใบหน้าสวยงามเหมือนจิ้งจอก
จิ้งจอก ความหมายคือสวยงามมาก
มีความสามารถ หมายถึงสร้างความอิจฉาแก่ผู้คน
ตาร้อน นั่นคือใครก็อิจฉาคงเป็ยอดคน!
สรุปแล้วก็คือหลิวเต้าเซียงมีความสุข!
นี่เป็การพิสูจน์ว่านางนั้นสวยสง่า โอ๊ย หูเริ่มร้อนผ่าว เขินแล้วนะ!
หลังจากที่หลิวเสี่ยวหลันดุเสร็จแล้ว พอหันกลับไปมองก็เห็นชุ่ยหลิวกำลังดึงตนเองไว้อยู่
ชุ่ยหลิวกับนางมีลักษณะนิสัยที่คล้ายกัน ปกติมักจะเอาใจประจบประแจง เมื่อเทียบกันแล้ว หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์จึงไม่เข้าตานางเท่าไร
สิ่งสําคัญที่สุดคือ หลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ไม่มีทรัพย์สินเงินทองเป็ของตนเอง นางยังคงต้องอาศัยบิดามารดาเลี้ยงดู!
ดังนั้นนับั้แ่ชุ่ยหลิวแต่งเข้าไปเป็อนุของหลิวเหรินกุ้ย จึงสนิทสนมกับหลิวเสี่ยวหลันมากขึ้น
“ชุ่ยหลิว เ้าไม่ต้องดึงข้า พอเห็นนางตัวดีที่ไม่ทำตัวก้าวหน้าเช่นนี้ ใจข้าก็ระส่ำระส่าย”
ชุ่ยหลิวแอบกลอกตา หากไม่ใช่เพราะนางยังได้ผลประโยชน์อยู่บ้าง ใครจะอยากมีเพื่อนร่วมกลุ่มโง่เหมือนหมูแบบนี้
“อาเล็ก ทุกคนอยู่นี่กันหมด วันนี้เป็วันดีของพี่สี่เ้านะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ แววตาของชุ่ยหลิวก็หม่นหมองและเ็ปใจ
หากรู้ว่าจะเป็เช่นนี้ ตอนนั้นก็ไม่ควรไปให้ท่าหลิวเหรินกุ้ย แม้ว่าจะไม่ได้เป็ภรรยาเอกของซิ่วไฉ แต่ก็มีประวัติที่หอมหวานสวยงาม
เมื่อเทียบกับหลิวเหรินกุ้ยที่มีหน้าท้องอ้วนพลุ้ย ชุ่ยหลิวชอบหลิววั่งกุ้ยที่สง่างามดูดีมากกว่า ใครบ้างเล่าจะไม่ชอบหนุ่มรูปงาม ในเมื่อตนเองก็ชอบความสวยความงาม จึงยิ่งมีใจแก่บุรุษรูปโฉมหล่อเหลา
น่าเสียดายที่หลิวฉีซื่อเป็คนร้ายกาจ แม้ว่าในมือหลิววั่งกุ้ยจะพอมีเงินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนหลิวเหรินกุ้ย ยิ่งไปกว่านั้นนางเองก็พอมีทรัพย์สินส่วนตัวอยู่บ้าง จึงยิ่งอิจฉาที่หลิวฉีซื่อมีทรัพย์สินส่วนตัว
ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า ทั้งที่รู้ว่าหลิวเหรินกุ้ยแอบเข้าห้อง เมื่อได้ยินว่าในมือของหลิวเหรินกุ้ยมีที่นาดีสามสิบไร่กับเงินร้อยกว่าตำลึง นางจึงกัดฟันยอมหลับหูหลับตานอนกับเขา
ขณะนี้หลิววั่งกุ้ยกำลังยืนอยู่ข้างนาง การวางท่าทางนั้นมีกลิ่นอายของบัณฑิต เสน่ห์แบบนี้ใช่ว่าใครๆ ก็มีได้
หลิววั่งกุ้ยต้อนรับบรรดาเ้าหน้าที่ส่งสารเข้าไปดื่มในห้องด้วยสีหน้าระรื่น หลิวฉีซื่อนั้นเตรียมเงินกับขนมใส่จานไว้เรียบร้อย นางจ้องมองผู้คนด้วยใบหน้าหยิ่งผยอง จากนั้นก็หยิบซองแดงออกมาจากในจานสี่ใบ ยิ้มแล้วเอ่ย “เ้าหน้าที่ทั้งหลายลำบากแล้ว นี่คือสินน้ำใจไว้ให้พวกท่านทั้งหลายซื้อน้ำชาดื่มระหว่างทางกลับ”
-----