บทที่ 8: ปฏิวัติผืนดิน
ยามเช้าตรู่บนชายเขา แสงแดดอ่อนๆ เริ่มไล่ความหนาวเย็นของค่ำคืนที่ผ่านมา ไป๋หรูซิน ยืนอยู่กลางแปลงผักที่เพิ่งถางเสร็จ มองผืนดินเบื้องหน้าด้วยสายตาเปี่ยมด้วยความหวัง ในที่สุดก็ถึงเวลาลงมือปลูกแล้ว! เมื่อปัญหาเื่น้ำได้รับการแก้ไขด้วยระบบท่อน้ำไม้ไผ่ที่ไหลรินไม่ขาดสาย สิ่งต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันคือ การปรับปรุงคุณภาพดิน
ไป๋หรูซินย่อตัวลงกอบดินขึ้นมา เธอบดขยี้มันในฝ่ามือ ดินที่นี่ส่วนใหญ่เป็ดินปนทราย แห้งแล้งและขาดธาตุอาหารสำคัญ เธอรู้ดีว่าหากจะปลูกพืชให้งอกงาม ต้องเริ่มต้นจากการบำรุงดินเสียก่อน
"ชุนฮวา! มาช่วยพี่ตรงนี้หน่อยจ้ะ!" ไป๋หรูซินร้องเรียกน้องสาว
ชุนฮวา วิ่งเข้ามาหาด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม นางกำลังเก็บกวาดเศษใบไม้แห้งที่ไป๋หลงช่วยถางกองไว้เมื่อวานนี้
"เ้าค่ะพี่หรูซิน! เราจะทำอะไรกันหรือเ้าคะ?" ชุนฮวาถามอย่างกระตือรือร้น
"เราจะมาทำปุ๋ยบำรุงดินกันจ้ะ" ไป๋หรูซินตอบ เธออธิบายให้ชุนฮวาฟังอย่างง่ายๆ ว่าจะนำเศษใบไม้แห้งที่กวาดกองไว้มาคลุกผสมกับดิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้ดิน ทำให้ดินมีไนโตรเจนและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็ธาตุอาหารสำคัญที่พืช้า พวกเขาเริ่มช่วยกันนำเศษใบไม้แห้งมาโรยลงบนแปลงผัก แล้วใช้จอบที่ยืมไป๋หลงมาค่อยๆ พรวนดินให้เข้ากัน
ขณะที่สองพี่น้องกำลังง่วนอยู่กับการเตรียมดิน ไป๋หรูซินก็คิดถึงวิธีการที่จะทำให้ดินสมบูรณ์ที่สุด เธอมีความรู้เกี่ยวกับ ไบโอชาร์ (Biochar) ซึ่งเป็ถ่านชีวภาพที่ได้จากการเผาเศษไม้หรืออินทรียวัตถุแบบไร้อากาศ มันจะช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน เพิ่มการอุ้มน้ำ และเป็แหล่งที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์ในดิน
“ใช่แล้ว! เราจะทำไบโอชาร์!” ไป๋หรูซินคิดในใจอย่างกระตือรือร้น และเธอยังวางแผนที่จะสกัด น้ำส้มควันไม้ จากกระบวนการเผาถ่าน ซึ่งสามารถนำมาทำเป็น้ำยาไล่แมลงตามธรรมชาติได้ด้วย จากนั้นทั้งสองก็ช่วยกันหาเศษกิ่งไม้ทั้งเล็กและใหญ่มารวมกันเพื่อจะเผาทำไบโอชาร์ทันที
เมื่อปรับปรุงดินเบื้องต้นเสร็จแล้ว ไป๋หรูซินก็เริ่มลงมือปลูกพืชที่ตั้งใจไว้ก่อน โดยใช้เมล็ดพันธุ์ที่ซื้อมา เธอเพาะเมล็ดข้าวโพดในหลุมที่เว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม ตามมาด้วยผักกาดเขียว ผักบุ้ง ถั่ว และสมุนไพรต่างๆ สองพี่น้องช่วยกันหยอดเมล็ดลงดิน รดน้ำจากท่อไม้ไผ่อย่างอ่อนโยน เสียงเพลงพื้นบ้านเล็กๆ ที่ชุนฮวาเคยได้ยินมาจากชาวบ้าน ก็ถูกขับขานขึ้นอย่างร่าเริง บ่งบอกถึงความสุขที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้งในใจของเด็กน้อย
"เราจะมีข้าวโพดกินแล้วใช่ไหมเ้าคะพี่หรูซิน!" ชุนฮวาร้องอย่างดีใจ พลางชี้ไปที่เมล็ดข้าวโพดที่เพิ่งหยอดลงดิน
"ใช่จ้ะ ถ้าเราดูแลมันดีๆ อีกไม่นานเราก็จะได้กินข้าวโพดหวานๆ เลยนะ" ไป๋หรูซินตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
ตลอดทั้งบ่าย สองพี่น้องทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักและความหวัง พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังชีวิตที่เริ่มงอกงามบนผืนดินที่เคยแห้งแล้งแห่งนี้
ทว่า... ความสุขมักอยู่ได้ไม่นานนัก ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำ และสองพี่น้องกำลังชื่นชมแปลงผักที่เพิ่งปลูกเสร็จ เสียงะโโวยวายก็ดังขึ้นมาจากทางเดินเบื้องล่าง
"นังตัวซวย! ออกมาเดี๋ยวนี้!"
เสียงฝีเท้าหนักแน่นและเสียงฝีมือสะบัดพัดดังฟึ่บฟั่บใกล้เข้ามา ก่อนที่ประตูรั้วไม้ไผ่เล็ก ๆ จะถูกผลักเปิดออกอย่างแรง
พร้อมกลิ่นน้ำมันผมฉุน ๆ ของจ้าวซื่อเหนียงที่ลอยมาก่อนตัว
“อ้อ! นังหนูสารเลว! ข้าได้ยินมาว่าเ้าหอบของเต็มสองแขนกลับจากตลาด แล้วยังมีหน้ามาใส่เสื้อผ้าใหม่… คิดว่าข้าโง่หรือยังไงกัน หา!?”
ไป๋หรูซินหันขวับ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นจ้าวซื่อเหนียงเดินเข้ามาอย่างกราดเกรี้ยว โดยมีไป๋เฟิ่งตามมาติด ๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเหยียด
“ข้า...ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเ้าค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างสุภาพ
แต่จ้าวซื่อเหนียงแค่นหัวเราะเสียงดังลั่นบ้าน
“หึ! ไม่ผิด? แล้วเ้าจะมีของพวกนั้นมาจากไหน? คนอย่างเ้าที่ไม่มีแม้แต่จะกินเมื่อวาน จะมีเงินซื้อผ้าใหม่ มีเนื้อกินได้อย่างไร ถ้าไม่ใช่ขโมยของจากตลาด!”
ไป๋เฟิ่งเสริมทันทีด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ขโมยแล้วยังหน้าด้านทำตัวเป็หญิงบริสุทธิ์อีกนะเ้าคะ แหม ดูท่าทางแล้ว...หรือว่าไปออเซาะขายเนื้อให้ชายแก่ที่ตลาดหรือเปล่า?”
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังลั่น
ไป๋หรูซินหน้าแดงด้วยความโกรธและอับอาย
“ข้าไม่ได้ขโมย! ของพวกนั้นข้าซื้อมาเอง ด้วยเงินที่หามาอย่างสุจริต!”
จ้าวซื่อเหนียงแสยะยิ้ม ดวงตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยความสะใจ
“หาเอง? เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเ้าจะไปหาเงินจากที่ไหน ถ้าไม่ขโมยก็ต้องขายตัว! แล้วเ้าก็ยังมีหน้ามาทำให้ตระกูลไป๋ต้องขายหน้า!”
นางเดินตึงตังเข้ามาใกล้ พลางะโลั่น
“วันนี้ ข้าจะยึดของทุกอย่างที่เ้ามี ทั้งเงิน ทั้งเสื้อผ้า ของกิน ทุกอย่างในบ้านนี้ ล้วนเป็ของที่ได้มาโดยผิด ข้าจะไม่ยอมให้คนสารเลวอย่างเ้าทำให้ข้าดูเหมือนคนโง่ในหมู่บ้านนี้!”
ไป๋หรูซินถอยหลังอย่างระแวดระวัง
“ท่านไม่มีสิทธิ์! ทุกอย่างนี้ข้าไม่ได้ขโมย! ข้าไม่ได้ทำผิด!”
“ไม่มีสิทธิ์งั้นหรือ!? อย่าคิดว่าเ้าจะมีที่ยืนในหมู่บ้านนี้ได้ถ้าไม่มีตระกูลไป๋หนุนหลัง!” จ้าวซื่อเหนียงกรีดเสียง ก่อนจะชี้หน้าด่าดังลั่น
“ข้าจะไปแจ้งทางการให้มาสอบสวนเ้า! ให้เขาเปิดดูในบ้านนี้ซิ ว่ามีของที่ขโมยมาจากใครอีกบ้าง! ถ้าเ้าคิดจะตอแหลใส่ข้า ข้าก็จะลากเ้าไปให้นอนในคุกให้รู้แล้วรู้รอด!”
ไป๋เฟิ่งหัวเราะเยาะ
“ข้าจะรอดูนะเ้าคะ ว่าเ้าจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน เวลาทุกคนรู้ว่าเ้าเป็แค่ขโมยโสโครก!”
"พวกแกไปเอาเงินมาจากไหนกัน!" แม่รองจ้าวตวาดลั่น เสียงของนางแผดก้องไปทั่วบริเวณ "ข้าได้ยินมาว่าแกไปซื้อของมาจากตลาดมากมาย! แกไปทำเื่สกปรกอะไรมา! รีบเอาเงินมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!"
ไป๋หรูซินถอยหลังไปเล็กน้อย ยืนกำบังชุนฮวาไว้ด้านหลัง "ท่านแม่รอง! ท่านมาทำอะไรที่นี่อีก! หนูไม่ได้ทำเื่สกปรกอันใด! เงินที่ได้มานั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของหนูเอง!"
"น้ำพักน้ำแรงเรอะ! ฮึ่ม! กะอีแค่เด็กกะโปโลอย่างแก จะไปหาน้ำพักน้ำแรงอะไร! รีบเอาเงินออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นข้าจะแจ้งทางการ!"
"แจ้งทางการงั้นหรือเ้าคะ!" ไป๋หรูซินตอบโต้กลับอย่างฉับไว ใบหน้าของเธอแม้จะซีดเซียวแต่แววตากลับแข็งกร้าว "ท่านแม่รองจะแจ้งเื่อะไรเ้าคะ? เื่ที่ท่านทารุณลูกเลี้ยงจนตายงั้นหรือ! หรือเื่ที่ท่านพยายามจะขายลูกสาวแท้ๆ ของสามีตัวเองให้เป็ทาสรับใช้! เื่พวกนี้ต่างหากที่สมควรถูกทางการตรวจสอบ!"
คำพูดของไป๋หรูซินทำให้จ้าวซื่อเหนียงถึงกับสะอึก ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็สีเขียวคล้ำด้วยความโกรธจัด นางไม่คิดว่าไป๋หรูซินจะกล้าตอบโต้ที่ฉลาดและรุนแรงถึงเพียงนี้
ไป๋เฟิ่งเห็นมารดาถูกไป๋หรูซินโต้กลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ ใบหน้าของนางก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด
"นังเด็กปากดี! แกกล้าดียังไงมาพูดกับท่านแม่เช่นนี้!"
เสียงตะคอกของนางแทบะเืไปถึงยอดไม้ เธอถลันเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชี้หน้าด่ากราดไม่สนใจใครทั้งสิ้น
"เอาเงินมาเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นข้าจะทุบกระท่อมเน่า ๆ นี่ให้แหลกเป็เสี่ยง ๆ!"
ว่าแล้วไป๋เฟิ่งก็แหวกชายเสื้อ ถลันพุ่งเข้าใส่ไป๋หรูซินด้วยแรงโมโหเหมือนแม่ไก่จิก
แต่ไป๋หรูซินซึ่งไหวตัวทันก็ก้าวหลบไปข้าง ๆ อย่างสง่างาม
"อย่าคิดว่าเ้าจะทำอะไรก็ได้นะไป๋เฟิ่ง!"
เสียงยังไม่ทันขาดคำ ร่างของไป๋เฟิ่งที่พุ่งตามแรงโมโหก็เซเสียหลัก!
หมับ!
เท้าของนางสะดุดขอบถังไม้ไผ่ที่วางไว้ใกล้กับแคร่ พานให้น้ำเย็นเจี๊ยบในถังสาดกระเซ็นจนเลอะเสื้อผ้า แล้วร่างของนางก็ล้มพับอย่างน่าสังเวช
ตึง!
หน้าไป๋เฟิ่งฟาดเข้าเต็ม ๆ กับขอบเตาไฟดินเผาที่วางอยู่ข้างถังน้ำ เถ้าถ่านและเขม่าดำ ๆ ติดอยู่บนหน้าเธอจนเป็คราบปื้นดำเหมือนคนไปขุดถ่านมาเองกับมือ
เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมีเสียง แอ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!
“ว๊าย! หน้า...หน้าข้า! ใบหน้าเ้าหญิงสุดสวยแห่งหมู่บ้านของข้า!”
ไป๋เฟิ่งดีดตัวลุกขึ้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งดำปี๋เหมือนหมูปิ้งครึ่งสุกครึ่งดิบ ผมเปียหลุดรุ่ยติดเถ้าไฟจนหยิกเป็เกลียว นางเอามือลูบหน้าแล้วมองฝ่ามือที่เปื้อนเขม่าดำ ก่อนจะร้องลั่น “ไม่! ข้าไม่ยอม!!!”
ไป๋หรูซินได้แต่มองด้วยสายตานิ่งสงบ หัวใจแอบขำ แต่สีหน้าเรียบเฉย
“ข้าคิดว่า...ก่อนจะมาขู่คนอื่น เ้าน่าจะดูทางเดินตัวเองให้ดีก่อนนะไป๋เฟิ่ง”
เสียงตระโกนจากชาวบ้านที่แอบมองอยู่ตรงรั้วไม้ไผ่ก็เริ่มดังขึ้น
"นั่นลูกสาวฮูหยินรองจ้าวซื่อเหนียงไม่ใช่หรือ?"
"หน้าเหมือนถูกหมาเตะตกโคลนเลยว่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"
"กรี๊ดดด! นังสารเลว! แกกล้าทำกับข้าอย่างนี้รึ!" ไป๋เฟิ่งกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
ฮูหยินจ้าวเห็นดังนั้นก็โมโหจัด นางตรงเข้าไปกระชากผ้าห่มผืนใหม่ที่วางตากอยู่บนราวไม้
"ในเมื่อไม่ยอมเอาเงินมา! ข้าจะยึดของของแกแทน! ไอ้ผ้าห่มผืนนี่คงซื้อมาด้วยเงินสกปรกของแกสินะ!" ฮูหยินจ้าวตะคอก พลางกระชากผ้าห่มอย่างรุนแรง
"ไม่นะเ้าคะท่านแม่รอง! นั่นมันผ้าห่มของหนู!" ชุนฮวาร้องไห้จ้า น้ำตาไหลพราก นางพยายามจะวิ่งเข้าไปแย่งผ้าห่มคืน แต่ไป๋หรูซินก็คว้าตัวน้องไว้แน่น เพราะรู้ว่าชุนฮวาไม่มีทางสู้แรงของแม่รองจ้าวซื่อเหนียงได้
"ฮูหยินจ้าว! หยุดเดี๋ยวนี้!" ไป๋หรูซินตวาดเสียงกร้าว
เสียงเรียกขานที่เคยเต็มไปด้วยความเคารพ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็ถ้อยคำที่เ็าและห่างเหิน ดวงตาของนางแดงก่ำด้วยเพลิงโทสะที่พลุ่งพล่านอยู่ในอก
ไม่ใช่แค่เพราะน้องสาวของนางถูกข่มเหงซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากแต่เป็เพราะความเ็ปที่ฝังลึกยิ่งกว่า นั่นคือการที่ใครบางคนพยายามพรากสิ่งเล็กน้อยที่เธออุตส่าห์สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ความสุขอันน้อยนิดที่หล่อเลี้ยงหัวใจของพวกเธอในทุกวัน ถูกเหยียบย่ำอย่างไร้ความปรานี
"มันไม่ใช่แค่ผ้าห่มผืนเดียว แต่มันคือสิ่งที่ข้ากับน้อง...ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ความพยายาม และความหวัง! ท่านไม่มีสิทธิ์!"!
เสียงโวยวายของฮูหยินจ้าวและไป๋เฟิ่งที่ดังไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเริ่มพากันออกมามุงดู เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ฮูหยินจ้าวกำลังรังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคน และพยายามจะแย่งชิงผ้าห่มผืนใหม่ พวกเขาก็เริ่มรู้สึกสงสาร
"ฮูหยินจ้าว! ท่านจะทำอะไรกัน!" เสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้น เขาคือ ลุงหวัง ชาวบ้านที่าุโที่สุดในหมู่บ้าน
"นั่นสิฮูหยินจ้าว! ไปรังแกเด็กๆ ทำไมกัน! ท่านไล่พวกเขาออกจากบ้านแล้วยังตามมารังควานพวกเขาอีกเหรอ ใจร้ายจริง ๆ" เสียงของชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ดังขึ้นตามมา
ฮูหยินจ้าวหันขวับไปมองชาวบ้านที่เริ่มเข้ามาล้อมวง ใบหน้าของนางแข็งกระด้างด้วยความไม่พอใจ "พวกแกมายุ่งอะไรด้วย! นี่มันเื่ในครอบครัวของข้า! นังเด็กนี่มันขโมยเงินของข้าไป! ข้ามาทวงของของข้าคืน!"
"ข้าไม่ได้ขโมยนะเ้าคะ!" ไป๋หรูซินรีบโต้ตอบทันควัน "เงินที่ข้าได้มาจากการขายปลาและสมุนไพรที่ข้าหามาเองเ้าค่ะ! ข้าได้เงินมาอย่างบริสุทธิ์ใจ! หากฮูหยินจ้าวยังคงกล่าวหาข้าด้วยเื่ไม่จริงเช่นนี้ ข้าจะไปร้องเรียนต่อทางการเองเ้าค่ะ!"
คำขู่ของไป๋หรูซินทำให้ฮูหยินจ้าวหน้าถอดสีอีกครั้ง นางรู้ดีว่าเธอไม่สามารถเอาเื่ไป๋หรูซินไปแจ้งทางการได้จริงๆ เพราะเธอเองก็มีความผิดที่ทารุณเด็ก แถมยังวางแผนจะขายลูกเลี้ยงอีก หากเื่นี้ไปถึงทางการจริงๆ เธอต่างหากที่จะเดือดร้อน
"ใช่แล้วฮูหยินจ้าว! เด็กๆ พวกนี้เพิ่งจะกำลังสร้างเนื้อสร้างตัว! ท่านไม่ควรไปรังแกพวกเขาเลย!" ลุงหวังกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงตำหนิ
"นั่นสิ! เห็นแก่เด็กตาดำๆ เถิดฮูหยิน!"
"ไปเถิดฮูหยินจ้าว! อย่ามาสร้างเื่ราวเลย!"
เสียงประณามจากชาวบ้านเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ฮูหยินจ้าวรู้สึกเหมือนถูกต้อนจนมุม ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความโกรธและความอับอาย
"ฮึ่ม! พวกแกก็เอาแต่เข้าข้างนังเด็กนี่! ดูเถิด! ผ้าห่มนี่ข้ายึดไว้ก่อน! ใครจะไปเชื่อว่าเด็กกะโปโลอย่างมันจะหาเงินมาได้มากมายขนาดนี้!" ฮูหยินจ้าวกล่าวพลางกำผ้าห่มแน่น
"ปล่อยนะเ้าคะ! นั่นมันของของข้า!" ชุนฮวาร้องไห้เสียงดัง วิ่งเข้าไปดึงผ้าห่มจากมือฮูหยินจ้าวด้วยความกล้าหาญ
ไป๋หรูซินเห็นน้องสาวต้องทนทุกข์ทรมานก็สุดจะทน เธอพุ่งเข้าไปแย่งผ้าห่มคืนจากฮูหยินจ้าวอย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่ฮูหยินจ้าวไม่ทันระวัง ไป๋หรูซินก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีกระชากผ้าห่มกลับคืนมาได้สำเร็จ ฮูหยินจ้าวเสียหลักถลาไปเกือบจะล้ม
"นังสารเลว! แก!" ฮูหยินจ้าวพยายามจะพุ่งเข้ามาทำร้ายไป๋หรูซินอีกครั้ง แต่ชาวบ้านก็รีบเข้ามาขวางไว้
"พอแล้วฮูหยินจ้าว! กลับไปเถิด! อย่ามาสร้างเื่ราวให้เดือดร้อนกันเลย!" ลุงหวังกล่าวอย่างเด็ดขาด
"ใช่แล้วฮูหยินจ้าว! กลับไปเถิด!" ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ช่วยกันขับไล่
ฮูหยินจ้าวและไป๋เฟิ่งเห็นท่าไม่ดี เมื่อชาวบ้านเริ่มมารุมล้อมด้วยสีหน้าไม่พอใจ หลายคนเริ่มะโไล่เสียงดัง บ้างก็ชี้หน้าด่าทออย่างไม่เกรงใจ พวกนางที่เคยยืนเชิดหน้า ก็เริ่มถอยกรูดอย่างคนหมดทางสู้
“กลับไปบ้านของเ้าซะ! อย่ามาก่อเื่ที่นี่อีก!”
“เอาแต่ข่มเหงเด็กสองคนที่พ่อไม่เหลียวแล แม่ก็ไม่มี เ้ายังมีความเป็คนอยู่หรือไม่!?”
ฮูหยินจ้าวกัดฟันกรอด ดวงตาแดงก่ำด้วยโทสะและความอับอาย ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสั่นระริกด้วยแรงโกรธเกรี้ยว ขณะที่ไป๋เฟิ่งที่หน้ายังเปื้อนเขม่าดำก็ยิ่งเดือดดาล มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ
“จำไว้ให้ดีนะ...ไป๋หรูซิน!” จ้าวซื่อเหนียงคำรามเสียงต่ำ ดวงตาแพรวพราวด้วยแรงอาฆาต
“วันนี้เ้ามีคนช่วย...แต่อีกไม่นานหรอก! วันที่ข้าเอาคืนได้ ข้าจะลากเ้าไปคุกเข่าหน้าประตูเรือน ข้าจะให้เ้าได้รู้ว่า คนอย่างข้า...ไม่มีวันปล่อยให้ใครมาดูแคลนได้แล้วลอยนวล!”
ไป๋เฟิ่งที่ยืนตัวสั่นสะท้านจากทั้งโทสะและความอับอาย ก็ะโเสริมทันควัน
“แกมันก็แค่เศษเดนในตระกูล! อย่าคิดว่าเ้าแน่...ข้าจะรอดูวันที่เ้าไม่มีที่ให้ยืนแม้แต่ในหมู่บ้านนี่!”
แม้จะถูกโห่ไล่ตามหลัง แต่ทั้งสองก็ยังฝืนเชิดหน้ากลับไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงคำขู่อาฆาตที่ยังดังก้องอยู่ในใจของทุกคน...
เมื่อสองแม่ลูกลับหายไปแล้ว ชาวบ้านก็เข้ามาปลอบโยนไป๋หรูซินและชุนฮวา
"ไม่เป็ไรนะแม่หนูหรูซิน พวกเราอยู่ข้างเ้า!" ลุงหวังกล่าวอย่างอบอุ่น
"ใช่แล้ว! ฮูหยินจ้าวนั่นก็ใจร้ายเกินไปแล้ว!"
ไป๋หรูซินโค้งคำนับขอบคุณชาวบ้านทุกคนด้วยความซาบซึ้งใจ "ขอบพระคุณมากเ้าค่ะลุงหวัง ขอบพระคุณชาวบ้านทุกคนมากนะเ้าคะ ที่มาช่วยหนูไว้"
ชุนฮวาหยุดร้องไห้ แล้ววิ่งเข้าไปกอดพี่สาวแน่น ไป๋หรูซินกอดน้องสาวไว้มั่น ผ้าห่มผืนใหม่ที่กลับคืนมาอยู่ในอ้อมกอดของพวกเธอแล้ว แม้ความวุ่นวายจะผ่านไป แต่ร่องรอยของความเ็ปและความโกรธแค้นยังคงค้างอยู่ในใจของไป๋หรูซิน
เธอรู้ดีว่าฮูหยินจ้าวและไป๋เฟิ่งจะไม่มีวันยอมแพ้ พวกนางจะต้องกลับมาสร้างปัญหาอีกอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อเธอได้เลือกเส้นทางนี้แล้ว เธอจะต้องเข้มแข็งและพร้อมที่จะรับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามา
ไป๋หรูซินมองไปยังแปลงผักที่เพิ่งปลูกเสร็จ แสงจันทร์เริ่มสาดส่องลงมา ต้นกล้าเล็กๆ ที่เพิ่งหยอดเมล็ดลงดิน กำลังรอคอยการเจริญเติบโต เฉกเช่นเดียวกับชีวิตใหม่ของเธอและน้องสาวบนผืนดินแห่งนี้