เย่เฟิงกลับวิลล่าชิงเฟิงอย่างอารมณ์ดี เพราะในที่สุดความกังวลในใจก็หายไปแล้ว ทั้งเื่ของหลงหว่านเอ๋อร์ที่เขาจัดการเป็อันดับแรก แม้ว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาจะยังไกลกัน แต่อย่างน้อยต่างคนต่างก็รู้และเข้าใจความรู้สึกกันแล้ว
หลอดไฟในบ้านสว่างไสว เย่เฟิงผลักประตูเข้าไปก่อนจะเจอเย่เวิ่นเทียนนั่งดื่มชาอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขก อีกทั้งมีเสียงแปลกๆ ดังมาจากห้องครัว
“แค่กๆ ท่านปู่” เย่เฟิงเดินสองสามก้าวมาหยุดอยู่ข้างเย่เวิ่นเทียน ชายหนุ่มนั่งลงก่อนหันไปทางห้องครัว “เมิ่งหานอยู่ข้างในเหรอครับ?”
“อืม ฉันหิวแล้ว แกล่ะ คุยกับคุณหนูตระกูลหลงเป็ยังไงบ้าง?” เย่เวิ่นเทียนไม่โมโหทั้งยังยิ้มจนตาปิด ขณะวางถ้วยชา
“ก็ไม่มีอะไรครับ... แล้วท่านปู่ไม่โกรธผมเื่นี้เหรอ?” เย่เฟิงแปลกใจ เขานึกว่าตาแก่นี่จะโกรธจนแทบฆ่าเขาเสียอีก แต่ทำไมถึงยิ้มล่ะ?
“แล้วทำไมฉันต้องโกรธ?” เย่เวิ่นเทียนพลันเบาเสียงก่อนพูดต่อ “เ้าเด็กตัวเหม็น แกทำได้เยี่ยมมาก แม้แต่คุณหนูตระกูลหลงก็ยังเสร็จแกแล้ว! ถ้าหลงโม่หรานรู้เข้าต้องอกแตกตายแน่ ฮ่าๆๆ...”
พอเย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ลูกสาวของศัตรูคู่อาฆาตได้เสียกับเขาแล้วกลับทำให้ตาแก่ยินดีงั้นเหรอ? แถมยังพูดว่าหากหลงโม่หรานรู้เื่นี้จะต้องทุกข์ใจแน่ ความทุกข์ของศัตรูก็คือความสุขของตัวเองงั้นสิ?
“เอาล่ะ มาเข้าเื่กันเลยดีกว่า” เย่เวิ่นเทียนกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “เื่ที่แกมีวรยุทธ์ ยัยเด็กตระกูลหลงนั่นรู้หรือยัง?”
“ครับ” เย่เฟิงพยักหน้า “แต่ผมเชื่อใจเธอนะ”
เมื่อเย่เวิ่นเทียนได้ยินดังนั้นก็ไม่คัดค้านแต่กลับเห็นด้วย “ดีมาก ยัยเด็กนั่นเป็คนใจเด็ดเดี่ยว หากเธอตั้งใจทำอะไรแล้ว อย่าว่าแต่หลงโม่หรานเลย บรรพบุรุษของเธอก็ห้ามไว้ไม่อยู่หรอก”
เห็นได้ชัดว่าชื่อเสียงของหลงหว่านเอ๋อร์ช่างยอดเยี่ยม แม้แต่เย่เวิ่นเทียนก็อดชื่นชมเธอไม่ได้
หากหลงหว่านเอ๋อร์ตกหลุมรักเย่เฟิง เธอจะไม่มีวันทำสิ่งที่เป็อันตรายต่อเขาแน่นอน เพราะหากไม่ใช่แล้วล่ะก็คนอย่างเธอคงทำทุกวิถีทางเพื่อฆ่าเย่เฟิงให้ตายคามือ
“ยังไงก็เถอะ ตาแก่อย่างฉันมีเื่อยากเตือนแกสักหน่อย” ท่าทีของชายชราดูจริงจังอีกครั้ง “แกจะเล่นสนุกกับเธอก็ได้ แต่ห้ามคิดจริงจังเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
เย่เฟิงขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเลยว่าปู่ของเขา้าสื่ออะไรกันแน่
“เ้าโง่ ฉันหมายถึงแกจะเล่นอะไรก็ได้ แต่ห้ามรู้สึกหรือพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอ แกก็รู้ว่าพ่อบังเกิดเกล้าของแกต้องตายเพราะฝีมือของหลงโม่หราน อย่าลืมสิ!” เย่เวิ่นเทียนเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในเมื่อตอนนี้แกเริ่มฝึกวรยุทธ์แล้ว ทั้งยังเคารพผู้เร้นกายคนนั้นในฐานะอาจารย์ หากเราจัดการเื่ทุกอย่างด้วยความรอบคอบ ตระกูลเย่ของพวกเราก็จะมีความหวังอีกครั้ง”
“…” เย่เฟิงพูดไม่ออก ปัญหามันอยู่ตรงที่เขาไม่ได้้าแค่เล่นสนุกกับหลงหว่านเอ๋อร์น่ะสิ หากเป็เช่นนั้นเขาจะต่างอะไรกับพ่อของเขาที่ตายไปแล้วล่ะ?
เย่ยวินเฟยชอบเล่นกับความรู้สึกของคน ซ้ำยังเป็ชู้กับภรรยาคนอื่น การกระทำของเขานำมาซึ่งจุดจบของตระกูลเย่ เย่เฟิงไม่้าทำผิดซ้ำสอง
ตอนนี้ชายหนุ่มรู้แล้วว่าทำไมพ่อของเขาถึงเป็คนเหลวไหลจนทำให้ตระกูลเย่ต้องล่มสลาย นั่นเพราะตาแก่อย่างเย่เวิ่นเทียนอย่างไรล่ะ เขาเป็ถึงผู้าุโแต่กลับไร้ซึ่งความน่าเคารพนับถือ เห็นได้ชัดเลยว่าคนอย่างเขาจะสอนลูกชายตัวเองออกมาเป็คนอย่างไร แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่อยากโต้เถียงกับตาแก่นี่ เพราะรู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์ จึงไม่จำเป็ต้องเปลืองน้ำลาย
เย่เฟิงไม่มีความคิดที่จะฟื้นตระกูลเย่กลับมาอีกครั้งแม้เขาจะกลับโลกเทวะไม่ได้ก็ตาม เขาสนเพียงการมีชีวิตต่อไปเพื่อปกป้องคนสำคัญของตัวเองเท่านั้นก็พอ แต่มีหลายคนที่จะทำให้เื่มันยุ่งยากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็เย่เวิ่นเทียนหรือหลงโม่หราน หากต้องเป็เหมือนพวกเขา ต่อให้กอบกู้วงศ์ตระกูลได้แล้วอย่างไร
ชายหนุ่มแค่อยากปกป้องคนสำคัญ และเพื่อเป้าหมายนี้แล้ว เขาจำเป็ต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เหมือนกับตอนอยู่ที่ในโลกเทวะ
ความแข็งแกร่งเป็พื้นฐานของทุกสิ่ง! เย่เฟิงเข้าใจประโยคนี้ดี และเข้าใจลึกซึ้งกว่าคนทั่วไปเสียอีก
ที่โลกเทวะ หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อของโม่จิ่วเกอยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม จะสามารถบังคับให้ซูเฟยหยิ่งหมั้นหมายกับโม่จิ่วเกอได้อย่างไร? ที่สำคัญโม่จิ่วเกอนั้นชื่อเสียงก็ใช่ว่าจะดี เขาเป็คนน่ารังเกียจ อาศัยอำนาจบารมีของพ่อตัวเองทำเ้าชู้ไปทั่วโลกเทวะ คนน่ารังเกียจอย่างโม่จิ่วเกอกับหญิงงามอย่างซูเฟยหยิ่งต่างกันคนละขั้ว! แต่เพราะอำนาจ เธอจึงต้องยอมจำนนต่อตระกูลโม่และยอมหมั้นหมายกับโม่จิ่วเกอที่ทั้งน่ารังเกียจและอ่อนแอ
เหตุการณ์แปลกประหลาดที่ทำให้เธอโผล่มายังโลกแห่งนี้ถือเป็เื่ดีต่อทั้งซูเฟยหยิ่งและเย่เฟิง
เมื่อเห็นเย่เฟิงเงียบไป เย่เวิ่นเทียนก็ไม่พูดอะไรอีก รอให้หลานชายครุ่นคิดสักพักก่อนกล่าว “จริงสิ ในเมื่อแกกลับมาแล้ว จากนี้ไปไม่อนุญาตให้ออกจากเมืองเยี่ยนจิงครึ่งเดือนจนกว่าจะสอบเสร็จ ฉันจะจับตาดูแกเอง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเย่เฟิงก็คับข้องใจ พรุ่งนี้เขาอยากเดินทางไปทะเลตะวันออกเพื่อตามหาซูเฟยหยิ่ง แต่ตาแก่นี่กลับไม่ให้เขาออกไปไหนเลยครึ่งเดือนงั้นเหรอ? ต้องรอจนกว่าจะสอบเสร็จ ซูเฟยหยิ่งก็อาจจะหายไปอีกน่ะสิ!
“ถึงฉันจะมีวิธีให้แกเข้ามหาลัยเยี่ยนจิงได้ แต่ถ้าแกคะแนนต่ำกว่าที่ฉันหวังไว้ ฉันคงต้องเอาปี๊บมาคลุมหัว...” เย่เวิ่นเทียนกระแอม “อ้อ เมื่อกี้ฉันบอกตาแก่ตระกูลหลินแล้วว่าให้แกกับหลานสาวฝั่งนั้นมาเจอกัน”
“ว่าไงนะ?” เย่เฟิงใ “ไม่ใช่ว่ารอให้ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยก่อนเหรอ?”
“ตอนนี้ข่าวมันแพร่ไปทั่วเมืองเยี่ยนจิงแล้ว หากเราปิดข่าวไม่ได้ก็ไม่จำเป็ต้องปิดบังอีก”เย่เวิ่นเทียนขมวดคิ้วมุ่น “แกต้องเตรียมตัวสร้างความประทับใจ หากฝั่งนั้นไม่ชอบแกขึ้นมา ฉันนี่แหละจะจัดการแกเอง”
“…” เย่เฟิงไม่โต้ตอบ แต่ในใจกำลังขบคิดเื่นี้ ตอนเจอหลินซือฉิง เขาจะไม่พูดอะไรเด็ดขาด
เขาเคยสัญญากับซูเมิ่งหานไว้แล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องทำให้ได้ ลูกผู้ชายต้องคำไหนคำนั้น
ไม่นานซูเมิ่งหานก็ยกชามบะหมี่มาให้เย่เวิ่นเทียน
“เย่เฟิง นายกลับมาแล้ว...” ซูเมิ่งหานกังวลเล็กน้อย หลังจากวางชามบะหมี่ก็เดินไปอยู่ข้างเย่เฟิง
อยู่ดีๆ ชายชราคนหนึ่งก็บุกเข้ามาเปิดตู้กับข้าวภายในบ้านจนทำให้เธอใกลัว หลังจากนั้นจึงได้รู้ว่าเขาคือคุณปู่ของเย่เฟิงซึ่งทำให้เธอใกว่าเดิม เธอรู้ว่าคุณปู่ของเย่เฟิงกับผู้นำตระกูลหลินเป็เพื่อนที่ดีต่อกัน อีกทั้งการหมั้นระหว่างเย่เฟิงกับหลินซือฉิงก็ดูเหมือนเกิดจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน เมื่อเป็อย่างนี้เขาคงไม่ชอบเธอแน่
อย่างไรก็ตามตอนที่เย่เวิ่นเทียนเจอเธอ เขากลับไม่พูดอะไร เพียงหาของในตู้ราวกับตรวจสอบว่าไม่มีชิ้นไหนถูกขโมย ก่อนถอนหายใจแล้วเอ่ยปาก “ฉันหิวแล้ว”
ซูเมิ่งหานนิ่งอึ้งก่อนรีบวิ่งไปห้องครัวชั้นล่าง
“อืม” เย่เฟิงยิ้มให้ดาวโรงเรียนคนสวย ก่อนให้เธอนั่งข้างตัวเองพลางจับมือเธอไว้ราวปลอบใจ ชายหนุ่มถามขณะมองเย่เวิ่นเทียนกินข้าว “จริงสิ มีอะไรซ่อนอยู่ที่บ้านหลังนี้หรือครับ เป็ของสำคัญเหรอ?”
เมื่อเย่เวิ่นเทียนได้ยินเช่นนั้นก็วางชามบะหมี่ สีหน้าพลันเคร่งขรึม “อยากรู้เหรอ? รอฉันกินข้าวเสร็จแล้วตามฉันมา”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้