เสี่ยวหมี่ใไม่น้อย หญิงชาวยุทธ์ไม่ใช่ว่าหลั่งเืไม่หลั่งน้ำตาหรอกหรือ? นี่มันอะไรกัน หรือว่าลิ้นพิษของนางจะดุร้ายเสียยิ่งกว่ากระบี่แหลมคม บาดเข้ากลางใจหัวใจผู้อื่น...
“คือว่า คือ พี่...เสี่ยวเอ๋อ ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย เหตุใดเ้าถึงร้องไห้ออกมาเล่า? ปวดแผลหรืออย่างไร?”
เสี่ยวเอ๋อไม่สนใจนาง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาร้องไห้ น้ำตาร่วงลงมาเป็สายราวกับไข่มุก ดูน่าสงสารอย่างยิ่ง หากมีบุรุษคนไหนมาเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะปวดใจแค่ไหน
เสี่ยวหมี่ลอบดีใจที่ที่นี่คือห้องส่วนตัวของนาง ท่านป้าหลิวเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหว ถามเสียงเบาว่า “เสี่ยวหมี่ นี่ใครกัน?”
เสี่ยวหมี่กลอกตาไปมา จากนั้นจึงตอบด้วยเสียงดังว่า “ท่านป้า พูดไปแล้วท่านอาจจะไม่เชื่อ ที่จริงแล้วข้าเองก็ไม่รู้ว่านางคือใคร อาจจะเป็เด็กสาวที่หนีออกจากบ้าน หรือคนที่ถูกเ้าหนี้ไล่ตามก็เป็ได้ หรือบางทีอาจไปฆ่าคนเผาบ้านใครมาจนถูกเขาตามล่าเอาชีวิต...”
เสี่ยวเอ๋อได้ยินนางพูดไม่น่าฟังขึ้นเรื่อยๆ ก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง “เ้าต่างหากล่ะที่หนีออกจากบ้านฆ่าคนเผาบ้านคนอื่น สกุลกู้ของเราเป็ตระกูลบัณฑิต ร้อยปีมานี้มีจวี่เหรินถึงสี่คน ชื่อเสียงเลื่องลือในเจียงหนาน เหตุใดต้องมาถูกเ้าใส่ร้ายเช่นนี้”
“อ้อ บ้านเ้าร้ายกาจขนาดนี้ เหตุใดเ้ายังต้องหนีมาอีก คงไม่ได้หนีตามผู้ชายที่ไหนมาหรอกกระมัง?”
เสี่ยวหมี่ทำท่าทางเหมือนไม่เชื่อ เบะปากเติมเชื้อไฟต่อไป
แม่นางคนนั้นกัดฟันอย่างแค้นเคือง จากนั้นก็ร้องไห้โฮออกมา “ฮือฮือ ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ท่านพ่อท่านแม่ และพี่ชายของข้าถูกองค์รัชทายาทฆ่าตายหมดสิ้นแล้วข้าจะล้างแค้น ข้าจะล้างแค้น”
ถึงแม้เสี่ยวหมี่จะพอเดาได้บ้าง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเื่ราวจะน่าใขนาดนี้
เหมือนนางจะเคยเห็นอะไรแบบนี้จากโทรทัศน์ หรือว่านางจะได้เห็นละครน้ำเน่าแบบนั้นต่อหน้าต่อตาตัวเองในชาตินี้?
หากว่าสิ่งที่แม่นางคนนี้พูดมาเป็ความจริง เช่นนั้น...พี่รองสมควรตายนั่น เขานำปัญหาใหญ่ขนาดไหนมาให้ครอบครัวของนางกัน?
“องค์รัชทายาทที่เ้าพูดถึงคงไม่ได้หมายถึงองค์รัชทายาทแห่งต้าหยวนของเราหรอกกระมัง? ได้ยินว่าองค์รัชทายาทท่านนั้นเก่งทั้งบุ๋นบู๊ ได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ มีแต่คนพูดว่าต้าหยวนมีองค์รัชทายาทคนนี้ แผ่นดินจะสงบสุขไปร้อยปีเชียวนะ”
เดิมทีท่านป้าหลิวได้ยินก็ปากอ้าตาค้าง ผิดกับเสี่ยวหมี่ที่เคยดูละครโทรทัศน์มามาก เื่ซุบซิบใหญ่ที่สุดที่ท่านป้าหลิวเคยได้ยินก็แค่สตรีที่แต่งงานแล้วคนไหนลอบมีชู้ก็แค่นั้น ยามนี้ในหัวนางมีแต่คำว่าองค์รัชทายาทกับล้างแค้น เมื่อได้ยินเสี่ยวหมี่พูด นางจึงตอบรับว่า “ใช่แล้ว ใครๆ ก็พูดว่าอีกไม่กี่ปีเมื่อองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ ทั่วหล้าคงสงบสุข อาจได้ปรับลดภาษีด้วย”
เสี่ยวเอ๋อเห็นว่าคนทั้งสองไม่เชื่อ นางก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เป็เื่โกหกทั้งเพ เขาเป็ฆาตกร เขาให้ลูกน้องแอบขุดแร่เพื่อสร้างอาวุธอย่างลับๆ พี่ชายข้าไปพบเห็นเข้าจึงกลับบ้านมาเล่าให้บิดาฟัง ท่านพ่อข้า้าเขียนจดหมายรายงานไปยังเมืองหลวง สุดท้ายคืนนั้นกลับมีคนมากมายบุกเข้ามา สังหารคนบ้านข้าจนเืนองเป็สายน้ำ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย ข้ารับใช้ทั้งหมดล้วนตายสิ้น...”
เสี่ยวเอ๋อร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ ได้ยินแล้วเสี่ยวหมี่กับท่านป้าหลิวก็อดใจสั่นไม่ได้ เสี่ยวหมี่อดทนต่อความเ็ปที่ท้องน้อย ขยับเอาผ้าเช็ดหน้ายื่นให้นาง ท่านป้าหลิวเองก็รินน้ำยัดใส่มือนาง “เด็กคนนี้ น่าสงสารจริงๆ อายุแค่นี้กลับต้องมาพบกับเื่ใหญ่โตเช่นนี้”
เสี่ยวหมี่พยายามสงบสติอารมณ์ นางขบคิดอย่างละเอียดแล้วถามว่า “เช่นนั้นเหตุใดเ้าถึงหนีออกมาได้? อีกอย่าง คนพวกนั้นสังหารคนอย่างเอิกเกริกถึงเพียงนั้น สุดท้ายแล้วพวกเขาปิดข่าวอย่างไร?”
“ข้าเรียนวรยุทธ์มาั้แ่เล็ก ถูกบิดาตำหนิบ่อยๆ แต่ท่านแม่รักข้ามาก ช่วยหาอาจารย์ผู้หญิงที่สอนวรยุทธ์ได้มาให้ข้า วันนั้นข้าขึ้นเขาไปเที่ยวเล่นกับท่านอาจารย์จึงกลับบ้านช้า เห็นคนพวกนั้นกำลังสังหารคนพอดี อาจารย์ข้าเพื่อจะช่วยให้ข้าหนีไปได้อย่างปลอดภัยนางเองก็...ฮือฮือ สังเวยชีวิตไปเช่นกัน
ข้าหลบอยู่ในป่าบนเขา แล้วจึงดั้นด้นไปที่ศาลาว่าการเพื่อแจ้งความ แต่คนของทางการกลับบอกว่าคนบ้านข้าถูกโจรูเาสังหาร โจรูเาพวกนั้นถูกจับได้และปะาไปแล้ว
ข้าดั้นด้นไปบ้านท่านตา แต่ไม่มีใครยอมเปิดประตูให้ข้า ข้าไปตามหาลูกศิษย์ของบิดา หรือท่านลุงท่านอาที่เป็สหายของเขาก็ไม่มีใครเปิดประตูให้ข้า ข้าจะเข้าเมืองหลวงไปแจ้งความ แต่ระหว่างทางกลับมีคนตามล่าข้า...เดิมทีคิดจะเข้าเมืองหลวงให้ได้แต่เพราะต้องหลบหนีการตามล่าจึงเบนมาผิดทาง สุดท้าย...สุดท้ายเป็ลู่อู่ที่ช่วยข้าไว้”
ท่านป้าหลิวได้ยินก็ทำสีหน้าราวกับคนโง่ เสี่ยวหมี่เองก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน หากว่าเสี่ยวเอ๋อไม่ได้โกหก เื่นี้ก็คงจะตึงมือเกินไปแล้ว
นางคิดจะหาคนมาปรึกษาเื่นี้ด้วย เสี่ยวเอ๋อคนนี้คือะเิเวลาดีๆ นี่เอง หากจัดการได้ไม่ดี เกรงว่าคนสกุลลู่หรืออาจจะทั้งหมู่บ้านเขาหมีคงจะต้องมีจุดจบไม่ต่างกับสกุลกู้เป็แน่...
เสี่ยวหมี่ตัวสั่น เมื่อหันศีรษะไปมองท่านป้าหลิวก็ดูออกว่านางยังไม่คิดไปไกลถึงขั้นนั้น จึงรีบกำชับว่า “ท่านป้า เื่นี้สำคัญมาก ท่านออกจากประตูนี้ไปแล้วก็ลืมมันเสีย ห้ามบอกใครทั้งนั้น รวมถึงท่านลุงหลิวด้วย”
“อา” ท่านป้าหลิวดึงสติกับมาได้ รีบพยักหน้าทันที “แน่นอนๆ ข้าไม่พูดเด็ดขาด แต่ว่าเสี่ยวหมี่ เื่นี้ฟังดูอันตรายยิ่ง...”
“ท่านป้าวางใจ” เสี่ยวหมี่ยกเฝิงเจี่ยนขึ้นมาพูด “พี่ใหญ่เฝิงเองก็มาจากเมืองหลวง อีกไม่นานเขาก็จะกลับมาแล้ว เื่นี้ให้เขาช่วยจัดการต้องไม่มีปัญหาแน่”
ท่านป้าหลิวนึกไปถึงเฝิงเจี่ยนที่จัดการเจาตี้ในวันนั้น เขามีฝีมือเหี้ยมโหดและเ็า นางคิดได้ดังนั้นก็อดหน้าซีดขาวไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกวางใจ มีบุคคลเช่นนี้อยู่จะอย่างไรก็คงไม่ปล่อยให้ครอบครัวเสี่ยวหมี่มีปัญหาแน่
“เช่นนั้นก็ดีๆ” มือไม้นางว่องไวช่วยเสี่ยวหมี่เย็บกระดาษไขกับผ้าฝ้าย ยัดฝ้ายเสร็จเรียบร้อย เย็บปิดอีกสองสามที ก็รีบลงจากเตียงสวมรองเท้า “เ้าใช้อันนี้ไปก่อน ที่เหลือข้าจะเอากลับไปให้พี่กุ้ยจือของเ้าช่วยอีกแรง แล้วให้นางเอามาให้เ้า สองสามวันนี้เ้าอย่าแตะต้องน้ำเย็นเชียว มีงานอะไรก็เรียกให้ข้ามาช่วย”
“เ้าค่ะ” เสี่ยวหมี่กล่าวขอบคุณท่านป้าหลิวเสร็จแล้วก็เห็นนางรีบร้อนจากไป แต่สีหน้าก็ไม่ได้ดูตื่นใจนผิดสังเกต นางจึงเบาใจลง
เสี่ยวเอ๋อขบริมฝีปาก สิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจในที่สุดก็ได้ระบายออกมาแล้ว นางจึงรู้สึกโล่งขึ้น ขณะเดียวกันก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
เสี่ยวหมี่เองก็สงสาร แต่ตอนนี้เื่นี้ได้นำปัญหาใหญ่มาให้ครอบครัวของนางแล้วจึงสงสารไม่ค่อยลงสักเท่าไร
นางขบคิดเล็กน้อยจากนั้นก็กล่าวว่า “เ้าก็อย่าคิดมากนักเลย ในเมื่อเข้ามาในบ้านข้าแล้วก็เป็คนในบ้านข้า ตอนนี้ก็บอกคนอื่นไปก่อนว่าเ้าเป็สาวใช้ รอจนาแเ้าหายดีแล้ว ก็ช่วยข้าซักผ้าทำกับข้าว เื่พวกนี้เ้าทำได้กระมัง?”
เสี่ยวเอ๋อลังเลเล็กน้อย ตอบรับอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า “ทำได้...”
เสี่ยวหมี่ยังจะไม่เข้าใจอะไรอีก คุณหนูสูงศักดิ์ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจจนเคยตัว ยามปกติมีแต่คนรับใช้ไม่เคยรับใช้ใครมาก่อน
นางอดกลอกตามองบนไม่ได้ หรือนางจะมีชะตาชีวิตที่ต้องมีชีวิตอย่างขมขื่นกัน? ครั้งก่อนคิดจะซื้อสาวใช้ กลับช่วยซูอีกลับมาแทน ครั้งนี้อยากจะหาคนช่วย แต่ดูแล้วก็ไม่น่าจะทำประโยชน์อะไรได้...
เสี่ยวเอ๋อเห็นเสี่ยวหมี่ลงจากเตียงเดินไปหลังฉากกั้น ดวงตาทั้งคู่พลันวาววับ มือทั้งคู่กำแน่น
ก่อนหน้านี้ท่านแม่เคยบอกไว้ว่า น้ำตาของผู้หญิงเป็อาวุธที่ดีที่สุด ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกดูแคลนวิธีการเช่นนี้ แต่ตอนนี้กลับไม่อาจไม่ใช้วิธีนี้ คิดอยากจะล้างแค้น ไม่ว่าต้องทำอะไรนางก็ทำได้ทั้งสิ้น
เสี่ยวหมี่จัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็กุมหน้าท้องด้วยสีหน้าขมขื่น นางก้าวขาออกนอกประตูไปหนึ่งข้าง จากนั้นก็หันหน้ากลับมามองเสี่ยวเอ๋ออย่างเ็าและกล่าวว่า “ข้าไม่สนหรอกว่าเ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่ ทางที่ดีอย่าคิดจะทำอะไรบุ่มบ่าม พี่รองข้าช่วยเ้าเอาไว้ ชีวิตของเราร้อยกว่าชีวิตบนหมู่บ้านเขาหมีก็เรียกได้ว่าถูกผูกไว้กับเ้าแล้ว หากเ้ากล้าทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปด้วย ไม่ต้องรอให้ศัตรูพวกนั้นตามหาเ้าจนเจอ ข้าจะเป็คนโยนเ้าออกไปคนแรก”
พูดจบนางก็ไม่รอให้เสี่ยวเอ๋อตอบรับ ปิดประตูแล้วเดินออกไปทันที
เสี่ยวเอ๋อสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เป็นานถึงอดทนความเจ็บจากศรบนร่างค่อยๆ เอนกายลงบนเตียง...
ตอนที่เสี่ยวหมี่เร่งรุดไปยังนาข้าวก็พอดีเห็นท่านลุงหยางยืนยิ้มอยู่บนคันนาแต่ไกล นางจึงเร่งรีบไปหา
ท่านลุงหยางเห็นแล้วก็รีบเดินเข้ามาหานาง พาเสี่ยวหมี่ออกห่างมาสักหน่อยเพราะกลัวนางจะร่วงลงไปในนา
เสี่ยวหมี่หน้าแดง เดาว่าเขาคงรู้ว่า่นี้นางกำลังมีระดู แต่ถึงขนาดนี้แล้วก็ไม่มีเวลาให้เขินอายนาน
“ท่านลุงหยาง ก่อนพี่ใหญ่เฝิงจะจากไปได้ทิ้งคำพูดอะไรเอาไว้หรือไม่? สามารถเขียนจดหมายไปได้หรือไม่? เขาจะกลับมาเมื่อใด?”
ท่านลุงหยางรู้สึกสงสัย แต่ใบหน้ากลับยังคงยิ้มแย้มเช่นเดิม “ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ตอนนี้ไม่รู้ว่านายน้อยของข้าอยู่ที่ไหน จึงยากจะส่งจดหมายหาได้ แต่ก่อนจากไปนายน้อยบอกไว้ว่าหากควบม้าเต็มที่คงจะกลับมาภายในครึ่งเดือน ลองคำนวณดูก็คงใกล้จะกลับมาแล้วขอรับ”
คำว่าใกล้กลับมาแล้วนี้ฟังดูเหมือนดี แต่จริงๆ แล้วก็คือการรออย่างไม่มีกำหนดนั่นเอง เสี่ยวหมี่ในตอนนี้อยากให้เฝิงเจี่ยนมาปรากฏตัวต่อหน้านาง คนทั้งสกุลลู่ไม่มีใครเลยสักคนที่นางจะปรึกษาเื่รับมือกับเสี่ยวเอ๋อได้
แต่ยามนี้จะรีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้แค่รอเท่านั้น
ท่านลุงหยางสอบถามนางเพิ่มเติมเื่นาข้าว ยามนี้ต้นข้าวกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ใครเห็นก็ต้องตื่นเต้น
เสี่ยวหมี่เก็บเื่ในใจเอาไว้ นางอธิบายทุกอย่างที่รู้ให้ท่านลุงหยางเข้าใจอย่างจริงจัง แล้วจึงหมุนกายเดินกลับบ้าน
…
บิดาลู่สั่งให้เด็กๆ คัดอักษร เห็นจากทางหน้าต่างว่าบุตรสาวกลับมาแล้ว จึงเดินออกมา
“ลูกพ่อ เ้า...เอ่อ ไม่เป็ไรใช่หรือไม่?”
เขาที่เป็บิดา ทั้งยังมีนิสัยเช่นนี้ คิดอยากจะแสดงความห่วงใยต่อบุตรสาวก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร แน่นอน ในใจก็เอาแต่คิดถึงภรรยาที่จากไปแล้ว
เสี่ยวหมี่เองก็สงสารบิดา รีบยิ้มแย้มกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าสบายดีเ้าค่ะ เพียงแต่ข้ากังวลว่างานในบ้านตัวข้าคนเดียวคงจะจัดการไม่ไหว ข้าคิดจะให้ท่านป้าหลิวหาคนมาช่วยงานในบ้านเรา ท่านคิดว่าอย่างไรเ้าคะ?”
“ได้แน่นอน ตอนที่แม่เ้ายังอยู่ แม้แต่งานเย็บปักง่ายๆ ยังไม่อาจหักใจให้เ้าทำ ยามนี้กลับต้องลำบากเ้าตั้งหลายเื่”
“ไม่ลำบากเ้าค่ะ ท่านพ่อยอมตกลงเื่นี้เช่นนั้นก็ดี”
เสี่ยวหมี่ลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ลากมือท่านพ่อไปยังมุมลับแล้วเล่าเื่เสี่ยวเอ๋อให้เขาฟัง
สีหน้าบิดาลู่ดำคล้ำราวกับน้ำหมึก เขาคิดว่าก่อนหน้านี้เหมือนจะตีลู่อู่เบาไป
“เ้าเด็กบ้านี่ น่าตายนัก เดิมทีบ้านเราก็มีเื่มากพออยู่แล้ว เขายังนำปัญหากลับมาอีก”
เสี่ยวหมี่อยากจะถามบิดาว่าบ้านเรามีเื่อะไร แต่ก็คิดว่าบางทีท่านพ่ออาจจะพูดผิดไปเฉยๆ จึงกล่าวว่า “ท่านพ่อ พี่รองขึ้นเขาไปแล้ว ไม่รู้ว่าอาจารย์ของเขาคนนั้นจัดการปัญหาเรียบร้อยแล้วหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็ต้องเรียกเขามากำชับเสียหน่อยนะเ้าคะ เขาเป็คนไม่คิดอะไรมาก คงไม่รู้ว่าเื่นี้ร้ายแรงแค่ไหน ข้ากลัวว่าจะเกิดเื่ไม่ดีขึ้น”
“เ้าวางใจ มีพ่ออยู่ เ้าดูแลร่างกายตนเองให้ดี เ้าเด็กสมควรตายนี่ ข้าจะต้องสั่งสอนเขาให้หลาบจำ”
บิดาลู่โกรธเข้าแล้วจริงๆ พูดจบก็เข้าห้องไปตามหาไม้บรรทัด ซึ่งการกระทำนั้นทำให้พวกเด็กๆ เข้าใจผิดกันยกใหญ่ พากันหดศีรษะก้มหน้าก้มตาเขียนอักษร ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
เสี่ยวหมี่เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่ในใจนางก็รู้สึกโล่งขึ้นมาก ไม่รู้ว่านกกาในป่าจัดงานชุมนุมอะไรกัน จึงรวมกลุ่มกันบินไปในทิศทางเดียวกันเป็แนวยาว เห็นได้อย่างชัดเจนบนท้องฟ้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้