รั่วซีเข้าใจดี บุรุษย่อม้าทายาทสืบสกุล เขาเองที่เป็ถึงแม่ทัพใหญ่และผู้นำตระกูล หากไร้ทายาทคงมิใช่เื่ดี
"เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ หลังจากแต่งน้อง ท่านค่อยรับฮูหยินรองหรืออนุเข้ามา ท่านพี่จะมีบุตรเท่าใดก็ทำได้"
"ไม่ พี่อยากมีบุตรกับเ้าเพียงผู้เดียว เหตุใดต้องให้รับผู้อื่นเข้ามา เ้าไม่อยากมีก็ไม่เป็ไร แต่อย่าพูดเช่นนี้ออกมาอีก"
เป็ครั้งแรกที่รั่วซีเห็นคนรักแสดงอาการเช่นนี้ใส่นาง รั่วซีต้องใช้สองมือจับใบหน้าเขาไว้ให้หันมามองประสานตากัน
"ท่านพี่ ฟังน้องก่อนนะเ้าคะ บอกตามตรงน้องยังคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าสตรีอย่างน้อง หากมีบุตรจะออกมาเป็เช่นไร จะสามารถสั่งสอนบุตรเราให้ดีได้หรือไม่ จะทำให้บุตรของเราอับอายหรือไม่ ถ้ารู้ว่าน้องเคยเป็นางโลมมาก่อน
อันที่จริง น้องคิดถึงกระทั่ง ถ้าผู้คนรู้ว่าฮูหยินของท่านเป็น้อง ท่านพี่จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด"
"น้องหญิงเหตุใดต้องคิดมากเช่นนี้ เ้าจะเป็ฮูหยินที่ดีสำหรับข้า และมารดาที่รักของบุตรเราภายภาคหน้าอย่างแน่นอน
เ้าอย่าฟังคำผู้ใด ฟังแต่คำพี่เป็พอ ดีหรือไม่" หลังฟางหลงได้ยินสิ่งที่คนรักกล่าวออกมา ฝ่ามือใหญ่ค่อย ๆ จับร่างบางของนางเข้ามาโอบกอดไว้ในหน้าอกแกร่ง
ชายหนุ่มนึกไม่ถึงว่านางจะยังมีความคิดเช่นนี้อยู่ ถึงภายนอกนางดูเข้มแข็ง แท้จริงกลับดูอ่อนแอสำหรับเขาเหลือเกิน
"ท่านพี่ ฮึก เ้าค่ะ" คำพูดของชายหนุ่มทำให้น้ำตารั่วซีไหลรินอีกครั้ง คำปลอบประโลมของเขาช่างทำให้นางอบอุ่นในหัวใจยิ่งนัก
ในเมื่อนางตกลงมอบชีวิตที่เหลือกับเขา หลังจากนี้นางจะฟังเพียงสามีนางเท่านั้น จะไม่ให้เสียงผู้อื่นมาทำให้นางคิดมากเช่นนี้อีก
ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน หลังจากข่าวลือเื่ท่านแม่ทัพใหญ่จะแต่งสตรีเข้าจวน บัดนี้หน้าประตูจวนตระกูลเหอก็ปรากฏขบวนมงคลยาวจนสุดตรอก
นำหน้าขบวนด้วยท่านแม่ทัพใหญ่ที่องอาจ สวมอาภรณ์สีแดงเข้มบนอาชาสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาที่พบเจอทุกครั้งต้องทำเคร่งขรึมตลอด มาครานี้กลับเติมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม บ่งบอกว่าเขานั้นมีความสุขเพียงใด ทำให้สตรีทั้งหลายที่ยืนมุงดูรอบด้านต่างรู้สึกริษยา เมื่อนึกถึงสตรีผู้ที่จะได้นั่งเกี้ยวแดงที่ใช้บุรุษแปดคนห้ามอยู่ด้านหลังนั้น
"ออกเดินทางได้"
เมื่อขบวนเ้าบ่าวเริ่มเคลื่อนออกเดินทาง สิ่งที่ได้รับความสนใจอีกครั้งนอกจากท่านแม่ทัพใหญ่นั้นคงจะเป็ขบวนหีบสินสอด นับดูแล้วน่าจะได้ถึงห้าสิบหีบใหญ่ โดยยังไม่ได้นับรวมบรรดาหีบเล็กที่ตามปิดท้ายขบวน
ท่านแม่ทัพใหญ่ช่างทุ่มเทกับเ้าสาวไม่น้อย หลังท้ายขบวนเ้าบ่าวชาวบ้านต่างพากันเดินตามไปด้วย เพื่อจะได้ดูว่าจุดหมายจะไปหยุดอยู่ที่จวนของขุนนางท่านใด
ทางด้านหอนางโลมอ้ายซ่าง ก็วุ่นวายแต่เช้าไม่ต่างกับทางด้านจวนท่านแม่ทัพใหญ่ ทั่วทั้งหออ้ายซ่างตกแต่งเต็มไปด้วยสีแดงมงคล นางโลมทุกนางต่างช่วยกันขัดสีฉวีวรรณให้นายหญิง
รั่วซีโดนจับให้นั่งนิ่งแต่งหน้าแต่งตัวไม่ต่างกับตุ๊กตา เหล่าพี่สาวน้องสาวตื่นเต้นกันไม่น้อย เพราะเป็ครั้งแรกที่หญิงคณิกาอย่างพวกนางจะมีงานแต่งใหญ่โตเยี่ยงนี้
ช่างเป็วาสนาของนายหญิงยิ่งนัก ที่ได้ท่านแม่ทัพใหญ่เป็สามี
"พวกเ้าเสร็จแล้วก็ออกไปรอข้างนอกก่อน" มู่หลันเอ่ยไล่บรรดาสตรีน้อยใหญ่ที่รุมล้อมรั่วซีอยู่ ให้ออกไปด้านนอก ทำให้ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงแค่นางกับบุญบุตรธรรมสองคนเท่านั้น
"ซีเอ๋อร์ แม่ยินดีด้วย ในที่สุดก็เจอคนที่เ้า้าจริง ๆ"
"ขอบคุณเ้าค่ะ" รั่วซีเอ่ยเพียงขอบคุณมู่หลันเท่านั้น นางไม่มีคำใดจะกล่าวกับแม่บุญธรรมอีก
ถึงจะได้แต่งงานแต่นางยังต้องเป็นายหญิงของสถานที่แห่งนี้ต่อ ใช่ว่านางจะหลุดพ้นจากหออ้ายซ่างได้จริง ๆ
มู่หลันได้ยินคำขอบคุณที่แสนเฉยชาของรั่วซี นางก็เข้าใจว่าบุตรสาวบุญธรรมคิดอย่างไร จึงเลือกเดินออกจากห้องไป ไม่อยู่ให้วันดี ๆ ของบุตรสาวบุญธรรมต้องมาขุ่นมัวเพราะนางอีก
"พี่สาว ขบวนเ้าบ่าวมาแล้วเ้าค่ะ" น้ำเสียงตื่นเต้นของเหมยหลินดังมาทางหน้าประตู พร้อมเสียงดนตรีบรรเลงผนวกกับเสียงผู้คนดังครึกครื้นมาจากด้านล่างหออ้ายซ่าง
"ไม่รู้ว่าผู้ใดจะตื่นเต้นมากกว่ากัน มาคลุมหน้าให้ข้า"
"เ้าค่ะ ๆ" เหมยหลินรีบทำตามที่พี่สาวบอก
นางค่อย ๆ บรรจงคลุมผ้าสีแดงบนศีรษะ ให้ปิดใบหน้าพี่สาวนางอย่างตั้งใจ ก่อนที่จะจับจูงมือพาเดินออกจากห้อง
รั่วซีตอนนี้ปิดคลุมใบหน้าไปด้วยผ้าสีแดง นางมองเห็นเพียงปลายเท้าตนเองเท่านั้น ต้องอาศัยจับมือเล็กของเหมยหลิน พานางออกจากห้องเพื่อลงไปด้านล่าง
ทันทีที่นางก้าวข้ามผ่านประตูห้อง ปลายสายตานางพลันเห็นปลายเท้าของบุรุษคู่หนึ่งเข้า ก่อนปลายเท้าเขาจะชักกลับทันทีที่นางออกมา
"พี่รั่วเฉิน ท่านก็มาแสดงความยินดีกับข้าหรือ"
"ให้พี่พาเ้าขึ้นเกี้ยวได้หรือไม่" รั่วเฉินที่ไม่ทันคิดว่ารั่วซีจะมองเห็นเขาทั้ง ๆ ที่นางปิดคลุมใบหน้าอยู่
ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เป็เช่นนั้นอยู่นานกว่าที่เขาจะก้าวเท้าเข้าไปหานาง
"ทำไมจะไม่ได้ละเ้าคะ ท่านเป็พี่ชายข้านี่ ตามธรรมเนียมต้องเป็ท่านพาข้าขึ้นเกี้ยวอยู่แล้ว"
หลังจากรั่วเฉินจากไป นางมาคิดทบทวนทุกเื่ที่เกิดใหม่อีกครั้ง เขาก็ไม่ต่างจากนาง โดนเก็บมาเลี้ยงดูพร้อมกัน ต้องคอยทำตามความ้าของผู้อื่น โดยที่ตนเองไม่สามารถปฏิเสธได้
ทั้งที่ตลอดมาเขาอยู่เคียงข้างนางเสมอ ครานั้นนางกลับพูดจารุนแรงใส่เขา ยังไม่ทันได้ปรับความเข้าใจ เขาก็ดันหนีหายไปเสียก่อน
รั่วเฉินหันหลังย่อกายลงเพื่อให้รั่วซีได้ขึ้นขี่หลัง ร่างบางค่อย ๆ ขึ้นบนหลังรั่วเฉินโดยมีเหมยหลินเป็ผู้ประคอง ก่อนที่สองเท้ารั่วเฉินจะก้าวออกเดินอย่างมั่นคง
ครั้งนี้คงเป็เพียงครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย ที่เขาได้ทำหน้าที่พี่ชายให้นาง
ความรักที่เขามีให้รั่วซียังคงอยู่ไม่จางหาย
แม้มิได้ ทว่าต่อจากนี้ขอแค่ได้มองนางจากที่ไกล ๆ ก็เพียงพอแล้ว
ฝั่งฟางหลงที่ยืนรอรั่วซีอยู่ด้านหน้าหออ้ายซ่างอย่างใจจดใจจ่อ เขาแทบอดใจรอนางไม่ไหว ถึงแม้รอบข้างจะมีเสียงชาวบ้านพูดคุยกันไม่ขาดสาย ก็ไม่สามารถเรียกความสนใจจากเขาไปได้
เื่ที่ชาวบ้านส่งเสียงวิจารณ์กัน คงหนีไม่พ้นที่ขบวนเ้าบ่าว ผู้ที่เป็ถึงแม่ทัพใหญ่ เหตุใดมาหยุดที่หน้าหอนางโลม และเมื่อได้รู้ว่าสตรีที่จะแต่งเข้าเป็เป็ผู้ใด เสียงพูดคุยยิ่งดังมากขึ้น และต่างกล่าวไปในทิศทางเดียวกัน
เหตุใดหญิงคณิกาถึงได้เป็ถึงฮูหยินท่านแม่ทัพใหญ่ได้ ต่างพากันว่าท่านแม่ทัพใหญ่ต้องโดนมนต์เสน่ห์เป็แน่ ถึงยกหญิงคณิกาขึ้นมาเชิดหน้าชูตาเช่นนี้
"เ้าสาวมาแล้ว"
ฟางหลงมิสนใจเสียงพูดนินทาทั้งหลายที่ดังมาเข้าหู ตอนนี้เขาสนใจเพียงหญิงคนรักตรงหน้าเท่านั้น
ฟางหลงค่อย ๆ รับนางลงจากหลังรั่วเฉิน จับจูงร่างบางขึ้นเกี้ยวสีแดงหลังใหญ่ เพื่อกลับไปทำพิธีต่อที่จวนแม่ทัพ
"กลับจวนได้" ฟางหลงประกาศเสียงดังให้ขบวนเดินทางกลับ ดนตรีบรรเลงดังขึ้นอีกครั้ง ดังจนกลบเสียงพูดคุยของชาวบ้านหมดจนสิ้น
ทันทีที่ขบวนเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง ชาวบ้านได้มีหัวข้อสนทนาเพิ่มมาอีกเื่ สินสอดที่ขนมาทั้งหมดมิได้ลงไว้ที่หออ้ายซ่าง ทว่าขนกลับจวนท่านแม่ทัพอีกครั้ง ทั้งยังมีหีบสินทรัพย์เ้าสาว ที่จำนวนมิน้อยหน้าที่ทางเ้าบ่าวนำมาเพิ่มตามกลับไปด้วยท้ายขบวน
และอีกสิ่งที่ปิดปากชาวบ้านได้ดี คงเป็จำนวนสิ่งของที่โปรยเปิดทาง ถึงเป็ของเล็กน้อยแต่ราคาถือว่ามากกว่าที่ชาวบ้านทั่วไปจะหาได้ บางคนโชคดีได้รับได้เป็ทองก้อนเล็ก ๆ ที่สามารถใช้ชีวิตได้จนตาย
ทั้งหมดเป็การแสดงถึงว่าเ้าบ่าวรักเ้าสาวมากเพียงใด
