“เทือกเขาดงอสูร!”
เขาเห็นบนแผนที่ที่สมบูรณ์เจาะจงชี้ไปที่ยอดเขาแห่งหนึ่ง เสวียนเทียนกับเสวียนหงก็ร้องออกมาพร้อมกัน
สถานที่ซ่อนสมบัติอยู่ในเทือกเขาดงอสูรเหนือจากอำเภอเป่ยโม่ขึ้นไปอีกมีเทือกเขาแห่งหนึ่งทอดยาวกว่าพันลี้เทือกเขาดงอสูรเป็สถานที่ซึ่งกว้างใหญ่ยิ่งกว่า อันตรายยิ่งกว่าเทือกเขาเร้นลมทั้งยังเป็สถานที่ชุมนุมของสัตว์อสูร อยู่เหนือสุดของแผ่นดินเสินโจวกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด
รอบนอกของเทือกเขาเร้นลมยังมีสัตว์อสูรขั้นหนึ่งเพ่นพ่าน แต่ที่เทือกเขาดงอสูรสัตว์อสูรขั้นต่ำที่สุดล้วนแต่เป็สัตว์อสูรขั้นสองเข้าไปลึกไม่กี่ร้อยลี้ก็มีสัตว์อสูรขั้นสามให้พบแล้วส่วนที่ลึกไปกว่านั้นแม้กระทั้งสัตว์อสูรชั้นสูงขั้นห้าขั้นหกก็มี
ยอดเขาที่ทำสัญลักษณ์ไว้บนแผนที่อยู่ลึกเข้าไปประมาณพันลี้ในเทือกเขาดงอสูรตรงนั้นต้องเป็อาณาเขตของสัตว์อสูรชั้นสามแน่นอนยอดฝีมือที่เพิ่งขึ้นชั้นเบิกนภาตัวคนเดียวล้วนไม่กล้าบุกเข้าไปในถิ่นของสัตว์อสูรขั้นสาม
นิ้วของเสวียนเทียนจิ้มลงบนยอดเขาที่มีสัญลักษณ์บนแผ่นที่กล่าวว่า “ท่านพ่อข้าคงต้องไปเทือกเขาดงอสูรสักครั้ง”
หวงเยว่ที่อยู่ด้านข้างรีบพูดขึ้นว่า “เทียนเอ๋อร์ เทือกเขาดงอสูรไม่เหมือนกับเทือกเขาเร้นลม ข้างในมีสัตว์อสูรร้ายกาจมากมายต่อให้เป็ตอนที่พ่อของเ้าแข็งแกร่งที่สุดก็ยังเข้าไปในเทือกเขาดงอสูรตามใจไม่ได้เลย”
เสวียนเทียนได้ยินเข้าก็วิตกขึ้นมาตอนที่เสวียนหงแข็งแกร่งที่สุดเป็ถึงยอดจอมยุทธ์ชั้นนภาขั้นสี่สัตว์อสูรชั้นล่างขั้นหนึ่ง ขั้นสองเทียบเท่าได้กับชั้นวิถียุทธ์สัตว์อสูรชั้นกลางขั้นสามขั้นสี่เทียบได้กับชั้นเบิกนภา สัตว์อสูรชั้นสูงขั้นห้าขั้นหกเทียบได้กับชั้นปฐี สัตว์อสูรที่ทัดเทียมกับยอดจอมยุทธ์ชั้นนภา ต้องเป็ถึงสัตว์อสูรขั้นเจ็ดขั้นแปดแน่นอน
หรือว่าในเทือกเขาดงอสูรขนาดสัตว์อสูรชั้นสุดยอดขั้นเจ็ดขั้นแปดก็มี?
เสวียนหงกล่าวว่า “น้องเยว่ เ้าไม่ต้องกังวลเทือกเขาดงอสูรกว้างขวางไร้ขอบเขต พื้นที่เป็พันลี้ ชายขอบของเทือกเขาดงอสูรไม่เจอสัตว์อสูรชั้นสูงพวกนั้น แต่สัตว์อสูรขั้นสามต้องได้พบแน่เทียนเอ๋อร์ ความสามารถของเ้าในตอนนี้อย่างมากก็รับมือสัตว์อสูรชั้นสามระดับต่ำสุดได้บ้างเท่านั้นถ้าหากไปเทือกเขาดงอสูร อันตรายอย่างยิ่ง!”
เสวียนเทียนบอกว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่พวกท่านไม่ต้องกังวล ตอนนี้ข้าจะยังไม่ไปจากการต่อสู้ในการประลองทายาทรุ่นหลังครั้งนี้ ข้าซึมซับพลังจากสมุนไพร ‘หลินจือหยก’ มาได้หมดแล้วอีกไม่นานก็คงบรรลุชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบเมื่อถึงตอนนั้น พลังความสามารถคงเพิ่มขึ้นไม่น้อยสัตว์อสูรขั้นสามทั่วไปข้าย่อมไม่ต้องกลัวอีก แต่ว่า เพื่อให้ปลอดภัยอีกหน่อย ข้าจะฝึก ‘ก้าวย่าวัพยัคฆ์’ ให้ได้ถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่ถึงจะไปที่เทือกเขาดงอสูร หากพบกับสัตว์อสูรที่ร้ายกาจ สู้ไม่ได้ก็ยังหนีได้”
ที่เทือกเขาเร้นลมเสวียนเทียนเคยถูกสัตว์อสูรขั้นสามไล่กวดอาศัยศาสตร์เงาพยัคฆ์ชั้นบรรลุส่วนใหญ่ก็สามารถหลบหนีได้แล้ว ตอนนี้เสวียนเทียนฝึก ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ วิชาชั้นนิลขั้นต้นได้ถึงชั้นบรรลุบางส่วน ความเร็วยิ่งกว่าเดิมสัตว์อสูรขั้นสามทั่วๆ ไปอย่างไรก็ตามไม่ทัน
แต่ในเทือกเขาดงอสูรอันตรายกว่าเทือกเขาเร้นลมมาก ในถิ่นที่สัตว์อสูรขั้นสามออกหากินจะเจอสัตว์อสูรขั้นสี่ก็มีโอกาสเป็ไปได้ หากฝึก ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ ให้ได้ถึงขั้นบรรลุส่วนใหญ่ต่อให้พบสัตว์อสูรขั้นสี่ก็มีความหวังจะหนีรอดได้
เสวียนหงพยักหน้า กล่าวว่า “ถ้าหากคิดจะฝึกฝนบนเส้นทางวิชายุทธ์จะก้าวหน้าเร็วกว่าคนอื่น ต้องเก็บตัวตรากตรำฝึกฝน จะเดินช้าเท่าเดิมไม่ได้นอกจากจะต้องมีพร์และสติปัญญาระดับหนึ่งแล้วสภาพแวดล้อมที่ดีกับการมีโชคก็สำคัญ เทียนเอ๋อร์ ถ้าเ้าฝึก ‘ก้าวย่างัพยัคฆ์’ บรรลุถึงชั้นบรรลุส่วนใหญ่เทือกเขาดงอสูรเ้าก็ไปคนเดียวได้แล้ว”
“พี่หง!” หวงเยว่วิตกอยู่บ้าง
เสวียนหงกุมมืองามของหวงเยว่ พูดขึ้นว่า “เชื่อใจเทียนเอ๋อร์เถิด ไม่เผชิญลมฝนจะเห็นรุ้งได้อย่างไร”
......
หลังเสวียนหงกับหวงเยว่กลับไปเสวียนเทียนก็เริ่มปิดห้องฝึกฝน ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมการประลองทายาทรุ่นหลังพลังวัตรของเสวียนเทียนก็บรรลุถึง่ปลายชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าแล้วเมื่อผ่านการต่อสู้กับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาหลายคนอย่างต่อเนื่องพลังของสมุนไพรหลินจือหยกในร่างของเสวียนเทียนก็ถูกเสวียนเทียนดูดกลืนมาหมดสิ้นพลังวัตรก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ตอนนี้พลังวัตรของเสวียนเทียนบรรลุถึงจุดสูงสุดของขั้นเก้าแล้วมีเค้าว่าจะทะลุสู่ขั้นสิบได้ทุกเมื่อ เสวียนเทียนโคจรปราณเบิกนภาปราณภายในร่างโคจรไหลลื่นไปทั่วร่าง ร้อยจุดชีพจร สี่แขนขาแปดเส้นปราณ
พลังภายในของผู้ฝึกยุทธ์ชั้นวิถียุทธ์เป็ปราณเปล่ามองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ทำได้เพียงััเท่านั้น ต้องอาศัยอาวุธผสานกับไอคมโลหะถึงจะใช้การโจมตีอย่างเช่นปราณกระบี่หรือปราณดาบออกมาได้
ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเบิกนภาพลังภายในร่างเป็ปราณแท้จุดสำคัญก็อยู่ที่คำว่า ‘แท้’ คำนี้ จากสิ่งที่ว่างเปล่ากลายเป็สิ่งที่มีอยู่แท้จริงพลังเพิ่มขึ้นเป็สิบๆ เท่า ไม่จำเป็ต้องอาศัยไอคมโลหะปราณแท้ก็ผนึกรวมให้เป็รัศมี โจมตีศัตรูจากระยะไกลได้ ทั้งดูแล้วเหมือนจริงเป็เช่นเดียวกับการโจมตีจริงๆ
ปราณเบิกนภาที่เสวียนเทียนฝึกก็คือการทำให้ปราณธรรมดาภายในร่างเปลี่ยนเป็ปราณแท้ชั้นเบิกนภาระดับชั้นของการฝึกปราณเบิกนภายิ่งสูงปราณภายในร่างก็ยิ่งเปลี่ยนจากความว่างเปล่ามาเป็ของจริงเมื่อปราณภายในร่างกลายเป็ปราณแท้ทั้งหมดแล้ว พลังวัตรก็จะบรรลุสู่ชั้นเบิกนภา
ตอนนี้พลังวัตรของเสวียนเทียนอยู่ที่ชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าทว่าเมื่อฝึก ‘เคล็ดหลอมปราณ’ เคล็ดวิชาลับชั้นนิล พลังภายในก็ถูกหลอมผ่านเคล็ดหลอมปราณควบหลอมจนคุณสมบัติสูงขึ้น ปราณเปล่าเริ่มกลายเป็จับต้องได้มากขึ้น มีกลิ่นไอ ‘แท้จริง’ ขึ้นมานิดหน่อย
โคจรปราณภายในร่างได้หนึ่งรอบเสวียนเทียนมีความรู้สึกว่าเหมือนถูกรัดพันอยู่ราวกับัตัวหนึ่งที่กำลังเลื้อยเข้าไปในรูงูเพราะพื้นที่น้อยเกินไป ัถึงรู้สึกว่าถูกกักขัง
ัก็เหมือนกับปราณภายในร่างของเสวียนเทียนส่วนเส้นปราณก็เปรียบเหมือนรูงูตอนนี้ปราณภายในของเสวียนเทียนแข็งแกร่งขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วเส้นปราณในร่างไม่อาจรองรับปราณที่โคจรในร่างได้อีก จึงเหมือนถูกกักขังไว้สิ่งนี้คือสิ่งที่เรียกว่ากำแพงของชั้นพลังวัตร
เมื่อทลายกำแพงชั้นนี้ได้ เส้นปราณก็จะขยายใหญ่ขึ้นแข็งแกร่งขึ้นตามปราณภายในร่างกาย ตามทันปราณภายในร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นพลังวัตรก็จะเพิ่มขึ้นตาม ปราณภายในเมื่อไหลลื่นไม่มีอุปสรรค ความสามารถย่อมเพิ่มขึ้นเท่าตัว
กลับกัน ถ้าทำลายกำแพงไม่ได้เช่นนั้นปราณภายในร่างกายก็จะถูกจำกัดด้วยความจุของเส้นปราณ ถูกกักขังถึงแม้ปราณภายในจะแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง แต่พลังวัตรก็หยุดนิ่งไม่ก้าวหน้า
จากชั้นวิถียุทธ์ขั้นเก้าสู่ขั้นสิบเป็การทะลุชั้นพลังวัตรครั้งสุดท้ายของชั้นวิถียุทธ์เมื่อบรรลุแล้ว ก็มีหวังจะบรรลุสู่ชั้นเบิกนภา หากไม่บรรลุพลังวัตรก็จะหยุดอยู่ตรงนี้ยากกว่าการเลื่อนชั้นพลังวัตรขั้นเก้าก่อนหน้านี้มาก
ระหว่างที่เสวียนเทียนเก็บตัวฝึกฝนเพื่อทะลุขึ้นสู่ชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบ หนิวเจิ้นซาน เฉิงหยวนอู่จางกู่เฟิงผู้นำของทั้งสามตระกูลก็รวมตัวกันอยู่ที่โถงรับแขกของตระกูลหนิว
ผู้นำสามตระกูลมีสีหน้าเคร่งเครียด
ปัง!
หนิวเจิ้นซานตบฝ่ามือลงกับโต๊ะเสียงดังลั่นเขากัดฟันกรอดพูดว่า “แผนที่พวกเราวางไว้อย่างดีขุดหลุมดักเสร็จสรรพให้ตระกูลหวงโดดลงไปผลกลายเป็ว่าเ้าเด็กระยำหวงเทียนทำลายหมดสิ้น เ้าเด็กระยำนี่ยังตัดแขนเฉียงเอ๋อร์ลูกชายของข้าอีกน่าชัง! น่าชัง! น่าชัง!”
พูด ‘น่าชัง’ ย้ำติดกันถึงสามคำเห็นชัดถึงความโกรธแค้นในใจตอนนี้ของหนิวเจิ้นซาน
จางเจ๋อเทาแห่งตระกูลจางก็ถูกเสวียนเทียนทำร้ายสาหัสจางกู่เฟิงผู้นำตระกูลก็เกลียดเสวียนเทียนเข้ากระดูกดำ พูดด้วยความเกลียดชังว่า “เ้าเด็กระยำนี่ขวางการใหญ่ของพวกเราทำให้พวกเราสามตระกูลไม่มีหน้าเหลือ ไม่ฆ่าเ้าเด็กระยำนี่ ข้าไม่ขอเป็คน! ข้าไม่ขอเป็คนอีก!”
เฉิงจิ้งเฟิงยอมแพ้ทำให้ตระกูลเฉิงถูกเยาะเย้ยดูถูกจากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วอำเภอเป่ยโม่ ความเกลียดชังที่เฉิงหยวนอู่ผู้นำตระกูลเฉิงมีต่อเสวียนเทียนก็ไม่ได้น้อยไปกว่าหนิวเจิ้นซานกับจางกู่เฟิงกล่าวขึ้นว่า
“เ้าเด็กระยำเสวียนเทียนคนนี้จำต้องฆ่านอกเสียจากว่ามันจะหลบอยู่ในหมู่บ้านหวงปั้วตลอดชีวิตไม่ออกมา แต่ว่าพี่หนิวพี่จาง พวกเราสามตระกูลแพ้การประลองทายาทรุ่นหลังให้แก่ตระกูลหวง ทุกคนรู้กันทั่วพวกเราต้องมอบหมู่บ้านสามหมู่บ้านให้แก่ตระกูลหวงจริงหรือ? นี่ย่อมทำให้อาณาเขตของตระกูลหวงเพิ่มขึ้นมากอำนาจเพิ่มทะยาน คุกคามพวกเราสามตระกูลอย่างที่สุด”
“ฮึ! ตระกูลหวงคิดจะขยายกำลังไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก!”
ดวงตาทั้งสองของหนิวเจิ้นซานทะมึนขึ้นกล่าวเสียงเย็นว่า “หมู่บ้านหวงปั้วของตระกูลหวงตั้งอยู่ทางตะวันออกของอำเภอเป่ยโม่ ส่วนพวกเราสามตระกูลฝั่งตะวันออกมีหมู่บ้านอยู่ ฝั่งใต้ ตะวันตกเหนือก็ล้วนเป็ของพวกเรา ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็มอบหมู่บ้านที่อยู่ใต้สุด เหนือสุดตะวันตกสุดให้แก่ตระกูลหวง ห่างจากหมู่บ้านหวงปั้วของตระกูลหวงหลายร้อยลี้ระหว่างกลางขวางกั้นด้วยหมู่บ้านของพวกเราสามตระกูลดูกันว่าพวกเขาจะเชื่อมอาณาเขตเข้าด้วยกันได้อย่างไร? ได้หมู่บ้านมาสามหมู่บ้านก็เปล่าประโยชน์”
เฉิงหยวนอู่สองตาพลันสว่างวาบ “พี่หนิวแผนเยี่ยมถึงเวลาหมู่บ้านของตระกูลหวงแยกกันไปอยู่สี่ทิศเหนือใต้ออกตกให้พวกเขาดูตะวันออกไม่อาจดูตะวันตก ดูแลเหนือไม่อาจดูแลใต้ถ้าหากตระกูลหวงแบ่งคนออกไปที่สี่หมู่บ้าน กำลังของพวกเขาก็จะกระจัดกระจาย ฮ่าๆ ถ้าเช่นนั้นพวกเราสามตระกูลก็ใช้โอกาสนี้กำจัดตระกูลหวงเสียเลย”
“ดี ทำตามนี้ตระกูลหวงอยากได้หมู่บ้านสามหมู่บ้านพวกเราก็ให้หมู่บ้านเปล่าๆ กับพวกเขา ถ้าตระกูลหวงส่งแค่ตัวแทนมาดูแลพวกเราก็จ้างคนมาลอบสังหารเสีย หากตระกูลหวงแบ่งกำลังเป็สี่ส่วนก็พอดีให้พวกเราไล่โจมตีทำลาย กำจัดตระกูลหวงเสีย” จางกู่เฟิงอดไม่ได้ตบมือชื่นชม
....
ไม่ต่างไปจากที่เสวียนเทียนคิดไว้ ตระกูลหนิวเฉิง จางทั้งสามตระกูล ย่อมไม่ยอมให้ตระกูลหวงได้ประโยชนไปต่อให้มอบสามหมู่บ้านให้ ตระกูลหวงก็ดูแลไม่ไหว คิดจะตั้งหลักมั่นคงในอำเภอเป่ยโม่ ลงปักหลักขยายกำลังอำนาจมีแต่ต้องล้มตระกูลหนิว เฉิงจางทั้งสามตระกูลให้ได้เสียก่อนเท่านั้นไม่อย่างนั้นทุกสิ่งก็เป็เพียงภาพลวงราวกับเมฆหมอก
วันต่อมา ตระกูลหนิว เฉิงจางทั้งสามตระกูลก็นำหมู่บ้านที่เสียเดิมพันแก่ตระกูลหวงมามอบให้ หมู่บ้านตั้งอยู่ที่ใต้สุดเหนือสุด ตะวันตกสุดของอำเภอเป่ยโม่ ห่างจากหมู่บ้านหวงปั้วที่ตั้งอยู่ตะวันออกสุดหลายร้อยลี้ตระกูลหวงถึงแม้จะโกรธจัด แต่ก็ทำอะไรตระกูลใหญ่ทั้งสามไม่ได้ทำได้เพียงรับหมู่บ้านเปล่าทั้งสามมา
ทั้งหมดนี้แม้ว่าเสวียนเทียนจะคิดไว้อยู่แล้วแต่เสวียนเทียนก็ไม่ได้ใส่ใจ สามวันติดแล้วเสวียนเทียนเก็บตัวเพื่อบรรลุชั้นวิถียุทธ์ขั้นสิบ ปราณในร่างที่เริ่มมีกลิ่นไอ ‘แท้จริง’ ขึ้นมาบ้างแล้วโคจรไปตามเส้นปราณทั่วร่างไม่หยุด
ไม่รู้ว่าโคจรปราณมาแล้วกี่รอบเส้นปราณถูกปราณภายในร่างโจมตีไม่หยุด ค่อยๆ ขยายขึ้น แข็งแกร่งขึ้นพละกำลังทั้งร่างแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด ปราณภายในจับต้องได้มากขึ้นทุกทีๆ ความรู้สึก ‘แท้จริง’ เริ่มชัดเจนขึ้นทุกทีความสามารถเพิ่มพูนขึ้นทุกชั่วโมงทุกนาที
ในที่สุด หลังโจมตีมาสามวันเมื่อถึงจุดหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเส้นปราณก็ขยายไปถึงระดับหนึ่งปราณภายในร่างกายทั้งหมดโคจรไหลลื่นไร้อุปสรรคขึ้นมา ไม่มีสิ่งใดกักขวางอีกแล้วกำแพงของขั้นเก้าอันไร้รูปลักษณ์ค่อยๆ ถูกเซาะหายไป
ความรู้สึกสบายอย่างที่สุดอาบไปทั่วร่างของเสวียนเทียนพลังวัตรของเสวียนเทียนก้าวหน้ามาอีกขั้น บรรลุถึงขั้นสูงสุดของชั้นวิถียุทธ์...ขั้นสิบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้