ในที่สุดเหตุการณ์สุดแสนะเืขวัญนี่ก็จบลงเสียที
สองกำลังหลักที่คิดจะก่อฏอย่างตระกูลซ่างกวันและเทพยุทธ์หลินไป๋ชวนล้วนถูกสังหารตายจนหมดสิ้นอีกทั้งยังสามารถจัดการปะาชีวิตเ้าชายตัวปลอมผู้ชั่วร้ายนั่นลงได้อีกด้วย
ถึงแม้ว่าจะมีชีวิตของคนจำนวนมากที่ตกเป็ลูกหลงในเหตุการณ์นี้ก็ตามแต่ผลลัพธ์ในท้ายที่สุดก็ช่วยให้ผู้คนรู้สึกโล่งใจขึ้นได้บ้าง
“เอาละเื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็ปล่อยให้มันจบลงตรงนี้เถอะ...”
หลังจากที่ผู้คนพากันก่นด่าไอ้ชั่วเฉินเฉาเกอได้ไม่นานในที่สุดจักรพรรดิหลินเฮ่ายวนก็พูดขึ้นเพื่อผ่อนคลายโทสะของผู้คนให้ลดน้อยลง
“เซี่ยชางไห่เ้าไปติดต่อให้กองกำลังพิทักษ์อาณาจักรมาเก็บกวาดซากของพระตำหนักหน่อย หลี่จิ้งเ้าไปตรวจสอบคฤหาสน์ของหลินไป๋ชวน กำจัดพรรคพวกของมันที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมดทิ้งเสียสื่อซือิ เ้าไปทำรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้แล้วเอาไปรายงานราชอาณาจักรโล่ยื่อซะ พร้อมกับทำเป็จดหมายแจ้งให้ประชาชนทราบด้วยพรุ่งนี้จะได้ไม่มีใครปล่อยข่าวลือมั่วซั่ว”
ขอรับ!
หลินเฮ่ายวนออกคำสั่งด้วยท่าทางสบายๆส่วนลูกน้องของเขาก็รับคำอย่างแข็งขันรับคำสั่งเสร็จก็รีบแยกตัวกันไปทำงานตามคำสั่งที่ได้รับมาอย่างรวดเร็ว
ส่วนเหล่าขุนนางที่เหลือก็พากันเข้ามากล่าวคำอำลากับหลินเฮ่ายวนแล้วจึงกลับไปยังบ้านตัวเองเพื่อปลอบโยนหัวใจดวงน้อยๆของตนจากความใกับเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้
และในตอนที่คนของตระกูลเวินรวมทั้งหลินหยางพากันมาร่ำลาหลินเฮ่ายวนนั่นเององค์จักรพรรดิท่านนี้ก็หันมายิ้มให้กับหลินหยางแล้วกล่าวว่า
“หลินหยางเ้าตามข้ามา...”
พวกคนของตระกูลเวินทั้งหมดพากันมองไปที่หลินหยาง
จริงสิ
เขากลายเป็เ้าชายไปแล้วนี่นาแล้วจะยังสามารถออกจากพระราชวังไปกับพวกของเวินติ่งเทียนได้อย่างไร?
แต่ว่าหลินหยางยังคงไม่เคลื่อนไหว
ใครก็ดูออกว่าหลินหยางไม่ค่อยเต็มใจมากนักอีกทั้งยังมีท่าทางงอแงเล็กน้อยในแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
หลินหยางยังคงรู้สึกสงสัยและไม่พอใจในตัวของหลินเฮ่ายวนอยู่
เขามีคำถามที่อยากจะถามอีกฝ่ายมากมายเหลือเกินแต่ในใจของเขาก็ยังไม่อยากที่จะให้อภัยพ่อผู้ละทิ้งตัวเขาไปอยู่ดี
ตัวเขาในตอนนี้ไม่เหลือมาดของชายหนุ่มปาฏิหาริย์ผู้สืบทอดมรดกของจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วอีกต่อไปเป็แค่เด็กน้อยที่ไม่รู้ว่าจะเข้าหาผู้เป็พ่ออย่างไรจึงแสดงความงอแงออกมาอย่างกับเด็กน้อย
แต่ในขณะที่หลินหยางกำลังรู้สึกอึดอัดอยู่นั้นหั่วเอ๋อร์ก็บินไปเกาะบนไหล่ของหลินเฮ่ายวนพร้อมกับถลึงตาใส่หลินหยางโดยไม่ดูบรรยากาศแล้วกล่าวขึ้นว่า
“ไปสิ เ้าหลินอี้น้อยพ่อเ้ากำลังเรียกอยู่นะ! มายืนเอ๋อตรงนี้ทำไมนี่!”
ไม่รู้ว่าหั่วเอ๋อร์มันจงใจหรือไม่ได้สนใจกันแน่แต่คำพูดของมันก็ทำให้หลินหยางตัดสินใจได้เสียที แต่ไอ้นกที่ไม่รู้จักกาลเทศะนี่ยังคงพูดต่อไม่หยุดมันหันไปพูดคุยกับหลินเฮ่ายวนว่า
“ข้าจะบอกอะไรให้ฟังนะท่านจักรพรรดิท่านอย่าเอาเ้าเด็กน้อยหลินหยางนั่นไปเปรียบเทียบกับเด็กทั่วไปเชียวล่ะถ้าเ้าหนูนั่นมันสอนง่ายละก็ข้าคงไม่ต้องเปลืองแรงเป็ห่วงมันตลอดเวลาเช้ายันเย็นแบบนี้หรอก... เฮ้อพวกเราทั้งสองคนนี่ชีวิตรันทดโดยแท้ จริงสิ ไอ้ ‘ตับผัดผสมเนื้อส่วนเอว’ที่ให้กินในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้มันอร่อยใช้ได้เลยนะเ้าใช้วัตถุดิบอะไรอย่างนั้นหรือ แล้วก็ๆ...”
ไอ้นกเวร!
คนทั้งหมดนั้นยอมใจหั่วเอ๋อร์แล้ว
ส่วนหลินหยางนั้นก็เดินตามพวกหลินเฮ่ายวนและหั่วเอ๋อร์ไปด้วยท่าทางเบื่อหน่ายสุดขีดเดินไปยังส่วนลึกสุดของวังหลังที่ยังไม่ถูกทำลาย
พระราชวังชูอวิ๋นที่มีอาณาเขตอันกว้างใหญ่นี้หลินหยางยังคงเดินตามหลินเฮ่ายวนไปเรื่อยๆ จนมาถึงสุสานของเชื้อพระวงศ์ - พระตำหนักไท่เหอ
นี่คือสถานที่ที่หลินเฮ่ายวนใช้พักผ่อนในเวลาปกติและมักจะใช้เป็สถานที่ในการทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำหลังจากที่หลินหยางเข้ามาถึงแล้วก็พบว่าที่นี่นั้นดูแตกต่างจากพระตำหนักยงเหอโดยสิ้นเชิงที่นี่นอกจากสิ่งที่จำเป็ในการใช้ชีวิตแล้วก็มีแต่กองหนังสือจำนวนมหาศาลที่กองอยู่เต็มพื้นเท่านั้น
“ตามข้ามา”
หลินเฮ่ายวนพาหลินหยางเดินไปที่ด้านในของพระตำหนักไท่เหอตรงนั้นเป็ห้องนอนของเขา ภายในนั้นกว้างขวางนอกจากเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้แดงตัวหนึ่งแล้วก็มีเพียงเก้าอี้ที่ใช้สำหรับอ่านหนังสืออีกตัวหนึ่งเท่านั้น
“โห่ที่นี่ไม่มีอะไรให้กินอีกแล้ว ไม่สนุกเลย ไม่สนุกเลย”
หั่วเอ๋อร์เหมือนจะอ่านบรรยากาศออกเลยกระพือปีกบินออกไปด้านนอกโดยไม่ได้รบกวนอะไรสองพ่อลูกอีก
“นั่ง”
หลินเฮ่ายวนชี้ไปที่เก้าอี้เพียงตัวเดียวภายในห้องแล้วบอกให้หลินหยางนั่งลงจากนั้นเขาก็ก้มลงไปหยิบเอาม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
หลินหยางรู้ทันทีว่ามันคืออะไร
มันคือภาพเหมือนของผู้เป็แม่ของเขาเซี่ยอวี่เวยได้ยินว่าภาพนี้เป็ภาพที่หลินเฮ่ายวนเป็ผู้ลงมือวาดด้วยมือของตัวเองเพื่อใช้เป็ของหมั้นให้กับเซี่ยอวี่เวย
ซึ่งมันก็คือของที่หลินหยางพกติดตัวมาที่อาณาจักรชูอวิ๋นด้วยเพื่อใช้มันเป็เครื่องยืนยันตัวในฐานะของเชื้อพระวงศ์แต่กลับถูกเฉินเฉาเกอแย่งชิงมันออกไป หลังจากผ่านเื่ราวมามากมายแล้ว
ในที่สุดหลินหยางก็สามารถแก้แค้นได้แล้วในที่สุดภาพๆ นี้ก็กลับมามีคุณค่าในแบบที่ควรจะเป็เสียที
หลินเฮ่ายวนค่อยๆ คลี่ภาพๆ นี้ออกมาจากนั้นก็แขวนมันเอาไว้บริเวณหัวเตียงภาพของหญิงสาวอันแสนงดงามดุจมันกำลังมีชีวิตอยู่นี้ดึงดูดสายตาของสองพ่อลูกเอาไว้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เซี่ยอวี่เวยช่างเป็สตรีที่งดงามจริงๆ
ความงามของนางนั้นขนาดแค่ในภาพวาดยังสามารถทำให้ผู้ที่มองอยู่ััได้ถึงสายลมเย็นๆ ที่พัดโชยมาใน่ยามเย็นของฤดูร้อนให้ความรู้สึกสดชื่นจนยากที่จะต้านทาน
หลินหยางไม่เคยลืมดวงตาสีฟ้าอ่อนๆ คู่นั้นของแม่เขาเลยดูแตกต่างจากคนทั่วไป งดงามราวกับสีของสายน้ำยามฤดูใบไม้ผลิสายหนึ่งทุกครั้งที่หลินหยางถูกรังแกเพราะเขาเป็ลูกไม่มีพ่อในตอนเด็กๆ นั้น ก็ได้ดวงตาอันแสนงดงามคู่นี้เองที่ช่วยเป็เกราะกำบังให้เขาคอยหลบแดดหลบฝนอยู่ตลอดเวลา
แต่ตอนนี้นางได้จากไปยังที่ไกลแสนไกลแล้วพอได้มองภาพวาดเซี่ยอวี่เวยผู้เป็แม่แล้วภายในใจของหลินหยางก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกถวิลหาอันเปี่ยมล้นดุจสายธารอันกว้างใหญ่
ส่วนหลินเฮ่ายวนก็กำลังมองภาพของนางอยู่เงียบๆเขาหันหลังให้กับหลินหยางซึ่งหลินหยางไม่มีทางมองเห็นความรู้สึกอันเปี่ยมล้นที่ซ่อนอยู่ในแววตาของผู้เป็พ่อเลยต่อให้เอาความอ่อนโยนที่มีอยู่ทั้งหมดบนโลกมารวมกันก็ยังไม่สามารถสาธยายความรู้สึกที่เก็บซ่อนอยู่ในแววตาของเขาได้เลย
หลังจากที่ทั้งสองคนยืนอยู่อย่างนั้นประมาณห้านาทีเต็มๆหลินเฮ่ายวนจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“่หลายปีที่ผ่านมานี้อวี่เวยนาง... มีความสุขดีไหม?”
เป็คำถามที่เรียบง่ายแต่กลับเป็ดั่งคมมีดอันแหลมคมที่ทิ่มแทงเข้าไปในใจของหลินหยาง
“คำถามนี้ เฉินเฉาเกอไม่ได้บอกให้ท่านฟังหมดแล้วหรอกหรือ....”
“นี่เ้ายังโกรธข้าอยู่อีกหรือ?”
หลินเฮ่ายวนหันไปยิ้มอ่อนๆ ให้กับหลินหยาง
หลินหยางไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่แววตาเขานั้นแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน
หลินเฮ่ายวนถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง
“เื่ภาพนี่ข้าเป็คนผิดเองจริงๆตอนที่ข้าได้เห็นภาพนี้ครั้งแรกข้าก็ดีใจมากจนไม่ทันได้ตรวจสอบให้ดีก่อนอีกทั้งเฉินเฉาเกอมันยังมีส่วนคล้ายอวี่เวยอยู่หลายส่วนจริงๆ...เ้าคงลำบากมากเลยสินะ”
หลินหยางยืนฟังเงียบๆ
สิ่งที่หลินเฮ่ายวนอธิบายมานั้นหลินหยางพอจะคาดเดาได้แต่แรกแล้ว แต่เขาก็ยังอดที่จะรู้สึกขุ่นเคืองไม่ได้
เื่ที่ทิ้งพวกเขาสองแม่ลูกไปนั่นมันก็พอจะปล่อยไปได้อยู่หรอกแต่นี่กลับเข้าใจผิดจนยอมรับคนอื่นมาเป็ลูกนี่นะ?
มีพ่อที่บ้าบอแบบนี้อยู่ด้วยหรือ?
ถึงแม้ว่าแท้จริงแล้วหลินเฮ่ายวนจะเป็คนที่ฉลาดล้ำลึกจนน่ากลัวก็เถอะ
หลินเฮ่ายวนเห็นหลินหยางยังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นก็ไม่ได้ตำหนิอะไรเขาพูดต่อขึ้นมาว่า “แต่หลังจากนั้นไม่นานเ้าก็ปรากฏตัวขึ้น แถมยังมาแบบไม่ธรรมดาอีกด้วยสร้างชื่อกระฉ่อนไปทั่วเมืองอวิ๋นเฉิง บวกกับผลงานของเ้าในคืนนี้อีก ทำได้ดีมากดีมากจริงๆ”
หลินหยางยังคงไม่ตอบอะไรกลับไป
ที่เขาทำลงไปทั้งหมดนั้นมีเป้าหมายเพื่อการแก้แค้นเท่านั้นส่วนการปกป้องหลินเฮ่ายวนเละประชาชนชาวชูอวิ๋นเป็เพียงผลพลอยได้เท่านั้น
อืม ใช่ แค่ผลพลอยได้
แต่คำพูดต่อไปของหลินเฮ่ายวนนั้นทำเอาหลินหยางไม่สามารถนิ่งสงบได้อีกต่อไป “ก่อนหน้านี้ได้ยินมาจากเฉินเฉาเกอว่า อวี่เวยเสียชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ?”
คำพูดนั่นมันอะไร?
ได้ยินว่าเสียชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ ?
หลินหยางไม่พอใจกับท่าทีของหลินเฮ่ายวนตอนที่พูดถึงการเสียชีวิตของแม่มากๆไม่มีความรู้สึกเสียใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั่นเลยแม้แต่น้อย
เขาตอบกลับไปอย่างเ็าว่า “ถ้าหากท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่แล้วมาได้ยินคำพูดแบบนี้ของท่านเข้าละก็ท่านแม่คงต้องรู้สึกเสียใจที่อุตส่าห์รอท่านนานถึงสิบห้าปีแน่ๆ...”
“ฮ่าฮ่าสายตาแบบนั้นแหละ เหมือนสายตาของแม่เ้าตอนกำลังโมโหไม่มีผิดเลย” หลินเฮ่ายวนนอกจากจะไม่โกรธแล้ว เขายังยิ้มกลับให้หลินหยางอีกด้วย
แต่สิ่งที่หลินเฮ่ายวนกำลังจะพูดต่อไปนั้นทำเอาหลินหยางร้อนรนขึ้นมาทันที
“หยางเอ๋อร์ที่จริงแล้วเื่นี้ข้าไม่มีทางยอมบอกเ้าเด็ดขาด...แต่พอได้เห็นความสามรถของเ้าในวันนี้แล้ว ข้าก็เลยยอมเปลี่ยนใจไม่แน่เ้าอาจจะเป็ผู้ที่์ส่งมาให้ทำหน้าที่ช่วยเหลือแม่ของเ้าก็เป็ได้”
อะไรนะ?
ผู้ที่จะช่วยเหลือท่านแม่คืออะไร?
หัวใจของหลินหยางเต้นรัวพลันนึกถึงอีกหนึ่งความเป็ไปได้ที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน
หลินเฮ่ายวนพอเห็นปฏิกิริยาของหลินหยางแล้วก็พยักหน้ารับด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่แล้วแม่ของเ้าอวี่เวยน่ะ ยังไม่ตายหรอก”
ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางหัวใจของเขา
หลินหยางพลันดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีด้วยความใ
“ท่านพูดว่าอะไรนะ!!”
ไม่มีใครสามารถจินตนาการออกได้เลยว่าหลินหยางนั้นใมากขนาดไหน
่ประมาณเกือบๆ หนึ่งปีก่อนนี้เขาเป็คนมองส่งท่านแม่ที่จากโลกนี้ไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเสียใจด้วยตาของตัวเขาเองแถมยังเป็คนขุดหลุมฝังศพของท่านด้วยมือตัวเองด้วยซ้ำ
แล้วจะมาบอกว่าไม่ตายได้อย่างไรกัน?
ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรกันแน่
หลินเฮ่ายวนค่อยๆ อธิบายให้หลินหยางฟังว่า“หรือไม่ก็ ถึงจะตายก็ไม่ใช่ตายเพราะโรคร้ายอะไรพวกนั้นแน่นอน อายุขัยของนางน่ะยืนยาวยิ่งกว่าที่เ้าคาดไว้เยอะดังนั้นการตายของแม่เ้า ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ นั่นเป็แค่ข้ออ้างที่นางต้องใช้เพื่อลาจากเ้าไปต่างหาก”
ข้ออ้าง?
หลินหยางสับสนกับเื่ที่ได้ยินจนมึนงงไปหมดเขาเพิ่งจะค้นพบว่าชาติกำเนิดของตัวเองนั้นไม่ได้ธรรมดาอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว
ไม่ว่าจะพ่อผู้ที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้เลยหรือแม่ผู้ที่ยังไม่ตายคนนั้น เื้ัพวกเขายังมีความลับที่กำลังเก็บซ่อนเอาไว้อยู่มากขนาดไหนกันแน่
เขารีบผ่อนลมหายใจของตัวเองลงจากนั้นจ้องเขม็งไปที่หลินเฮ่ายวนพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านจะบอกว่าท่านแม่ตั้งใจจะแกล้งตายเพื่อจากข้าไปอย่างนั้นหรือ! ทำไมเล่า?ทำไมท่านแม่ต้องทำแบบนั้นด้วย?”
“เพื่อข้า และที่สำคัญกว่านั้นก็เพื่อเ้าอย่างไรเล่า!” แววตาของหลินเฮ่ายวนเปล่งประกายภายในนั้นมีความลับและเื่ราวต่างๆ มากมายเก็บซ่อนเอาไว้แต่น่าเสียดายที่เขายังไม่คิดจะเล่าให้หลินหยางฟังทั้งหมดในวันนี้
แต่เขาก็ได้บอกส่วนที่สำคัญที่สุดออกมาให้ฟัง“หยางเอ๋อร์ต่อให้ข้าจะบอกความจริงเกี่ยวกับอวี่เวยให้เ้าฟังทั้งหมดั้แ่ตอนนี้ไปแต่ด้วยความสามารถของเ้าในตอนนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะสามารถตามหาสถานที่ๆ นางอยู่ได้อย่างแน่นอน...”
แต่คำตอบของหลินหยางนั้นทำเอาหลินเฮ่ายวนตกตะลึงอยู่บ้าง“หรือว่าท่านแม่จะจากภพนี้ไปแล้ว?”
โห?
หลินเฮ่ายวนหลี่ตาลง “ดูท่าทางเ้าจะรู้เื่มากกว่าที่ข้าคิดไว้อีกนะ”
หลินหยางรีบถามต่ออย่างเร่งรีบสำหรับตัวเขาแล้ว ความคิดถึงที่มีต่อผู้เป็แม่นั้นสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่ง “ท่านไปไหนแล้ว?‘ภพอัคคีทมิฬ’? ‘ภพฟ้าทมิฬ’? หรือว่า ‘ภพหลังความตาย’? บอกข้ามาไม่ว่าท่านแม่จะอยู่ที่ไหน ข้าก็จะต้องไปพากลับมาให้ได้!!”
หลินเฮ่ายวนมองดูหลินหยางด้วยสีหน้าจริงจังจากนั้นก็ตบลงบนบ่าของเขาอย่างแรง “ใจเย็นๆ!”
หลินหยางนิ่งอึ้งไปทันที
หลินเฮ่ายวนเป็คนธรรมดาแท้ๆส่วนหลินหยางนั้นเป็ถึงยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นท้าย แต่คำพูดของหลินเฮ่ายวนราวกับเป็ดั่งสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาอยางรุนแรงกลางใจเขาจนทำหลินหยางใจเย็นลงไปไม่น้อย
แต่แรงกดดันนี่มันหนักหน่วงมาก!