ด้วยเหตุนี้ หลินโม่เหนียงจึงใช้ชีวิตอยู่บนยอดเขาั้แ่นั้น นางเป็สาวชาวบ้านใช้ชีวิตยากลำบากมาั้แ่เล็ก การต้องใช้ชีวิตในป่าคนเดียวจึงไม่ใช่เื่ยากอะไร ทั้งไม่ต้องหาอาหารเอง มีคนนำมาให้ทุกเดือน แม้ไม่ได้กินดีมากมาย แต่ก็มีกินทุกวัน เป็ชีวิตที่สงบยิ่ง
ทุกวันนางจะออกไปบำเพ็ญเพียรนั่งสมาธิใต้น้ำตก แม้นักพรตจะไม่บังคับ แต่นางอยากบำเพ็ญเพียรมากจึงพยายามศึกษาด้วยตัวเอง ท่านนักพรตยังใจดีทิ้งหนังสือเกี่ยวกับวิธีการบำเพ็ญเพียรให้นางสามเล่มด้วย น่าเสียดายที่นางไม่เคยร่ำเรียนศึกษา อ่านหนังสือไม่ออก จึงทำได้เพียงดูรูปที่วาดประกอบและทำตามความเข้าใจของตนเอง
วันเวลาผ่านเลยไปจนหญิงสาวอายุยี่สิบปี นางยังบำเพ็ญเพียรไม่คืบหน้าอะไร แต่่หลังมานี้ นางมักจะรู้สึกว่ามองเห็นน้ำตกเคลื่อนไหวเป็รูปร่างของคน แต่เมื่อนางสังเกตดูดีๆ อีกครั้ง รูปร่างนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว
ยังมีเื่แปลกประหลาดอีกหลายสิ่งที่หลินโม่เหนียงประสบกับตัวเอง แต่ไม่อาจหาคำอธิบายได้ บางวันที่นอนครึ่งหนึ่งของนางจะเปียกชุ่มราวกับมีใครเอาน้ำมาราดรดยามที่นางหลับอยู่
บางครั้งในยามเช้า ตรงหน้าประตูบ้านมักจะมีคราบน้ำเปียกยาวออกไปทางน้ำตก และบ่อยครั้งที่ห้องครัวของนางเปียกจนหุงหาอาหารไม่ได้ บางวันนางตากผ้าไว้ เมื่อกลับถึงบ้าน เสื้อผ้าพวกนั้นก็ถูกพับเก็บไว้อย่างดี แต่กลับเปียกน้ำจนต้องเอาไปตากใหม่
เื่ที่ประสบบ่อยที่สุดคือ มักจะมีปลาตัวอวบอ้วนมาวางอยู่ในห้องครัวของนางทุกวัน ่แรก นางยังไม่อาจตัดใจกินปลาพวกนั้นได้ เพราะระแวงว่าอาจมีใครจงใจกลั่นแกล้งนาง หรืออาจมีปิศาจที่ไหนมาเล่นตลก
แต่นานวันเข้านางก็เริ่มคุ้นชิน ไม่ว่าเกิดคราบเปียกน้ำที่ใดนางก็แก้ไขเก็บกวาด และปลาที่ปรากฏอยู่ในห้องครัวของนางอย่างอัศจรรย์ หลินโม่เหนียงเพียงนำมาปรุงอาหารราวกับเป็ปลาที่นางจับมาด้วยตัวเอง
วันนี้ หลังกินน้ำข้าวต้มง่ายๆ เป็อาหารเช้า หลินโม่เหนียงก็ออกไปบำเพ็ญเพียรใต้น้ำตกเช่นเคย น่าแปลกที่นางนั่งบำเพ็ญเพียรเช่นนี้ทุกวัน วันละหนึ่งชั่วยาม แต่นางก็ยังไม่เคยเจ็บป่วย แม้อากาศจะหนาวจนเสียดกระดูก แต่นางก็ไม่เคยหยุดบำเพ็ญเพียรใต้น้ำตกสักวันเดียว
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นตรงศีรษะ อากาศเริ่มอุ่น แต่หลินโม่เหนียงที่นั่งอยู่ใต้น้ำตกมาเกินหนึ่งชั่วยามกำลังหนาวสั่น วันนี้นางตั้งใจจะเพิ่มเวลานั่งบำเพ็ญเพียรเพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม แต่ด้วยร่างกายของมนุษย์ นางจึงไม่อาจทนความหนาวเหน็บได้
ระหว่างที่หลินโม่เหนียงกำลังตัดสินใจว่าจะลุกขึ้นออกไปจากใต้น้ำตกดีหรือไม่ แต่ยังไม่ทันลืมตา จู่ๆ นางก็รู้สึกถึงความอบอุ่นสายหนึ่งที่โอบล้อมร่างของนาง หลินโม่เหนียงนึกว่าตัวเองเริ่มสำเร็จการเข้าฌานขั้นแรก คือ หลอมปราณ ทำให้นางสามารถััได้ถึงพลังปราณบางอย่าง นางจึงตัดสินใจนั่งบำเพ็ญใต้น้ำตกต่อไป
เริ่มแรกสายน้ำอุ่นนั้นเพียงล้อมรอบตัวนางไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป หลินโม่เหนียงกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่กำลังไหลลูบไปตามร่างกาย ราวกับมีฝ่ามือกำลังลูบคลำ แม้นางจะรู้สึกสบาย แต่ทุกครั้งที่สายน้ำอุ่นไหลลูบไปตามส่วนต่างๆ บางอย่างที่จุดตันเถียนล่างกลับร้อนรุ่มจนนางหวั่นไหว
จากที่เคยนั่งสมาธิอย่างสงบนิ่ง ยามนี้นางกำลังตัวสั่นเพราะความ้าบางอย่างของร่างกาย หลินโม่เหนียงทนไม่ไหวจึงอ้าปากผ่อนลมหายใจ แลบลิ้นเลียริมฝีปากบางเพื่อคลายความกระหาย แม้ยามนี้น้ำตกกำลังไหลท่วมร่างของนางก็ตาม
ทันใดนั้น สายน้ำอบอุ่นก็เริ่มสอดแทรกเข้าไปในปากของนางและม้วนปลายลิ้นของนางเล่น หญิงสาวใแต่ก็รู้สึกเปรมปรีดิ์กับความสุขสมบางอย่าง นางจึงปล่อยให้สายน้ำอุ่นนั้นกระทำอุกอาจต่อไป
ััที่ปลายลิ้นเริ่มเร่งเร้ามากขึ้น แม้จะเป็เพียงสายน้ำ แต่มันกำลังดูดดึงปลายลิ้นของโม่เหนียงจนออกมานอกริมฝีปาก นางยังรู้สึกถึงแรงขบกัดบางเบาที่ปลายลิ้นด้วย แต่ยามนี้หญิงสาวกำลังเคลิบเคลิ้มจึงไม่ทันคิดถึงความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น
เมื่อสายน้ำอุ่นขบเล่นปลายลิ้นของสตรีใต้น้ำตกจนนานพอ ความอบอุ่นสายหนึ่งก็เริ่มคืบคลานไปขยำอกอิ่มของโม่เหนียง นางใจนสะดุ้งลืมตา สิ่งที่เห็นคือสายน้ำที่มีรูปร่างคล้ายคน!!
แม้นางจะไม่เห็นสายตาของอีกฝ่าย แต่ศีรษะที่ก่อตัวจากมวลน้ำก็คล้ายว่าจะใไม่แพ้กัน เมื่อจู่ๆ นางก็ลืมตามองเขา ร่างโปร่งใสคล้ายคนของสายน้ำอบอุ่นรีบลุกขึ้นและกระโจนผ่านม่านน้ำตกไปทางบ่อน้ำด้านล่าง
ตู้ม!
น้ำแตกกระจาย แม้สิ่งที่ะโลงไปจะเป็สายน้ำไม่ต่างกัน
หลินโม่เหนียงมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย นางกำลังตัวสั่น หญิงสาวไม่อาจตอบตัวเองได้ว่าเป็เพราะกลัว ตื่นตระหนก ตื่นเต้น หรือเพียงเพราะสายน้ำอบอุ่นไม่อยู่แล้ว ร่างกายของนางจึงไม่อาจทนความหนาวเย็นของน้ำตกได้อีก
คืนนั้น หลินโม่เหนียงไม่อาจข่มตาหลับ นางคล้ายจะหวาดกลัวร่างน้ำอุ่นแปลกประหลาดนั่น แต่อีกใจกลับลืมััวาบหวามที่ปลายลิ้นไม่ลง และบางสิ่งทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก
