ค่าเล่าเรียนทักษะแต่ละอย่างคือ 5 เหรียญเงิน และผมก็มี 24 เหรียญเงินจึงเรียนได้ทั้งหมดเลย ทำให้ตอนนี้ในแถบทักษะของผมมีทักษะติดตัว 2 อย่าง คือดาบสังหารที่ใช้โจมตี และทักษะฉกฉวยจากความตายซึ่งทั้งหมดมีประโยชน์ทั้งสิ้น
ผมกวัดแกว่งดาบขจีไพรแล้วคิดว่าจะโจมตีออกไปด้วยดาบสังหาร ทันใดนั้นแสงเลือนรางสีเขียวห่อหุ้มคมดาบเอาไว้ก่อนที่มันจะสะบัดลงพื้นไปทันที!
“ชะวิ้ง!”
บนพื้นถูกตัดออกเป็ร่องเล็กๆ ผลลัพธ์ของทักษะไม่เลวเลย
หลังจากที่กล่าวลากับอาจารย์ซูหลุนแล้วผมก็เดินเตร็ดเตร่ไปรอบป้อมศีตเหมันต์ ที่นี่น่าตื่นตาตื่นใจมากจนผมยังไม่อยากฝึกฝนทักษะเลย เมื่อมาถึงด้านนอกของป้อมศีตเหมันต์ผมก็สังเกตเห็นพวกทหารยาม 5 นายกำลังตั้งค่ายอยู่ด้านนอก หนึ่งในนั้นที่สวมชุดเกราะสีขาวและเป็หัวหน้าของกองนักรบิญญา เขากำลังมองไปทางเมืองฝูปิงที่อยู่ไกลออกไปแล้วถอนหายใจอย่างหมดอาลัยตายอยาก
อื้ม มีภารกิจสินะ!
ใจผมพร้อมอยู่แล้วจึงเดินหน้าเข้าไปถาม “นายท่านมีสิ่งใดที่ผมจะช่วยท่านได้หรือไม่?”
“อ้อ โครงกระดูกน้อย!”
หัวหน้าทหารยามมองมาที่ผมแล้วพูดว่า “เ้าก็เห็นแล้ว ที่สุสานใหญ่แห่งนี้เป็บ้านของพวกเรา แต่ตอนนี้กลับมีิญญาพยาบาทน่าชังฝูงหนึ่งกล้าบุกเข้ามาในเขตแดนของพวกเรา ข้าสงสัยว่าเราจะเจอกับผู้นำโครงกระดูกซะแล้วล่ะ เราจำเป็ต้องตอบโต้! โครงกระดูกน้อย ไปสิ มุ่งหน้าไปยังบริเวณรอบสุสานใหญ่แล้วสังหารโครงกระดูกชั้นต่ำพวกนั้นให้ได้ 50 ตนแล้วนำกระดูกนิ้วมือ 10 ชิ้นกลับมาให้ข้า จากนั้นเ้าจะได้รับรางวัลอย่างงาม”
“ติ๊ง~!”
ระบบแจ้งเตือน: คุณได้รับภารกิจ [กระดูกนิ้วมือ]! (ระดับภารกิจ : ระดับ F ขั้นสูง)
รายละเอียดภารกิจ : ไปยังสุสานใหญ่สังหารโครงกระดูกทหารชั้นต่ำ 50 ตนและรวบรวมกระดูกนิ้วมือ 10 นิ้วมามอบให้กับหัวหน้าทหารยามฝ่าเค่อ
......
“แม่เ้า ไม่นึกเลยว่ายังจะมีคนกล้าบุกเข้ามาในเขตของผม อยากตายมากสินะ!”
ผมถือดาบเล่มยาวออกเดินไปด้วยใจที่ฮึกเหิม ในจิตใต้สำนึกของผมได้ถือว่าป้อมศีตเหมันต์เป็เหมือนเขตพื้นที่ของผมไปแล้ว
ที่นี่คือสุสานร้างที่มีกลิ่นอายของความตายแผ่ขยายไปทั่ว ป้ายหินตั้งตระหง่านเรียงรายทว่าภายในหลุมศพแต่ละหลุมกลับถูกขุดควักจนกลวงโบ๋ ส่วนิญญาของคนตายนั้นถูกเรียกไปเป็สมาชิกของฝ่ายมืดตั้งนานแล้ว
แม้จะเป็ิญญารัตติกาลด้วยกันแต่ยังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกแบ่งไปไว้เป็พวกไหน อย่างน้อยพวกที่อยู่ด้านหน้าผมก็ถูกจัดว่าเป็ศัตรูไปแล้ว
ใต้แสงดาวโครงกระดูกขาวซีดตัวแล้วตัวเล่าเดินไปเดินมาอยู่ในลานสุสานพลางส่งเสียงโหยหวนออกมา นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าเสียงผี
นักรบโครงกระดูกร่างหลุดลุ่ย LV-12
......
อื้ม โครงกระดูกระดับ 12 ถึงเวลาลองดาบแล้ว!
ผมสาวเท้าพุ่งไปข้างหน้าแล้วดาบยาวที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเขียวก็ถูกฟาดฟันลงไปที่บ่าของโครงกระดูกเสียงดังลั่น— ดาบสังหาร!
“147!”
โครงกระดูกตนนั้นสั่นเทิ้มแล้วโงนเงนล้มไปข้างหลัง พลังของดาบสังหารนี่เอาเื่พอดูทีเดียว
ผมลอยตามไปก่อนที่ดาบคมจะถูกยกขึ้นฟาดฟันไปบนตัวของโครงกระดูกติดต่อกันถึง 4 ครั้งจนโครงกระดูกไม่มีโอกาสได้สวนกลับเลย นี่คือการจับจังหวะและเป็สิ่งที่จำเป็ต้องเรียนรู้ในโลกของเกมเสมือนจริง เมื่อใดที่ควบคุมจังหวะการโจมตีคู่ต่อสู้ได้อีกฝ่ายก็ต้องล้มไปทุกราย
การจับจังหวะออกอาวุธนั้นแท้จริงแล้วง่ายมาก ตอนที่ผมปล่อยอาวุธออกไปแล้วมันได้ผล โครงกระดูกก็จะเสียการทรงตัวและล้มลง และในขณะนั้นก็จะต้องไม่ให้เวลามันได้ตั้งตัว ไม่ว่ามันจะล้มไปทางไหนก็ตาม ผมเข้าไปซ้ำอีกจนทำให้มันทรงตัวไม่อยู่ แค่นี้ก็เหมือนกำชัยชนะไว้ในมือแล้ว
“ชิ้ง!”
เพลงดาบปลิดชีพตวัดปราดเปรียวและดุดันไปโดนที่เบ้าตาของโครงกระดูก!
“228!”
มันเป็เลขค่าความเสียหายที่เยอะมากก่อนจะมีเสียงโครงกระดูกระดับ 12 ล้มลงไปบนพื้นดังขึ้น มันทิ้งค่าประสบการณ์ให้ผม 75 หน่วยพร้อมกับเปลวไฟสีม่วงที่ลุกไหม้อยู่ในอากาศ
"หืม มันคืออะไร?"
ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็เอื้อมมือไปคว้าเปลวไฟนั้นมาไว้ในกำมือ แล้วเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้นที่ข้างหู
“ติ๊ง~!”
ระบบแจ้งเตือน: คุณจะรับเพลิงิญญานี้หรือไม่?
......
ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเป็ของไม่ดีจึงรีบกดปุ่มตกลง!
“พรึ่บ!”
เปลวไฟสีม่วงซึมเข้าสู่หน้าอกของผมแล้วทันใดนั้นทั้งร่างรู้สึกถึงความสดชื่นราวกับได้สูบกัญชาแล้วได้เกิดใหม่ก็ไม่ปาน
แต่แปลก ค่าประสบการณ์ของผมไม่เพิ่มขึ้นเลยสักนิด ส่วนค่าอย่างอื่นก็ด้วย หรือจะให้แค่รู้สึกดีงั้นเหรอ?
ผมส่ายหัวเบาๆ แล้วพูดติดตลกกับตัวเอง “ช่างมัน อย่างน้อยได้ฟินสักหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา”
ผมเดินสำรวจภายในสุสานต่อ นักรบโครงกระดูกร่างหลุดลุ่ยถือว่าเป็สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำที่สุดในพวกิญญารัตติกาลแล้ว เพลิงิญญาของมันค่อนข้างบางเบา และแม้จะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันมีประโยชน์อะไรแต่ผมก็ยังเลือกที่จะเก็บมันทุกครั้งที่สังหารโครงกระดูกเหล่านี้ ปล่อยมันไว้ก็เสียของเปล่าสู้เก็บมันให้หมดดีกว่า!
“ฉับ!”
โครงกระดูกถูกสังหารไปอีกหนึ่ง คราวนี้มันดรอปหินเวทขนาดเล็กออกมา ดูจากลักษณะของมันแล้วน่าจะขายได้ 1 เหรียญเงิน
ผมเก็บหินเวทขนาดเล็กขึ้นพร้อมถอนหายใจแล้วพูดออกมา "หนึ่งชั่วโมงเพิ่งจะได้หินเวทขนาดเล็กหนึ่งก้อน บ้าเอ๊ย อัตราการดรอปไอเทมแย่จริงๆ…"
แต่ค่าประสบการณ์ของผมก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย ตอนนี้เลเวล 10 ของผมมาอยู่ที่ 95% แล้วถ้าฆ่าเพิ่มอีกสองสามตัวก็จะเลื่อนขึ้นเป็เลเวล 11 ได้แล้ว นอกจากนี้ผมยังรวบรวมกระดูกนิ้วมือที่ภารกิจ้าได้ 9 ชิ้นแล้วด้วย อีกนิดก็จะส่งมอบภารกิจได้
เมื่อมองดูเวลาผมก็พบว่าตอนนี้เป็่เช้า 8 โมงครึ่งของเมืองปักกิ่งแล้ว เวลาผ่านไป 7 ชั่วโมงกว่าโดยที่ผมไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยสักนิด ที่จริงถือว่าผมเล่นได้ไม่เลวเลยนะ ได้ออกจากหมู่บ้านเริ่มต้น เก็บอาวุธระดับหินดำได้ 2 ชิ้น ทำได้ขนาดนี้นับว่าเป็ผู้มีฝีมือได้แล้ว
ผมเปิดชาร์ตจัดอันดับขึ้นมา มีผู้เล่นจำนวนมากแห่แหนกันเข้ามายังเมืองฝูปิงแต่เลเวลของผมกลับไม่ติดอันดับหนึ่งในสิบ ดีจริงๆ ประเทศจีนเป็ดินแดนที่ไม่เคยขาดเสือซุ่มัซ่อน เมื่อสำรวจดูรายชื่อผมก็พบว่าตัวเองอยู่ในลำดับที่ 12 ยังไม่อาจขยับขึ้นไปได้ แต่ผู้เล่นที่ใช้ชื่อว่า “วาตะเพ้อฝัน” กลับโผล่มาเป็อันดับหนึ่งแถมยังเป็นักรบเลเวล 13 เสียด้วย ความเร็วในการอัปเลเวลช่างน่ากลัวจริงๆ เ้านี่ต้องใช้ประโยชน์จากข้อบกพร่องบางอย่างของเกมแน่ๆ
นอกจากนั้นผู้เล่นที่ติดอันดับสองก็ใช้ชื่อว่า กุ่ยกู่จือ (ผีข้าวเปลือก) เขามีอาชีพที่แข็งแกร่งมากนั่นก็คือนักรบิญญาเลเวล 11 ดูท่าเขาจะเป็พวกเดียวกับผม
แค่ในเมืองฝูปิงชื่อผมก็ยังไม่ติด 10 อันดับต้น มีแววว่าทั้งประเทศจีน ผมคงไม่ติด 100 อันดับแรก ช่างเป็เื่ที่น่าเศร้าเหลือเกิน
แต่สุดท้ายผมก็คิดได้ว่าอันดับเป็สิ่งที่ไม่คงตัว ดังนั้นจึงไม่จำเป็ต้องแย่งชิงที่หนึ่งเสมอไป ยอดฝีมือตัวจริงมักจะลงมืออย่างไม่ธรรมดาและสามารถสังหารยอดฝีมือคนอื่นได้ในเสี้ยววินาทีแม้จะอยู่ในระหว่างพูดคุยกันอยู่ และพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่อยู่ในอันดับหนึ่งบนชาร์ตด้วย
......
“ชิ้ง!”
ดาบขจีไพรฟาดกลางอากาศเต็มแรงทำให้โครงกระดูกเลเวล 12 ร่วงไปอีกหนึ่งก่อนจะดรอปกระดูกนิ้วมือที่ขาดออกมาหนึ่งนิ้วและหินเวทขนาดเล็กอีกหนึ่งก้อน และในเวลาเดียวกันนั้นแสงสีทองก็ส่องสว่างเป็ประกายรอบตัวผม ผมได้เลื่อนขึ้นเลเวล 11 จนได้
หลังจากรับเชื้อเพลิงิญญาแล้วผมก็รีบนำของที่ภารกิจ้ากลับไปที่ป้อมศีตเหมันต์และส่งมอบกระดูกนิ้วมือสิบชิ้นให้กับโครงกระดูกหัวหน้าทหารยามฝ่าเค่อ
ฝ่าเค่อถือกระดูกนิ้วพวกนั้นไว้ในมือแล้วหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ “ทำได้ไม่เลวเลยโครงกระดูกน้อย ตัวเรือดสกปรกพวกนั้นจะได้รู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของพวกเราเสียที ดีมาก เ้าได้ปกป้องเกียรติของพวกเาาวิญญารัตติกาลแล้ว มาเถิด ของรางวัลพวกนี้เป็ของเ้า!”
“ติ๊ง~!”
ระบบแจ้งเตือน: คุณบรรลุภารกิจ [กระดูกนิ้วมือ] รับค่าประสบการณ์ 1,200 หน่วย ชื่อเสียง +5 หน่วย และได้รับของจากการทำภารกิจ [เกราะข้อมือสีนิล]
ผมดีใจมากที่ได้รางวัลเป็อาวุธ โชคดีจัง!
กึก!
เกราะข้อมือสีนิลหนึ่งชิ้นถูกเก็บเข้ากระเป๋าผมแถมมันยังเป็อาวุธที่มีคุณสมบัติด้วย
[เกราะข้อมือสีนิล] (อาวุธระดับหินดำ-เกราะ)
พลังป้องกัน : 8
พละกำลัง : +2
เลเวลที่้า : 10
......
ผมรีบนำเกราะมาสวมแล้วพลังป้องกันก็เพิ่มเป็ 18 หน่วยทันที ต่อไปนี้ผมก็เป็นักรบเหล็กกล้าแล้วใช่มั้ย?
ผมยกยิ้มขึ้นมา หลังจากสวมใส่เกราะข้อมือ ั้แ่ข้อมือจนถึงบ่าก็ถูกเกราะปกคลุมไว้หมด ดูเหมือนคนขึ้นมาหน่อย ถ้าให้เลเวลสูงขึ้นกว่านี้หากได้สวมเกราะขาและรองเท้านักรบลงไปแล้วเสริมด้วยผ้าคลุมไหล่หรืออะไรเข้าไปอีก คงไม่มีใครดูออกว่าผมเป็พวกิญญาหรอก
แต่ถึงอย่างไรเหล่าิญญาคงยังจีบสาวได้ยากอยู่ดี ต่อให้มีอาวุธเกราะหุ้มทั้งตัว สุดท้ายหน้ากะโหลกทำให้พวกนางขวัญหนีดีฝ่ออยู่ดี คงเสียแรงเปล่า!
คิดไปคิดมาผมก็แง้มกางเกงออกมาเหลือบมองสิ่งที่อยู่ข้างในแล้วรู้สึกอดใจไม่ไหวอยากจะช่วยให้มันโตไวๆ
ขอสรุปสักนิดว่าทำไมผมถึงตกไปอยู่อันดับท้ายๆ ของชาร์ตได้?
ข้อหนึ่ง ผมสิ้นเปลืองเวลาในการประลองฝีมือที่หมู่บ้านเริ่มต้นมากเกินไป เสียเวลาในการสู้กับบอสกระต่ายหูโตนานเกินไป ถึงแม้ค่าประสบการณ์ที่ผมได้จากมันจะเยอะแต่ก็ไม่ได้เยอะจนสามารถไต่อันดับขึ้นไปได้
ข้อสอง ป่วยหนักต้องรักษาก่อน การเคลื่อนไหวล่าช้า 3 วินาทีเพิ่งจะหายดีเลยยังไม่ชินกับปฏิกิริยาการตอบสนองที่ปราดเปรียวของตัวเอง และแม้แต่การเก็บเลเวลก็ยังช้าไปเล็กน้อยด้วย
ข้อสาม ในใจมีห่วง ผมมักจะอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคนคนนั้น
......
เธออยู่เลเวลไหนแล้วนะ? เหออี้ พี่ใหญ่ของผม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้