บทที่ 154 ปฏิกิริยาของแต่ละฝ่าย
เหอเสวี่ยฉินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สมองขาวโพลน
พูดถึงความแค้น คนที่เมืองหลวงเกลียดสวี่จือจือยิ่งกว่าเธอ ทำไมถึงปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ?
ต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน
ไม่ว่าจะเกิดเื่อะไรที่เธอไม่รู้ แต่เหอเสวี่ยฉินก็รู้ว่าต่อไปถ้าจะลงมือกับสวี่จือจือคงยากแล้ว
“ทุกคนกินข้าวกันก่อนเถอะค่ะ” สวี่จือจือยิ้ม “เดี๋ยวพวกเรารอกินบะหมี่ก็ได้”
เธอพูดจบก็เข็นลู่จิ่งซานเข้าห้องโถง แล้วบอก “เดี๋ยวพอดีเลย จะได้แบ่งของฝากที่พวกเรานำกลับมา”
“ขาจิ่งซานหายดีหรือยัง?” ลู่หวยเหรินถาม “ตอนนี้ยืนได้หรือยัง?”
“จะหายเร็วขนาดนั้นได้ยังไงกันคะ?” สวี่จือจือยิ้ม “ไม่อย่างนั้นก็เป็หมอเทวดาแล้ว”
ยังไม่หาย?
ร่างกายและจิตใจเหอเสวี่ยฉินผ่อนคลายลง
ถ้าลู่จิ่งซานยังพิการ สวี่จือจือคนเดียวจัดการไม่ยาก
“น้าเหอดูเหมือนดีใจมากนะคะ” เธอคิดแบบนี้
แล้วก็เห็นสวี่จือจือยิ้มมองเธอ
“ฉันดีใจอะไร” เหอเสวี่ยฉินพูดอย่างเ็า
“อ้อ” สวี่จือจือพยักหน้า
“เธอเป็อะไร?” ลู่หวยเฟิงถามเริ่นอิ๋งอิ๋งเบาๆ “ร้อนเหรอ? หรือไม่สบาย? ทำไมเหงื่อเต็มหน้าผากเลยล่ะ?”
“ฉันไม่เป็ไร” เริ่นอิ๋งอิ๋งบอก แล้วพูดต่อ “แค่ปวดหัวนิดหน่อย หวยเฟิง ฉันไม่อยากกินข้าว อยากกลับห้องแล้ว”
“อาสะใภ้สามไม่สบายเหรอ” สวี่จือจือยิ้ม “จะให้ตามหมอมาตรวจไหมคะ?”
“ไม่ต้อง” เริ่นอิ๋งอิ๋งก้มหน้าลง
“แม่ ผมพาเธอกลับห้องนะครับ” ลู่หวยเฟิงบอก
“ไปเถอะ” หญิงชราบอก
“อาสะใภ้สาม” ขณะเริ่นอิ๋งอิ๋งก้าวขาออกประตู ทันใดนั้นได้ยินเสียงสวี่จือจือจากในห้อง เธอใจนแข้งขาอ่อน ล้มลงทันที
“อาสะใภ้สามเป็อะไรไปคะ?” สวี่จือจือแปลกใจ “ทำไมเหมือนคนทำอะไรผิดแล้วกลัว…ไม่ใช่ว่า…”
สวี่จือจือยิ้ม “หนูแค่เรียกเฉยๆ ทำไมถึงใจนล้มได้ล่ะคะ?”
ลู่หวยเฟิงหันไปมองสวี่จือจือก็เห็นเธอยิ้ม “หนูลืมไป เมื่อกี้มีของฝากจะให้อาสะใภ้สามด้วย”
“ไว้พรุ่งนี้นะ” ลู่หวยเฟิงพูดด้วยความโมโห “ฉันจะพาหล่อนกลับห้องก่อน”
สวี่จือจือยักไหล่ ไม่สนใจท่าทีลู่หวยเฟิงเลยสักนิด
ถ้าไม่เห็นหญิงชราร่างกายผอมแห้ง ลู่จิ่งซานบีบมือเธอด้วยสายตาวิงวอน เธอคงะเิไปแล้ว
วันนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเริ่นอิ๋งอิ๋ง เธอจะถูกจับตัวไปแบบไม่ทันตั้งตัวได้ยังไง?
ผู้หญิงคนนี้ดูอ่อนแอ แต่จิตใจอำมหิตสุดๆ
เธอหันมองเหอเสวี่ยฉิน สวี่จือจือก็ยิ้ม “น้าเหอก็มีของฝากนะคะ”
เหอเสวี่ยฉินไหนเลยจะอยากได้ของฝาก ตอนนี้สมองของเธอปั่นป่วน อยากไปอำเภอ แล้วโทรหาคนที่เมืองหลวงถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“มีน้ำใจแล้ว” เหอเสวี่ยฉินพูดเสียงเรียบ
“แน่นอนสิคะ” สวี่จือจือหรี่ตาลง พูดอย่างอารมณ์ดี “น้าเหอเป็คนสำคัญของพวกเรา ต้องใส่ใจอยู่แล้ว”
“ทุกคนไม่ต้องรีบ มีของฝากทุกคนค่ะ” สวี่จือจือบอก
“เด็กคนนี้” จ้าวลี่เจวียนตาแดงก่ำ “กลับมาก็ดีแล้ว เกือบจะทำให้พวกเรากังวลตาย”
อะไรคือห่วงจริง อะไรคือเสแสร้ง ตอนนี้เห็นได้ชัดเจน
ลู่ซือหยวนมือไม้คล่องแคล่ว ทำบะหมี่สองชามเสร็จอย่างรวดเร็ว “มาๆ กินบะหมี่กัน”
“ขอบคุณค่ะพี่หยวนหยวน”
สองสามีภรรยานั่งลง ก้มหน้าก้มตากินบะหมี่
“อร่อยจริงๆ” สวี่จือจือยิ้ม “อยู่นอกบ้านนึกถึงรสนี้ พี่หยวนหยวนฝีมือไม่ธรรมดาเลย”
บะหมี่รีดมือเหนียวนุ่ม สิ่งสำคัญของบะหมี่คือน้ำซุป กลิ่นน้ำส้มสายชูอ่อนๆ ผสมน้ำมันพริกของบ้าน อร่อยสุดยอด
คุณนายลู่มองทั้งสองกินตาไม่กะพริบ เกรงว่าปล่อยมือแล้วทั้งคู่จะหายไปอีก
กินข้าวเสร็จ ทั้งครอบครัวก็นั่งกันในห้องของหญิงชรา
“จือจือ เธอนี่นะ” จ้าวลี่เจวียนยิ้มดุ “จะไปหาจิ่งซานที่เมืองหลวง ทำไมถึงไม่บอกพวกเรา ตอนนั้นเกือบทำให้ฉันใตายแล้ว”
แข้งขาอ่อนยวบ
“เอาล่ะ ของที่จือจือเอากลับมาก็แบ่งให้พวกแกหมดแล้ว” หญิงชราโบกมือ “แยกย้ายกันเถอะ”
หญิงชรารักลู่จิ่งซานมาั้แ่เด็ก คงจะมีอะไรอยากคุย ทุกคนเข้าใจ ทักทายสองสามีภรรยาแล้วจากไป
ในห้องเหลือเพียงลู่จิ่งซาน สวี่จือจือ และคุณนายลู่เท่านั้น
“พูดมา” หญิงชรามองลู่จิ่งซาน “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ย่ารับได้”
“คุณย่า” ลู่จิ่งซานยิ้ม “วันนี้เดินทางมาทั้งวัน พรุ่งนี้ค่อยบอกได้ไหมครับ? วันนี้ให้พวกเราพักก่อนก่อน”
สวี่จือจือมองลู่จิ่งซาน ไม่รู้ทำไมเขาพูดแบบนี้ แต่ก็ไม่ขัด ไม่ควรราดน้ำเย็นใส่อีกฝ่ายในตอนนี้ “ใช่แล้วค่ะ เดี๋ยวหนูต้องนวดให้เขาด้วย”
“คุณย่า” เธอเข้าไปใกล้ แล้วพูดด้วยความตื่นเต้น “จริงๆ ขาของจิ่งซานใกล้จะหายดีแล้วค่ะ”
เธอจับมือผอมแห้งของหญิงชรา “คุณย่าไม่ต้องกังวลนะคะ ดูแลตัวเองให้ดี ขาของหลานชายคุณย่าจะหายดีแน่ พอขาเขาหาย พวกเราจะพาคุณย่าไปเมืองหลวงด้วย ให้หมอกู่ดูให้ บางทีขาของคุณย่าอาจจะยืนได้อีก”
“ไอ๊หยา” หญิงชราหรี่ตายิ้มปลื้มใจ แล้วแตะมือของสวี่จือจือ “ที่บอกว่าเธอเป็ดาวนำโชคบ้านของเรา ั้แ่จิ่งซานเจอเธอ ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ”
“ก็คุณย่าสอนดีนี่คะ” สวี่จือจือยิ้ม
พอกลับถึงห้อง ลู่จิ่งซานก็มองเธอ
“มองฉันแบบนั้นทำไม” สวี่จือจือถาม
“แค่รู้สึกว่า” ลู่จิ่งซานจับมือเธอ “การได้เจอคุณคือโชคดีที่สุดในชีวิตของผม”
สวี่จือจือยิ้ม “ฉันก็นึกว่าคุณจะพูดอะไร คุณเพิ่งรู้เหรอ?”
ลู่จิ่งซานกุมมือเธอแน่น “สภาพร่างกายคุณย่า ผมกลัวพูดไปท่านรับไม่ไหว”
“ฉันรู้” สวี่จือจือพยักหน้า “วันนี้คุณไม่พูดก็ถูกแล้ว”
“แต่ว่า” สวี่จือจือพูดต่อ “เื่นี้ฉันจะไม่ยอมจบง่ายๆ”
ถ้าไม่โชคดี ตอนนี้เธอคงไม่รอด
“ผมรู้” ลู่จิ่งซานจับมือเธอ “วันที่คุณสลบในอ้อมกอดของผม ผมก็สาบานกับตัวเองว่า ต่อไปจะปกป้องคุณให้ดี”
“ผมหมายถึงสองสามวันนี้ผมจะค่อยๆ หาโอกาสบอกคุณย่า”
ให้เธอค่อยๆ รับได้ และไม่กระทันหันจนเกินไป
สวี่จือจือพยักหน้า
“ผมว่าอาสะใภ้สามอาจจะถูกใครหลอก” ลู่จิ่งซานบอก
วินาทีที่เริ่นอิ๋งอิ๋งเห็นพวกเขา ก็มองไปทางเหอเสวี่ยฉิน
สวี่จือจือเองก็คิดแบบนั้น
.............................