“หลินลั่วหราน” ไม่ได้โมโหอะไรแต่กลับเผยรอยยิ้มออกมา ในระหว่างที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างไข่มุกที่ดูดซึมเืเข้าไปจนเต็มที่ก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรงบนข้อมือของเธอเธอไม่มีเวลาว่างไปสนใจเหวินกวนจิ่งอีกต่อไป และรีบใช้จิตความคิดเข้าไปตรวจสอบ
เพราะว่ามีเืของหลินลั่วหรานเป็ตัวนำเปิดจิตความคิดของเธอจึงเข้าไปสำรวจได้อย่างง่ายดายสิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นหลังจากที่ได้เข้าไปก็คือไร่ยาและบ่อน้ำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แม้ว่าพวกสมุนไพรที่ปลูกเอาไว้ที่นี่จะไม่ได้ถือว่าเป็ของระดับสูงอะไรสำหรับเธอแต่ว่าคนที่มีพื้นที่ที่เต็มไปด้วยพลังทั้งยังสามารถพกพาติดตัวไปด้วยได้แบบนี้นั้นทำให้คนที่มีความรู้มากมายแบบเธอรู้สึกประหลาดใจ!
ั้แ่โบราณในโลกของการฝึกศาสตร์ก็มีการพูดถึงสถานที่ที่บริสุทธิ์งดงาม ด้วยมาตรฐานของพลังที่นี่ก็นับได้ว่าเป็สถานที่แบบนั้นแล้วแต่ว่าตระกูลอะไรที่สามารถมีพื้นที่แบบนี้ ทั้งยังสามารถพกพาติดตัวไปด้วยได้อีก?
ผีสาวยังไม่รู้ว่าที่นี่ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยพลังเหมาะสมแก่การปลูกสมุนไพร แต่เวลาในที่นี้หนึ่งปียังเท่ากับหนึ่งวันของโลกภายนอกอีกด้วยไม่อย่างนั้นเกรงว่าเธอคงไม่อาจสงบนิ่งแบบนี้ได้อีกและคงอยากจะฆ่าเหวินกวนจิ่งที่เห็นไข่มุกขยับสั่นไหวนั้นทิ้งเสีย
แม้ว่าจะเป็ดังนั้น แต่เธอก็ดีใจมากทีเดียวความอบอุ่นมีเสน่ห์บนใบหน้าของเธอหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงความชั่วร้ายที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอเพียงเท่านั้น
“ฮ่าๆๆ พระเ้ากำลังช่วยข้า!”
เสียงหัวเราะของเธอดังไปทั่วพื้นที่ลึกลับเธอฉีกยิ้มกว้างจนน้ำตาแทบจะไหลลงมา จนกระทั่งสายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่ “เจาเสวี่ย”ที่หลินลั่วหรานวางเอาไว้ในพื้นที่ลึกลับ เสียงหัวเราะจึงหยุดลง
ตอนแรกเธอเพียงแค่ส่งจิตความคิดเข้ามาเท่านั้นแต่ไม่สามารถสั่งหรือควบคุมอะไรในนี้ได้ เมื่อเห็นของที่เหมือนจะคุ้นตาเธอก็นำเอาร่างของหลินลั่วหรานเข้าไป
ในขณะนั้นเอง “หลินลั่วหราน” ก็หายตัวไปมีเพียงไข่มุกที่เธอมักใส่ติดตัวเท่านั้นที่ร่วงหล่นลงมาจนส่งเสียงกระแทกลงกับพื้นเหวินกวนจิ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่ย้ายจิตคนนั้นไปที่ไหนแล้วแต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปจึงรีบพยายามดิ้นรนออกมาจากใบบัวที่พันอยู่รอบตัวของเขาทันที
ผีสาวมองไปยังร่าง แขนขาครบที่แท้ก็สามารถนำร่างเข้ามาในนี้ได้นี่เอง และมันก็ยิ่งทำให้ชัดเจนว่าที่นี่คือสถานที่วิเศษนั่นจริงๆ เธอขยับเข้าไปหยิบเจาเจี้ยนขึ้นมา ก่อนจะพิจารณาเสวี่ยเจี้ยนที่ดูเหมือนจะพังไปแล้วเหมือนว่าจะโดนสายฟ้าโจมตี
“เจาเสวี่ย...ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นเ้ามันกี่ปีมาแล้วกันนะ?” เธอเศร้าใจขึ้นมาก่อนที่จะกลับไปเป็ความมุ่งร้ายเช่นเดิม “อย่างนี้นี่เองก็ว่าทำไมเ้าเด็กนั่นถึงได้เรียก “ท่านเทพป๋าย” ขึ้นมา ที่แท้ก็เพราะรู้จักกับเ้า...เป็ไปไม่ได้ เ้าสลายหายไปแล้วนี่นางจะรู้จักเ้าได้อย่างไร?”
ราวกับตัวของเธอถูกบางอย่างกระตุ้นขึ้นมาความรู้สึกต่างๆ ไหลเข้ามาปนเปกันไปหมด พื้นที่ลึกลับเองก็ได้รับผลกระทบจากพลังจิตความคิดของเธอลมแรงพัดกระหน่ำอย่างไร้ที่มา มันทำเอาทุกอย่างระเนระนาดไปหมดเธอระบายอารมณ์ออกมาอย่างไม่ทันได้รู้ตัว ลำแสงถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือและเข้ากระทบกับบาเรียเข้าพอดี และนี่ก็เหมือนการเข้าไปแหย่รังแตน
หลินลั่วหรานเคยตรวจสอบแล้วหลายครั้งแม้ว่าจะทำลายบาเรียไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรนั่นเป็เพราะว่าตัวของเธอได้รับการยอมรับจากพื้นที่แห่งนี้
ตอนนี้ผีสาวเข้ายึดร่างของเธออีกทั้งยังใช้เืสดของเธอเป็สื่อกลาง ใช้เวทบังคับให้พื้นที่ในไข่มุกเปิดออกดังนั้นร่างของหลินลั่วหรานจึงสามารถเข้ามาที่นี่ได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
แต่จิตความคิดของเธอไม่ได้เหมือนกับตัวหลินลั่วหรานเดิมทีพื้นที่ลึกลับก็รู้สึกตัวแล้ว ด้านในของไข่มุกนั้นมีขั้นตอนรักษาความปลอดภัยบางอย่างที่เหมือนกับของคอมพิวเตอร์อยู่แต่เพราะว่าจิตความคิดของเธอนั้นไม่ได้คุกคามตัวไข่มุก มันจึงเพียงแต่คอยเฝ้าระวังแต่ไม่ได้โจมตีอะไรกลับ
จนกระทั่งจิตความคิดของเธอไปกระทบเข้ากับบาเรียไข่มุกจึงรับรู้ได้ว่า นี่ไม่ใช่ผู้ดูแลควบคุมของมัน และในตอนนั้นเองในที่สุดจิตความคิดของหลินลั่วหรานก็ะเิออกมา
หากเปรียบให้ไข่มุกเป็เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์จิตความคิดของหลินลั่วหรานก็เหมือนกับผู้ดูแลที่มีสิทธิ์เข้าถึงได้ ในตอนนี้จิตความคิดของเธอผิดปกติไป สำหรับไข่มุกแล้ว ก็เหมือนกับการติดเชื้อไวรัส...กระบวนการกำจัดไวรัสนั้นไม่ต้องรอให้ผู้ดูแลอย่างหลินลั่วหรานยอมรับ มันก็เริ่มต้นขึ้นโดยอัตโนมัติทันที!
บาเรียส่งคลื่นเล็กๆ ออกมาในขณะที่ผีสาวเงยหน้าขึ้นมา ลมแรงก็หยุดลงแต่ไข่มุกกลับไม่ยอมปล่อยผู้บุกรุกคนนี้ไปง่ายๆ
บาเรียเปลี่ยนแปลงไปราวกับคลื่นน้ำ้าของกระท่อมปรากฏแสงสีแดงขึ้น เสียงร้องของฟีนิกซ์ดังไปทั่วพื้นที่ก่อนที่มันจะบินออกมาจากด้านในบาเรีย มันมองลงมาที่ “หลินลั่วหราน” ด้วยสายตาเยือกเย็นเห็นได้ชัดว่ามันคือพลังไฟอันบริสุทธิ์ แต่สายตานั้นกลับเย็นะเืจับใจ
ก่อนหน้านี้เธอเองก็เป็นักปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญและมีระดับสูงได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายการเป็นักปราชญ์ระดับสูงทำให้เธอเคยพบกับการต่อสู้เสี่ยงชีวิตมามาก แต่ไม่เคยมีฝ่ายตรงข้ามคนไหนมีฟีนิกซ์ที่มีสายตาเย็นะเืได้แบบนี้!
เธอสบตากับมันเพียงเวลาสั้นๆก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่าง เธออดที่จะถอยหลังมาไม่ได้ จนเหยียบสมุนไพรไปหลายต้น
ในตอนที่กำลังชะงักอยู่นั้นเธอไม่กล้าออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ เธอรู้สึกว่า หากเธอขยับตัวแม้แต่นิดเดียว ฟีนิกซ์ตัวนี้จะลงมือฆ่าเธออย่างไม่ลังเล
ร่างของเธอเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง ไข่มุกนี้เป็ของของนักฝึกศาสตร์สาวคนนี้ แม้ว่าจะถูกประทับด้วยสิ่งแปลกปลอมแต่ตอนนี้เธออยู่ในร่างนี้ หากฟีนิกซ์นั่นทำร้ายเธอก็ไม่ใช่ว่าเป็การฆ่าเ้าของไปด้วยอย่างนั้นหรือ?
เธอโล่งใจขึ้นมา ก่อนจะยกยิ้มขึ้น
ราวกับว่าฟีนิกซ์ตัวนี้จะรู้ถึงความคิดของเธอมันจึงส่งเสียงหัวเราะเยาะที่ดูคล้ายกับเสียงคนออกมา แล้วขยับปีกบินออกมาจากบาเรียมันบินวนไปรอบๆ กระท่อม ก่อนจะส่งเสียงร้องกังวานออกมาอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง ในส่วนลึกของแหล่งรับรู้ของ “หลินลั่วหราน”จิตความคิดของหลินลั่วหรานที่ถูกจับกุมเอาไว้ก็ขยับขึ้นมา
“ฮึ!” เธอส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมาเบาๆก่อนจะดึงให้จิตความคิดเข้ามายังแหล่งรับรู้อีกครั้ง
ตาข่ายที่เธอปล่อยออกมานั้นยังคงอยู่เปลวไฟก็ยังคงมอดไหม้ แต่สิ่งที่อยู่ภายในกลับเริ่มดิ้นรนขึ้นมา เธอขยับมือขึ้นก่อนจะทำให้เปลวไฟที่ลุกโชนนั้นร้อนแรงมากขึ้นไปอีก การดิ้นรนภายในตาข่ายค่อยๆนิ่งลงช้าๆ ก่อนจะกลับไปเงียบเชียบอีกครั้ง เธอถึงได้ถอนหายใจออกมา
แม้ฟีนิกซ์จะมีท่าทางที่ทำให้คนใกลัวแต่ก็เพียงเท่านั้น ดูแล้วก็คงจะเป็เพียงฉาบหน้า ไม่ได้มีพลังอะไรจริงๆ
แม้ว่าในจิตใต้สำนึกของเธอจะรู้ดีว่ามันไม่ได้ง่ายสบายอย่างนี้แน่แต่เธอจำศีลไปนานหลายปี ไม่เพียงหลังจากพันปียังสามารถย้ายจิตได้แต่ยังได้รับของวิเศษเหนือสิ่งใดอย่างไข่มุกนี่มาอีกแน่นอนว่าเธอต้องดีใจเป็อย่างมากเพียงแค่รอให้เธอจัดการกำจัดจิตความคิดของหลินลั่วหรานไปได้อย่างสมบูรณ์หลังจากนี้เธอก็สามารถควบคุมร่างกายและสิ่งวิเศษนี้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อเธอคิดได้ดังนั้นเปลวไฟของจิตความคิดก็ลุกโชนขึ้นมาเธออยากจะรีบจัดการเผาไหม้จิตความคิดของหลินลั่วหรานให้กลายเป็ฝุ่นควันปลิวล่องลอยหายไปจนใจจะขาด
ท่ามกลางเสียงของเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้แต่ตาข่ายที่หดตัวเล็กลงเรื่อยๆ จิตความคิดของหลินลั่วหรานเองก็ค่อยๆ หดเล็กลงจนสุดท้ายก็เหลือขนาดเพียงแค่เมล็ดท้อ ผีสาวยิ้มพร้อมกับยื่นมือออกไป เตรียมจะบีบ “เมล็ดท้อ”นี้ให้แตกสลายในกำมือ
เธอเปลี่ยนร่างมือของจิตความคิดท่าทางดูเหมือนกับเธอคนก่อนไม่มีผิด มือเรียวขาว นิ้วทั้งสิบเรียงกันงดงามแม้จะกำลังทำเื่เลวทรามอย่างการทำลายจิตความคิดของผู้อื่นแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ท่าทางของเธอนั้นเต็มไปด้วยความงดงามที่ยากเกินจะเอ่ย
แต่มันกลับไม่เป็ดั่งคาดเมื่อนิ้วเรียวทั้งห้าของเธอััเข้ากับลูกไฟก็รู้สึกแสบร้อนราวกับโดนน้ำกรดเธอส่งเสียงร้องแสดงความเ็ปออกมา ก่อนจะรีบชักมือกลับในทันที
มือขวาของเธอปรากฏควันสีขาวลอยขึ้นเธอถูกเปลวไฟจากจิตความคิดของตัวเธอเผาไหม้...
เป็ไปไม่ได้!
“เด็กน้อยเ้ากล้าดีอย่างไรมาเล่นอะไรแบบนี้ต่อหน้าข้า!” เธอมองไปยังมือที่ได้รับาเ็ก่อนจะพูดออกมาด้วยความโมโห แต่เมล็ดท้อในเปลวไฟกลับส่งเสียงเยาะเย้ยออกมา