หลงเซี่ยวอวี่วางมือข้างหนึ่งไว้บนเบาะนุ่ม เพื่อรองรับน้ำหนักร่างกายของทั้งสองอย่างนุ่มนวล แต่ยังคงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมู่จื่อหลิงอย่างไม่อาจแยกออกได้
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย มีประกายชั่วร้ายอยู่ภายในดวงตาของเขา
มู่จื่อหลิงไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับเื่นี้ นางฟื้นคืนสติจึงรีบร้อนลุกขึ้นด้วยความเร็วปานสายฟ้า จัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงบนร่างกายของตนขึ้นมาสวมใส่อย่างไม่ลืมหูลืมตา
เพียงเท่านี้นางยังรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ จึงเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มขนสัตว์สีขาวบริสุทธิ์ที่อยู่ข้างๆ แล้วห่อพันรอบร่างของตนจนแน่น
ในเวลาเดียวกัน เมื่อหลงเซี่ยวอวี่ที่ถูกผลักออกจนกระแทกกับผนังรถม้า ก็ถูกกระชากสติกลับมาอย่างแรง รถม้าใหญ่ทั้งคันได้รับผลกระทบจากการกระแทกนี้จนสั่นะเืในทันที
มู่จื่อหลิงที่เพิ่งห่อตัวเสร็จจึงสั่นคลอนตามไปทั้งตัว
ไม่ใช่ว่ามู่จื่อหลิงไม่ได้ยินเสียงที่รุนแรงเช่นนี้ สติที่ถูกดึงกลับมาอย่างรุนแรงครั้งนี้ เพียงแค่ได้ยินเสียงนางก็รู้สึกเ็ป
ในยามนี้เขาก็สมควรจะรู้สึกเ็ปใช่ไหม?
มู่จื่อหลิงเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว หลงเซี่ยวอวี่ยกมือขึ้นกุมหลังศีรษะของตน ใบหน้าของเขาควบแน่นจนกลายเป็น้ำค้างแข็งไปเสียแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่ในยามนี้
มีเพียงดวงตาสีเข้มคู่นั้นของเขาที่ยังคงแฝงกลิ่นของความรักและความหลงใหล ผสมรวมกับดวงตาสีเข้มที่แสนเ็า และมันกำลังจับจ้องไปที่มู่จื่อหลิงอย่างแน่วแน่
แต่ ดวงตาสีเข้มราวสีหมึกคู่นั้นดูเหมือนจะมีร่องรอยของความคับข้องใจที่ยากจะเข้าใจ
ใช่ มันเป็ความคับข้องใจ
แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเขากำลังคับข้องใจในเื่ใด?
มู่จื่อหลิงสูดลมหายใจเข้าเบาๆ เพื่อบรรเทาเปลวเพลิงที่ทำให้ภายในใจของนางแห้งแล้ง
นางกะพริบตา มองไปที่หลงเซี่ยวอวี่ ตะลึงไปชั่วครู่ ด้วยนางเองก็ยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเต็มสิบส่วน
ในยามนี้ แก้มของหลงเซี่ยวอวี่แดงก่ำ ดวงตาพร่าเลือน ดูเหมือนว่ายังจมอยู่ในความสับสนของกิเลสตัณหาที่ยังไม่จางหายไป น่าหลงใหลจนคนลืมหายใจ มีเสน่ห์เกินห้ามใจ
์ทราบดี เมื่อครู่นี้ฉีอ๋องเพียงแค่้าลงโทษหญิงโง่ผู้นี้ที่ทำให้เขาเป็กังวล
แต่เขาไม่รู้ว่า ในยามที่ตกอยู่ในห้วงแห่งรัก เขาแทบจะควบคุมตนเองไม่ได้ มันเป็การยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตนเอง [1]
อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่ามันเริ่มเมื่อใด ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับการล่อลวงโดยไม่รู้ตัวของผู้หญิงคนนี้ การควบคุมตนเองของหลงเซี่ยวอวี่ผู้ที่มักจะเ็าและหยิ่งผยองอยู่เสมอ กลับสามารถพ่ายแพ้ลงได้ในบัดดล
แต่ หลงเซี่ยวอวี่รู้ดี ถึงอย่างไร เขาก็จะไม่เสียสติจนทำร้ายหญิงผู้นี้บนรถม้าลงได้เป็แน่
แต่...แต่ว่าหญิงโง่ผู้นี้ตอบโต้กลับมาอย่างรุนแรง ต่อต้านอย่างรุนแรง นางกล้าดีอย่างไรถึงผลักเขาออกมา?
นี่เป็เพียง ความรู้สึกว่ามันช่างน่าหงุดหงิดใจ
ดวงตาสีเข้มของหลงเซี่ยวอวี่ที่แสนเ็าจ้องไปที่มู่จื่อหลิงอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าที่บอบบางราวผลงานประติมากรรมดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยชั้นของน้ำแข็งที่เย็นเยียบ
อย่างไรก็ตาม ยามมองไปที่ผู้หญิงตัวเล็กที่กำลังห่อตัวของตนด้วยผ้าห่มอย่างแ่า ั์ตาของนางยังคงลุกโชนด้วยเปลวเพลิงจากการถูกล่วงละเมิดเมื่อครู่นี้ แววตาของหลงเซี่ยวอวี่จึงมีร่องรอยของความรู้สึกอับจนหนทางปรากฏขึ้น
จะเห็นได้ว่าสาเหตุที่เม่นน้อยตัวนี้ทำหน้าราวกับอยากจะกระทืบเขาให้ตายนั้นเป็เพราะนางไม่สามารถต้านทานเขาได้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดเป็อย่างมากนั้นคือวันนี้เขาถูกผลักอย่างไร้ความปรานีถึงสองครั้ง เห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นี้ยังคงพยายามต่อต้านตนเองจากก้นบึ้งของหัวใจ และนางก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะต้านทานมัน
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดมู่จื่อหลิงถึงต่อต้านเขา
แต่...สิ่งที่เขาหลงเซี่ยวอวี่ผู้นี้้าคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นางมู่จื่อหลิง ทุกสิ่งทั้งภายในและภายนอก ทั้งหัวใจและิญญาของนางต้องเป็ของเขาเพียงผู้เดียว
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ทุกข์ใจเล็กน้อย และเริ่มคิดว่า เขาควรจะดึงหนามบนร่างกายของนางต่อไปหรือไม่? หรือจะให้หนามเ่าั้งอกงามอย่างอิสระดี?
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนามถูกดึงออกไป มันก็จะงอกขึ้นใหม่ไม่มีสิ้นสุดและไม่มีวันจบสิ้น
ดังนั้น จึงไม่สามารถดึงหนามบนร่างกายของนางออกได้ เขาทำได้เพียงเดินเข้าไปในหัวใจของนางด้วยตัวเขาเองเท่านั้น
เพราะเป็นาง เอาแต่ใจสักหน่อยจะเป็อะไรไป? เพราะเป็นาง จะไร้ยางอายสักหน่อยแล้วจะอย่างไร?
ไม่ว่าจะเอาแต่ใจและไร้ยางอายมากเพียงใด ก็ปล่อยให้มันเป็ไปตามที่ควรจะเป็...เพียงแค่เป็นางก็พอ
เขาเป็คนมากเล่ห์อย่างแท้จริง นับั้แ่ยามที่เขาได้พบนาง...นางก็ถูกกำหนดให้เป็ของเขาแล้ว และต้องเป็ของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ยามนี้เขาได้เลือกนางแล้ว ดังนั้น...การได้นางเป็ความหลงใหลสูงสุดที่ไม่อาจลบเลือนออกไปได้ของเขา
ด้วยความหลงใหลอย่างแรงกล้า ชั่วกัลปาวสาน ไม่มีวันสิ้นสุด
หลงเซี่ยวอวี่จ้องไปที่มู่จื่อหลิงอย่างใจเย็น แต่หัวใจของเขากลับเต็มไปด้วยความคิดนับพัน
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตนเอง (搬起石头打自己的脚) เป็คำเปรียบเปรย มีความหมายว่า คิดจะทำร้ายผู้อื่น แต่ผลร้ายนั้นกลับย้อนมาหาตัวเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้