“ปัดโธ่ แค่ดื่มโจ๊กยังไม่เป็ ทำข้าวเลอะปาก! ข้าจะไปล้างชามก่อน เดี๋ยวกลับมาป้อนยาให้”
เจียงหงหย่วนหลอกแต๊ะอั๋งเสร็จก็ทิ้งคำพูดดุดันไว้แล้วหยิบถ้วยออกไป ไม่มองหลินหวั่นชิวที่ทำหน้าอึ้ง
ภรรยาตัวน้อยรสชาติไม่เลว!
เลี้ยงอีกนิดคงจะยิ่งอร่อยกว่านี้!
ชายหนุ่มที่หันหน้าไปอีกทางมีรอยยิ้มได้ใจบนใบหน้า ปลายลิ้นยังคงมีรสััอุ่นนุ่มเมื่อครู่อยู่ ทำเอาเขาหวนนึกถึงไม่หยุด
อยากได้มากกว่านี้ แต่กลัวภรรยาตัวน้อยจะใกลัว
เจียงหงหย่วนได้แต่อดทน อนาคตยังมีเวลาอีกมาก…ต้องมีวันที่เขาทำสำเร็จแน่นอน
หลินหวั่นชิวมองแผ่นหลังกว้างที่หายไปนอกประตูของเขา นางกลอกตาสบถในใจ ไม่มียางอายเลยหรือ?
ลืมไว้ในท้องแม่ตอนเกิดใช่หรือไม่?
ไม่ได้ นางต้องรีบเจรจาเงื่อนไขกับเขาให้ไว มิเช่นนั้นต้องถูกจับกินหัวจรดหางในไม่ช้าก็เร็วแน่
หลินหวั่นชิวกอดผ้าห่มแน่น คิดหาวิธีเกลี้ยกล่อมเจียงหงหย่วน ส่วนเจียงหงหย่วนที่อยู่ในครัวก็กำลังตักน้ำข้าวต้มที่เหลือในหม้อขึ้นมาดื่ม แม้แต่ข้าวที่ติดก้นหม้อก็แคะขึ้นมาใส่เข้าปาก
ทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน ตกเย็นดื่มแค่น้ำข้าวต้มที่ไม่มีข้าว ท้องเขาร้องดังโครกคราก
ตอนนี้ในบ้านมีสมาชิกเพิ่ม แต่อาหารยังไม่เพียงพอ…
เดิมทีเขาจะเอาหมูป่ากับหนังสัตว์ไปขายในตัวเมือง แต่หมูป่าใช้แลกเมียไปแล้ว เอาเงินที่ได้จากการขายหนังสัตว์ไปซื้อยาเสร็จก็เหลือเงินให้ซื้อข้าวได้แค่นิดเดียว
ที่เจียงหงหนิงไม่กล้าใส่ข้าวเยอะก็เพราะเหตุนี้ด้วยเช่นกัน
แต่ตอนนี้มีเมียแล้ว ขอเพียงนางอยู่บ้านดูแลน้องชายทั้งสองของเขาให้ดี เขาก็จะได้ไม่ต้องพะวงหลัง กางปีกออกไปหาเงินได้อย่างหมดห่วง
อย่างน้อยจะได้มีข้าวให้ทุกคนกินอิ่ม มีเสื้อผ้าให้ทุกคนอุ่น
เขาเล็งแม่นางน้อยจากตระกูลหลินคนนี้มานานแล้ว ทั้งหน้าตาดี ทั้งมุมานะบากบั่น ถูกครอบครัวหลินซย่าจื้อรังแกเป็กระสอบทรายแต่ก็ไม่เคยบ่น
สถานการณ์ในครอบครัวเขา้าคนที่จิตใจดี ไม่ใช่พวกที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม
ก่อนหน้านี้หลินซย่าจื้อเคยป่าวประกาศในหมู่บ้านว่าหากไม่มีเงินหลายสิบตำลึงเงินก็อย่าหวังว่าจะได้แต่งงานกับน้องสาวผู้เป็ดังบุปผาของนาง นี่จึงเป็สาเหตุที่เขาไม่กล้าไปสู่ขอ
แต่ครั้งนี้หลินหวั่นชิวป่วยหนักเจียนตาย ไม่มีใครในหมู่บ้านอยากจ่ายเงินซื้อคนที่ใกล้ตาย…มิเช่นนั้นเขามีหรือจะแลกนางได้ด้วยหมูป่าตัวเดียว!
เจียงหงหย่วนรู้สึกว่าตัวเองได้กำไรก้อนใหญ่
สีหน้าของภรรยาตัวน้อยดูดีกว่าตอนที่อยู่บ้านตระกูลหลินมาก เขาเชื่อว่าหากให้นางได้กินอิ่มและทานยาตามเทียบ สุขภาพนางจะแข็งแรงขึ้นแน่นอน
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เจียงหงหย่วนรู้สึกชื่นมื่นในใจ
เขาเก็บกวาดห้องครัวเสร็จก็ต้มน้ำร้อนหนึ่งหม้อ ใส่ฟืนลงในท้องเตาและล้างมือกลับห้อง
แต่ดูจากแสงมืดสลัวจากตะเกียง ถ้วยยาบนตู้ว่างเปล่าแล้ว
เจียงหงหย่วนมองภรรยาตัวน้อยที่นอนตะแคงห่อตัวแน่น เก็บถ้วยออกไปเหมือนผิดหวัง
หลินหวั่นชิวที่แสร้งทำเป็หลับถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเขาห่างออกไป
นางกลัวหมอนี่ใช้ลูกไม้เดิมๆ จึงรีบดื่มยาให้หมดหลังจากที่เขาจากไป ไม่ลืมที่จะเช็ดปากให้สะอาด ไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสลวนลามอีกเด็ดขาด
แต่ไม่นาน เสียงฝีเท้าก็เข้ามาใกล้อีกครั้ง หลินหวั่นชิวใจเต้นระรัว หากไม่ใช่เพราะนางกัดริมฝีปากตัวเองแน่น หัวใจคงเต้นหลุดออกมาจากลำคอไปแล้ว
“เมียจ๋า…” นางได้ยินเจียงหงหย่วนร้องเรียก น้ำเสียงยังคงแข็งกระด้างแต่เบาลงมาก
“เมียจ๋า…” หลินหวั่นชิวไม่ตอบสนอง เจียงหงหย่วนจึงร้องเรียกอีกครั้ง
หลินหวั่นชิวไม่ส่งเสียง ยังคงแสร้งทำเป็หลับ
นางจำคำพูดเมื่อครู่ของอีกฝ่ายได้ เขาบอกว่าจะเช็ดตัวให้นาง!
ตอนนี้นางหลับไปแล้ว เขาน่าจะล้มเลิกความคิดใช่ไหม?
แต่ว่า…ข้างกายมีเสียงน้ำกระทบกันกับเสียงบิดผ้า
สัตว์ร้าย!
นี่เขาจะฝืนลงมือหรือ?
หลินหวั่นชิวใจนเด้งตัวขึ้นนั่ง นางจ้องเจียงหงหย่วน ดึงผ้าห่มมาปิดหน้าอกตัวเองแน่น พูดหน้าซีดว่า “เอ่อ…ท่านวางลงเถอะ ข้าทำเองได้”
เจียงหงหย่วนหยุดมือ ใบหน้ามีแผลเป็บึ้งตึง มองแล้วน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
เขาไม่พูดอะไร หลินหวั่นชิวรวบรวมความกล้า จ้องชายตรงหน้าด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็น พูดด้วยความฮึกเหิมเหมือนทหารที่เตรียมไปตาย “เอ่อคือ…นาย…นายพรานเจียง ข้าอยากเจรจาเงื่อนไขกับท่าน”
“เจรจาเงื่อนไข?” เจียงหงหย่วนหรี่ตา โยนผ้าลงในกะละมังจนน้ำกระเซ็นไปทั่วพื้น สีหน้าเหมือนอันธพาลที่ถูกยั่วให้โมโห
หลินหวั่นชิวใสะดุ้ง
แต่นางก็ยังคงยืดคอขึ้นอย่างกล้าหาญ ตอนนี้ต้องวัดกันที่พลังที่แสดงออกมา ใครยอมก่อน คนนั้นแพ้
นางเดาว่าเจียงหงหย่วนต้องกลัวขาดทุน ไม่น่ากล้าฆ่านางให้ตาย
“พูดมา!” เจียงหงหย่วนกอดอก ยืนมองลงมาที่หลินหวั่งชิวอยู่หน้าเตียง
น้ำเสียงเขาเย็นยะเยียบจนฟันหลินหวั่นชิวเกือบสั่น
“ข้ายังเด็ก ไม่อยากเข้าหอเร็วเกินไป เพราะการเข้าหอเร็วเกินไปจะทำให้คลอดลูกยาก หากข้าตายขึ้นมา ท่านจะคงขาดทุน พวกเรารอไปก่อนดีหรือไม่ รอให้ข้าอายุครบสิบแปดก่อนค่อยเข้าหอ? วางใจเถิด ข้าจะดูแลครอบครัวนี้ให้ดี ดูแลหงหนิงกับหงป๋อ แต่แน่นอน ข้ารู้เช่นกันว่าท่านอายุมากแล้ว…หากท่านรู้สึกว่ารอไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะพยายามหาเงินมาคืนให้ท่านเพิ่มเป็เท่าตัว ให้ท่านได้แต่งกับภรรยาที่มีลูกได้ทันที แต่ก่อนที่ข้าจะหาเงินมาคืนและช่วยหาภรรยาให้ท่านได้ ข้าจะยังคงอยู่ดูแลครอบครัวนี้ต่อไป”
หลินหวั่นชิวพูดร่ายยาวอย่างรวดเร็ว นี่เป็คำพูดที่นางไตร่ตรองเรียบรองในหัวมาหลายรอบแล้ว
แค่มองก็รู้ว่าชายดิบเถื่อนคนนี้อยากรีบมีเมีย หากเอาเื่ความรักมาพูดในสมัยโบราณ…ไม่แน่ว่าอาจจะถูกจับไปถ่วงน้ำ
ดังนั้น เพื่อรับประกันความปลอดภัย หลินหวั่นชิวตัดสินใจใช้กลยุทธ์ย้อนกลับ มอบทางเลือกให้เขาสองทาง ทางหนึ่งคือยืดเวลาออกไป ร่างกายนี้เพิ่งจะอายุสิบสี่ กว่าจะสิบแปดยังมีเวลาอีกสี่ปี น่าจะเพียงพอให้นางเรียนรู้วิธีอยู่รอดในโลกใบนี้ได้แล้ว
แต่แน่นอน นางอยากให้เขาเลือกทางเลือกที่สองมากกว่า