บทที่ 6 ยื้อชีวิต
กาลเวลาพลันหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็งอยู่ในวินาทีนั้น
กลิ่นหอมสะอาดของขี้ผึ้งสมานแผลที่เพิ่งปรุงสำเร็จใหม่ ๆ ยังไม่ทันจางหาย ก็ถูกกลิ่นคาวเืและกลิ่นอายแห่งความตายที่คืบคลานเข้ามากลบจนสิ้น กลิ่นทั้งสองปะปนกันอยู่ในอากาศ กลายเป็สัญลักษณ์ของความเป็และความตายที่กำลังเผชิญหน้ากันอย่างซึ่ง ๆ หน้าภายในกระท่อมซอมซ่อหลังนี้
"ป้าหลิว! เกิดอะไรขึ้น!" หลี่ซือรีบวิ่งเข้ามาประคองเพื่อนบ้านด้วยความใ
"งู งูเห่าเพลิงห้าก้าว!" ป้าหลิวร้องไห้จนเสียงสั่นพร่า ร่างกายสั่นเทิ้มราวกับลูกนกต้องพายุ "อาเป่าเข้าไปเก็บฟืนในป่า ข้าได้ยินเสียงเขาร้องก็รีบวิ่งไปดู ก็เห็นมันเลื้อยหนีไปแล้ว ฮือ ท่านหมออัน ได้โปรดช่วยลูกข้าด้วย! ท่านเคยเป็หมอเทวดา ท่านต้องช่วยเขาได้!"
นางคุกเข่าลงกับพื้น อ้อนวอนต่ออันจินที่ยังคงนั่งนิ่งราวกับถูกสาปเป็หินอยู่ตรงโต๊ะ
ดวงตาของอันจินเบิกกว้าง "งูเห่าเพลิงห้าก้าว" ชื่อของอสรพิษร้ายที่แม้แต่หมอเทวดาอย่างเขายังต้องขยาดพิษของมันร้ายกาจถึงขนาดที่ว่ากันว่าผู้ที่ถูกกัดจะเดินได้ไม่เกินห้าก้าวก็จะล้มลงขาด ใจตาย!
ความสิ้นหวังที่เพิ่งจะจางหายไปเล็กน้อยบัดนี้กลับถาโถมเข้าใส่หัวใจของเขาอีกครั้ง รุนแรงยิ่งกว่าเดิม จะให้เขาช่วยได้อย่างไร? ในสภาพของเขาตอนนี้ ขาที่ไร้ความรู้สึก สติปัญญาที่ฝุ่นจับเพราะสุรา และที่สำคัญที่สุด เขาไม่มีสมุนไพรล้างพิษชั้นเลิศแม้แต่ชิ้นเดียว!
"ข้า" อันจินอ้าปากค้าง เสียงของเขาแหบโหยราวกับออกมาจากลำคอที่แห้งผาก "ข้าทำอะไรไม่ได้"
"ไม่จริง!" ป้าหลิวกรีดร้องออกมาอย่างหัวใจสลาย
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังจมดิ่งอยู่ในความตื่นตระหนกและสิ้นหวัง มีเพียงคนเดียวที่ยังคงสงบนิ่ง!
"ท่านแม่! ช่วยข้าพยุงป้าหลิวไปนั่งพักก่อน!" เสียงของอันหนิงดังขึ้นอย่างเฉียบขาดและเปี่ยมไปด้วยอำนาจสั่งการที่น่าประหลาด "วางอาเป่าลงบนเตียงของข้า จัดให้ขาข้างที่ถูกกัดอยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจ!"
คำสั่งของนางปลุกทุกคนให้ตื่นจากภวังค์ หลี่ซือรีบทำตามที่บุตรสาวบอกอย่างรวดเร็ว แม้จะยังสับสนงุนงงก็ตาม
อันหนิงไม่เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวนางคุกเข่าลงข้างเตียงมองาแที่ขาของอาเป่าด้วยสายตาที่เฉียบคมราวกับใบมีด าแเป็รอยเขี้ยวสองรูกลวงลึก รอบ ๆ าแบวมเป่งและเริ่มกลายเป็สีม่วงคล้ำอมดำลามขึ้นมาตามท่อนขาอย่างรวดเร็ว จนน่ากลัว
'ระบบ! สแกนผู้ป่วยทันที!'
ติ๊ง!
[กำลังสแกนเป้าหมาย: อาเป่า]
[ตรวจพบ: พิษอสรพิษร้ายแรง]
[ชนิดของพิษ: พิษทำลายระบบเื (Hemotoxin) ผสมกับพิษทำลายระบบประสาท (Neurotoxin) ]
[สายพันธุ์อสรพิษ (วิเคราะห์จากองค์ประกอบพิษ) : งูเห่าเพลิงห้าก้าว (Five-Pace Crimson Viper) ]
[สถานะผู้ป่วย: อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ ระบบไหลเวียนโลหิตเริ่มล้มเหลว ระบบหายใจเริ่มติดขัด]
[การประเมินผล: หากไม่ได้รับการรักษาภายในหนึ่งชั่วยาม (ประมาณครึ่งก้านธูป) จะเข้าสู่ภาวะหัวใจวายและเสียชีวิต อัตราการรอดชีวิตปัจจุบัน: ต่ำกว่า 10%]
ข้อมูลที่ปรากฏขึ้นในหัวทำให้อันหนิงเย็นเยียบไปทั้งสันหลัง!สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่นางคิดไว้มากนัก!
"มีด!" นางะโขึ้น "ท่านแม่ ขอมีดที่คมที่สุดในบ้านให้ข้า!"
"เ้าจะทำอะไร!"อันจินตวาดขึ้นมาเป็ครั้งแรกสัญชาตญาณความเป็หมอของเขาถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง "เ้าคิดจะกรีดแผลมั่วซั่วรึ! หากพลาดไปโดนเส้นลมปราณหลัก พิษจะยิ่งแล่นเข้าสู่หัวใจเร็วยิ่งขึ้น!"
"ถ้าไม่ทำอะไรเลย เขาก็ต้องตายอยู่ดี!" อันหนิงหันขวับไปเผชิญหน้ากับบิดา แววตาของนางลุกโชนราวกับเปลวไฟ "ข้าไม่ได้จะกรีดมั่วซั่ว! ข้าจะเปิดแผลตามแนวขวางระหว่างรอยเขี้ยวเพื่อระบายเืพิษที่จับตัวเป็ลิ่มอยู่ ออกมาให้ได้มากที่สุด! มันอาจจะเสี่ยง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย!"
นางไม่ได้ใช้ความรู้จากโลกยุคโบราณ แต่นางกำลังใช้หลักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากโลกอนาคต!
อันจินถึงกับอึ้งไปกับเหตุผลของนาง มันเป็วิธีการที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว มันก็มีหลักการที่น่ารับฟังอยู่
หลี่ซือรีบวิ่งไปคว้ามีดทำครัวที่เพิ่งลับมาส่งให้ลูกสาว อันหนิงรับมีดมา ก่อนจะนำไปลนไฟที่เตาจนร้อนแดงเพื่อฆ่าเชื้อโรค จากนั้นจึงใช้เศษผ้าสะอาดเช็ดเขม่าออก
"ป้าหลิว! ไปต้มน้ำให้เดือดที่สุดเท่าที่จะทำได้!" นางสั่งการต่อ "ท่านแม่ หาผ้าสะอาดมาให้ข้าเยอะ ๆ!"
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็ระบบราวกับมีแม่ทัพกำลังบัญชาการรบในสนาม ทุกคนต่างทำตามคำสั่งของเด็กสาววัยสิบห้าปีอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
อันหนิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ รวมสมาธิทั้งหมดไว้ที่ปลายมีด นางจรดปลายมีดลงบนิัที่บวมเป่งของอาเป่าก่อนจะกรีดลงไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ!
เืสีดำคล้ำข้นหนืดทะลักออกมาจากาแทันทีพร้อมกับส่งกลิ่นเหม็นคาวอย่างรุนแรง
ป้าหลิวเห็นแล้วถึงกับหน้ามืดจะเป็ลมล้มพับไป ดีที่หลี่ซือประคองไว้ได้ทัน
อันหนิงไม่สนใจสิ่งรอบข้างนางใช้ผ้าสะอาดค่อย ๆ กดซับเืพิษออกมาอย่างใจเย็น ที่สุดเท่าที่จะทำได้นางทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งเืที่ไหลออกมาเริ่มเปลี่ยนเป็สี แดงสดขึ้นเล็กน้อย
"แค่นี้ยังไม่พอ " นางพึมพำกับตัวเอง "พิษมันเข้าระบบประสาทไปแล้ว ต้องมีตัวยาล้างพิษ"
'ระบบ! ค้นหาสมุนไพรที่สามารถต้านพิษของงูเห่าเพลิงห้าก้าวได้!'
[กำลังค้นหา... พบสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านพิษ 3 ชนิดในบริเวณใกล้เคียง:]
[1. ใบเจ็ดดาว (Seven Star Leaf) มีฤทธิ์เย็นจัด ขับพิษร้อน]
[2. เฟินเกล็ดงูทอง (Golden Serpent Fern) มีสรรพคุณในการล้างพิษที่เกี่ยวกับระบบเืโดยตรง]
[3. รากน้ำค้างจันทรา (Moon Dew Root) ช่วยปกป้องหัวใจและฟื้นฟูระบบประสาทที่ถูกพิษทำลาย]
[คำแนะนำ: ต้องใช้สมุนไพรทั้งสามชนิดร่วมกันจึงจะสามารถถอนพิษได้อย่างสมบูรณ์]
สมุนไพรทั้งสามชนิดปรากฏชื่อขึ้นมาในหัวพร้อมกับตำแหน่งที่มันขึ้นอยู่บนแผนที่ สามมิติในมโนภาพของนาง
"ท่านพ่อ!" อันหนิงหันไปหาบิดาอีกครั้ง "ท่านรู้จักใบเจ็ดดาว เฟินเกล็ดงูทอง และ รากน้ำค้างจันทราหรือไม่!"
วินาทีที่ได้ยินชื่อสมุนไพรทั้งสามชนิด ร่างของอันจินก็พลันสั่นสะท้าน! ดวงตาที่เคยว่างเปล่าของเขาเบิกกว้างขึ้นจนสุดขีดประกายตาที่เคยดับมอดไปนาน พลันลุกวาบขึ้นมาราวกับถ่านไฟที่ถูกลมพัดกระพือ!
"เ้า เ้ารู้จักสมุนไพรในตำนานพวกนั้นได้อย่างไร!" เขาลุกพรวดขึ้นยืนด้วยขาข้างเดียว ใช้ไม้เท้าค้ำยันร่างกายที่โงนเงนเอาไว้ "นั่นมันเป็ยอดสมุนไพรล้างพิษที่หายากที่สุด! คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางรู้จักชื่อ ของมันด้วยซ้ำ!"
"ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถามว่าข้ารู้ได้อย่างไร!" อันหนิงตวาดกลับไป "ท่านรู้หรือไม่ว่ามันอยู่ที่ไหน! เวลาของอาเป่าเหลือน้อยเต็มทีแล้ว!"
ความเด็ดขาดและจริงจังของบุตรสาวกระแทกเข้าใส่สำนึกของอันจินอย่างจัง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามสงบสติอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ความทรงจำในฐานะหมอเทวดาหลั่งไหลกลับคืนมาราวกับเขื่อนแตก
"ข้า ข้ารู้" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปมันไม่ใช่เสียงของคนขี้เมาสิ้นหวังอีกต่อไป แล้วแต่เป็เสียงของหมอผู้ช่ำชอง "ใบเจ็ดดาวจะขึ้นเฉพาะบนหน้าผาทางทิศเหนือ ของผาพยัคฆ์ดำที่มีน้ำตกไหลผ่านเท่านั้นต้องระวังอย่าสับสนกับเถาวัลย์สามใบที่มีพิษซึ่งขึ้นอยู่ใกล้ ๆ กัน เฟินเกล็ดงูทองจะขึ้นอยู่ตามโคนต้นสนพันปีที่ถูกฟ้าผ่าในหุบเขา หมอกเร้น ส่วนรากน้ำค้างจันทรา หายากที่สุด มันจะขึ้นเฉพาะในดินชื้นแฉะริมลำธารในคืนที่ พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น!"
ทุกคำพูดของเขาบ่งบอกถึงความรู้ที่ลึกซึ้งและแม่นยำ! เขาคือห้องสมุดสมุนไพรเคลื่อนที่ที่ยังมีชีวิต!
"ยอดเยี่ยม!" อันหนิงคว้าตะกร้าใบเดิม "ท่านแม่ ฝากดูแลอาเป่าด้วย! ใช้ผ้าชุบน้ำเดือดประคบรอบ ๆ แผลเพื่อชะลอการกระจายของพิษไปก่อน! ข้าจะรีบกลับมา!"
พูดจบนางก็วิ่งพรวดพราดออกจากกระท่อมไปราวกับพายุทิ้งให้ทุกคนอยู่กับความ ตื่นตะลึง
หลี่ซือมองตามหลังบุตรสาวไปด้วยความเป็ห่วงจนแทบขาดใจ ป่าเขายามใกล้ค่ำนั้นอันตรายเพียงใด แต่นางก็ทำได้เพียงภาวนา
อันจินทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง แต่คราวนี้แววตาของเขาไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไป แล้ว มันเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความสับสน และความหวาดกลัวที่ได้เห็นความรู้ที่ล้ำ ลึกที่สุดของตนเองปรากฏออกมาจากปากของบุตรสาวที่เขาไม่เคยใส่ใจ
"์" เขาพึมพำกับตัวเอง "ตกลงแล้วเ้าส่งปีศาจตนใดมาสิงสู่ในร่างของลูกข้ากันแน่"
อันหนิงวิ่ง วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต!
นางไม่สนใจกิ่งไม้ที่ขีดข่วนแขนขา ไม่สนใจหนามแหลมที่เกี่ยวชายเสื้อผ้าจนขาดวิ่น ในหัวของนางมีเพียงแผนที่จากระบบและเสียงลมหายใจที่หอบถี่ของอาเป่าก้องอยู่
ผาพยัคฆ์ดำอยู่ไม่ไกลนักนางปีนป่ายไปตามโขดหินที่ลื่นชื้นจนไปถึงหน้าน้ำตกขนาด เล็กตามที่บิดาบอก ระบบชี้เป้าไปยังกอไม้เลื้อยที่ขึ้นอยู่บนชะง่อนหินสูงชัน นางมองเห็นใบไม้ที่มีเจ็ดแฉกงดงามราวกับดวงดาว ใบเจ็ดดาว! ข้าง ๆ กันนั้นมีเถาวัลย์สามใบที่มีลักษณะคล้ายกันมาก หากไม่ใช่เพราะระบบช่วยยืนยัน นางคงแยกไม่ออกเป็แน่ นางเสี่ยงตายปีนขึ้นไปเด็ดมันมาได้หนึ่งกำมือ
จากนั้นนางก็มุ่งหน้าไปยังหุบเขาหมอกเร้นตามที่ระบบนำทาง หมอกยามเย็นเริ่มลงจัดจนแทบมองไม่เห็นทางแต่นางก็ยังคงวิ่งต่อไปจนไปถึงต้นสนขนาดมหึมาที่มีรอยไหม้เกรียมจากการถูกฟ้าผ่าจริง ๆ!และที่โคนต้นนั้น เฟินที่มีใบสีเขียวเหลือบทองเล็กน้อยราวกับเกล็ดงูกำลังขึ้นอยู่อย่างเงียบเชียบ เฟินเกล็ดงูทอง!
สุดท้าย รากน้ำค้างจันทรา ระบบนำทางนางไปยังริมลำธารที่ไหลเอื่อย ๆ แม้จะไม่ใช่คืนเดือนเพ็ญ แต่ระบบก็ยังคงชี้เป้าไปยังพื้นดินชุ่มน้ำจุดหนึ่ง นางใช้มือเปล่าขุดคุ้ยดินโคลนขึ้นมาอย่างไม่รังเกียจจนกระทั่งพบกับรากไม้สีขาวนวลที่มีลักษณะคล้ายรากโสม แต่กลับมีหยดน้ำเกาะพราวอยู่ตามรากราวกับหยาดน้ำค้าง
นางได้ของครบแล้ว!
อันหนิงวิ่งกลับมาถึงกระท่อมในสภาพสะบักสะบอมราวกับเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมา นางโยนสมุนไพรทั้งหมดลงบนโต๊ะ
"ได้มาครบแล้ว!"
อันจินที่นั่งรออย่างกระวนกระวายรีบยันกายขึ้นมาดูทันที เมื่อเห็นสมุนไพรทั้งสามชนิดอยู่ตรงหน้าจริง ๆ ดวงตาของเขาก็พลันแดงก่ำ ไม่ใช่ด้วยความโกรธ แต่ด้วยความรู้สึกที่ท่วมท้นเกินจะบรรยาย
"เร็วเข้า!" เขาสั่งการเสียงเฉียบขาด กลับสู่บทบาทของหมอเทวดาโดยสมบูรณ์ "ใบเจ็ดดาวกับเฟินเกล็ดงูทอง เอาไปตำให้ละเอียด! ส่วนรากน้ำค้างจันทรา หั่นเป็แว่นแล้วเอาไปต้มกับน้ำเดือด!"
อันหนิงและหลี่ซือรีบทำตามอย่างรวดเร็วบรรยากาศในกระท่อมตึงเครียดถึงขีดสุดราวกับเส้นเชือกที่กำลังจะขาดผึง
ในขณะนั้นเอง ร่างของอาเป่าที่นอนอยู่บนเตียงก็เกิดอาการชักกระตุกอย่างรุนแรง! ริมฝีปากของเขาเริ่มกลายเป็สีม่วงคล้ำ ลมหายใจขาดห้วงและแ่เบาลงทุกที
"ไม่ทันแล้ว!" หลี่ซือร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง
"ยัง!" อันหนิงะโสวนกลับ นางตำสมุนไพรเสร็จพอดี รีบนำไปผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อย ก่อนจะนำไปพอกไว้บนาแของอาเป่า
จากนั้นนางก็รีบไปรับน้ำต้มรากน้ำค้างจันทราที่ส่งกลิ่นหอมเย็นชื่นใจมาถ้วยหนึ่ง นางประคองศีรษะของอาเป่าขึ้นมา พยายามง้างปากที่เกร็งแน่นของเขาออก
"อาเป่า! ดื่มเข้าไป! สู้สิ!"
นางค่อย ๆ กรอกน้ำยาสีใสลงไปในปากของเด็กน้อย
ทันทีที่น้ำยาัักับลำคอ ร่างของอาเป่าก็พลันเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเดิม! ดวงตาของเขาเหลือกขึ้นจนเห็นแต่ตาขาว!
"อ่อก!"
เด็กน้อยสำลักออกมาอย่างรุนแรง แต่สิ่งที่พุ่งออกมาจากปากของเขาไม่ใช่น้ำยา
แต่เป็เืสีดำสนิทที่ข้นคลั่กและส่งกลิ่นเหม็นเน่าอย่างรุนแรง!
ป้าหลิวกรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว! อันจินหน้าซีดเผือด!
นี่คือสัญญาณของการรักษา หรือเป็ลางบอกเหตุแห่งความตายที่มาถึงแล้วกันแน่?