ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่าฉู่จุนหนิงจะมาที่วัดตงหวาอย่างกะทันหันเช่นนี้
ในฐานะแฟนคลับอันดับหนึ่งของเซียวเจวี๋ย ‘ความทะเยอทะยานที่โฉดชั่วราวกับหมาป่า’ ของนางเป็ที่รู้จักกันดีทั้งราชวงศ์เหยียน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางมาถึงที่เช่นนี้ ว่ากันว่ามีครั้งที่บ้าที่สุดเห็นจะเป็ตอนที่นางตามไปถึงในสมรภูมิรบ จนทำให้เซียวเจวี๋ยโกรธ และสั่งส่งนางกลับเมืองหลวงไปทันที
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ในตอนนั้นฮ่องเต้ทรงกริ้วยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะไท่เฮามากรรแสงอ้อนวอนขอร้อง เกรงว่าฉู่จุนหนิงผู้นี้ หากไม่ถูกตัดออกจาราชวงศ์ก็คงถูกลดตำแหน่งให้เป็สามัญชน
หลังจากนั้น นางก็ถูกกักตัวอยู่ในจวน ทว่า สองปีมานี้ ฮ่องเต้ทรงพระประชวรอยู่บนพระแท่นบรรทม ไท่เฮาทรงแอบปล่อยนางออกมาจากจวนเงียบๆ และให้นางอยู่ที่วังหนานหยาง แม้ว่าเหล่าขุนนางบริพารจะรู้ ทว่า พวกเขาก็ทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นอยู่ดี
วันรุ่งขึ้น ชิงอีที่ตื่นสายมาในตอนบ่ายสาม หลังจากทานอาหารมื้อแรกเสร็จ นางก็ยืนพิงอยู่ที่ประตู เพื่อดูจิ๋วกุ่ยและจางจื่อเก็บสัมภาระอย่างไม่ได้พัก
“นี่กำลังทำอะไรกัน?” ชิงอีถามเนือยๆ
“ทูลองค์หญิง เมื่อเช้าท่านอ๋องทรงส่งคนมาบอกข่าวว่าวันนี้พระองค์จะเสด็จกลับเมืองหลวงเพคะ”
หลังจากที่ต้านเสวี่ยพูดจบ เถาเซียงที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น “ข้ารู้ว่าท่านอ๋องไม่ยอมให้องค์หญิงอยู่ที่นี่อยู่แล้ว จะไปให้องค์หญิงอยู่กับพระพุทธรูปโบราณที่นี่ได้เช่นไร!”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ก็ถูกต้านเสวี่ยคว้าไว้ และส่งสายตาให้นางอยู่หลายครั้ง
“เช่นนั้นก็เก็บของเถอะ” ชิงอีไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร นางหาวและเดินกลับเข้าห้อง “เสร็จแล้วค่อยเรียกข้าก็แล้วกัน”
นางตัดสินใจกลับไปนอนพักสักครู่ หลังจากที่ิญญากลับเข้าร่างเมื่อคืนนี้ก็รู้สึกเหนื่อยเป็อย่างมาก แม้ว่าแหวนจื่อจินจะอยู่ในมือ ทว่า มันก็เป็ได้แค่เครื่องประดับเท่านั้น พลังของนางเหมือนกับยืมมากินมาใช้ ใช้เสร็จก็หมดไป
“วันนั้นตอนที่ข้าอยู่ทีู่เาด้านหลังก็ถูกดูดพลังไปไม่น้อย ทว่า หลายวันมานี้ มันก็ฟื้นกลับมาไม่น้อยเหมือนกัน เหตุใดพลังของท่านถึงไม่ฟื้นกลับมาล่ะ?” เ้าแมวอ้วนอดบ่นพึมพำไม่ได้
“เดาว่าปัญหาอาจจะอยู่ที่แหวนจื่อจินวงนี้” ชิงอีหมุนแหวนบนนิ้ว “ข้าต้องคิดหาวิธีที่ทำครั้งเดียว และให้มันคงอยู่ตลอดไป” ไม่เช่นนั้นทุกครั้งที่นางใช้พลังก็ต้องวิ่งจูบเซียวเจวี๋ยงั้นหรือ?
นี่มันเป็เื่น่าขำไม่ใช่หรืออย่างไร?
หากเหล่าผีเฒ่าใต้พิภพรู้เข้า คงเยาะเย้ยนางไปนับหมื่นปี!
“เช่นนั้นท่านก็แต่งงานกับเขาไปเถอะ” เ้าแมวอ้วนออกความเห็นที่ไม่เข้าท่า “ได้คนมาก่อน แล้วค่อยได้ใจของเขา รอให้เขาตายก็จับิญญาเอาไว้ เมื่อถึงเวลานั้น แหวนจื่อจินก็จะเป็ของท่านโดยสมบูรณ์” อย่างไรก็ตาม สิบปีของโลกมนุษย์ก็ผ่านไปเพียงพริบตา แล้วท่านก็ไม่ขาดทุนด้วย...”
พอมันพูดจบก็โดนเตะก้น นางลุกขึ้นเตรียมจะโต้ตอบกลับ ทว่า ก็มีเสียงของชิวอวี่ดังขึ้นจากข้างนอก “องค์หญิง เรากำลังจะออกเดินทางกันแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ชิงอีคว้าเ้าแมวอ้วนขึ้นมา และผลักเปิดประตูออกไป
เมื่อชิวอวี่เห็นนางเดินออกมา เขาก็รีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าดูเกร็งและประหม่าเป็อย่างมาก
“เ้ากลัวอะไร ข้าไม่จับิญญาของเ้าหรอกน่า” ริมฝีปากสีแดงของชิงอียกยิ้มขึ้น
ใบหน้าของชิวอวี่ที่เผยรอยยิ้มขื่น หลังจากที่ได้รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของคนตรงหน้าไปเมื่อคืน เขาก็นอนไม่หลับตลอดทั้งคืน คนที่ยังมีชีวิตจะไปมีความสุขที่ได้อยู่กับพญามัจจุราชได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้ายังเป็เ้าแห่งปรโลกที่ดูแลชีวิตและความตายในโลกมนุษย์นี้! ดีไม่ดี เขาเผลอทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองหลายครั้งแล้วด้วย
จากคำพูดของผู้พิพากษาแมวเมื่อคืนนี้ที่บอกว่าถูกนางต้องตาต้องใจเช่นนี้ หลุมฝังศพของบรรพบุรุษของเ้าคงมีควันสีเขียว[1]สินะ?
ชิวอวี่รู้สึกว่าตนเองจำเป็ต้องขอลากลับบ้านเกิด ไปกราบไหว้บรรพบุรุษของเขาแล้ว
ณ ประตูวัด ตอนที่ชิงอีเดินผ่านศาลเ้าพญามัจจุราชน้องสาว รูปปั้นทองก็ถูกเซียวเจวี๋ยสั่งการให้คนกำจัดมัน และแผ่นป้ายแขวนของศาลเ้าก็ถูกเอาลงเช่นกัน
ดวงตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย ทว่า ชิวอวี่ที่อยู่ข้างๆ กลับรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น
นี่คือศาลเ้าของนางเลยนะ!
“ไปกันเถอะ” ชิงอีเดินออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ชิวอวี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
จิ๋วกุ่ยและคนอื่นๆ ก็เดินตามหลังมา พอเห็นก็รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย “พี่ชิว เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าตอนนี้ที่มองไปยังองค์หญิง ราวกับว่าท่านเป็หนูที่เจอแมวเลยล่ะ?”
ชิวอวี่กัดริมฝีปาก มองไปยังกลุ่มลูกน้องของตนเอง และรู้สึกว่าจำเป็ต้องเตือนว่า “ต่อไปพวกเ้าห้ามดูิ่องค์หญิงใหญ่อย่างเด็ดขาด!”
เพราะนางคือพญามัจจุราช! หากทำให้นางขุ่นเคือง ตอนมีชีวิตอาจจะไม่ได้โดนคิดบัญชี ทว่า หลังจากตายไปนางก็จะโยนเ้าลงไปในกระทะแน่นอน!
เมื่อจิ๋วกุ่ยได้ยินคำพูดเช่นนี้ เขาก็พูดกลับมาว่า “ใครที่บังอาจมาดูิ่องค์หญิง ข้าจะเป็คนแรกที่ไปจัดการกับเขานี่แหละ!”
“ข้าด้วย!” จางจื่อก็พูดออกมาเช่นกัน “ชีวิตของข้าและจิ๋วกุ่ยได้รับการช่วยชีวิตจากองค์หญิง ต่อจากนี้ไปเราจะปกป้ององค์หญิงจนกว่าชีวิตจะหาไม่!”
ชิวอวี่ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ทันใดนั้น ชิงอีที่อยู่ข้างหน้าก็หันกลับมามองวพวกเขา ชิวอวี่จ้องไปที่ดวงตาที่มีลึกล้ำและมีเลศนัยของนาง ใจของเขาก็ยิ่งใกลัวมากขึ้นไปอีก
เมื่อคิดถึงโอกาสที่นางหยิบยื่นมาให้ เขาก็กัดฟันแน่น เอาเถอะ ค่อยๆ ดูไปก็แล้วกัน!
ไม่ว่านางจะเป็เ้าแห่งปรโลกอย่างไร นางก็ไม่สามารถบังคับคนให้รู้จักในฐานะเ้านายหรอกใช่หรือไม่?
หากเ้าแมวอ้วนรู้ว่าในใจชิวอวี่กำลังคิดอะไรอยู่ ต้องเยาะเย้ยเขาอย่างแน่นอน ไอ้หนู เ้าคิดมากไปแล้ว เื่บังคับคนอื่นคิดว่านางจะทำไม่ได้หรือไง?
กุญแจสำคัญ มันขึ้นอยู่กับว่านาง้าหรือไม่ อารมณ์ดีหรือไม่ดีเพียงเท่านั้น
นอกประตูวัด
ชิงอีที่อยู่ในระยะไกลมองเห็นร่างสองร่างที่ไม่เหมือนใคร ร่างหนึ่งที่มีความงามราวกับหิมะสีขาวในฤดูใบไม้ผลิ และอีกร่างหนึ่งที่งดงามสะพรั่งราวกับดอกไม้และแข็งแกร่งเยี่ยงชายหนุ่ม
เมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็ไม่อยากที่จะปล่อยให้ผ่านไป ฮิฮิฮิ พี่สาวโง่เง่าคนนี้ ช่างมาได้ถูกเวลาเสียจริง!
เซียวเจวี๋ยที่ถูกฉู่จุนหนิงรบกวนจนเกินจะรับไหว สายตาก็เหลือบเห็นร่างสีแดงที่มีเสน่ห์ั้แ่เขาเดินออกมาจากในวัด เมื่อมองไปก็เห็นนางยืนพิงอยู่ที่ประตู กอดอกราวกับกำลังรอดูละครสนุกๆ อย่างไรอย่างนั้น
ดวงตาของเซียวเจวี๋ยสั่นไหวเล็กน้อย และเพิกเฉยการสนทนากับฉู่จุนหนิง ก้าวเท้าเดินเข้าไป
ชิงอีเลิกคิ้ว เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา
“มาแล้วหรือ? เมื่อคืนคงหลับสบายเลยใช่หรือไม่” เซียวเจวี๋ยก้มมองนาง พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าอันหล่อเหลา
ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนั้น ทำให้ผู้ฟังถึงกับขนลุก
ดวงตาที่สวยงามของชิงอีหรี่ลงจนเป็เส้นเดียว เมื่อเห็นฉู่จุนหนิงที่อยู่ข้างหลังเขา ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความอิจฉา
“คิดจะใช้ข้าเป็ข้ออ้างอีกหรือไร?”
เซียวเจวี๋ยขยับเข้ามาใกล้หูของนาง พร้อมกับรอยยิ้มของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ทว่า น้ำเสียงกลับไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย “ข้าได้ยินมาว่าองค์หญิงได้รับาเ็สาหัสจากปีศาจ ทว่า จากที่ข้าดูแล้ว ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะแข็งแรงดี”
สีหน้าของชิงอียังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาที่สวยงามมองเขาอย่างเย้ยหยัน
ชิวอวี่ที่อยู่ข้างหลังก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเช่นกัน นี่เป็ข่าวที่องค์หญิงขอให้เขาส่งไปหาองค์รัชทายาทเมื่อวันก่อน ดูเหมือนว่า...ข่าวคงยังไม่ได้ถูกส่งไป ทว่า ถูกเซ่อเจิ้งอ๋องขัดขวางไว้กลางทาง
“ร่วมมือกับข้า แล้วข้าจะพาท่านกลับวัง” เซียวเจวี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเลื่อนปลายนิ้วไปทั่วใบหน้าของนาง และเกี่ยวผมไปทัดข้างหลังใบหูของนาง
เมื่อผู้อื่นมองมาเห็นในสภาพเช่นนี้ คงเข้าใจว่าเป็การพลอดรัก
ชิงอีมองดูเขาอย่างเย้ยหยัน และเหลือบมองไปที่ใบหน้าอ้วนของฉู่จุนหนิงที่บิดเบี้ยวอยู่ข้างหลังเขา สีหน้าของนางจึงค่อยๆ กลายเป็ขี้เล่น
“ได้สิ”
นางเอนไปข้างหน้า และวางมือบนไหล่ของเซียวเจวี๋ย
“เมื่อวานข้าได้รับาเ็ที่ขากับเท้า เลยเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวก เช่นนั้นคงต้องรบกวนเซ่อเจิ้งอ๋องให้ข้าขี่หลังลงจากูเาแล้วล่ะ”
เมื่อมองไปที่ท่าทางที่ยั่วยุของนาง เซียวเจวี๋ยก็กดริมฝีปากลงไปเล็กน้อย
นางตัวปัญหานี่เล่ห์เหลี่ยมเยอะนัก!
ให้เขาแบกนางลงจากูเางั้นหรือ? เกรงว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิ...
ฉู่จุนหนิงที่เฝ้าดูชิงอีะโขึ้นบนหลังของเซียวเจวี๋ย ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความโกรธ นางที่คิดจะรีบเข้าไป ทว่า กลับมีคนมาขวางทางเสียก่อน
“องค์หญิงใหญ่ เชิญเสด็จขึ้นเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ” ฉู่สือพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยไม่ให้โอกาสฉู่จุนหนิงได้ใกล้ชิดกับาาของตนเองแม้แต่น้อย
ฉู่จุนนิ่งจ้องมองเขาด้วยความเกลียดชัง จากนั้นจึงขึ้นรถม้าอย่างไม่เต็มใจ
หลิงเฟิงที่เห็นเช่นนี้ ก็สะกิดฉู่สือด้วยศอก “ไม่เลวเลยนี่เหล่าฉู่ รู้จักวัวหายล้อมคอกแล้วสินะ? เมื่อก่อนเ้าไม่ชอบเห็นท่านอ๋องกับองค์หญิงอยู่ด้วยกันนี่”
ฉู่สือกลอกตา เขายังไม่้าที่จะมองตอนนี้
แต่เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทียบกับชิงอีตัวปัญหานั่น าาทรงเหน็ดเหนื่อยกับฉู่จุนหนิงมากกว่า!
*************************
[1] หลุมฝังศพของบรรพบุรุษของเ้าคงมีควันสีเขียว (祖坟冒青烟) คือ ตามตำนานโบราณของจีน บุคคลที่บรรลุลัทธิเต๋าและกลายเป็ะ เมื่อตายก็จะกลายเป็ควันสีเขียวพวยพุ่งออกมาจากหลุมศพไปถึงโลกะ และถือว่าเป็ความโชคดีให้กับลูกหลาน