เซียวจิ่นหันไปมองหลินชิงเวยและถามว่า“เมื่อวานเ้าผลักจ้าวกุ้ยเหรินตกน้ำ?”
ถึงคราที่หลินชิงเวยเอ่ยปากหลินชิงเวยไม่คุ้นเคยกับธรรมเนียมการคุกเข่าภายในวังจึงลุกขึ้นเพื่องดเว้นธรรมเนียมเหล่านี้ต่อเซียวจิ่นและเซียวเยี่ยน นางย้อนถามว่า“หากหม่อมฉันบอกว่าหม่อมฉันไม่ได้ทำ ฝ่าาจะทรงเชื่อหรือไม่เพคะ?”
ครานี้เป็เซียวจิ่นที่ถูกถามจนอึ้งไป
หลินชิงเวยกล่าวเสริมอีกว่า “เมื่อคืนนี้ ขณะที่ไทเฮานำตัวพวกหม่อมฉันไปกักขังไว้นั้นหรงหมัวมัวเฆี่ยนตีเด็กน้อยอายุไม่กี่ขวบคนหนึ่งด้วยแส้อย่างเอาเป็เอาตายขณะที่กำลังจะปลิดชีวิตของนางด้วยความแค้นเคือง นางยังได้บอกอีกด้วยว่าจ้าวกุ้ยเหรินเป็หลานสาวห่างๆของไทเฮา เช่นนั้นหม่อมฉันอยากจะถามว่าไฉนไทเฮาจึงไม่ไต่สวนหาความจริงก่อนแม้สักประโยคเดียวก็จับกุมตัวพวกหม่อมฉันไปกักขังแล้วสั่งลงทัณฑ์เป็การส่วนตัวเช่นนี้?”
ไทเฮามีสีหน้าแข็งค้าง “นี่เ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไร!”
หลินชิงเวยกล่าว“ไทเฮาตรัสอย่างมั่นใจว่าเป็หม่อมฉันที่ผลักจ้าวกุ้ยเหรินตกน้ำไปเช่นนั้นให้จ้าวกุ้ยเหรินมาพิสูจน์ความจริงสักหน ถามดูว่าหม่อมฉันได้เคยลงมือทำอะไรนางหรือไม่?”
“แต่เ้าทำร้ายสาวใช้ของนางจนได้รับาเ็ ไม่ใช่เ้าแล้วจะเป็ผู้ใด!”
หลินชิงเวยกล่าว “ไทเฮาทอดพระเนตรรูปร่างบอบบางของหม่อมฉันสิเพคะแล้วค่อยไปทอดพระเนตรสาวใช้เ่าั้ของจ้าวกุ้ยเหรินคิดว่าหม่อมฉันมีความสามารถสู้รบปรบมือชนะพวกนางได้หรือ?”
ไทเฮายังคิดจะกล่าวอะไรด้วยความเดือดดาลอีก ทันใดนั้นเซ่อเจิ้งอ๋องเซียวเยี่ยน ผู้ไม่เอ่ยอะไรั้แ่เข้ามากลับพูดขึ้นว่า“ไปดูศพของหรงหมัวมัวก่อนเถิด”
หมอหลวงกำลังเปิดผ้าคลุมสีขาวที่อยู่บนร่างของศพ ศพของหรงหมัวมัวจึงปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหน้าเหล่านางกำนัลที่หวาดกลัวจึงได้แต่หลับตาลง เซียวจิ่นถือได้ว่าเป็ฮ่องเต้น้อยที่มีความกล้าหาญอยู่พอตัวเขาไม่ได้หลับตาและมองทุกอย่างอย่างชัดเจน
เซียวจิ่นถาม“เสด็จแม่บอกว่าเป็หลินซื่อที่สังหารหรงหมัวมัวใช่หรือไม่?”
ไทเฮากล่าว “ในเวลานั้นมีเพียงพวกนางสามคนอยู่ในเรือนหลังนั้นนอกจากนางแล้วยังจะมีใครได้!”
เซียวจิ่นตรัสว่า “แต่เจิ้นดูสีหน้าท่าทางสงบนิ่งของหรงหมัวมัวแล้วเสื้อผ้าอาภรณ์สะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนคนที่มีร่องรอยผ่านการต่อสู้กับผู้อื่น”เขาหันกลับไปดูหลินชิงเวยและซินหรูอีกครั้ง “หลินซื่อและสาวใช้ข้างกายนางคนนั้นบอบบางอ่อนแอปานนี้และหรงหมัวมัวเป็คนรูปร่างใหญ่ต่อให้พวกนางสองคนร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหรงหมัวมัวอยู่นั่นเองเจิ้นไม่เห็นว่าตามร่างกายของหรงหมัวมัวมีสิ่งใดผิดปกติแต่กลับเป็หลินซื่อและสาวใช้เสียอีกที่ร่างกายเต็มไปด้วยาแ”
ไทเฮาเงียบงัน
หลินซินเวยตกตะลึงในใจ อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองเซียวจิ่นจึงประสานสายตาเข้ากับแววตาบริสุทธิ์และกระจ่างแจ้งของเซียวจิ่นบนร่างของเซียวจิ่นคือเสื้อคลุมัสีเหลืองขมิ้น บนหน้าอกมีัห้าเล็บตัวหนึ่งดูแล้วช่างดุดันและมีพลังอำนาจ ทว่ากลิ่นอายและบุคลิกของเขาที่มีต่อผู้อื่นนั้นกลับไม่ใช่เช่นนั้นบารมีที่แผ่กระจายออกมาจากร่างของเขา แม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นด้วยสีหน้าเรียบเฉยทว่ากลับเป็ฮ่องเต้ทรงความน่าเกรงขามถือเป็ฮ่องเต้ที่มีความสง่างามและสติปัญญาอย่างยิ่งองค์หนึ่ง
นางคิดว่าเด็กน้อยอายุสิบสามปีคนหนึ่งที่ยังไม่เติบโตเป็ผู้ใหญ่เต็มตัวเวลานี้ฮ่องเต้น้อยสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดของราชวงศ์เพื่อบริหารแผ่นดินด้วยอาศัยความถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของศักดิ์และสิทธิ์ในการเป็ผู้สืบทอดบัลลังก์ัยังมีคนข้างกายคอยช่วยเหลือสนับสนุน แต่ดูท่าแล้วเด็กน้อยคนนี้ไม่เพียงแต่มีจิตใจละเอียดถี่ถ้วนในการสังเกตสังกาซ้ำยังมีความคิดเป็ของตนเองอีกด้วย
ภายในตำหนักถูกความเงียบงันเข้าครอบคลุมหมอหลวงกำลังตรวจสอบร่างกายของหรงหมัวมัว เซียวจิ่นกล่าวถูกต้องร่างกายของหรงหมัวมัวไม่มีบาดแม้แต่สักกระผีก
ต่อให้หลินชิงเวยมีแรงจูงใจในการลงมือสังหารแต่ด้วยหมอหลวงของสำนักหมอหลวงเหล่านี้ล้วนเป็หมอหลวงาุโอีกทั้งสายตาไม่ใคร่ดีนักพวกเขาจะตรวจสอบอะไรออกมาได้
สุดท้ายหมอหลวงคลุมผ้าสีขาวกลับไป การตรวจสอบเสร็จสิ้น
เซียวจิ่นตรัสถาม “หมอหลวง สถานการณ์เป็อย่างไร?”
หมอหลวงกราบทูลตามความจริง “ร่างกายของหรงหมัวมัวไม่มีสิ่งผิดปกติพะยะค่ะไม่ปรากฏร่องรอยการถูกวางยาพิษ และไม่มีร่องรอยการถูกทุบตีไม่มีร่องรอยของาแบนร่างกาย ดังนั้น...”
“ดังนั้นอะไร?”
หมอหลวงกล่าว “ดังนั้นกระหม่อมคิดว่า หรงหมัวมัวไม่ได้ถูกนางสังหารแต่เป็เพราะเกิดอาการป่วยกำเริบอย่างกะทันหันจึงเสียชีวิตพะยะค่ะ”
เมี่อคำพูดนี้กล่าวออกมา ไทเฮาถึงกับตบโต๊ะด้วยโทสะ “ล้วนเป็คำพูดเหลวไหลทั้งเพ! สุขภาพของหรงหมัวมัวแข็งแรงดีมาโดยตลอดไฉนจึงกลายเป็คนมีอาการป่วยกำเริบกะทันหันแล้วเสียชีวิตได้!”
ทุกคนล้วนไม่ส่งเสียง
ยามนี้คิดไม่ถึงว่าซินหรูที่กัดริมฝีปากเงียบขรึมอยู่ตลอดเวลากลับเอ่ยขึ้นว่า “มีเพคะ...”
หลินชิงเวยหันไปมองซินหรูอย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย
“มีอะไร? ยังไม่รีบสารภาพความจริงออกมา!”
ซินหรูขดร่างของตนเข้าไปในอ้อมกอดของหลินชิงเวยหลินชิงเวยตบหลังของนางเบาๆ เพื่อปิดบังอำพรางความตื่นตระหนกในใจของตน นางไม่ได้พูดคุยตกลงกับซินหรูให้ดีก่อนหน้านี้ด้วยหลินชิงเวยเพียงกำชับว่า ซินหรูไม่ต้องพูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียวทุกอย่างให้เป็หน้าที่ของนาง
คิดไม่ถึงว่าไม่ต้องรอให้ไทเฮาเค้นความ ซินหรูกลับปริปากด้วยตนเอง
นางจะพูดอะไรนะ?
เพราะความหวาดกลัว เพราะ้าเอาตัวรอดนางจะสารภาพความจริงแล้วผลักหลินชิงเวยออกไปหรือไม่?แล้วบอกกับทุกคนว่าหลินชิงเวยเป็ผู้สังหารหรงหมัวมัว?
ไม่ ไม่ หากเป็เช่นนี้นางมิใช่ควรจะสารภาพั้แ่แรกแล้วมาสารภาพในเวลานี้ ถือเป็การพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้วอีกทั้งสถานการณ์เบื้องหน้าในยามนี้สำหรับพวกนางแล้วยังถือว่าเป็ฝ่ายได้เปรียบอยู่
หลินชิงเวยสงบสติอารมณ์ลงได้ในที่สุด
ซินหรูทั้งตื่นเต้นทั้งหวาดผวา สีหน้าท่าทางที่ปรากฏบนใบหน้าราวกับนางได้ย้อนกลับไปอยู่ในความทรงจำอันน่าสะพรึงกลัวพูดเสียงสะท้านว่า “มีเพคะ...มี...ยามนั้นนางถือแส้เฆี่ยนตีพวกเราอย่างโหดร้ายแต่นางเฆี่ยนตีพวกเราไปได้ครู่หนึ่งนางกลับพบว่านางเฆี่ยนตีพวกเราต่อไปไม่ไหวนางกดหน้าอกของตนเองแล้วย่อกายลงไป ท่าทางดูเหมือนหายใจไม่ออก...”
“เหตุใดไม่เรียกคนมาช่วยเล่า?” เซียวจิ่นถาม
ซินหรูกล่าว “เรียกแล้ว...พวกเราเรียกแล้วเพคะ...แต่แต่พวกเราถูกขังไว้ในห้องหับมิดชิดแม้แต่สายลมก็พัดเข้ามาไม่ได้ไม่มีใครได้ยินเสียงของพวกเราเพคะ...”
ต่อมาร่างของหรงหมัวมัวถูกหามออกไป ไทเฮาเต็มไปด้วยความเ็ปนางใช้มือประคองหน้าผากของตน ท่าทางดูไปแล้วได้รับผลกระทบจากเื่นี้อย่างรุนแรง
เซียวจิ่นกล่าว “เสด็จแม่ สุขภาพของท่านต้องตรวจดูสักหน่อยหรือไม่?”
ไทเฮาโบกไม้โบกมือ ไม่ได้เอ่ยอะไร
เซียวจิ่นตรัสอีก “ผู้ตายจากไปอย่างสงบ เสด็จแม่ควรระงับอกระงับใจเสียบ้างอย่าได้เสียใจจนเกินไป”
ไทเฮาตรัสด้วยท่าทางอิดโรยว่า “ฮ่องเต้ไม่ต้องเป็ห่วงเปิ่นกงตัวฮ่องเต้เองก็ต้องระมัดระวังให้มากขึ้น”นางช้อนตาขึ้นมองหลินชิงเวยที่อยู่บนพื้น“ในเมื่อการตายของหรงหมัวมัวไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเ้า เช่นนั้นเปิ่นกงจะไม่บีบให้พวกเ้าต้องรับผิดชอบอีกเ้าต้องทุ่มเทจิตใจรักษาพระอาการประชวรของฮ่องเต้ให้ดี ทำงานให้มาก พูดจาให้น้อยหากมีความผิดพลาดอันใดเกิดขึ้นเปิ่นกงจะเอาผิดกับเ้าเป็คนแรก”
สายตาข่มขู่ในแววตาของไทเฮา หลินชิงเวยเห็นอย่างกระจ่างแจ้งนางไม่ใช่คนเขลา ขอเพียงไม่มีอันตรายต่อชีวิต ไม่ว่าใครล้วนไม่พูดจาเหลวไหลในวังหลวงแห่งนี้
หลินชิงเวยรับคำ “เพคะ”
ดังนั้นไทเฮาจึงสะบัดแขนเสื้อ เดินผ่านร่างของหลินชิงเวยไปอย่างเ็าไทเฮาเหลือบมองหลินชิงเวยด้วยหางตา แล้วจึงเลื่อนสายตามองออกไปข้างนอกครั้งนี้ถือว่านางดวงดี หากมีครั้งหน้า ดูซิว่านางจะดวงดีรอดตัวไปเหมือนครั้งนี้หรือไม่
หลังจากไทเฮาออกไปแล้ว เซียวจิ่นจึงหันไปกล่าวกับหลินชิงเวย“พวกเ้าลุกขึ้นเถิด” เขาหันไปกล่าวกับหมอหลวงที่อยู่อีกด้านหนึ่ง“ช่วยรักษาาแบนร่างกายของพวกนางด้วย”
หลินชิงเวยประคองซินหรูลุกขึ้นมาซินหรูยังคงตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด นางตบหลังซินหรูเบาๆ “เรียบร้อยแล้วไม่มีอะไรแล้ว” เมื่อช้อนตาขึ้นเห็นหมอหลวงเดินตรงเข้ามาหาทางท่ามกลางความเงียบงัน “ท่านหมอหลวงยังไม่ได้ล้างมือกระมัง?”
เมื่อสักครู่เขาเพิ่งไปตรวจศพมา เวลานี้จะมาตรวจคนเป็จะได้อย่างไรกัน?
ท่านหมอควรจะให้ความสำคัญกับสุขอนามัยของตนมากที่สุด