“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮั่วิเชินหน้าเปลี่ยนสีทันที จู่ๆ คู่หมั้นของเขาก็กลายเป็ของเสด็จอา นี่ไม่ใช่การตบหน้าเขาหรือไร?
หากบอกว่าเมื่อครู่เพียงรู้สึกเสียดายเท่านั้น ทว่าตอนนี้เขาคัดค้านอย่างแน่วแน่
ไป๋เซี่ยเหอต้องเป็สตรีของเขาแต่เพียงผู้เดียว
“เหตุใดถึงไม่ได้?”
ฮ่องเต้มองฮั่วิเชินด้วยความแปลกใจ ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง “ในเมื่อพวกเ้าไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ชายแต่งเข้าหญิงออกเรือนมีอันใดที่ทำไม่ได้?”
ฮั่วิเชินร้อนใจ ทว่าหาเหตุผลที่ดีไม่ได้
“เสด็จอาไม่เคยใกล้ชิดกับสตรีมาแต่ไหนแต่ไร เจตนาของลูกคือให้เสด็จพ่อทรงสอบถามความเห็นของเสด็จอาก่อนจะเป็การดีที่สุด ไม่อาจประทานสมรสได้ในทันที หากเสด็จอาไม่ชอบจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“ข้าไม่เคยบอกว่าไม่ชอบ”
แม้จะพูดไม่ได้ว่าชอบ ทว่ายังไม่ถึงขั้นต้องให้ฮั่วิเชินมาตัดสินใจแทนเขา
ฮั่วิเชินคู่ควรด้วยหรือ?
ฮั่วเยี่ยนไหวนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเกียจคร้าน ร่างกายแผ่กลิ่นอายอำนาจออกมา ทำให้ฮั่วิเชินไม่กล้ากล่าวมากความ
แม้ว่าเขาจะไม่ยินยอม
ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเสด็จพ่อแล้ว เขาหวาดกลัวเสด็จอายิ่งกว่า
ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกสับสน นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนเองถึงได้กลายเป็คู่หมั้นของฮั่วเยี่ยนไหว
นับว่านางหนีเสือปะจระเข้ได้หรือไม่?
ถึงอย่างไรนางก็เป็จิ้งจอก ช่างเสียทีที่เกิดเป็จิ้งจอกจริงๆ!
คนผู้นั้นที่นั่งอยู่เบื้องบนต่างหากที่เป็จิ้งจอกตัวใหญ่สุด คิดแผนการอย่างชาญฉลาด!
“ใต้เท้าไป๋ เ้ายังมีความเห็นอื่นอีกหรือไม่?”
“นี่...”
แม้ว่าหนิงเอ๋อร์จะได้เป็ไท่จื่อเฟยสมปรารถนา ทว่าเขาไม่ค่อยพอใจนักที่ไป๋เซี่ยเหอได้เป็ชายาเซ่อเจิ้งอ๋อง ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลา เขาไร้หนทางจะควบคุมนาง หากนางมีบรรดาศักดิ์เป็ถึงชายาเซ่อเจิ้งอ๋องอีกละก็...
ฮ่องเต้มองไป๋เสียนอันที่ยังคงแบกหวายอยู่ข้างหลัง คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย “เหตุใดเ้าถึงแบกหวายมาด้วย?”
“กระหม่อมไม่มีความเห็น ไม่มีเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
นี่คือการข่มขู่อย่างโจ่งแจ้ง!
ทว่าไป๋เสียนอันต้องยอมอย่างเสียไม่ได้
ฮ่องเต้พึงพอใจมาก เขาโบกมือยกใหญ่ “เช่นนั้นก็ตามนี้ พวกเ้าแยกย้ายกันไปได้แล้ว”
ไป๋หว่านหนิงจงใจเดินเฉียดเข้าใกล้ไป๋เซี่ยเหอ จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน “ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าเซ่อเจิ้งอ๋องไม่ชอบใกล้ชิดกับสตรี เ้ารอความตายได้เลย”
ผู้คนแทบทั้งเมืองหลวงต่างรู้เื่นี้ เคยมีบุตรีบางคนของขุนนางใหญ่ลอบเข้าไปยังที่พักของเขายามมีงานเลี้ยงในวัง ผลลัพธ์คือถูกคบดาบฟันจนร่างและศีรษะกระเด็นไปคนละที่
นับั้แ่นั้นเป็ต้นมา ต่อให้มีคนชมชอบเซ่อเจิ้งอ๋องมากเพียงใด ก็ไม่มีผู้ใดกล้าบุ่มบ่ามอีก
“ฝ่าา เหตุใดท่านถึง...”
ฮ่องเต้ลูบหลังมือของฮองเฮาอย่างปลอบโยน “เ้าวางใจเถิด ข้ารู้ว่านางเป็ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้าเหมือนกัน ข้าไม่ทำร้ายนางหรอก”
“แต่เซ่อเจิ้งอ๋อง...”
“เขาไม่เคยเข้าร่วมความครึกครื้นใดๆ ยิ่งไม่เคยพูดออกตัวแทนผู้ใด และไม่เคยช่วยหาทางลงให้ผู้ใดมาก่อน”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
แววตาของฮ่องเต้เป็ประกาย จวนของเซ่อเจิ้งอ๋องไม่มีสตรีสักคนเดียว หากแม่หนูเซี่ยเหอทำให้เขาชมชอบได้จริงๆ ก็ถือเป็ทางเลือกที่ไม่เลว
“ข้าเองก็มีความเห็นแก่ตัวเหมือนกัน หากชาตินี้ไม่ได้เห็นน้องชายมีครอบครัว ข้าคงไม่อาจให้อภัยตนเองได้”
นิ้วมือขาวผ่องราวกับหยกของฮองเฮาลูบไล้คิ้วที่ขมวดมุ่นด้วยความโศกเศร้าของฮ่องเต้ ก่อนจะเอ่ยด้วยแววตาแน่วแน่ “ข้าเชื่อว่าแม่หนูเซี่ยเหอเป็เด็กดี”
เมื่อไป๋เซี่ยเหอและไป๋หว่านหนิงเดินมาถึงหน้าประตูตำหนัก ฮั่วิเชินก็รออยู่ก่อนแล้ว
ไป๋หว่านหนิงรีบเดินไปที่ข้างกายของฮั่วิเชินอย่างเป็ธรรมชาติ จากนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มหวานและอ่อนโยน “พี่เชิน ท่านรอข้าอยู่หรือเ้าคะ?”
เมื่อไป๋หว่านหนิงคิดว่าตนเองจะได้เป็ไท่จื่อเฟย นางก็แทบเป็ลมไปด้วยความสุข
ผู้ใดจะรู้ว่าฮั่วิเชินจะเบี่ยงตัวออกห่างไป๋หว่านหนิงแล้วเดินมาตรงหน้าไป๋เซี่ยเหอ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง “เ้าวางใจเถิด ข้าจะช่วยเ้าเอง”
ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกสับสน “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“สาเหตุเป็เพราะข้าที่ทำให้เ้าไม่ได้เป็ไท่จื่อเฟย แต่เ้าวางใจเถิด ข้าจะเก็บตำแหน่งชายารองไว้ให้เ้า ข้าจะไม่ยอมให้เ้าตบแต่งเข้าจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง และพบกับจุดจบของหญิงงามอาภัพเป็แน่”
ไป๋เซี่ยเหอกลอกตาอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์
เ้าช่วยปล่อยให้ข้าเป็หญิงงามอาภัพทีเถิด!
นางหัวเราะแหะๆ ออกมาสองทีด้วยท่าทางเสแสร้ง “เช่นนั้นก็ขอบคุณจริงๆ”
ความรู้สึกอยากจะปกป้องหญิงสาวตรงหน้าของฮั่วิเชินะเิออกมาทันที หลังจากพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เขาก็หมุนกายจากไป
ไป๋หว่านหนิงถลึงตามองไป๋เซี่ยเหอแล้วรีบเดินตามฮั่วิเชินไป
ไป๋เซี่ยเหอเดินออกจากตำหนักของฮองเฮาโดยยกมือขึ้นบังแสงแดดที่แยงตาไปตลอดทาง เมื่อมาถึงหน้าประตูวังก็พบกับฝูเอ๋อร์ที่ยืนรออยู่ “แสงแดดวันนี้ชวนให้หงุดหงิดนัก พวกเราไปเดินเล่นข้างนอกแล้วค่อยกลับเถิด”
พวกนางให้คนขับรถม้ากลับจวนไปก่อน จากนั้นไป๋เซี่ยเหอก็พาฝูเอ๋อร์เดินทอดน่องไปเรื่อยๆ
“คุณหนูอารมณ์ไม่ดีหรือเ้าคะ?” ฝูเอ๋อร์เห็นสีหน้าของไป๋เซี่ยเหอดูไม่ดีนัก จึงถามอย่างระมัดระวัง
“อืม”
ฝูเอ๋อร์เม้มปาก “คุณหนู บ่าวได้ยินว่าไท่จื่อกับคุณหนูรอง...ท่านโมโหเื่นี้กระมัง”
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับไท่จื่อแล้ว”
นางโมโหที่สตรีในยุคนี้ไม่มีสิทธิมนุษยชนแม้แต่น้อย กว่าจะล้มเลิกการหมั้นหมายของไท่จื่อได้ก็นับว่ายากลำบากมาก ทว่าเพียงชั่วพริบตาก็ถูกประทานสมรสอีกครา
ทว่านางทำได้เพียงยอมรับ ไม่อาจปฏิเสธได้ มิฉะนั้นจะเป็การขัดต่อพระราชโองการ
แม้ว่านางจะไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับฮั่วเยี่ยนไหว ทว่าการชมชอบถือเป็เื่หนึ่ง และการถูกบังคับก็ถือเป็อีกเื่หนึ่ง
หลังจากได้ฟังเื่ราวทั้งหมด ฝูเอ๋อร์ก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เหลาเหยี่ยทำเช่นนี้กับท่านได้อย่างไรเ้าคะ? เกินไปจริงๆ ยังมีคุณหนูรองอีก น่าไม่อายเกินไปแล้วเ้าค่ะ”
“ไม่เป็ไร ข้าเองก็ไม่อยากตบแต่งให้ไท่จื่อเหมือนกัน”
“แต่ว่าคุณหนู ท่านต้องตบแต่งให้เซ่อเจิ้งอ๋องจริงๆ หรือเ้าคะ? บ่าวได้ยินมาว่าเซ่อเจิ้งอ๋องอารมณ์รุนแรง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ทั้งเ็าและไร้ไมตรี...”
น้ำเสียงของฝูเอ๋อร์ค่อยๆ เบาลงก่อนจะเจือไปด้วยเสียงสะอื้น คุณหนูของนางน่าสงสารนัก
ไม่มีบิดามารดาทะนุถนอมั้แ่เล็ก ถูกทารุณให้น้อยเนื้อต่ำใจ มาตอนนี้ก็ถูกล้มเลิกการหมั้นหมายกับไท่จื่อ ไม่ต้องพูดถึงเื่ที่ว่าต้องถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ ทั้งยังถูกประทานสมรสให้คนเช่นนี้อีก
เมื่อนึกถึงข่าวที่เซ่อเจิ้งอ๋องฟันสตรีออกเป็สองท่อน นางก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวและกังวล
นางไม่อยากให้คุณหนูอายุสั้น!
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของฝูเอ๋อร์เปลี่ยนเป็สีดำคล้ำและซีดเผือดสลับกันไม่หยุด ไป๋เซี่ยเหอก็ทั้งอารมณ์ดีทั้งขบขัน ก่อนจะยกมือขึ้นดีดหว่างคิ้วของฝูเอ๋อร์
“เ้าคิดเพ้อเจ้ออะไรอยู่? เซ่อเจิ้งอ๋องดีกว่าไท่จื่อนัก”
“ท่านรู้จักเซ่อเจิ้งอ๋องหรือเ้าคะ?”
“อืม”
“ในเมื่อรู้จักกัน เซ่อเจิ้งอ๋องคงไม่บั่นคอคุณหนูแล้วสิเ้าคะ?”
ไม่เพียงแค่รู้จัก ทว่ายังเคย ‘ร่วมเรียงเคียงหมอน’ กันมาเนิ่นนานแล้ว
เพียงแต่ตอนนี้นางอยู่ในร่างมนุษย์ แล้วนางควรเผชิญหน้ากับฮั่วเยี่ยนไหวอย่างไรดี?
ปวดศีรษะจริงๆ
ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงได้มีเศษเสี้ยวความหวังอยู่ภายในใจ
บางทีอาจเป็เพราะว่าฮั่วเยี่ยนไหวคือคนแรกที่ให้ความอบอุ่นกับนางหลังจากหลงมาที่ยุคนี้กระมัง
“คุณหนู เบื้องหน้ามีคนเยอะเลยเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอมองตามสายตาของฝูเอ๋อร์ไป คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะเดินมาที่นี่โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“คุณหนู นั่นคือสถานที่เช่นไรกันเ้าคะ? ดูครึกครื้นนักเ้าค่ะ”
“นั่นคือบ่อนพนันว่านก้วน”
แม้ว่าจะเปลี่ยนเ้าของแล้ว ทว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกิจการของบ่อนพนันแม้แต่น้อย กระทั่งรุ่งเรืองกว่าเมื่อก่อนเสียด้วยซ้ำ
ความพึงพอใจที่ไป๋เซี่ยเหอมีต่อจิ่วหานเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน อันที่จริงจิ่วหานไม่ได้ลงชื่อในสัญญาทาส ดังนั้นแม้ว่าเขาจะจากไป นางก็ไม่มีสิทธิที่จะไล่ตาม
ทว่าเขาไม่เพียงแต่ไม่จากไป ยังบริหารจัดการให้บ่อนพนันเฟื่องฟูยิ่งขึ้นไปอีก ถือเป็พร์ที่หาได้ยากจริงๆ
เมื่อฝูเอ๋อร์ได้ยินว่าเป็บ่อนพนัน ความตื่นเต้นบนใบหน้าก็หายไปทันที ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ไป๋เซี่ยเหอ “คุณหนู ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็บ่อนพนันหรือเ้าคะ? บ่าวจะบอกให้ว่าบ่อนพนันไม่ใช่สถานที่ที่ดีอะไรหรอกเ้าค่ะ”
“เพราะเหตุใด?”
“บ่าวเองก็พูดไม่ถูก แต่มันเป็สถานที่ที่คุณหนูไม่ควรย่างกรายเข้าไปโดยเด็ดขาด หากมีคนรู้เข้าชื่อเสียงของคุณหนูจะเสื่อมเสีย คุณหนูอย่าได้ให้ความสนใจกับสถานที่พรรค์นั้นเป็อันขาดเชียวนะเ้าคะ”
ความเคร่งขรึมและความจริงจังบนใบหน้าของฝูเอ๋อร์ทำให้นางดูราวกับเป็ผู้ใหญ่ตัวน้อยก็ไม่ปาน
ไป๋เซี่ยเหอคิ้วกระตุก ไม่เพียงแต่นางจะย่างกรายเข้าไปแล้วเท่านั้น หากฝูเอ๋อร์รู้ว่าบ่อนพนันว่านก้วนเป็กิจการของนาง อีกฝ่ายจะกรีดร้องออกมาหรือไม่?
“เข้าใจแล้ว”
เพื่อที่จะไม่ทำร้ายหัวใจดวงน้อยอันบอบบางของฝูเอ๋อร์ ไป๋เซี่ยเหอจึงเลือกที่จะเก็บเื่นี้เป็ความลับชั่วคราว
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้