ไป๋เหล่าฮูหยินรู้สึกพึงพอใจกับท่าทางของลู่เป๋าเหยา “เอาเถิด เ้าดูแลจวนสกุลไป๋ที่ยิ่งใหญ่ปานนี้เพียงผู้เดียวก็ไม่ง่ายดายเหมือนกัน อีกประเดี๋ยวให้เหอเอ๋อร์ไปอาศัยอยู่ที่เรือนสุ่ยฉิงแล้วกัน”
ระหว่างที่ไป๋เหล่าฮูหยินพูดก็ลอบสังเกตท่าทีของไป๋เซี่ยเหอไปด้วย เพียงแต่น่าเสียดายที่ไป๋เซี่ยเหอก้มศีรษะ จึงไม่อาจแยกแยะอารมณ์ของนางได้
เรือนสุ่ยฉิงนั้นดีกว่าเรืองหลังนี้ไม่รู้กี่เท่า ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเรือนของไป๋หว่านหนิงก็ยังคงด้อยกว่า
เพียงแต่เดิมทีไป๋เซี่ยเหอก็ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว จวนสกุลไป๋เป็เพียงที่พักชั่วคราวของนางเท่านั้นเอง
เมื่อไม่สามารถสังเกตท่าทีของไป๋เซี่ยเหอได้ ไป๋เหล่าฮูหยินก็ยอมแพ้ นางเป็บุตรีของสกุลไป๋ หากกล้าไม่ช่วยเหลือสกุลไป๋ ก็เพียงข่มขู่ว่าจะไล่นางออกจากตระกูล ไป๋เหล่าฮูหยินไม่เชื่อหรอกว่านางจะไม่กลัว!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ไป๋เหล่าฮูหยินก็หันศีรษะจากไป
แววตาของลู่เป๋าเหยาเป็ประกาย นางเหลือบมองไป๋เซี่ยเหอก่อนจะเอ่ย “คืนนี้ข้าจะตระเตรียมเรือนหลังใหม่ให้เรียบร้อย ยังขาดสาวใช้อีกจำนวนหนึ่ง แล้วข้าจะหามาให้!”
ไป๋เซี่ยเหอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเยือกเย็น ไม่พูดไม่จา
เดิมทีก็เป็สิ่งที่ควรทำไม่ใช่หรือ?
เพียงแต่น่าเสียดายที่เ้าของร่างจากไปเร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นคงตื่นจากห้วงฝันด้วยรอยยิ้มเป็แน่
ลู่เป๋าเหยากัดฟัน “วันนี้เป็วันดีของหนิงเอ๋อร์ คุณหนูใหญ่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงในจวนของเราหรือไม่?”
ลู่เป๋าเหยาตระหนักว่าหากเป็เมื่อก่อน ไป๋เซี่ยเหอคงดีอกดีใจไปนานแล้วที่ได้รับคำเชิญ ทว่าตอนนี้นางคาดเดาไม่ได้เลยว่าไป๋เซี่ยเหอคิดอะไรอยู่ ทั้งยังควบคุมอีกฝ่ายไม่ได้ด้วย
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างย่ำแย่ยิ่งนัก!
ราวกับกลืนแมลงวันหัวเขียวเข้าไปทั้งเป็ก็ไม่ปาน
“ต้องดูอารมณ์ของข้าก่อน!”
ลมหายใจของลู่เป๋าเหยาติดขัด นางดูมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด
จากนั้นนางก็พาสาวใช้ของนางจากไป
เมื่อคนอื่นไปหมดแล้ว ฝูเอ๋อร์ก็ลากร่างกายที่อ่อนแรงมาหาไป๋เซี่ยเหอด้วยท่าทีตื่นเต้นเป็พิเศษ “ยินดีด้วยเ้าค่ะคุณหนู ในที่สุดปัญหาก็หมดไปสักที”
แม้ว่าฝูเอ๋อร์จะไม่เคยไปที่เรือนสุ่ยฉิงมาก่อน ทว่าเคยได้ยินมาว่าการประดับตกแต่งของที่นั่นงดงามอย่างยิ่ง ถึงแม้จะเล็กไปหน่อย ทว่าจุดเด่นก็คือสระน้ำขนาดเล็กที่มีหินไข่ห่าน ทั้งยังปลูกดอกบัวในคิมหันตฤดู เรียกได้ว่างดงามจนชื่นชมได้ไม่หมด
ยังไม่ทันได้ย้ายไป ฝูเอ๋อร์ก็เพ้อฝันถึงชีวิตอันงดงามเสียแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูตั้งตารอของฝูเอ๋อร์ ถึงแม้ไป๋เซี่ยเหอจะไม่้าขัดนาง ทว่าหากคิดที่จะใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่อันโหดร้ายแห่งนี้ต่อไปละก็ ความไร้เดียงสาเช่นนี้จะก่อให้เกิดอันตราย
ไป๋เซี่ยเหอเห็นการปกป้องของฝูเอ๋อร์เมื่อครู่แล้ว หากจะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็คงโกหก
ดังนั้น นางจะคุ้มครองสาวใช้ตัวน้อยคนนี้เอง!
“ไม่ ปัญหาไม่ได้หมดไป” เมื่อเห็นสายตาอันงุนงงของฝูเอ๋อร์ ไป๋เซี่ยเหอก็กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “พวกเรามองหน้าลู่เป๋าเหยาไม่ติดแล้ว!”
ฝูเอ๋อร์ที่เติบโตมาในจวนแห่งนี้พร้อมกับไป๋เซี่ยเหอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าลู่เป๋าเหยามีนิสัยแค้นต้องชำระ นางหน้าซีดทันที “เช่นนั้นหากวันหน้าพวกเราไม่ยั่วยุนาง คงไม่เป็อะไรกระมังเ้าคะ!”
เพียงแต่น้ำเสียงของนางกลับเบาลงเรื่อยๆ
หลายปีมานี้ พวกนางไม่เคยยั่วยุใครก่อน ทว่าแล้วเป็อย่างไรเล่า?
ไป๋เซี่ยเหอปรายตาไปยังตำแหน่งห้องโถงใหญ่ของจวนสกุลไป๋ ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังและเ็า “ฝูเอ๋อร์ เ้าต้องรู้ไว้ด้วยว่า มีหลายครั้งที่การประนีประนอมไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆ”
การที่เ้ายอมประนีประนอมเป็การแสดงออกถึงความอ่อนแอของตนเอง และทำให้เ้าดูน่ากลั่นแกล้งในสายตาของผู้อื่นเท่านั้น
ฝูเอ๋อร์พยักหน้าแล้วจดจำไว้
แม้ว่านางจะไม่ค่อยเข้าใจนัก ทว่านางก็รู้ว่าคำพูดของคุณหนูนั้นถูกต้องเสมอ!
แม้นางจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ คุณหนูถึงได้เปลี่ยนไปราวกับคนละคน ทว่านางชื่นชอบคุณหนูในตอนนี้นัก อย่างน้อยพวกนางก็จะไม่ถูกรังแกอีกต่อไปแล้ว!
“เช่นนั้นเราจะไปงานเลี้ยงไหมเ้าคะ?”
ไป๋เซี่ยเหอครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า “ไป!”
เมื่อนึกถึงท่าทีของลู่เป๋าเหยายามที่อีกฝ่ายกำลังจะจากไป ไป๋เซี่ยเหอก็รู้ทันทีว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ แทนที่จะให้ศัตรูอยู่ในที่ลับ มิสู้นางออกไปเผชิญหน้าดีกว่า
นางอยากรู้ว่าพวกนางสองแม่ลูกยังมีความสามารถใดอีก!
ทางฝั่งของงานเลี้ยงในเวลานี้
ไป๋หว่านหนิงสวมอาภรณ์สีแดงดูหรูหราที่นางหยิบมาสวมน้อยครั้งยิ่ง สีของอาภรณ์ขับผิวพรรณของนางให้ขาวยิ่งกว่าหิมะ ส่วนเครื่องหน้าก็วิจิตรงดงาม มองแล้วน่าเย้ายวนยิ่งนัก อีกทั้งนางยังมีรูปโฉมที่เพริศพริ้ง
นางชอบสวมอาภรณ์สีขาวยามอยู่ต่อหน้าผู้คน เพราะมันทำให้นางดูสง่างามและเลอค่ายิ่งกว่าดอกบัวขาว แต่เมื่อสวมชุดกระโปรงสีแดงในวันนี้ ก็ทำให้ผู้คนตาเป็ประกายอย่างอดไม่ได้
ตอนนี้นางกำลังเดินโฉบไปมาท่ามกลางบรรดาสตรีสูงศักดิ์ เมื่อเห็นร่างของมารดา นางก็รีบรุดเข้าไปหา ก่อนที่ทั้งสองจะเดินหลบไปด้านข้าง
“ท่านแม่ ทำไมถึงได้หายไปนานล่ะเ้าคะ? นางแพศยาคนนั้นไม่ได้อยู่ในเรือนจริงหรือ? เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับนางดี...” เมื่อนึกถึงหญิงสาวผู้นั้น คิ้วของไป๋หว่านหนิงก็กระตุก ในใจเต็มไปด้วยความขยะแขยง
“อยู่” ลู่เป๋าเหยาปิดบังความไม่สบอารมณ์ในน้ำเสียงเอาไว้ “เริ่มทำตามแผนการได้ คราวนี้ข้าจะทำให้นางลุกขึ้นยืนไม่ได้อีก!”
สีหน้าของลู่เป๋าเหยาดูอัปลักษณ์อย่างยิ่ง แววตาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ส่วนใบหน้าก็แฝงไว้ด้วยความอาฆาตแค้นที่ปิดไม่มิด!
ท่าทีของไป๋หว่านหนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางไม่แน่ใจว่าตนเองคิดไปเองหรือไม่ว่าหลังจากมารดากลับมาแล้ว อารมณ์ดูเหมือนจะผิดปกติเล็กน้อย
“ท่านแม่ ท่านไม่สบายตรงไหนหรือไม่เ้าคะ?” ไป๋หว่านหนิงถามพลางยื่นมือออกไป
ลู่เป๋าเหยาเบือนหน้าหนี ก่อนจะหันหลังให้ด้วยกลัวว่าจะถูกบุตรสาวพบเห็นรอยเปื้อนบนกระโปรงเข้า “แม่ไม่เป็ไร แค่เหนื่อยเล็กน้อย เ้าอย่าลืมทำตามแผนการเป็อันขาด แม่จะกลับไปพักสักครู่”
ไป๋หว่านหนิงเก็บมือที่ชะงักค้างอยู่กลางอากาศกลับมา นางรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ทว่าเมื่อคิดถึงสิ่งที่ไป๋เซี่ยเหอจะได้ประสบในอีกไม่ช้า สิ่งต่างๆ ก็ดูเหมือนไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง
“เข้าใจแล้วเ้าค่ะ เช่นนั้นท่านแม่ก็พักผ่อนดีๆ เถิด”
หลังบอกลาลู่เป๋าเหยา ไป๋หว่านหนิงก็กลับไปรวมกลุ่มกับเหล่าสตรีสูงศักดิ์อีกครา ก่อนจะพูดคุยและหัวเราะกับพวกนาง
เพียงแต่สายตาของนางมักเหลือบมองไปข้างๆ เป็ครั้งคราวโดยไม่รู้ตัว
“หนิงเอ๋อร์ เ้ากำลังรอใครอยู่หรือ?”
ผู้ที่ถามขึ้นคือองค์หญิงหก
ตามหลักแล้ว งานเลี้ยงที่จัดขึ้นภายในจวนขุนนางย่อมไม่สามารถเชิญองค์หญิงของราชวงศ์มาร่วมงานได้ ทว่าผู้ที่จัดงานเลี้ยงคือไป๋หว่านหนิง นางจะทำให้สหายคนสนิทเสียหน้าได้อย่างไร
“ข้ากำลังรอพี่สาวของข้าอยู่”
สีหน้าของฮั่วอวิ๋นเยียนพลันมืดลงทันที ราวกับมีคำว่า ‘ข้าไม่สบอารมณ์!’ เขียนไว้เต็มหน้า
“เ้ารอนางไปทำไมกัน? อย่าบอกนะว่าเ้าเชิญนางมาร่วมงานด้วยน่ะ หนิงเอ๋อร์ ข้าจะบอกให้นะว่าข้าไม่อยากเจอหญิงสาวที่น่ารังเกียจผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย”
แต่เดิมนั้นองค์หญิงหกเพียง ‘พาลเกลียด’ ไป๋เซี่ยเหอตามไป๋หว่านหนิงเท่านั้น ทว่านับั้แ่เกิดเื่ขึ้นในวัง นางก็เกลียดไป๋เซี่ยเหอเข้าแล้ว
เกลียดที่อีกฝ่ายเก่งกาจปานนั้น ทั้งยังช่างจำนรรจาและช่วยชีวิตคนได้อีก!
“น่าเสียดายที่ข้าทำให้ท่านผิดหวังเสียแล้วองค์หญิงหก!”
ผู้ที่ย่างกรายเข้ามาจากประตูโค้ง หากไม่ใช่ไป๋เซี่ยเหอแล้วจะเป็ใคร?
นางสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าน้ำทะเล ลวดลายที่ปักบนชุดเปล่งแสงสีเงินเข้มระยิบระยับตามจังหวะการก้าวเดิน เส้นผมสีดำขลับมัดครึ่งศีรษะ แม้ว่าใบหน้าจะยังไม่เติบโตเต็มที่ ทว่าั์ตาหงส์อันวิจิตรคู่นั้นกลับแฝงไว้ด้วยความเอ้อระเหยและความเ้าเล่ห์
ฮั่วอวิ๋นเยียนกระทืบเท้าอยู่กับที่ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังไป๋เซี่ยเหอแล้วเอ่ยกับไป๋หว่านหนิงว่า “หนิงเอ๋อร์ เ้าก็รู้ว่าข้าไม่อยากเจอนาง ทว่าเ้ากลับเชิญนางมา หากวันนี้นางไม่ไป ข้าก็จะไปเอง การตัดสินใจล้วนขึ้นอยู่กับเ้าแล้ว!”
ชิ องค์หญิงช่างวางท่าใหญ่โตเสียจริง
ไป๋เซี่ยเหอนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่สนใจองค์หญิงหกที่กระทืบเท้าอยู่ ท่าทางไม่สะทกสะท้านของนางนั้นดูราวกับเป็เพียงผู้ชมที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเื่นี้
ไป๋หว่านหนิงรู้สึกโมโหกับความงี่เง่าของฮั่วอวิ๋นเยียนอยู่บ้าง ไป๋เซี่ยเหอเป็ถึงตัวเอกในงานนี้ นางย่อมไม่อาจจากไปได้!
“เยียนเอ๋อร์ ถึงอย่างไรพี่สาวก็เป็บุตรสาวของภรรยาเอกแห่งจวนสกุลไป๋ เ้าทราบดีว่าข้าไม่อาจทำเช่นนั้นได้” ไป๋หว่านหนิงหลุบตาลง ด้วยท่าทีที่ดูราวกับกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
ฮั่วอวิ๋นเยียนหายโกรธไป๋หว่านหนิงทันที “เง็กเซียนฮ่องเต้ช่างตาบอดเสียจริง ไป๋เซี่ยเหอคนนั้นคู่ควรที่จะเป็บุตรสาวของภรรยาเอกตรงไหนกัน!”
ถ้อยคำนี้แทงใจไป๋หว่านหนิงยิ่งนัก เพียงแต่ตอนนี้นางไม่อยากถือสา เพราะนางจะทำให้ไป๋เซี่ยเหอหายตัวไปตลอดกาล!
และจากนี้ไปจะไม่มีผู้ใดขวางทางนางได้อีก!
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้