ในสนามรบร้างโบราณที่กว้างใหญ่ราวกับไร้ขอบเขต
ที่นี่เคยมีาเกิดขึ้นมากมาย เคยเป็สถานที่เจริญรุ่งเรือง แต่สุดท้ายก็ต้องจมหายไปในทะเลทรายและไม่เหลืออะไรทิ้งไว้เลย ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ยังซีดเซียว ทะเลทราย ท้องฟ้า ความบริสุทธิ์และสีเทาๆ ของท้องฟ้ามันทำให้เกิดความรู้สึกสิ้นหวังกับความหดหู่
และบนท้องฟ้าสีเทาที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้ ก็มีอสูรสัตว์ปีกสองตัวที่กำลังบินมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ บินผ่านกลุ่มเมฆและหายลับไป
เ้าอสูรสัตว์ปีกสองตัวนั้น ตัวหนึ่งอยู่ด้านหน้าตัวหนึ่งอยู่ด้านหลัง ด้านหน้ามีชายหนุ่มคนหนึ่งขี่อยู่ ดวงตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ส่วนด้านหลังเป็สาวสวมชุดกระโปรงแดง และขี่อยู่บนกระเรียนสีขาวราวกับเซียน
และสองคนนี้ก็คือิอวี่และเิหยูเยียนนั่นเอง
พวกเขาบินอยู่ที่ทะเลทรายนี่มาสามวันแล้ว ผ่านซากปรักหักพังไปหลายแห่ง เพราะยังไม่ถึงเป้าหมาย พวกเขาก็เลยยังเดินทางอยู่อย่างต่อเนื่อง
ในตลอดสามวัน ิอวี่รู้สึกว่าวิหคัปีกมืดของเขานั้นยิ่งบินยิ่งเร็วขึ้น และเหมือนจะเร็วกว่าก่อนหน้านี้มาก
เขายังพบว่าขนของมันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ปีกของเ้าวิหคัปีกมืดเริ่มมีขนสีทองที่ค่อนข้างหนาตรงแถบ้า และขนสีทองนั้นเริ่มแทรกกระจายไปกับปีกสีดำของมัน
ด้านล่างของขนสีทองยังคงมีขนสีดำอยู่ แต่เมื่อมีแสงส่องลงมาขนสีทองนั้นก็จะเปล่งประกายอร่าม มันเหมือนแผ่นมีดที่เปล่งแสงแวววาวของโลหะออกมา ดูงดงามอย่างมาก!
ขนของมันหนักและหนากว่าอสูรในระดับเดียวกันมาก และมีความคงทนมากกว่าห้าถึงสิบเท่าตัว!
นั่นก็หมายความว่า ตอนนี้เ้าวิหคัปีกมืดนั้นเหมือนสวมเสื้อเกราะสวยงาม มีพลังการโจมตีและป้องกันเพิ่มขึ้นอย่างมาก!
หากมองดูดีๆ แล้วก็จะพบว่าสัดส่วนของขนเ้าัปีกมืดนั้นดูเนียนตา ปากยังคงเป็สีดำแต่สีของมันเงางามขึ้นมาก ดวงตาเป็สีดำ สายตาดูเป็ประกาย มีความดุดันในตัว หากมันยืนอยู่นิ่งๆ ก็เหมือนรูปปั้นแกะสลักที่ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกถึงความงดงาม
ความรู้สึกที่ว่าวิหคัปีกมืดนั้นดูดีมาก เป็เพราะการเปลี่ยนแปลงของมันไม่ใช่แค่ภายนอกเท่านั้น แต่ยังมีส่วนภายในด้วย
กล้ามเนื้อของมันแน่นขึ้น อวัยวะภายในก็เต็มไปด้วยพลัง เืลมพลุ่งพล่าน พลังงานเปี่ยมล้น ไม่ว่าจะเป็พละกำลัง ความอดทน หรือว่าปฏิกิริยาตอบสนอง ล้วนแต่ดีขึ้นอย่างมาก!
เดิมที สัดส่วนของเ้าวิหคัปีกมืดนั้นเพรียวบางสามารถต้านลมได้เป็อย่างดีอยู่แล้ว เมื่อบวกกับพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม ก็ทำให้เวลาที่มันกระพือปีกนั้นสามารถพุ่งบินออกไปได้ด้วยความรวดเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ เหมือนลูกศรที่เจาะทะลุเมฆทะลุอากาศ
ภายนอกดูดี พอเคลื่อนไหวทีก็เต็มกำลังและมีความรวดเร็ว!
ถูกต้อง ผ่านมาสามวัน เ้าวิหคัปีกมืดเลื่อนจากอสูรระดับเก้ามาเป็ระดับเก้าสูงสุด
หรือก็คือ ตอนนี้เ้าวิหคัปีกมืดเป็อสูรระดับสิบแล้ว!
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเ้าวิหคัปีกมืดมันพัฒนาไปรวดเร็วมากจริงๆ
ที่บอกว่ามันมีพัฒนาการที่เร็วมาก เพราะอสูรระดับเก้าส่วนใหญ่จะใช้เวลากว่าหลายปีในการพัฒนาไปเป็อสูรระดับสิบ ต่อให้เ้าวิหคัปีกมืดจะเจอของล้ำค่า แต่ว่าสามารถพัฒนามาถึงระดับนี้ภายในสามเดือนได้ก็ถือว่าเหลือเชื่อมากแล้ว
ิอวี่รู้ดีว่าการกลายพันธุ์ของเ้าวิหคัปีกมืดใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่วิหคัปีกมืดไปถึงระดับาา มันก็จะเป็การวิวัฒนาการที่แท้จริง และก่อนจะถึงเวลานั้น ิอวี่ก็รู้สึกได้แล้วว่าวิหคัปีกมืดมีการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวมาก
พูดได้ว่า ตอนนี้ความเร็วของเ้าวิหคัปีกมืดมันเหนือกว่าอสูรสัตว์ปีกของศิษย์ทุกคนที่อยู่ในสนามรบร้างโบราณ ดูจากความเร็วในตอนนี้ ิอวี่ออกเดินทางทีหลังแต่น่าจะมาถึงก่อน เขามาถึงทะเลทรายทางเหนือก่อนศิษย์ชั้นยอดคนอื่น
“ิอวี่ ช้าหน่อย”
กระเรียนขาวของเิหยูเยียนบินแบบกินแรงมาก สามวันที่ผ่านมา เ้ากระเรียนขาวเดินทางจนแทบหมดแรง ใกล้จะตามิอวี่ไม่ทันแล้ว
“ช่างเถอะ เ้าตามความเร็วของข้าไม่ทันแต่แรกแล้ว ภารกิจครั้งนี้อันตรายมาก หากไม่ไหวจริงๆ เ้าบีบหยกกลับไปก่อนได้เลยนะ”
ิอวี่หันหน้ามามองเิหยูเยียน เขารู้สึกว่าความจริงมันเป็แบบนี้ เขาไม่ได้ล้อเล่น
“ข้าไม่เอา”
เิหยูเยียนส่ายหน้าอย่างหัวดื้อ ไม่รู้ว่าทำไมนางก็อยากจะอยู่กับิอวี่ แค่คิดว่าิอวี่หายไปจิตใจรู้สึกหวั่นไหวมาก
ิอวี่เองก็ส่ายหน้าด้วยความจนใจ แล้วก็เร่งเดินทางบินต่อไป ตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เริ่มเห็นจุดดำๆ ที่อยู่ด้านหน้าบริเวณทะเลทราย ...
มีคน!
ในใจของิอวี่นั้นเริ่มตื่นเต้น เขาเปิดััแห่งิญญาขึ้นมาแล้วก็จ้องมองไปด้านหน้า ...
......
ในทะเลทรายนั้นไร้ขอบเขต เวลานี้มีศิษย์ประมาณแปดเก้าคนรวมกลุ่มกันอยู่
ศิษย์แบ่งแยกกันเป็สองกลุ่ม ทางด้านขวามีอยู่ประมาณสามคน พวกเขาเงยหน้าขึ้นอย่างผ่าเผย ส่วนด้านซ้ายนั้นต่างก้มหน้าลง ท่าทางดูอดสูมาก
“อะไรกัน เ้าจะให้ข้าลงมือเองหรืออย่างไร?” คนที่อยู่ด้านขวามือมีรูปร่างเตี้ยและตัวเล็กเหมือนลูกลิง เขามองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังพูดอยู่
ชายคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ เทียบกับคนตัวเล็กแล้วใหญ่ประมาณหนึ่ง แต่กลับหดตัว หน้าตาแดงก่ำ และไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มคนนั้นเลย
“เ้าเป็ใบ้ไปแล้วหรือไง?”
ชายตัวผอมตบไปที่หัวของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางของเขาดุมาก “ข้าหวงเฮ่าจะให้โอกาสเ้าอีกครั้งหนึ่ง เอาของมีค่าทั้งหมดในตัวของพวกเ้าออกมา ได้ยินไหม!”
ด้านหลังของหวงเฮ่ามีชายหนึ่งหญิงหนึ่ง พวกเขาเอามือกอดอกและยืนดูอย่างสนุก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พวกเขาทั้งสามคนมาจากสายหรงเหยียน ถึงแม้จะมีจำนวนไม่เท่าสายเลี่ยนเหยียน แต่ทุกคนก็มีขอบเขตอมฤตขั้นที่สองระดับสูงสุด ส่วนห้าคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาที่มีจางเทียนหยางเป็ผู้นำกลุ่มนั้น ก็มีพลังสูงสุดแค่ขอบเขตอมฤตขั้นที่สอง อย่างไรก็สู้พวกเขาสามคนไม่ได้
เดิมทีพวกของหวงเฮ่านั้นก็เตรียมที่จะไปทะเลทรายทางเหนือแล้ว แต่ระหว่างทางบังเอิญเจอพวกของจางเทียนหยางก่อน หลังจากสอบถามและรู้ว่าพวกเขาเป็คนของสายเลี่ยนเหยียน หวงเฮ่าก็เตรียมที่จะรีดไถของจากบนตัวพวกเขาห้าคน
ในสามสายล่าง สายหรงเหยียนกับสายจั่วเหยียนเห็นคนของสายเลี่ยนเหยียนเหมือนหมูเหมือนหมา ที่ศิษย์ของทั้งสองสายนั้นอวดดีแบบนี้เพราะผู้าุโใหญ่ของทั้งสองสายนั้นปล่อยให้พวกเขาทำตามอำเภอใจ
ผู้าุโใหญ่ของพวกเขายังไม่ถูกกับสายเลี่ยนเหยียนเลย ในฐานะศิษย์ พวกเขาจะรังแกคนของสายเลี่ยนเหยียนมันก็สมควรแล้ว
พูดตามตรง พวกหวงเฮ่าคิดว่าคนของสายเลี่ยนเหยียนนั้นต่ำต้อยกว่าพวกเขา คนของสายเลี่ยนเหยียนต่ำกว่าคนของสายหรงเหยียนและสายจั่วเหยียนไม่ใช่แค่ระดับเดียว!
“เรา ... เราเอาของออกมากันหมดแล้วนะ แล้วจะ ... ”
“เพียะ!”
จางเทียนหยางพูดยังไม่ทันจบ หวงเฮ่าก็ตบหน้าเขาทันที “เ้าบ้านี่กล้าเถียงหรือ? เ้าคิดว่าข้าเป็คนโง่หรือไง?”
“ของที่พวกเ้าเอาออกมานั้นมันคืออะไร เป็ของที่พวกเ้าได้มาจากสนามรบร้างโบราณในหลายวันที่ผ่านมา แต่ข้า้าของทั้งหมดของพวกเ้าต่างหาก ไม่เข้าใจหรือไง! หากขัดขืนอีก ข้าจะตัดมือของพวกเ้า แล้วเลาะเอ็นกระดูกของพวกเ้าอีก ไม่เชื่อล่ะก็ ลองดูก็ได้นะ”
พวกของจางเทียนหยางนั้นโกรธมาก ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่สองอย่างพวกเขา ปกติจะได้รับเกียรติอย่างมากในสายเลี่ยนเหยียน แต่ในสนามรบร้างโบราณนี่ กลับถูกคนจากอีกสองสายลบหลู่เกียรติถึงขนาดนี้
หากเป็ไปได้ล่ะก็ จางเทียนหยางก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ ศิษย์คนอื่นด้านหลังเขาเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้
แต่ว่า พวกเขาไม่กล้าที่จะขัดขืน
เพราะเมื่อครู่พวกเขาประมาท ทำให้พวกหวงเฮ่าเข้าใกล้พวกเขาได้ ตอนนี้ต่อให้พวกเขาบีบหยกแตก พวกของหวงเฮ่าก็สามารถเล่นงานพวกเขาได้ภายในสิบวินาที
ถึงแม้จะไม่ฆ่าพวกเขาให้ตาย ต่อให้แค่ตัดมือตัดเท้า สำหรับพวกเขาแล้วก็ถือว่าเสียหายอย่างหนัก!
แต่ในถุงเก็บของของพวกจางเทียนหยางนั้นเป็ทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขา มันมีเหรียญหยกดำจำนวนมากกับยาจูหยวนตัน หากมอบให้อีกฝ่ายไป พวกเขาก็จะกลายเป็ยาจกในทันที
หากไม่มีเหรียญหยกดำกับยาจูหยวนตัน นั่นก็หมายความว่าระดับการฝึกของพวกเขาจะช้าลง ในการแข่งขันที่ดุดันในสำนักเทพอัคคี หากพวกเขาเป็แบบนั้นก็เท่ากับรอความตาย
“พี่ชาย ขอร้องล่ะนะ ... เราเองก็ต้องฝึกเหมือนกัน ท่านก็ปล่อยเราไปเหมือนผายลมได้ไหม ... อย่าได้ตัดมือตัดเท้าของเราเลย เราผิดไปแล้ว ... ” สีหน้าของจางเทียนหยางนั้นน่าสงสารมาก
“ฝันไปเถอะ”
หวงเฮ่าใช้เท้าถีบไปที่หน้าท้องของจางเทียนหยางจนกระเด็นไปด้านหลังแล้วชนเข้ากับอีกสี่คนที่เหลือ
จางเทียนหยางตัวงอเหมือนกุ้ง ท่าทางของเขาดูเ็ปมาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะลุกขึ้นมา เพราะกลัวว่าหากลุกขึ้นมาแล้วหวงเฮ่าจะเล่นงานเขาอีก
หวงเฮ่าเห็นจางเทียนหยางดูไร้ความสามารถก็รู้สึกหมดอารมณ์ ถึงรังแกแบบนี้ต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไร แล้วในหัวของเขาก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ สายตาเริ่มมีความตื่นเต้น “เอาอย่างนี้แล้วกัน อย่ามาโทษว่าข้าไม่ให้โอกาสพวกเ้านะ แต่ละคนคุกเข่าลงแล้วอ้อนวอนข้าสิ หากเ้าทำตัวดีๆ ข้าอาจจะพิจารณาปล่อยพวกเ้าไปก็ได้”
พูดจบ พวกของจางเทียนหยางนั้นก็คุกเข่าเตรียมขอร้องอ้อนวอน
ปกติพวกเขามีทั้งเกียรติและศักดิ์ศรี รู้สึกว่าในใจนั้นแข็งแกร่ง จิตใจเข้มแข็งมาก แต่พออยู่ต่อหน้าความแข็งแกร่งและอำนาจที่แท้จริงแล้วพวกเขาถึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นไร้ความสามารถแค่ไหน
มาถึงขั้นนี้แล้ว ในใจของพวกเขาก็คิดแต่เพียงว่า “ลูกผู้ชายยืดได้หดได้” มาปกปิดความอ่อนแอในใจของพวกเขา
“เดี๋ยวก่อน”
หวงเฮ่ายื่นมือไปห้ามพวกของจางเทียนหยางแล้วพูดว่า “ที่ข้าบอกคือ ข้าจะดูท่าทีอันน่าสมเพชของคนของสายเลี่ยนเหยียนทีละคน ขอร้องไปด้วยแล้วก็พูดว่า 'พวกเราสายเลี่ยนเหยียนล้วนแต่เป็พวกสวะ คู่ควรจะเป็สุนัขรับใช้ของพวกเ้าเท่านั้น ขอให้ท่านปู่ท่านย่าจากสายหรงเหยียนปล่อยพวกเราไปเถอะนะ' ฮ่าฮ่า!”
พอจบประโยค หวงเฮ่าก็หัวเราะขึ้นมา ชายและหญิงด้านหลังก็อดหัวเราะตามไม่ได้เช่นกัน
พอนึกภาพที่ศิษย์ชั้นยอดทั้งห้าคนโขกศีรษะแล้วพูดประโยคนั้น พวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้น!
บางครั้งการทำร้ายจิตใจมันก็ทำให้พวกเขามีความสุขมากกว่าการทำร้ายร่างกาย!
แล้วอีกอย่าง หวงเฮ่าก็ไม่ได้คิดจะปล่อยพวกเขาไปจริงๆ ตอนนี้ก็แค่แกล้งเล่นเท่านั้น เมื่อพวกเขาพูดคำพูดอัปยศพวกนั้นออกมาแล้ว เขาก็ยังจะชิงของในตัวของทุกคนมาอยู่ดี
ความไร้เหตุผลแบบนี้นี่แหละ ที่มันสะใจมาก!
พวกของจางเทียนหยางสีหน้าซีดเซียว หากเป็เมื่อก่อน มีคนบอกให้พูดแบบนั้นออกไป พวกเขาต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน จะต้องบอกว่าการกระทำเ่าั้มันเป็การกระทำของพวกขี้ขลาด เยาะเย้ยว่าคนทำแบบนั้นมันไร้น้ำยา และโอ้อวดตนไปอีกว่าหากเขาเจอเื่แบบนี้คงไม่มีทางยอมทำอย่างแน่นอน
แต่ในความเป็จริงแล้ว หลังจากเจอเื่แบบนี้กับตัว พวกเขาก็เริ่มรู้สึกว่าที่แท้เส้นขอบเขตของพวกเขาก็ไม่ได้สูงอย่างที่คิด
เพื่อไม่ให้ตัวเองาเ็ เพื่อรักษาระดับความเร็วในการฝึก แค่พูดออกไปพวกเขาทำได้ ใช่ พวกเขาถูกบังคับ!
จางเทียนหยางค่อยๆ คลานลุกขึ้นมาอยู่ในท่าคุกเข่าบนกองทราย คนที่มีรูปร่างใหญ่โตกำยำ ในเวลานี้กลับคุกเข่าก้มหัวให้กับหวงเฮ่า
