สิ่งของที่สะดุดตามากที่สุดนั่นคือคน คนเป็ๆ หรือก็คือผู้หญิงที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิดมากนัก
เครื่องแต่งกายของผู้หญิงคนนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ทำให้นางดูมีเสน่ห์เป็พิเศษ
หน้าอกเปลือยเปล่าที่โผล่พ้นเสื้อผ้า เอวคอดที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน สะโพกสูง ขาเรียวคู่หนึ่ง และเมื่อหันมามองที่ใบหน้า ซึ่งหากเทียบกับเสวี่ยปิงหนิงแล้ว นับว่าเทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่เขาก็แอบให้คะแนนในใจไปแปดสิบห้าคะแนน
สิ่งที่ดึงดูดที่สุดคือตัวตนของผู้หญิงคนนี้
ในมือของหญิงสาวถือป้ายที่บอกว่า...เผ่าอวี้ปั้ง
เผ่าอวี้ปั้งเป็เผ่าพันธุ์เล็กๆ เผ่าหนึ่งในจตุรสมุทรที่ให้กำเนิดสาวงามมากมาย พวกชนชั้นสูงของดินแดนเหยียนหวงมักชอบอวดว่ามีผู้หญิงของเผ่าอวี้ปั้งเป็สัตว์เลี้ยงส่วนตัวเสมอ
“หอเซียวเหยานั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
เป็ครั้งแรกที่หลัวเลี่ยมองไปที่หอเซียวเหยาด้วยความชื่นชม
เท่าที่เขารู้ ในเมืองหลวงของแคว้นเป่ยสุ่ย ต่อให้ค้นหาทั่วทุกที่แล้วก็ไม่พบหญิงสาวสวยจากเผ่าอวี้ปั้งเลย และเมื่อพบแล้วขุนนางจำนวนมากจะแห่กันไปหานาง
ลายเส้นเป็ตัวอักษรเล็กๆ บนป้ายในมือของนางค่อนข้างสะดุดตา
เนื้อหาของตัวอักษรเล็กๆ นั้นคือ หากไม่ใช่ผู้ถือตราระดับัเงินเซียวเหยาขึ้นไปไม่สามารถซื้อได้
หลัวเลี่ยเอ่ย “พี่ปิงหนิง...”
“ห้ามซื้อ!” เสวี่ยปิงหนิงยกกำปั้นขึ้นมาขู่เขา
“คนงามรอบตัวข้าล้วนงามกว่ามาก ข้าจะซื้อได้อย่างไร” หลัวเลี่ยไม่สนใจสาวงามจากเผ่าอวี้ปั้ง
จากนั้นเสวี่ยปิงหนิงก็ดึงเขาเข้ามาด้วยความพึงพอใจ
ที่แห่งนี้มีสิ่งของมากมาย รวมถึงสมบัติ อาวุธ ดอกไม้และพืชที่แปลกๆ และสิ่งแปลกๆ อีกมากมาย
หลัวเลี่ยมีรายการสิ่งของอยู่ในมือ ซึ่งอธิบายถึงรายละเอียดของสิ่งของอย่างชัดเจน ดังนั้นแม้ว่าจะเป็สิ่งที่เสวี่ยปิงหนิงไม่รู้รายละเอียด ก็ไม่จำเป็ต้องกังวลเกี่ยวกับเื่นี้อีกต่อไป
สินค้าแต่ละชิ้นจะมีตราสินค้าเพื่อระบุชื่อ รวมถึงราคา หรือความ้าแลกเปลี่ยนอื่นๆ
หากหลัวเลี่ยจะซื้อ เขายังสามารถเปรียบเทียบราคาหน้าสินค้ากับราคาที่ระบุในรายการในมือของเขาได้ เนื่องจากราคาในรายการของเขาอ้างอิงจากตราัเงินเซียวเหยา ซึ่งลดจากราคาจริงหนึ่งในสิบส่วน
และราคาขั้นต่ำของสิ่งของทุกรายการที่นี่ คือมากกว่าหนึ่งแสนเหรียญทอง
เมื่อเดินลงมาแล้วเสวี่ยปิงหนิงก็ซื้อของสองสามอย่างที่มีประโยชน์ต่อนักเวท
สำหรับหลัวเลี่ย เขาแค่มองไปรอบๆ แต่ไม่มีอะไรทำให้หัวใจเขาเต้นแรง กระทั่งเขาเห็นขวดลายครามขนาดเล็ก
ขวดลายครามขนาดเล็กบรรจุโลหิตแห่งคชศึกยอดดารา เพียงแต่มันถูกปนเปื้อน
ราคาสามล้านเหรียญทอง!
หากไม่ถูกปนเปื้อน ราคาคงหลายร้อยล้าน แต่หากปนเปื้อนหมายความว่าการทำงานของมันจะมีผลกระทบอย่างมาก
หลัวเลี่ยจ้องไปที่คำว่า ‘โลหิตแห่งคชศึกยอดดารา’ แล้วประกายแห่งความทรงจำก็แวบเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง ก่อนที่ความทรงจำอันสั้นจะผุดขึ้นมาในทันใด
การปรากฏตัวของความทรงจำสั้นๆ นี้ไม่ได้ทำให้หลัวเลี่ยประหลาดใจ เขาเคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว และความลึกลับที่เกิดจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ทำให้เขาประหลาดใจเสมอ
หลังจากเห็นความทรงจำอันสั้นนี้ หลัวเลี่ยก็หายใจเร็วขึ้น และสายตาของเขาที่มองไปยังโลหิตแห่งคชศึกยอดดาราก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
“เ้า้าไหม” เสวี่ยปิงหนิงถามจากด้านข้าง
หลัวเลี่ยพยักหน้า
เสวี่ยปิงหนิงหยิบป้ายหน้าขวดกระเบื้องขนาดเล็กขึ้นมาแล้วโบกมือ
ทันใดนั้นพนักงานก็รีบมารอรับตราซึ่งหมายถึงการซื้อ
เมื่อพนักงานเห็นตราที่อยู่ในมือของหลัวเลี่ย เอวที่โค้งงออยู่แล้วของเขาก็ยิ่งโค้งงอมากขึ้น
ผู้ที่สามารถถือรายการของสิ่งของทั้งหมดที่นี่ได้ มีเพียงผู้ตราัเงินเซียวเหยาเท่านั้น ใบรายการจึงเหมือนกับการแสดงตัวโดยไม่จำเป็ต้องแสดงตราอีก
“ข้า้าสิ่งนี้” หลัวเลี่ยกล่าว
ก่อนที่พนักงานจะตอบ ก็มีอีกคนเดินเข้ามา “ข้าก็้าเหมือนกัน ข้าให้ห้าล้าน”
คนคนนี้คือหลานฉายหลิง หญิงสาวที่อดีตท่านอ๋องน้อยหลัวเลี่ยไล่ตาม แต่นางกลับเต็มใจจะเป็อนุคนที่เก้าของชงจ้านหยวน
นางมองไปที่หลัวเลี่ยอย่างยั่วยวน
ทว่าหลัวเลี่ยไม่แม้แต่จะมองมาที่นาง และพูดกับพนักงานว่า “ส่งไปให้ข้าที่ห้องรับรองพิเศษหมายเลขสาม”
หลังจากพูดจบ เขาก็พาเสวี่ยปิงหนิงตรงไปที่ห้องรับรองพิเศษหมายเลขสามทันที
ั้แ่ต้นจนจบ เขาไม่ได้มองไปที่หลานฉายหลิงเลย แม้ว่านางจะส่งสายตาเชิญชวนมา แต่เขาไม่ได้สนใจ
พนักงานปฏิบัติตามด้วยความเคารพ เขาถือขวดกระเบื้องขนาดเล็กไว้ในมือทั้งสองข้างแล้วเดินตาม
หลานฉายหลิงเกรี้ยวกราดทันที
เดิมทีเมื่อนางเห็นหลัวเลี่ยและเสวี่ยปิงหนิงที่นี่ นางก็รู้สึกอิจฉาอย่างอธิบายไม่ได้ แม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะเคยลุ่มหลงในตัวนาง และไล่ตามนาง แต่ในตอนนั้นนางกลับเมินเฉย เพราะนางเชื่อว่าหลัวเลี่ยที่ไม่ได้ฝึกฝนวรยุทธ์นั้นไม่มีอนาคต ซึ่งสำหรับผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานเช่นนางนั้นรับเื่นี้ไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้นางกลับกังวลมากที่หลัวเลี่ยจะกลายเป็อ๋องหนานหลี่คนต่อไป
ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างมาก หลัวเลี่ยไม่เพียงฝึกฝนวรยุทธ์ แต่ยังทำลายบททดสอบผู้พิชิต และกลายเป็ราชันผู้พิชิตคนต่อไป เขาเป็บุคคลที่มีตำแหน่งอ๋องสองตำแหน่งพร้อมกันคนแรกในประวัติศาสตร์ของแคว้นเป่ยสุ่ย และสถานะของเขาก็สูงส่งกว่าชงโหวหู่เสียอีก ทำให้หลัวเลี่ยในมุมมองของหลานฉายหลิงตอนนี้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ดังนั้นนอกเหนือจากความหึงหวงแล้ว นางยังมีความปรารถนาที่จะครอบหลัวเลี่ยอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่านางเลือกได้ถูกต้องแล้ว
แต่หลัวเลี่ยกลับไม่ได้มองมาที่นางเลยั้แ่ต้นจนจบ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ” หลานฉายหลิงตวาดพนักงานด้วยความโกรธ “เ้าหูหนวกหรือ ข้าเสนอราคาห้าล้าน แต่เขายังไม่ได้เสนอราคา ของสิ่งนี้เป็ของข้า เ้าไม่ได้พูดด้วยซ้ำ แต่กลับมอบให้เขา เ้าเชื่อหรือไม่ข้าสามารถไล่เ้าออกได้นะ”
พนักงานมองไปที่หลัวเลี่ย เมื่อเผชิญกับการดุด่าจากหลานฉายหลิง เขาก็ถอนรอยยิ้มทันที ยืดตัวขึ้น และพูดอย่างเ็าว่า “โปรดเคารพตนเอง”
“เ้าพูดว่าอะไรนะ!” หลานฉายหลิงโกรธจนตาแทบถลนออกมา อารมณ์ของนางและหลัวเลี่ยนั้นแตกต่างกันมาก ทำไมจึงมีเพียงนางที่โมโหมากขึ้น
และสุดท้าย ประโยคของพนักงานก็เกือบทำให้นางเป็ลม “สถานะของท่านจะเทียบกับนายน้อยผู้สูงศักดิ์ได้อย่างไร”
หลานฉายหลิงคำรามด้วยความโกรธ “เขาสูงศักดิ์? เ้ารู้ไหมว่าข้าเป็ใคร”
“ขออภัย ข้าไม่รู้จักท่าน ตามกฎในหอเซียวเหยาของเรา คือถ้าท่านเข้ามาที่นี่ ท่านต้องละทิ้งสถานะตัวตนของท่านชั่วคราว แม้ว่าท่านจะสูงส่งเท่ากับอ๋องชวนหลงแห่งแคว้นเป่ยสุ่ย แต่ท่านก็เป็แค่คนธรรมดาเมื่อเข้ามาที่นี่” พนักงานพูดอย่างใจเย็น “ในสายตาของข้า นายน้อยผู้สูงศักดิ์ผู้นี้สูงส่งกว่าอ๋องชวนหลงถึงสิบเท่าร้อยเท่า และตราบใดที่นายน้อยผู้นี้้าสิ่งใดจากสถานที่นี้ คนนอกก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แย่งสิ่งของนั้นไปได้ มีเพียงนายน้อยคนนี้เท่านั้นที่สามารถซื้อมันได้ และยังซื้อได้ในราคาที่ถูกลงอีกด้วย นอกจากนี้ข้าอยากจะเตือนคุณหนูสักหน่อย โปรดเคารพตนเอง ที่นี่คือหอเซียวเหยา และใครก็ตามที่ละเมิดข้อบังคับของหอเซียวเหยาจะต้องถูกลงโทษ นอกจากนี้อย่ายั่วยุนายน้อยผู้สูงศักดิ์ผู้นี้เลย ถ้าเขาไม่มีความสุขและโทษว่าหอเซียวเหยาบริการไม่ดี หอเซียวเหยาของเราคงไม่เกรงใจท่านอีกต่อไป”
หลานฉายหลิงแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
แม้แต่อ๋องชวนหลงที่ตอบสนองความทะเยอทะยานของนาง ก็ไม่สามารถเทียบกับหลัวเลี่ยได้เมื่ออยู่ที่นี่?
นอกจากนี้ เมื่อตอนที่พนักงานตัวน้อยพูดถึงอ๋องชวนหลง เขาก็แสดงท่าทีไม่สนใจ แต่เมื่อเขาพูดถึงหลัวเลี่ย กลับแสดงท่าทีเคารพเป็อย่างมาก
และแล้วผู้คุ้มกันของหอเซียวเหยาที่ปรากฏตัวรอบๆ ก็จ้องมองมาที่นางอย่างเ็า สายตาเ็าเ่าั้มองมาคล้ายว่าจะต้องโจมตีอย่างแน่นอน หากนางทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ และท่าทีของพวกเขาที่ดูเหมือนจะปกป้องห้องรับรองพิเศษหมายเลขสามนั้น ก็ทำให้นางเชื่อในสิ่งที่พนักงานพูด
สิ่งที่ทำให้หลานฉายหลิงขมขื่นยิ่งกว่า คือพนักงานที่พูดต่อหน้าเธอโดยไม่สนใจอ๋องชวนหลง เดินไปอยู่นอกห้องรับรองพิเศษหมายเลขสาม เขาปั้นรอยยิ้มที่ประจบสอพลอ ค้อมหลังลงแล้วเคาะประตูเบาๆ ดูคล้ายทาส
เสียงมาจากในห้องรับรองพิเศษ
พนักงานค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปด้วยความเคารพ เพราะเกรงว่าเสียงเปิดประตูจะส่งผลกระทบต่อคนที่อยู่ข้างใน และหลังจากได้รับเหรียญทองที่หลัวเลี่ยจ่ายแล้ว เขาก็โค้งคำนับลากลับ และปิดประตูเบาๆ ก่อนหันไปหาหลานฉายหลิง เปลี่ยนเป็ใบหน้าที่เ็าในทันที และพูดว่า “คุณชายผู้สูงศักดิ์ข้างในบอกว่า ท่านอยู่ที่นี่แล้วส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเขา ดังนั้นเชิญท่านกลับไปเถิด”
“อะไรนะ? ไล่ข้าหรือ? เขามีคุณสมบัติอะไรถึงมาไล่ข้าออกไป หรือว่าเขาเป็คนจากหอเซียวเหยาของเ้า” หลานฉายหลิงที่สงบสติอารมณ์แล้วถามอย่างมีอุบาย
“ไม่ นายน้อยผู้ทรงเกียรติท่านนี้เป็แขกผู้มีเกียรติของหอเซียวเหยาทั้งหมดในแคว้นเล็กๆ แปดร้อยแคว้น” พนักงานกล่าว “เมื่อมีสิ่งที่ส่งผลต่ออารมณ์ของแขกผู้มีเกียรติ จุดประสงค์ของหอเซียวเหยาของเราคือขับไล่ ถ้าคุณหนูไม่ออกไปเอง ทางเราคงต้องใช้กำลังแก้ไขปัญหาแล้ว”
ผู้คุ้มกันที่ทรงพลังสองคนก้าวไปข้างหน้าทันที และจ้องมองที่หลานฉายหลิง
หลานฉายหลิงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องจากไปด้วยความสิ้นหวัง แต่ก่อนออกไปนางอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองห้องรับรองพิเศษหมายเลขสามด้วยความรู้สึกเสียใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้