หลังจากส่งหญิงสาวขึ้นไปพักบนห้องแล้ว หนุ่มๆ ก็ถูกกวีลากมาชำระโทษที่ห้องวีไอพีทันที
“เหตุการณ์วันนี้พี่เชื่อว่ามีคนทำให้มันเกิดขึ้น ไม่งั้นคุณพิมไม่มีทางมาร้านของพี่ถูกแน่นอน” กวีกล่าวประหนึ่งซักฟอกผู้ต้องหาในคดีร้ายแรง ซึ่งเขาก็หมายหัวผู้ต้องสงสัยในเื่นี้ไว้แล้ว
“ผมเองครับ…ผมแค่อยากช่วยให้เื่นี้มันจบ แต่ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็แบบนี้” วินรับผิดกับสิ่งที่ตนเองก่อไว้
“เื่ที่นายคิดคือเื่ชู้สาวสินะ แต่มันไม่ใช่เลยวิน เื่นี้มันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ พี่ปกรณ์กับพี่พิมคือพ่อแม่ของคณิณ ซึ่งคือแฟนเก่าของแพร เื่นี้…มันก็นานมากแล้ว ทั้งฉันและแพรไม่อยากนึกถึงมันอีก และฉันก็รู้ว่าเื่นี้มันคือาแในใจของแพร เพราะน้องมันก็เอาแต่โทษว่าเป็ความผิดของตัวเองที่ทำให้แฟนต้องตาย” กวีบอกกล่าวความจริงให้สามหนุ่มได้รับรู้
“กูเตือนมึงแล้วไอ้วิน ว่าให้หยุดเื่นี้ไว้ ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็แบบไหน เป็ไงล่ะ” นนท์บ่นอุบ วินได้แต่รู้สึกผิดอยู่ในใจ กวีมองหน้าพวกเขาอย่างคาดโทษที่เป็ต้นเหตุให้ลูกน้องสาวคนสนิทของตนต้องเดือดร้อน
บนห้องพักหลังจากที่แพรได้สติตื่นขึ้นมา เธอก็มองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นว่านวลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่ปลายเตียง
“นวล...แพรอยากกลับบ้าน แพรไม่อยากอยู่ที่นี่” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เพื่อนของเธอรีบกระวีกระวาดเข้ามาพยุง
“ได้ เดี๋ยวฉันไปบอกพี่กวีก่อนแล้วจะไปส่ง รอแปบนึงนะแพร” พูดจบนวลก็รีบวิ่งออกจากห้องไปรายงานเ้านายทันที แพรลุกขึ้นนั่งพิงหมอนอย่างอ่อนแรง เสียงก่นด่าของพิมมาดายังคงกึกก้องอยู่ในหู น้ำตาที่คิดว่าหยุดไหลไปแล้ว ก็เริ่มกลับมารินไหลอีกครั้งอย่างไม่ขาดสาย ความรู้สึกผิดในใจที่มีต่อคณิณ ถูกคุ้ยเขี่ยขึ้นมาอีกครั้งจนได้ หลังจากที่เธอได้พยายามกลบและฝังความทรงจำอันเ็ปที่มีมาอย่างเนิ่นนาน และครั้งนี้มันหนักหนาเหมือนเื่ราวทั้งหมดนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
ภาพของเด็กนักเรียนในชุดมัธยมปลายสองคนที่กำลังเดินพูดคุยหยอกล้อกัน คือภาพที่ผู้คนแถวนั้นมักจะพบเห็นจนชินตาอยู่เสมอ เพราะทั้งสองคนใช้เส้นทางนี้ในการเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวัน
“แพร...เสาร์นี้อยากไปเที่ยวไหน” เด็กสาวทำท่าครุ่นคิด
“ไปดูหนังกันไหมนีน ่นี้มีหนังใหม่เข้าเพียบเลยแหละนีน”
“ก็ได้ งั้นเราไปรับที่บ้านตอนสิบโมงนะ” เด็กสาวยิ้มตอบรับคนรัก ก่อนชี้มือไปยังร้านลูกชิ้นทอดเ้าโปรดฝั่งตรงข้าม เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอกับท่าทีของแฟนสาว ไอศกรีมในมือของเธอยังไม่ทันจะหมด อยากได้ของกินใหม่อีกแล้ว
“งั้นแพร...รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวเราข้ามไปซื้อมาให้ยี่สิบบาทก็พอ เดี๋ยวจะอิ่มแล้วทานข้าวเย็นไม่ลง” เด็กสาวพยักหน้าและยิ้มรับอย่างว่าง่าย คณิณกำลังก้าวลงไปบนถนนเพื่อเตรียมตัวข้ามไปซื้อลูกชิ้นให้แฟนสาว
ทันใดนั้นก็มีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูงชนเข้ากับร่างของเด็กหนุ่มที่กำลังข้ามถนนพอดี คนขับไม่คิดแม้แต่จะหยุดรถเพื่อลงมาดู กลับรีบขับหนีฝ่าฝูงชนไปด้วยความรวดเร็ว ผู้คนต่างแตกตื่นและใกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
แพรถึงกับอ้างปากค้างก่อนจะทิ้งไอศกรีมในมือและวิ่งไปหาแฟนหนุ่มที่กลางถนนทันที เด็กหนุ่มกำลังนอนกระอักเื เธอรีบเข้าไปทรุดนั่งลงทางด้านข้างของเขาอย่างทำอะไรไม่ถูก
“นีน ทำใจดีๆ นะ ใครก็ได้ช่วยเรียกรถพยาบาลให้ทีค่ะ” เด็กสาวเสียงเริ่มสั่นเครือเพราะกำลังร้องไห้ด้วยความตื่นใกับภาพตรงหน้า คณิณเอื้อมมือมาจับมือของแฟนสาวหวังปลอบใจ แต่เขาเองเริ่มหายใจลำบากและกระอักเืออกมาอีกครั้ง
“นีนไม่ต้องพูดอะไร แพรอยู่นี่ รถพยาบาลกำลังมา นีนรอก่อนนะ ทำใจดีๆ ไว้นะ” เธอพูดพร้อมกับบีบมือของเขาเอาไว้ คณิณหลับตาลง ตอนนี้สติของเขาเริ่มถดถอย ภาพต่างๆ เริ่มพร่าเลือน เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาอย่างตาลอย แพรเห็นอาการของแฟนหนุ่ม เธอก็เริ่มใจไม่ดี
“นีน ได้ยินแพรไหม อยู่กับแพรก่อน ฮือ...” เธอเริ่มร้องไห้อย่างคนเสียสติ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดับมืดลง เธอไม่รับรู้เหตุการณ์อะไรอีก จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงใครบางคนเรียก
“คุณคะ” พร้อมกับแรงเขย่าที่แขน เด็กสาวจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“คุณคะ” พยาบาลเรียกซ้ำอีกครั้ง พร้อมกับประคองให้เธอลุกขึ้นนั่ง
แพรลุกขึ้นนั่งอย่างคนหมดอะไรตายอยากในชีวิต เสื้อผ้าและเนื้อตัวของเธอยังคงเลอะเืของคณิณ เด็กสาวนั่งมองไปรอบห้องอย่างเลื่อนลอย แม้จะมีผู้ป่วยอยู่เต็มห้องแต่เธอเลือกที่จะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ปิดกั้นตัวเองอยู่ในโลกส่วนตัว จนพยาบาลต้องเข้ามาเขย่าตัวอีกครั้ง เธอถึงค่อยระลึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะหมดสติได้
“นีนล่ะ จะไปหานีน”
เด็กสาวพึมพำอย่างอ่อนแรง พยาบาลจึงประคองเธอให้เดินไปที่หน้าห้อง ICU ด้วยกัน ที่ซึ่งตอนนี้พิมมาดากำลังยืนร้องไห้อย่างกับคนบ้า หลังจากแพทย์ออกมาแจ้งกับญาติว่า คนเจ็บทนพิษาแไม่ไหวและได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อเธอหันไปเห็นแพรกำลังเดินมา จึงรีบวิ่งมุ่งหน้าไปเอาเื่เด็กสาวทันที
“แกมันตัวซวย อยู่กับใคร เขาก็ตายกันหมด” พิมมาดาต่อว่าเด็กสาวทันที ปกรณ์รีบเข้ามาห้าม
“ใจเย็นๆ คุณ หนูแพรไม่เกี่ยว”
“คุณไม่ต้องมาห้ามเลยนะ ใครเขาก็รู้กันว่า นังเด็กนี่มันตัวซวย ฉันเตือนลูกแล้วว่าอย่าคบกันมัน ทำไมนีนไม่ฟังแม่ล่ะลูก แล้วก็มาทิ้งแม่ไปแบบนี้” พิมมาดาเริ่มคลั่ง
“ไปเลยนะ แกไปให้พ้นๆ เลย อยู่กับใครก็ทำเขาเดือดร้อนกันไปหมด พ่อแม่ก็ตาย ยายก็ตาย แล้วนี่ลูกฉันก็ต้องมาตายเพราะแกอีก แกมันตัวซวยชัดๆ เลย” พิมมาดาด่าพร้อมชี้นิ้วไล่หญิงสาว แพรได้แต่ยืนน้ำตานองหน้า น้อมรับความจริงอย่างที่เธอเองก็เถียงไม่ได้สักคำ
เมื่อก่อนครอบครัวของเธอก็มีกันอยู่พร้อมหน้า แต่หลังจากที่พ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เด็กสาวต้องย้ายมาอยู่ในความดูแลของผู้เป็ยาย แต่ไม่นานนัก ยายของเธอก็เสียชีวิตลงด้วยโรคชราตามไปอีกทิ้งให้เธอต้องอยู่ตัวคนเดียว
เด็กสาวต้องต่อสู้ชีวิตมาเพียงลำพังั้แ่วันนั้นเป็ต้นมา เพราะญาติพี่น้องทั้งทางฝ่ายพ่อและแม่ ต่างก็ไม่ยอมรับและไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งไม่ยินดีที่จะรับเธอไปอยู่ด้วย ทุกคนต่างพากันกลัวเธอ เพราะคิดว่าเด็กสาวคือตัวซวย ถ้าไปอยู่กับใครก็จะพาพวกเขาเดือดร้อนกันไปหมด