การสอบสวนเป็สิ่งที่หานอวิ๋นซีไม่เคยทำมาก่อน ในเมื่อแม่ทัพมู่ได้สอบปากคำไปแล้ว นางจึงคิดว่าหากนางสอบปากคำอีกครั้งมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
ในเมื่อมั่นใจว่าเป็คนใน สิ่งเดียวที่ต้องทำคือค้นหาหลักฐาน
หานอวิ๋นซีมองไปที่รายชื่อในมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไปกันเถอะ ข้าจะไปหารอบๆ ก่อน บางทีอาจมีเบาะแสอะไรบางอย่าง”
ตราบใดที่ยังมียาพิษหลงเหลืออยู่ในจวนแม่ทัพใหญ่ นางต้องพบมันอย่างแน่นอน
หานอวิ๋นซีตรวจสอบทุกอย่างในจวนของมู่ชิงอู่ก่อน รวมถึงกระป๋องชาสองสามกระป๋องที่นำมาจากค่ายทหาร
หลังจากนั้น แม่ทัพมู่และมู่ชิงอู่ก็นำทางไป พวกเขาไปที่ห้องครัวเป็อันดับแรก อาหารทั้งหมดในจวนแม่ทัพมาจากที่นี่ และที่นี่คือที่ที่น่าสงสัยมากที่สุด
แม่ทัพมู่และมู่ชิงอู่คิดว่าหานอวิ๋นซีจะใช้เวลาหานาน แต่คิดไม่ถึงว่า นางแค่เดินรอบๆ ในห้องครัวเพียงรอบเดียวก็ออกมาแล้ว
“ไม่มี” หานอวิ๋นซีพูดเบาๆ
“ฉินหวังเฟย แน่ใจหรือ?” ใบหน้าของแม่ทัพมู่เต็มไปด้วยความสงสัย
“แน่ใจเต็มร้อย ไปกันเถอะ ไปดูที่ห้องเก็บนํ้า” หานอวิ๋นซีมั่นใจมาก
ถึงแม้มันจะน่าเหลือเชื่อ แต่หลังจากได้เห็นวิธีการล้างพิษของหานอวิ๋นซีแล้ว แม่ทัพมู่ที่ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ มู่ชิงอู่ที่ไม่ได้สงสัยหานอวิ๋นซีโดยพื้นฐานอยู่แล้ว หากถามเขาว่าทำไม เขาคงพูดได้เพียงว่าจะไม่สงสัยคนที่ช่วยชีวิตตนเอง...
ความสำคัญของห้องเก็บน้ำเปรียบได้กับห้องครัว หานอวิ๋นซีเปิดใช้งานระบบสแกน เดินไปรอบๆ และตรวจสอบบ่อน้ำทั้งสามแห่งอย่างระมัดระวัง
น่าเสียดายที่ในห้องเก็บน้ำก็ไม่มีอะไรเช่นกัน หลังจากนั้น พวกเขาจึงค้นที่พักและข้าวของส่วนตัวของผู้ต้องสงสัยในรายชื่อทั้งหมด หลังจากผ่านไปหลายห้องแล้ว หานอวิ๋นซีที่กำลังจะเดินออกไป ก็เห็นมู่หลิวเยวี่ยเดินเข้ามา
นางมองไปที่หานอวิ๋นซีอย่างเ็าพร้อมกับยกยิ้มอย่างเหยียดหยาม
“บังอาจนัก เจอฉินหวังเฟยแล้วยังไม่ทำความเคารพอีก? จะยืนบื้อทำไมกัน?” แม่ทัพใหญ่พูดตำหนิ
มู่หลิวเยวี่ยทำความเคารพอย่างไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มที่เยาะเย้ยยังคงอยู่ ในทางกลับกันมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่นางรู้ว่าหานอวิ๋นซีมาเพื่อตรวจสอบการวางยาพิษของคนในจวน นางก็รู้สึกว่ามันช่างน่าขำเหลือเกิน
สตรีผู้นี้มีฝีมือแค่ด้านการแพทย์ ช่วยพี่ชายกับไท่จื่อไว้แล้วอย่างไรล่ะ หลังจากได้รับคำชมไม่กี่ครั้ง นางคิดว่าตนเองเก่งกาจ รู้ไปเสียทุกอย่างเลยงั้นหรือ?
เดิมทีในวันนี้มู่หลิวเยวี่ยต้องออกไปข้างนอก ทันทีที่รู้ว่าหานอวิ๋นซีจะมา นางเลยอยู่รอ
“ฉินหวังเฟย ท่านเก่งกาจขนาดนั้น ต้องพบเบาะแสบางอย่างแล้วใช่หรือไม่?” มู่หลิวเยวี่ยถามด้วยความเย้ยหยัน
ทั้งห้องครัวและห้องเก็บน้ำต่างไม่พบสิ่งใด ตอนนี้เหลือเพียงเรือนข้างแห่งนี้ แม้ว่าคำพูดของมู่หลิวเยวี่ยจะเจ็บแสบเล็กน้อย ทว่าแม่ทัพมู่และแม่ทัพใหญ่ก็อยากจะรู้ผลลัพธ์เช่นกัน
มู่ชิงอู่จ้องเขม็งที่มู่หลิวเยวี่ยอย่างดุร้าย จากนั้นก็หันไปหาหานอวิ๋นซีและพูดว่า “ฉินหวังเฟย เป็อย่างไรบ้าง?”
“ไม่มี” หานอวิ๋นซีพูดอย่างตรงไปตรงมา นางแค่บอกว่าจะค้นหาก่อนเท่านั้น ไม่ได้รับประกันว่านางจะพบเบาะแสใดๆ
อย่างไรก็ตาม มู่หลิวเยวี่ยกลับหัวเราะฮ่าฮ่าขึ้นมา และรีบยกมือปิดปากทันที “ฉินหวังเฟย ข้าไม่ได้ขำท่านนะ ท่านอย่าเข้าใจผิด”
หานอวิ๋นซียกยิ้มอย่างเ็า ไม่แม้แต่จะมอง นางไม่สนใจและเดินตรงออกไปข้างนอก
ทันทีที่ออกไป มู่ชิงอู่ก็คว้าข้อมือของมู่หลิวเยวี่ยและพูดเสียงดังว่า “เด็กบ้า พอได้แล้ว! ถ้าเ้าไม่มีธุระอะไรที่นี่ มาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้นเสีย!”
มู่หลิวเยวี่ยสะบัดมือออกอย่างแรง และะโออกไปด้านนอกว่า “ทำไมล่ะ หัวเราะก็ไม่ได้เลยหรือไร! หากมีความสามารถคนอื่นก็จะพากันนับถือ แต่ถ้าไม่มีความสามารถแล้วจะทำอะไรได้?”
ทันทีที่พูดจบ มู่ชิงอู่ก็ยกมือขึ้นมาปิดปาก แต่ไม่คาดคิดว่ามู่หลิวเยวี่ยจะกัดมือของมู่ชิงอู่ ผลักเขาออกไปและะโต่อไปว่า “กลัวคนอื่นจะพูดว่าไร้ความสามารถหรือไร?”
แม้ว่าหานอวิ๋นซีจะเดินออกไปไกลแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใบหน้าของแม่ทัพมู่ก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และหันหลังกลับไปเพื่อที่จะสั่งสอน ทว่าหานอวิ๋นซีกลับหยุดไว้
นางหันหลังกลับและเดินเข้าไปด้วยตัวเอง เมื่อเห็นหานอวิ๋นซีเดินมา มู่ชิงอู่ก็ปิดปากมู่หลิวเยวี่ยไว้แน่นและอธิบายว่า “สตรีผู้นี้เป็บ้า พูดจาไร้สาระ หวังเฟยอย่าไปใส่ใจเลย”
อย่างไรแล้ว มู่หลิวเยวี่ยก็เป็น้องสาวทางสายเืของมู่ชิงอู่ และเป็บุตรสาวทางสายเืของแม่ทัพมู่ แม้ว่ามู่ชิงอู่จะอธิบาย แต่จริงๆ แล้วเขากำลังขอร้องให้มู่หลิวเยวี่ย ด้วยกลัวว่าหานอวิ๋นซีจะโกรธและลงโทษมู่หลิวเยวี่ยที่ไปดูถูกนาง
ไม่ว่ามู่หลิวเยวี่ยจะแย่เพียงใด นางก็ยังเป็น้องสาวของเขาอยู่ดี และไม่ว่าหานอวิ๋นซีจะดีเพียงใด นางก็ยังเป็คนนอก
เื่นี้หานอวิ๋นซีสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ในเมื่อวันนี้นางมาที่นี่แล้ว แน่นอนว่าจะไม่ล้มเลิกเพราะคำพูดแย่ๆ ของมู่หลิวเยวี่ยหรอก
นอกจากนี้ หานอวิ๋นซีรู้ดีว่าแม้ว่าตนเองจะมีสถานะสูงส่ง แต่ก็ไม่มีอำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือและไม่สามารถปราบปรามผู้อื่นได้
หากปราศจากการอนุญาตจากหลงเฟยเยี่ย ฉินหวังเฟยก็เป็เพียงชื่อปลอมสำหรับนาง แม้ว่าจะช่วยไท่จื่อไว้ได้แล้วอย่างไรล่ะ ใครจะจำนางในนามฉินหวังเฟยได้จริงๆ?
ไม่ต้องพูดถึงไท่อี้เฟยหรอก แม้ว่ามู่หรงหว่านหรูจะอยู่ที่นี่ในวันนี้ ไม่ว่ามู่หลิวเยวี่ยจะไม่พอใจแค่ไหน ทว่าก็ไม่ได้กล้าที่จะหยิ่งผยองขนาดนั้น
หากไม่ใช่เพราะบุญคุณที่ช่วยชีวิต สองพ่อลูกจวนแม่ทัพมู่ก็คงไม่เคารพนางมากขนาดนี้
หาก้าอยู่อย่างมีฐานะและมีศักดิ์ศรี สุดท้ายแล้วก็ยังต้องพึ่งพาตัวเองอยู่ดี
หานอวิ๋นซีโบกมือ ส่งสัญญาณให้มู่ชิงอู่ปล่อยมือ
มู่ชิงอู่ค่อนข้างรู้สึกกังวล มองมู่หลิวเยวี่ยก่อนจะปล่อยมือ มู่หลิวเยวี่ยที่ไม่ได้โง่ ก็ไม่ได้พูดจาจาบจ้วงต่อหน้าหานอวิ๋นซีต่อไป
นางยืนอยู่ต่อหน้าหานอวิ๋นซี พร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มและพูดในใจว่า “หานอวิ๋นซี อย่างไรแล้วท่านพ่อกับพี่ชายของข้าก็ปกป้องข้าอยู่ดี ท่านจะทำอะไรข้าได้? ต่อให้จะถูกลงโทษ จะถูกเฆี่ยนตีอีก ข้าก็ไม่กลัว! วันนี้ข้าจะทำให้ท่านขายขี้หน้าให้ได้”
หานอวิ๋นซีมองไปที่มู่หลิวเยวี่ยอย่างเ็า ยิ้มอย่างตรงไปตรงมาและถามว่า “มู่หลิวเยวี่ย เ้าคิดว่าข้าจะหาตัวคนผิดไม่เจอหรือ?”
“หลิวเยวี่ยมิบังอาจ ฉินหวังเฟยเป็คนที่ยอดเยี่ยม เป็เทพเซียน ไม่มีสิ่งใดในโลกยากเกินกว่ามือของฉินหวังเฟย” มู่หลิวเยวี่ยพูดแดกดันและเต็มไปด้วยการเสียดสี
ที่ด้านข้าง สีหน้าของแม่ทัพมู่และมู่ชิงอู่ซีดเซียว แม่ทัพมู่ที่ทนไม่ไหวก็พูดด้วยความโกรธว่า “มู่หลิวเยวี่ย ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ออกไปเสีย!”
คำพูดของมู่หลิวเยวี่ยทำให้หานอวิ๋นซีโกรธขึ้นมา ครั้งที่แล้วนางถูกแม่ทัพมู่เฆี่ยนตีไปหลายครั้ง และถือว่านางโชคดีไป แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้นางยังกล้าได้คืบเอาศอกอีก
นางมีชื่อเสียงแต่ไม่มีอำนาจ ไม่อยากที่จะสร้างปัญหาให้มากมาย มู่หลิวเยวี่ยคิดว่าจะรังแกนางได้ง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
หานอวิ๋นซีหยุดแม่ทัพมู่และพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ ว่า “มู่หลิวเยวี่ย เ้ากล้าที่จะเดิมพันกับข้าเื่ไส้ศึกหรือไม่? ใครแพ้...ถอดเสื้อผ้าออกแล้ววิ่งไปรอบๆ ถนนเสวียนอู่ เป็อย่างไรล่ะ?”
การเดิมพันครั้งนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน!
ทั้งแม่ทัพมู่และมู่ชิงอู่ต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าฉินหวังเฟยผู้สง่างามจะคิดเดิมพันเช่นนี้
มู่หลิวเยวี่ยเองก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้น กลัวว่าจะถูกหานอวิ๋นซีจะ่ชิงไปก่อน นางจึงรีบพูดว่า “แน่นอน ข้าพนันได้เลยว่าท่านหาไม่เจอ!”
จวนแม่ทัพใหญ่ตามหาไส้ศึกมาหนึ่งเดือนแล้ว ด้วยเพราะเกี่ยวกับความปลอดภัยของพี่ชาย ฮ่องเต้เองก็เคยแอบสั่งให้สายสืบหลายคนจากศาลต้าหลี่มาสอบสวนแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผลลัพธ์ใดๆ
มู่หลิวเยวี่ยรู้สึกว่าการที่พี่ชายไปขอความช่วยเหลือจากหานอวิ๋นซี เรียกได้ว่าสมองคงเลอะเลือนไปแล้วแน่ๆ หานอวิ๋นซีมาที่นี่ก็เพื่ออวดดีเท่านั้นแหละ
รู้วิชาการแพทย์แค่เล็กน้อย แล้วคิดว่าตนเองทำได้ทุกเื่อย่างนั้นหรือ? ช่างน่าขำสิ้นดี!
แน่นอนว่านาง้าเดิมพันอยู่แล้ว ถึงเวลานั้นจะได้สั่งให้หานอวิ๋นซีถอดเสื้อผ้าแล้ววิ่งไปรอบๆ ถนนเสวียนอู่ การทำสิ่งที่น่าละอายเช่นนี้จะทำให้ฉินอ๋องมีเหตุผลเพียงพอที่จะหย่ากับนาง!
เพราะมันคือการอภิเษก หากชายาเอกตายไปอย่างไม่มีความผิด ตำแหน่งนั้นก็จะว่างตลอดไป อย่างไรก็ตาม หากเป็เพราะนางฝ่าฝืนโอวาทสามประการและทำผิดศีลสี่ข้อใหญ่ หลังจากหย่าขาดแล้ว ฉินอ๋องยังคงสามารถหาคนใหม่มาแทนที่ได้!
มู่หรงหว่านหรูตั้งหน้าตั้งตารอการตายของหานอวิ๋นซี และมู่หลิวเยวี่ยเองก็้าให้หานอวิ๋นซีหย่าขาดจากฉินอ๋อง
เมื่อเห็นความมั่นใจในตนเองของมู่หลิวเยวี่ย แววตาของหานอวิ๋นซีก็แฝงไปด้วยความเ้าเล่ห์และพูดอย่างจริงจังว่า “ตกลง แต่ถ้าข้าพบไส้ศึก เ้าก็จะแพ้”
“ภายในหนึ่งเดือน กล้าหรือไม่?” มู่หลิวเยวี่ยท้าทาย แน่นอนว่านาง้าจำกัดเวลา
หนึ่งเดือนดูเหมือนจะสั้นไปหน่อย แต่หานอวิ๋นซียังคงตกลงอย่างง่ายดาย ครั้งนี้การค้นหาไส้ศึกเป็เื่เล็กน้อย การสั่งสอนองค์หญิงผู้นี้ต่างหากที่เป็เื่ใหญ่!
นางต้องสอนบทเรียนให้กับสตรีที่หยิ่งผยองและหยาบคายคนนี้ด้วยตัวเอง ให้ครั้งหน้าเมื่อเจอนางแล้วจะต้องเดินหนีไปทางอื่น!
“หากหาไส้ศึกไม่เจอภายในหนึ่งเดือน ก็จะถือว่าท่านแพ้!” มู่หลิวเยวี่ยถามอย่างจริงจัง เพื่อ้าคำตอบยืนยันจากหานอวิ๋นซี
“ขอให้แม่ทัพมู่เป็พยานด้วย” หานอวิ๋นซีมองไปที่เ้าของจวนอย่างแม่ทัพมู่
แม้ว่าวันนี้จะเดินไปรอบๆ และไม่พบเบาะแสอะไรเลย แม่ทัพมู่เองค่อนข้างผิดหวัง แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็อย่างไร เขาก็ไม่้าให้บุตรสาวเสียหน้า และไม่้าให้ฉินหวังเฟยเสียหน้าเช่นกัน!
“หวังเฟย ข้าคิดว่าลืมการเดิมพันนี้ไปเสียดีกว่า อย่างไรแล้วเื่ไส้ศึก...”
ใครจะรู้ว่าก่อนที่คำพูดจะจบลง มู่หลิวเยวี่ยก็ขัดขึ้นมา “ท่านพ่อ นี่คือสิ่งที่ฉินหวังเฟยพูดเองว่าจะเดิมพัน เราไม่สามารถทำลายความตั้งใจของหวังเฟยได้หรอก”
“ยังจะมีหน้ามาพูดอีก!” แม่ทัพมู่โกรธมากจนเกือบจะฟาดแส้
หมู่หลิวเยวี่ยรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย จึงถอยหลังหนึ่งก้าว ทว่าสายตายังคงมองไปที่หานอวิ๋นซีอย่างยั่วยุ เกรงว่านางคงได้เสียใจเป็แน่
“แม่ทัพใหญ่ ข้าพูดไปแล้วไม่คืนคำ แม้ว่าข้าจะเป็สตรี ทั้งยังเป็ฉินหวังเฟย สิ่งที่พูดไปก็ไม่ใช่ว่าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างหรือไร?” หานอวิ๋นซีถามอย่างจริงจัง
พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว หานอวิ๋นซีถึงกับยกสถานะฉินหวังเฟยออกมา เพียงแต่แม่ทัพมู่ร้อนรนใจ เขาไม่สามารถทนได้ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ก็ตาม
“หวังเฟย ท่านเห็นแก่หน้าข้า...”
ก่อนที่จะพูดจบ มู่ชิงอู่ที่อยู่ด้านข้างก็พูดว่า “ท่านพ่อ หลิวเยวี่ยสัญญาแล้วว่าจะไม่สร้างปัญหา กลับกลอกเชื่อไม่ได้จริงๆ!”
คำพูดนี้ของมู่ชิงอู่ ทำให้หานอวิ๋นซีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะทนกับน้องสาวที่เอาแต่ใจผู้นี้มากพอแล้ว ดีมาก ชายผู้นี้ไม่ทำให้นางผิดหวังจริงๆ
แม่ทัพมู่เหลือบมองมู่ชิงอู่ เมื่อเห็นใบหน้าที่เ็าและจริงจังของหานอวิ๋นซี เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง
เมื่อเห็นท่านพ่อพยักหน้า มู่หลิวเยวี่ยก็รู้สึกดีใจอย่างมาก นางแทบรอไม่ไหวที่จะเขียนจดหมายเพื่อบอกข่าวดีแก่องค์หญิงฉางผิง เพื่อให้เ้าหญิงฉางผิงกลับมาดูเื่ตลกที่เมืองหลวง
อย่างไรก็ตาม มู่หลิวเยวี่ยก็พบว่านางมีความสุขเร็วเกินไป
“แม่ทัพมู่ ในเมื่อไม่พบเบาะแสใดๆ ในจวน ดูจากตอนนี้แล้ว คงมีเพียงทางเดียวเท่านั้น” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา มู่หลิวเยวี่ยก็ขมวดคิ้วและมอง เมื่อเห็นสีหน้าสงบบนใบหน้าของหานอวิ๋นซี นางก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อยโดยไม่มีเหตุผล
“ฉินหวังเฟย โปรดบอกข้าด้วย” แม่ทัพมู่เองก็ประหม่าเช่นกัน
“หาจากต้นตอ” หานอวิ๋นซีพูดอย่างจริงจัง
“ต้นตอ?” มู่ชิงอู่งงงวย
“แหล่งที่มาของยาพิษอย่างไรล่ะ” หานอวิ๋นซีพูดเรียบๆ
พิษงูหมื่นตัวนั้นเป็พิษหายากมาก เป็ส่วนผสมของงูพิษสิบชนิดที่มีพิษมากที่สุดในโลก
เหตุที่เรียกว่า “พิษงูหมื่นตัว” แท้จริงแล้วไม่ได้สร้างมาจากพิษของงูหมื่นตัว แต่เป็เพราะพิษของงูทั้งสิบชนิดที่มีพิษมากที่สุดในโลก สามารถเทียบเท่ากับพิษของงูพิษธรรมดานับหมื่นตัว
แค่ชื่อก็บ่งบอกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวแล้ว
ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะผสมพิษชนิดนี้ ไม่เพียงแต่ต้องรู้อัตราส่วนในการผสมเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหางูที่มีพิษมากที่สุดสิบชนิดและดึงพิษออกมา
แม้ว่าจะมีการกล่าวว่ายาและพิษอยู่ในตระกูลเดียวกัน ด้วยเพราะยาที่มากเกินไปก็จะกลายเป็พิษได้ และพิษในปริมาณเล็กน้อยก็จะสามารถเป็ยาได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม นี่เป็กรณีพิเศษที่ยาและพิษยังคงมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม พิษงูทั้งสิบชนิดนี้กลับเป็กรณีพิเศษ เนื่องจากพวกมันมีพิษแรง จึงเป็ยาที่ดีสำหรับโรคที่รักษายากบางโรคด้วยเช่นกัน