“คุณหนูสี่ พวกเราไปชนคุณหนูสามแบบนั้น หากนายท่านทราบเื่ คุณหนูจะไม่ถูกลงโทษเอาหรือเ้าคะ” สาวใช้ประจำตัวของโม่เสวี่ยฉงเอ่ยถามอย่างระวังปาก เกิดเกรงกลัวสถานะบุตรภรรยาเอกของโม่เสวี่ยถงขึ้นมา ทั้งยังเป็ธิดาคนโปรดของนายท่านอีกด้วย
“กลัวอะไร นางกล้าพูดหรือ ดูสิ หัวชนขนาดนั้นยังไม่กล้าพูดสักคำ ตัวไร้ประโยชน์ชัดๆ” โม่เสวี่ยฉงยิ้มเยาะ “อย่างนี้ยังคิดเกาะกิ่งสูงจวนเจิ้นกั๋วโหว คิดจะเป็นายหญิงของบ้าน เชอะ! นางมีความสามารถหรือ”
“แต่คุณหนู...” สาวใช้ยังคิดจะกล่าวบางอย่าง แต่โม่เสวี่ยฉงโบกมือห้ามอย่างรำคาญ นางยิ้มอย่างลำพองใจ “ไม่ต้องมาต่งมาแต่อันใด ข้าไม่ชอบนาง บุตรภรรยาเอกแล้วมีอะไรวิเศษนักหนา โม่เสวี่ยิ่ยอมนางได้ แต่ข้ายอมไม่ได้!”
เรือนชิงเวย
ครั้งนี้โม่เสวี่ยถงาเ็ไม่เบา หน้าผากบวมแดงเป็ลูกใหญ่ โชคดีที่โม่เยี่ยยื่นมือไปคว้าตัวไว้เร็วพอ มิเช่นนั้นคงล้มหน้ากระแทกพื้นจนเสียโฉมเป็แน่ ยิ่งยามนี้เป็ฤดูหนาว แผลก็ยิ่งหายช้า
ยาที่โม่เสวี่ยิ่ให้คนนำมามอบให้ โม่เสวี่ยถงไม่กล้าใช้และโยนทิ้งไว้ด้านข้าง ชาติที่แล้วนางต้องพิษโดยไม่รู้ตัว กว่าจะตรวจพบก็ถูกพิษมานานหลายปีแล้ว เริ่มแรกก็ทำให้ตั้งครรภ์ยาก ต่อมาก็มีผลร้ายต่อบุตรในครรภ์อีก
สวี่มามาช่วยทำความสะอาดาแให้ด้วยความรู้สึกปวดใจ แล้วจัดทรงผมลงมาปิดหน้าผากไว้จึงพอพรางตาไปได้
รอจนกระทั่งคนอื่นๆ ถอยออกไปหมดแล้ว โม่เสวี่ยถงก็หยิบขวดยาทาขึ้นมาถือเล่นในมือ แล้วส่งให้โม่เยี่ยที่อยู่ด้านข้าง “ให้โม่เฟิงส่งออกไปข้างนอกตรวจสอบว่าในนี้มีส่วนผสมของอะไรบ้าง”
หากบอกว่าโม่เสวี่ยิ่อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรทำ จึงส่งของกำนัลมาให้เปล่าๆ นางย่อมไม่เชื่อ คราก่อนทั้งสองเกือบจะถอดหน้ากากเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของตนเองออกมาอยู่แล้ว ยามนี้ยังเสแสร้งทำเป็ห่วงใย ช่างน่าสงสัยยิ่ง นางจำได้ว่าขาของตนสะดุดอะไรบางอย่าง ทว่าตอนนั้นยังเดินไปไม่ถึงธรณีประตู ผู้ที่เดินอยู่ข้างหน้าก็มีเพียงโม่เสวี่ยิ่ผู้เดียว
“เ้าค่ะ” โม่เยี่ยเป็คนไม่พูดมากมาแต่ไหนแต่ไร ตอบรับคำเดียวแล้วหมุนตัวจากไป โม่เฟิงเป็องครักษ์เงา ปรกติจะไม่ปรากฏตัวออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ มีโม่เยี่ยก็ง่ายขึ้นมา ทั้งสองคนมีวิธีติดต่อกันโดยเฉพาะ
…
เรือนฝูฉิงของโม่เสวี่ยิ่มีแขกมาหา
คุณหนูใหญ่อวี้ซือหรงแห่งจวนอวี้
ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะ หยิบตุ้มหูหยกขาวคู่หนึ่งขึ้นมาส่องกับแสงตะวันจากนอกหน้าต่าง แล้วชมเปราะไม่หยุดปาก “น้องสาว หยกชิ้นนี้เนื้อดีจริงๆ หยกขาวไร้ที่ติก็ต้องได้อย่างนี้แหละ คู่นี้คงจะแพงไม่น้อยกระมัง มอบให้ข้าเช่นนี้ไม่นึกเสียดายหรือ?”
“พี่น้องกันทั้งนั้น จะกล่าวถึงเื่เสียดายไม่เสียดายไปไย ข้าไม่รู้หรอกว่าหมดเปลืองไปเท่าไร นี่เป็ของขวัญที่เจิ้นกั๋วโหวซื่อจื่อมอบให้ข้าเป็การขอบคุณ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเื่จะทำสำเร็จหรือไม่” ในห้องไม่มีคนนอก โม่เสวี่ยิ่จึงไม่ต้องปั้นหน้าเสแสร้ง ยิ้มกล่าวได้เต็มที่
พออวี้ซือหรงนึกถึงภาพเหมือนของโม่เสวี่ยถงที่นางเห็นว่าอยู่ในห้องหนังสือของลูกผู้พี่ที่นางหมายตา กลิ่นน้ำส้มก็ตลบอบอวล ไม่มีอารมณ์ชื่นชมตุ้มหูอีก กลอกตาแล้วเอ่ยวาจาขึ้น “นังหญิงชั้นต่ำของบ้านเ้าผู้นั้นได้รับความโปรดปรานจากซื่อจื่อขนาดนี้ ยังแสร้งเล่นตัวทำเป็สูงส่งอยู่ได้ มีให้แต่งก็ดีจะแย่อยู่แล้ว”
“น้องหญิง นังเด็กแสบนั่นทำกับพวกเ้าถึงเพียงนี้ ยังปล่อยให้นางลอยนวลอยู่อีกหรือ แค่จับโปะยาสลบส่งไปถึงเตียงของซื่อจื่อก็จบแล้ว จะแต่งเป็ภรรยาหรืออนุก็สุดแล้วแต่ความ้าของซื่อจื่อ”
“พี่หญิงคิดว่านางยังเป็โม่เสวี่ยถงคนเก่าอยู่หรือ เ้าเล่ห์ปานนั้น คนของข้าไหนเลยจะเข้าถึงตัวนางได้” เมื่อคิดถึงแต่ละเื่ที่ไม่เคยเล่นงานโม่เสวี่ยถงได้สำเร็จดังใจปรารถนา สีหน้าของโม่เสวี่ยิ่ก็ดำทะมึน
“น้องหญิง คราที่แล้วเ้าเขียนจดหมายมา มิใช่บอกว่ารู้สึกดีกับเจิ้นกั๋วโหวซื่อจื่อหรอกหรือ เ้ายกให้โม่เสวี่ยถงเช่นนี้ไม่นึกเสียใจหรอกหรือ?” อวี้ซือหรงถามด้วยความสงสัย โม่เสวี่ยิ่เขียนจดหมายมาหาสองสามครั้งก่อน เห็นได้ชัดว่ามีไมตรีที่อบอุ่นกับซือหม่าหลิงอวิ๋น แต่พอตนเองเข้ามาเมืองหลวงไฉนเื่จึงพลิกผันมาเป็เยี่ยงนี้ได้
“เจิ้นกั๋วโหวซื่อจื่อก็ไม่เลวหรอก เพียงแต่ตระกูลของเขาตกต่ำลงแล้ว ข้าอยากแต่งเข้าสกุลสูงศักดิ์มากกว่า” โม่เสวี่ยิ่ยิ้มเรียบๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลนอย่างยิ่ง ในหัวมีภาพใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษอีกคนปรากฏขึ้น ิกั๋วกงซื่อจื่อโหยวเยวี่ยเฉิงต่างหากจึงจะเป็เป้าหมายใหม่ของนาง ตอนแรกนางชอบซือหม่าหลิงอวิ๋น ยิ่งเขามาเอาอกเอาใจเป็พิเศษ ก็เลยเกิดรักใคร่ชอบพอกันทั้งสองฝ่าย
แต่เมื่อโหยวเยวี่ยเฉิงปรากฏตัวขึ้น นางก็เห็นความแตกต่างหว่างคนทั้งสอง ใจนางจึงเทไปที่โหยวเยวี่ยเฉิง นอกจากนี้แม้ว่าซือหม่าหลิงอวิ๋นจะเข้ามาพัวพัน แต่ไม่อาจแต่งนางเป็ภรรยาได้ นางแอบมองท่าทีของฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวหลายคราแล้ว ก็รู้ว่านางวางแผนจะให้บุตรชายแต่งงานกับบุตรสาวภรรยาเอกตระกูลสูง สถานะของตนเองเช่นนี้มิได้เข้าตานางแม้แต่น้อย
เมื่อเป้าหมายของแต่ละฝ่ายไม่ตรงกัน จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่ายทรงอยู่กลางๆ ไม่หวือหวาไม่จืดจางเกินไป
แต่การปรากฏตัวขึ้นของโม่เสวี่ยถง ทำให้เป้าหมายของทั้งสองคนเป็ไปในแนวทางเดียวกัน
ทั้งสองจึงตกลงร่วมมือกันเป็การส่วนตัว โม่เสวี่ยิ่กับฟางอี๋เหนียงจะช่วยให้ซือหม่าหลิงอวิ๋นได้โม่เสวี่ยถง รอใช้โม่เสวี่ยถงจนหมดประโยชน์แล้วค่อยสังหารนางทิ้ง แล้วแต่งโม่เสวี่ยิ่เข้ามาเป็ภรรยาเอกแทน ทุกสิ่งทุกอย่างของโม่เสวี่ยถงก็จะกลายเป็ของโม่เสวี่ยิ่ ได้เป็ภรรยาเอกต่อได้โดยชอบธรรม นอกจากนี้ พอถึงตอนนั้นฟางอี๋เหนียงก็ถูกยกขึ้นเป็ภรรยาเอกแล้ว โม่เสวี่ยิ่ก็ย่อมกลายเป็บุตรสาวของภรรยาเอก ฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวจะยังเรียกร้องเงื่อนไขใดอีกเล่า
ซือหม่าหลิงอวิ๋นคิดจะใช้โม่เสวี่ยถงเป็สะพานไปถึงจวนฝู่กั๋วกง เพื่อพลิกฟื้นอำนาจตระกูลของตนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โม่เสวี่ยิ่ก็คิดว่าหากตนเองไม่อาจเป็ภรรยาของโหยวเยวี่ยเฉิงได้สำเร็จ ก็ยังมีโอกาสได้เป็ฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวหลังจากฟื้นคืนอำนาจมาแล้วได้ นับว่าสุขสมหวังทั้งสองฝ่าย ทั้งสองคนจึงร่วมมือกัน ไม่ว่าเป็แบบไหนก็ไม่มีใครแย่งตำแหน่งฮูหยินไปจากนางได้
หลังจากกำจัดโม่เสวี่ยถงสำเร็จ ตำแหน่งนายหญิงของฟางอี๋เหนียงก็มั่นคงแล้ว ลั่วเสียทิ้งสินเดิมไว้มากมาย ได้ยินมาว่าเยอะจนน่าใ ทั้งหมดล้วนรักษาอยู่ในห้องเก็บสมบัติ พอถึงเวลานั้นของทั้งหมดก็จะตกเป็ของตนกับฟางอี๋เหนียง เมื่อเห็นอนาคตที่สดใสรออยู่เช่นนี้ จะไม่ให้โม่เสวี่ยิ่รู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร
ทั้งสองจึงจับมือกันเริ่มวางแผนจัดการกับโม่เสวี่ยถง
ทว่า... คนลิขิตหรือจะสู้ชะตาฟ้า ใครจะคิดว่านอกจากจะผลักโม่เสวี่ยถงเข้าจวนเจิ้นกั๋วโหวไม่ได้ ฟางอี๋เหนียงยังสูญเสียความโปรดปรานจากโม่ฮว่าเหวินไปอีก ถูกกักบริเวณเอาไว้ ซ้ำร้ายมาเกิดเหตุการณ์ในวังหลวง เมื่อโม่เสวี่ยิ่คิดถึงเื่นี้ก็ยังเจ็บใจไม่หาย นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้ที่มาปรากฏตัวไม่ใช่ฉู่อ๋อง แต่กลับเป็องค์หญิง...
อวี้ซือหรงฟังโม่เสวี่ยิ่เล่าจบก็ปรบมือชมเปาะ ยิ้มกล่าวอย่างร้ายกาจ “น้องหญิงวางแผนได้ดียิ่ง ด้วยสติปัญญาของเ้า ย่อมได้ไปอยู่ในสถานที่ที่ดีกว่านี้แน่ นังเด็กชั้นต่ำนั่นร้ายกาจอย่างไร ก็ไม่เท่าสติปัญญาของเ้าหรอก วางใจเถอะ ครั้งนี้เ้าต้องได้สมดังใจแน่ ถึงเวลาจะแต่งเป็ภรรยาหรืออนุ นางก็เลือกไม่ได้แล้ว”
เมื่อนึกถึงภาพเหมือนของโม่เสวี่ยถงที่อยู่ในห้องของลูกผู้พี่ หัวใจของนางก็เหมือนถูกแผดเผาด้วยไฟริษยา
นังเด็กนั่นมีอะไรดีนักหนา แม้ว่าจะหน้าตาไม่เลว แต่มีอะไรที่เทียบนางได้บ้าง ไม่รู้ว่าลูกผู้พี่หูตามืดบอดไปหลงเสน่ห์นังนั่นได้อย่างไร หากก้อนหินในวันนั้นใหญ่กว่านี้อีกสักหน่อย กระแทกนางให้ตายั้แ่ตอนนั้นก็จบแล้ว แต่ตอนนี้ก็ไม่เลว ขอแค่นางเข้าจวนเจิ้นกั๋วโหวได้ จะเป็หรือตายก็อยู่ในกำมือของญาติผู้น้องแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ก็นึกกระหยิ่มใจจนหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“แล้วทำไมอี๋เหนียงจึงยังไม่ถูกปล่อยออกมาอีกเล่า หรือน้องหญิงจะมองดูนางถูกกักขังอยู่เช่นนี้?” อวี้ซือหรงหยุดหัวเราะแล้วถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
นี่เป็เื่ที่ท่านย่าของนางกำชับมาว่าต้องถามให้รู้เื่ นางก็เพิ่งนึกขึ้นได้
“อี๋เหนียงไม่เป็ไรหรอก บอกท่านยายว่าสบายใจได้ อีกไม่กี่วันนางก็ออกมาได้แล้ว” โม่เสวี่ยิ่ยิ้มอย่างลำพองใจ ขอเพียงเื่นั้นถูกประกาศออกไป แม้ท่านพ่อไม่อยากปล่อยฟางอี๋เหนียงออกมาก็ทำไม่ได้ รอให้โม่เสวี่ยถงตกอยู่ในมือของซือหม่าหลิงอวิ๋นเมื่อไร ชื่อเสียงถูกทำลายย่อยยับ แล้วค่อยยกเื่นี้ขึ้นมากล่าวอีกครั้ง โม่เสวี่ยถงยังเอาตัวเองไม่รอด จะมีสิทธิ์มีเสียงอะไรมาต่อกรกับฟางอี๋เหนียง ถึงเวลานั้นท่านพ่อที่ผิดหวังในตัวนาง ย่อมกลับมาให้ความสำคัญกับตนเองและพี่ชายใหญ่อีกครั้ง ทีนี้เื่แต่งตั้งฟางอี๋เหนียงขึ้นเป็ภรรยาเอกก็จะไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางได้อีก
โม่เสวี่ยถงไม่รู้แผนการมากมายของพวกนาง หลังจากได้นอนพักผ่อนหลังรับประทานอาหารกลางวัน ก็รู้สึกว่าศีรษะของตนเองบวมน้อยลงมากแล้ว และมีผมตรงหน้าผากช่วยบดบังอยู่ หากไม่สังเกตให้ดีก็จะมองไม่เห็น จึงคิดออกไปชมสวน โม่เยี่ยประคองนางค่อยๆ เดินออกไป เกล็ดหิมะเล็กๆ ยังโปรยปรายลงมาั้แ่เมื่อวาน
พื้นดินยามนี้ชื้นแฉะ อากาศ่ต้นเหมันต์เริ่มหนาวเย็นแล้ว ร่างบางเล็กจ้อยอยู่ภายใต้เสื้อคลุมกันหนาวตัวใหญ่ หลังจากมารดาสิ้นไป นางก็ป่วยหนักลุกจากเตียงไม่ไหว ต่อมาก็ถูกทิ้งไว้ที่จวนฉิน ขาดการบำรุงรักษา ร่างกายจึงทรงๆ ทรุดๆ หลังจากกลับมาเมืองหลวงแล้ว ได้ฟื้นฟูบำรุงอย่างเหมาะสม แต่กลับยังคงผอมบางเกินไป
“เอ๊ะ... นี่คุณหนูสามมิใช่หรือ?” น้ำเสียงเสแสร้งเจือไปด้วยการเสียดสีดังมาจากข้างูเาจำลอง
โม่เสวี่ยถงยืนนิ่งมองไปตามที่มาของเสียง เห็นโม่เสวี่ยฉงกับหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวผู้หนึ่งเดินคู่กันมา
มือที่จับโม่เยี่ยบีบแรงขึ้นโดยพลัน ภายใต้ก้นบึ้งดวงตาฉายแววเย็นเยือกปานน้ำแข็ง
ชาติก่อนใบหน้าของนางถูกทำลายด้วยน้ำมือของอวี้ซือหรง นางเป็บุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกของสกุลอวี้ ถูกประคบประหงมเลี้ยงดูดั่งไข่มุกในอุ้งมือ เชี่ยวชาญในด้านพิณหมาก เป็สตรีมากความสามารถที่มีชื่อเสียงของเมืองอวิ๋นเฉิง เนื่องจากสกุลอวี้กับสกุลฉินเกี่ยวดองกัน ในหนึ่งปีจะมีสักหกเจ็ดเดือนที่นางไปพักอาศัยอยู่บ้านสกุลฉิน จึงรู้จักมักคุ้นกับโม่เสวี่ยถงเป็อย่างดี
ตอนอยู่บ้านสกุลฉินโม่เสวี่ยถงไม่มีใครอยู่เป็เพื่อน อวี้ซือหรงผู้นี้เมื่อไม่มีธุระก็มักจะมานั่งคุยด้วย นับั้แ่ที่รู้จักคบหากับนาง โม่เสวี่ยถงก็มักโชคร้ายเกิดเื่นี้เื่นั้นไม่หยุดหย่อน ไม่เดินอยู่ดีๆ ก็หกล้ม ก็ไปชนถูกอะไรเข้า แล้วยังถูกปล่อยข่าวว่าเป็สตรีหยิ่งจองหอง ทั้งที่เห็นอยู่ว่าแท้ที่จริงไม่มีเื่อันใดเลย เป็นางเสียอีกที่ถูกชนจนเกือบเสียแขน...
“คุณหนูสามจำข้าไม่ได้แล้วหรือไร หรือคิดไม่ถึงว่าจะเจอข้าที่นี่?” เมื่อคิดถึงว่าอีกไม่นานโม่เสวียถงจะต้องตกอยู่ในสภาพจะเป็หรือตายก็ลำบาก อวี้ซือหรงก็ไม่คิดจะเล่นหัวกับนางอีกต่อไป เริ่มเปิดศึกด้วยการพูดจากระทบกระเทียบเสียดสีอย่างที่สุด ยิ่งเห็นนางดูผุดผ่องงดงามยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทั้งที่ไม่เจอกันเพียงไม่กี่เดือน ก็ยิ่งเกิดความอิจฉาริษยา
“คุณหนูอวี้มีธุระอันใดหรือ” โม่เสวี่ยถงข่มความเ็าไว้ภายใต้ก้นบึ้งของหัวใจ เงยหน้าขึ้นถามเรียบๆ แม้ไม่เ็าแต่ก็มิใช่อบอุ่น
คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าจะกล้ากล่าวกับตนเองเช่นนี้ โทสะพลันฉายวาบผ่านแววตา ก่อนหน้านี้นางจงใจเข้าไปตีสนิทกับโม่เสวี่ยถง ก็เพื่อกลั่นแกล้งเอาเปรียบนาง
“พี่หญิงสามไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ได้ยินว่าตอนที่อยู่จวนฉินพี่หญิงอวี้ก็ดูแลท่านอย่างดีมิใช่หรือ” โม่เสวี่ยฉงดวงตาวูบวาบอย่างรู้สึกสนุกที่จะได้เห็นเื่ขำขัน เอ่ยเสียดสีนางมาประโยคหนึ่งอย่างรอคอยชมละครสนุก แม้ว่าอวี้ซือหรงจะมาเยี่ยมนาง แต่นางรู้ดีกว่าอีกฝ่ายไปหาโม่เสวี่ยิ่มาแล้ว
“คุณหนูสี่อย่ากล่าวเช่นนี้เลย ข้ามิกล้าอาจเอื้อมกับคุณหนูสาม ครานี้เดิมคิดแค่มาเยี่ยมเยียนพวกเ้าสามพี่น้อง แต่ดูท่าทางคุณหนูสามจะไม่ชอบข้า งั้นก็ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าก็จะไปอยู่แล้ว” อวี้ซือหรงหัวเราะเสียงเย็น ท่าทางจองหอง วาจาข่มผู้อื่น
“ว้าย... พี่หญิงอวี้อย่าเพิ่งไปสิเ้าคะ กว่าจะมาได้ครั้งหนึ่งก็มิใช่ง่ายๆ พี่สาม รีบมากล่าวขออภัยต่อคุณหนูอวี้เสียสิ” โม่เสวี่ยฉงเห็นอวี้ซือหรงทำท่าจะไปก็รีบรั้งนางไว้ แสร้งทำเป็ร้อนใจ ทว่าจริงๆ แล้วกลับรู้สึกยินดี การได้เห็นโม่เสวี่ยถงโชคร้ายคือความเบิกบานใจที่สุดของนาง นางจงใจพาอวี้ซือหรงมาพบกับตัวซวยโม่เสวี่ยถง นางรู้ว่าอวี้ซือหรงไม่ถูกชะตากับพี่สาวของตนเอง
อวี้ซือหรงมีใจต่อฉินอวี้เซวียน ผู้คนในเมืองอวิ๋นเฉิงจำนวนไม่น้อยต่างรู้เื่นี้ แต่โม่เสวี่ยถงกลับไม่รู้อะไรเลย มิหนำซ้ำยังสนิทสนมกับฉินอวี้เซวียนอย่างยิ่ง แล้วจะไม่ให้อวี้ซือหรงอิจฉาริษยาได้อย่างไร
“คุณหนูอวี้ ข้ายังมีธุระ ไม่สะดวกอยู่คุยด้วย ต้องเสียมารยาทแล้ว” โม่เสวี่ยถงกล่าวเสียงเย็น ไม่แยแสคำพูดของโม่เสวี่ยฉงแม้แต่น้อย แสดงท่าทางไม่เห็นอวี้ซือหรงอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง
“โม่เสวี่ยถง เ้าทำเกินไปแล้ว...” อวี้ซือหรงโกรธจนตัวสั่น จากที่แกล้งหมุนตัวจะจากไปกลับหันมายืนนิ่ง นางเป็บุตรสาวคนโตลูกภรรยาเอกของสกุลอวี้ ทั้งยังเป็สตรีมีความสามารถของเมืองอวิ๋นเฉิง ยังไม่เคยมีใครหักหน้านางขนาดนี้ จึงทะนงตนเสมอมา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่ถูกชะตากับโม่เสวี่ยถงที่ดูเหยาะแหยะอ่อนแอไร้ประโยชน์ แต่ก็แสร้งเข้าไปผูกมิตรด้วย เป้าหมายเพียงเพื่อทำลายให้นางอัปลักษณ์ชื่อเสียงป่นปี้ เมื่อไรกันที่นังเด็กขี้ขลาดตาขาวมองไม่เห็นหัวนางเช่นนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้