สิ่งที่ทำให้ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ ผ่านวาจาะเือารมณ์เช่นนั้นของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล้ว สวี่ชิวเยวี่ยก็เริ่มน้ำตาร่วงกราวอีกครั้ง แม้แต่ฮูหยินเยี่ยนก็ยังเกิดคำถามในใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ชาติก่อนเ้าเป็น้ำตกหรืออย่างไร น้ำถึงได้มากมายนัก... แต่เมื่อเห็นหญิงสาวตัวน้อยร้องไห้อย่างเ็ปทั้งน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้ หากฮูหยินเยี่ยนทำให้นางะเืใจอีกก็คงไร้มนุษยธรรมเกินไป จึงได้แต่ตำหนิเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเล็กน้อย
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ถูกตำหนิในใจเองก็รู้สึกไม่เป็ธรรมและน้อยอกน้อยใจขึ้นมา แต่ยามนี้นางต้องแกล้งทำตัวเป็พี่ชายของตน ชายชาตรีคนหนึ่งคงไม่ร้องไห้เพราะถูกแม่ด่าคำสองคำหรอกกระมัง ดังนั้นจึงทำได้เพียงยั้งการกระทำนั้น แค่นเสียงฮึดฮัดคำหนึ่ง แล้วไม่เอ่ยอะไรอีก
“ชิวเยวี่ย เ้าอย่าร้อนใจไปเลย ตอนนี้เปี่ยวเกอของเ้าเองก็ ก็อารมณ์ไม่ดีนัก ไม่ต้องกังวล ให้ป้าพูดกับเขาสักคำสองคำ เ้ากลับไปก่อน ไม่ต้องร้องแล้วนะ...”
ฮูหยินเยี่ยนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้กับสวี่ชิวเยวี่ยด้วยตนเอง พลางเอ่ยเกลี้ยกล่อมปลอบขวัญไม่หยุด สวี่ชิวเยวี่ยก้มหน้าอย่างละอายใจ นางรู้ว่าฮูหยินเยี่ยนกำลังเตรียมที่จะสร้างแรงกดดันให้กับ ‘เยี่ยนอวิ๋นเฟย’ หากตนยังดื้อแพ่งไม่ยอมรับชะตากรรม อาจจะได้ผลตรงกันข้ามได้ นางย่อมปิดปากเงียบแล้วพยักหน้าเบาๆ
หลิงหลงรับคำสั่งพาสวี่ชิวเยวี่ยออกไป ภายในห้องจึงเหลือเพียงฮูหยินเยี่ยนและเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเพียงสองคนอย่างรวดเร็ว
ยามนี้ฮูหยินเยี่ยนเริ่มนั่งไม่ติดขึ้นมาจริงๆ แล้ว ทันใดนั้นก็ตบลงบนโต๊ะทีหนึ่ง ทำเอาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วใกลัวจนตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ “เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเกิดอะไรขึ้นกับเ้า!”
“อ่า ข้า... ข้าเป็เช่นไรหรือ?” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่เข้าใจความนัย แต่ความกลัวนั้นเป็ของจริง ถึงอย่างไรความเป็ความตายของตนนั้นก็ถูกมารดากุมไว้ในมืออย่างแ่า การต่อต้านฮูหยินเยี่ยนคงไม่ได้มีจุดจบที่สวยงามอะไรนัก
“นางเป็เพียงสาวน้อยผู้หนึ่ง เ้ายังต่อว่าอยู่ค่อนวัน เหตุใดเ้าถึงใจหินแข็งกระด้างขนาดนี้?” ฮูหยินเยี่ยนสั่งสอนเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรอบหนึ่ง แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็โต้เถียงกลับทันที “ท่านแม่! เหตุใดท่านถึงลำเอียงขนาดนี้กัน แล้วข้าไม่ใช่สาวน้อยผู้หนึ่งเหมือนกันหรอกหรือ ทั้งยังเป็ลูกสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับทำกับข้าเช่นนี้หรือ?”
เมื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพูดนั้นเหมือนจะไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว? ฮูหยินเยี่ยนสับสนอยู่เล็กน้อย เพียงพริบตาก็เกือบจะถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกล่อมสำเร็จแล้ว…
แต่โชคดีที่ฮูหยินเยี่ยนยังรักษาสติอันน้อยนิดของตนเอาไว้ได้ แล้วจึงเอ่ยโน้มน้าวกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างเฉียบขาดอีกครั้ง “อย่ามาพูดยอกย้อนกับข้า ตอนนี้คนนอกต่างรู้จักเ้าเป็เยี่ยนอวิ๋นเฟย เช่นนั้นเ้าก็คือเยี่ยนอวิ๋นเฟย เ้าเป็ชายหนุ่ม อย่างไรชิวเยวี่ยก็กำลังจะออกเรือนอยู่แล้ว เ้าจะไว้หน้าสักนิดไม่ได้หรืออย่างไร? มันจะทำให้ลูกผู้ชายอย่างเ้าเสียหายหรือ?!”
สรุปแล้วเื่ที่เกี่ยวกับสวี่ชิวเยวี่ยเองก็ทำให้ฮูหยินเยี่ยนหงุดหงิดเหลือทน พูดไปพูดมาก็ลากตนเข้าไปติดร่างแหด้วย ราวกับคิดว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วตรงหน้านี้ก็คือเยี่ยนอวิ๋นเฟยและเป็ชายหนุ่มเสียอย่างนั้น!
ดังนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กำลังน้อยอกน้อยใจ ฮูหยินเยี่ยนจึงไร้ซึ่งความสงสารเห็นใจแม้แต่น้อย ถึงกับสามารถพูดได้เลยว่าเืเย็นไร้ปรานี…
ถึงแม้ว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะพยายามต่อสู้ด้วยเหตุผลอยู่เป็เวลานาน แต่ก็ยังไม่อาจขัดขวางความเที่ยงธรรมไม่เห็นแก่หน้าใครของฮูหยินเยี่ยนได้ กระทั่งฮูหยินเยี่ยนยื่นคำขาดสุดท้าย เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถึงได้ตอบรับอย่างจำใจ
“ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เ้าก็ต้องไปปลอบนาง ไว้นางออกเรือนไปเมื่อไร ก็จะไม่มีเื่พวกนี้แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ต้องพูดแล้ว เ้าต้องทำ ฟังเข้าใจแล้วหรือไม่?”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยามนี้นับว่าเข้าใจแจ่มแจ้งขึ้นมา มารดาของตนผู้นี้ เดิมทีก็ไม่มีช่องว่างให้ลังเลและทางเลือกอะไรกับตนอยู่แล้ว จำต้องฝืนยอมรับคนหัวแข็งผู้นี้ ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ นางได้แต่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
“เข้าใจแล้ว”
เมื่อนั้น สีหน้าของฮูหยินเยี่ยนถึงนับว่าดีขึ้น จากนั้นจึงสั่งให้คนไปเรียกสวี่ชิวเยวี่ยกลับมาอีกครั้ง แล้วดำเนินละคร ‘ขุนศึกกุนซือคืนดี’ [1] นี้อีกครั้ง
ไม่คาดคิดว่ายังไม่ทันที่สวี่ชิวเยวี่ยจะเอื้อนเอ่ย เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผู้นี้ก็แสดงความสามารถออกมาดีกว่าปกติ นางเอ่ยกับสวี่ชิวเยวี่ย “เปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ย สิ่งที่เ้าอยากจะพูดนั้นข้ารู้อยู่แก่ใจ แท้จริงข้าก็อยากจะบอกเ้า ว่าเ้าเองก็ไม่จำเป็ต้องเกรงใจข้าขนาดนั้น ข้าให้อภัยเ้าแล้ว หวังว่าหลังจากนี้เ้าจะได้สามีดีสมดั่งใจ รักกันตลอดไป มีบุตรในเร็ววัน”
เมื่อเอ่ยคำพูดตามมารยาทจบแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เหลือบมองไปยังฮูหยินเยี่ยนราวกับเสร็จสิ้นภารกิจแล้วอย่างไรอย่างนั้น เหมือนจะบอกว่า ท่านดูสิ ข้าพูดได้ไม่เลวเลยใช่หรือไม่?
แม้ว่าฮูหยินเยี่ยนจะไม่ค่อยพอใจกับการแสดงอย่างขอไปทีของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนัก แต่มาถึงขั้นนี้ได้ก็นับว่าผลลัพธ์ที่ไม่เลวยิ่งแล้ว แม้จะเห็นสีหน้าของสวี่ชิวเยวี่ยมีความอึดอัดเล็กน้อย แต่ฮูหยินเยี่ยนเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรมาก เพียงแค่ลอบส่งสายตาให้กับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว สื่อความว่า ‘ก็พอได้’
เมื่อได้รับสายตาชมเชยของมารดา เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ก้าวขาคิดจะหนี แต่กลับได้ยินสวี่ชิวเยวี่ยเอ่ยขึ้น “เปี่ยวเกอรอเดี๋ยว!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่สืบตัวไปข้างหน้าเพียงครึ่งหนึ่งแข็งค้างอยู่กับที่ ได้แต่แอบก่นด่าอย่างขุ่นเคืองอยู่ในใจ แต่เมื่อหันกลับมาก็ต้องปั้นหน้ายิ้มรับ “เปี่ยวเม่ยยังมีเื่อะไรอื่นอีกหรือ?”
สวี่ชิวเยวี่ยหยุดชะงักอยู่กับที่ แล้วโค้งตัวคำนับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ย “วันนี้ชิวเยวี่ยพยายามทำทุกวิถีทางวอนให้ท่านมา ก็เพื่อที่จะอำลาเปี่ยวเกอเ้าค่ะ”
ร่ำลา? อะไรอีกล่ะนี่ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ก็เข้าใจไปเองว่าคงจะหมายถึงเื่ที่นางกำลังจะออกเรือนกระมัง จากนี้ไม่อาจอยู่ที่จวนเยี่ยนได้อีกแล้ว ในบางมุมมอง ก็ควรจะร่ำลากับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วสักหน่อยจริงๆ
ทว่าสำหรับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล้วก็เป็เื่ที่ดีเื่หนึ่ง หลังจากนี้ทำอะไรก็ไม่ต้องถูกจับตามองอีก ทั้งไม่ต้องสู้รบตบมือกับแม่นางน้อยผู้นี้ด้วยกันกับเยวี่ยเจาหรานแล้ว เช่นนี้สำหรับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล้ว ก็คงจะได้ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายสบายใจมากขึ้นเป็แน่
“อ้อ เ้าพูดถึงเื่ที่เ้าต้องออกเรือนสินะ เช่นนั้นไม่เรียกว่าอำลา เรียกว่า พบและจากกันด้วยดี หวังว่าจากนี้ไปเ้าจะมีชีวิตคู่ที่สงบสุขนะ~”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเอ่ยกับสวี่ชิวเยวี่ยเช่นนั้น คาดไม่ถึงว่าสวิ่ชิวเยวี่ยกลับเอ่ยขึ้นอย่างจริงใจ “ชิวเยวี่ยไม่ได้หมายถึงเื่นั้นเ้าค่ะ แต่หมายถึงเื่ที่ชิวเยวี่ยคิดจะไปอารามชีที่เขาชิงเฉวียน จึงขออำลาท่าน”
อารามชี?!
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลันตะลึงงันไปโดยสมบูรณ์ อยู่ดีๆ จะไปอารามชีทำไมกัน? คงไม่ได้ถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกระทบกระเทือนความรู้สึกจนสมองเพี้ยนไปจริงๆ แล้วเกิดปณิธานแรงกล้าอยากออกบวชขึ้นมาหรอกนะ?!
ในขณะที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกำลังสับสนไม่รู้จะทำอย่างไรอยู่นั้น ฮูหยินเยี่ยนก็เอ่ยอธิบายขึ้นอย่างช้าๆ อยู่ข้างหลัง “หลายวันมานี้ เกิดเื่วุ่นวายในจวนไม่น้อย ชิวเยวี่ยจึงคิดอยากจะไปผ่อนคลายจิตใจที่เขาชิงเฉวียน ชมทัศนียภาพภายนอกบ้าง เช่นนี้แล้วก็จะได้สงบใจคลายอารมณ์ยิ่งขึ้น แล้วออกเรือนไปด้วยดี”
สวี่ชิวเยวี่ยพยักหน้าเล็กน้อยตามคำพูดของฮูหยินเยี่ยน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงถอนหายใจออกมา ไม่ได้กลัวว่าสวี่ชิวเยวี่ยจะต้องออกเรือน เพียงแต่กลัวว่าผู้อื่นจะเข้าใจผิดว่าสวี่ชิวเยวี่ยออกเรือนไปเพราะถูกตนบีบบังคับ จึงรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นมาก็เท่านั้น
“ในเมื่อเป็สิ่งที่เปี่ยวเม่ยชิวเยวี่ยเลือก ข้าในฐานะเปี่ยวเกอก็ไม่อาจขวาง ย่อมอวยพรให้เ้าสะดวกราบรื่น” เพียงสิ้นเสียงของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว ก็ได้ยินฮูหยินเยี่ยนเอ่ยเสริมอยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ไปครานี้หนทางยาวไกล ชิวเยวี่ยเพียงลำพังคนเดียวทำให้ข้าเป็กังวลจริงๆ ในเมื่อเ้าเป็เปี่ยวเกอของนาง ก็ไปส่งนางสักหน่อยเถอะ”
เชิงอรรถ
[1] ขุนศึกกุนซือคืนดี (将相和) คือเื่ราวอันเป็ที่มาของสุภาษิต แบกไม้หนามมาขอรับโทษ (负荆请罪)
