หนึ่งคนหนึ่งสุนัขรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงสุดท้าย
ห้องนี้เป็ห้องที่องค์ชายโอบินนาพักอยู่ ทำให้มีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีศพมากมาย แต่ในห้องโถงมีร่องรอยการต่อสู้และใช้คลื่นพลัง ทำให้พอจะมองออกว่าผู้บุกรุกน่าจะเป็นักรบคลื่นพลังธาตุไฟหรือไม่ก็เป็นักเวทธาตุไฟ เพราะในห้องโถงมีร่องรอยการเผาไหม้ของเปลวไฟ ศพบางส่วนก็ถูกเผาโดยตรง ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเืและกลิ่นเนื้อย่าง...
ดวงตาของซุนเฟยจับจ้องไปที่เดียว
เขามองไปที่ส่วนลึกที่สุดในห้องโถง ซึ่งมีศพหนึ่งที่อยู่ในสภาพค่อนข้างดี
บนร่างของศพนี้สวมชุดเกราะหรูหรา บนตัวเกราะมีพลังเวทมนตร์จางๆ ที่กะพริบวิบวับ เห็นได้ชัดว่าไอเทมเวทมนตร์นี้จะต้องมีราคาสูงมาก ศพผู้นี้มีผมยาวสีบลอนด์ทอง มีใบหน้าหล่อเหลา จมูกงุ้ม บนศีรษะมีมงกุฎสีทองที่ฝังด้วยอัญมณีหลากสีนับสิบกว่าอัน ในดวงตามีร่องรอยความหวาดกลัว ศพนี้ตายเพราะถูกแทงตรงลำคอ ตรงปากแผลมีร่องรอยไหม้บางส่วน มุมปากมีเืไหลออกมาเป็จำนวนมาก หยดเืเริ่มแข็งตัวและเป็สีดำ
ในคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ไม่มีผู้รอดชีวิตสักราย
คณะทูตของอาณาจักรเธรซที่มายังเมืองแซมบอร์ดเพื่อแสดงความยินดีกับซุนเฟยที่ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นครองราชย์โดยราชอาณาจักรเซนิท ผู้ที่มาจากอาณาจักรเธรซเพื่อเข้าร่วมพิธีมีจำนวนทั้งหมดสองร้อยกว่าคน แต่พวกเขากลับถูกศัตรูที่ไม่รู้จักกำจัดทิ้งโดยที่ไม่มีใครสามารถต้านทานไว้ได้ แม้แต่ผู้รอดชีวิตสักคนก็ไม่มี
ลมกลางคืนที่หนาวะเืพัดผ่าน ในใจซุนเฟยพลันรู้สึกหนาวเย็น
ดูจากสภาพศพที่ยังคงอุ่นๆ เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ครั้งนี้ใช้เวลาไม่เกินสิบนาที สิ่งที่ทำให้ซุนเฟยใคือ คฤหาสน์รับรองของคณะทูตอาณาจักรเธรซห่างจากคฤหาสน์รับรองของอาณาจักรเล็กซัสเพียงสี่พันเมตร (สี่กิโลเมตร) กล่าวคือ ในขณะที่เขาและองค์ชายมอดริชกับคนอื่นๆ กำลังอยู่ด้วยกันก็เกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่ ในสถานที่ที่อยู่ห่างไปแค่สี่พันเมตร คนจำนวนสองร้อยกว่าคนได้ถูกสังหารทั้งหมด ในบรรดาศพพวกนั้นก็มียอดฝีมือที่ซุนเฟยไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นอายของพวกเขาด้วย
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ยอดฝีมือเป็ใครกันแน่ ถึงกับสังหารคนกลุ่มนี้ได้โดยที่พวกเขาไม่ทันรู้ตัว
เขาเป็ใคร เพราะเหตุอะไรถึงได้อำมหิตขนาดที่ลงมือสังหารองค์ชายแห่งอาณาจักรเธรซ?
ซุนเฟยพบว่าเื่นี้ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
ทีแรกเป็เพราะเื่นักฆ่าอย่างฮาซึงจิน เขาจึงคิดว่าตัวเองเกือบจะหาต้นเหตุพบแล้ว แต่มาตอนนี้ สมมุติฐานก่อนหน้านี้และความจริงแทบจะไม่ได้ใกล้เคียงกัน เดิมทีมันก็ไม่ใช่เื่เดียวกันเลย
ตอนนี้เองเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังเข้ามา
“ฝ่าา...นี่คือ?”
ในตอนแรกเบสท์และองค์ชายมอดริชที่รออยู่ด้านนอก พวกเขาไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้ ทั้งยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆ จากซุนเฟย
จึงพากันเป็กังวลก่อนจะตัดสินใจนำทหารเข้ามา ตลอดทางที่พวกเขาเดินผ่านต่างก็เห็นศพในทุกๆ ที่ เมื่อพบว่าสถานการณ์แบบนี้จึงรู้ว่าต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ
“คนพวกนี้ไม่ใช่ข้าที่เป็คนสังหาร ตอนที่ข้าเข้ามา พวกเขาก็ตายหมดแล้ว!”
ซุนเฟยขมวดคิ้ว ขณะที่บอกเล่าเื่ราวที่ตัวเองพบ เบสท์และมอดริชทั้งสองคนพากันหน้าเปลี่ยนสี องค์ชายมอดริชสังเกตบริเวณรอบๆ อย่างละเอียด ก่อนจะหันไปมองที่ส่วนลึกของห้องโถงซึ่งมีศพนักรบสวมมงกุฎและผมสีทองที่ถูกแทงตรงลำคอนอนอยู่ตรงนั้น เขาก็พลันพูดออกมาอย่างใว่า “นั่นคือองค์ชายโอบินนา องค์ชายลำดับที่สี่ของอาณาจักรเธรซ...โอบินนาเป็ถึงปีกอินทรีหนึ่งใน ‘ห้าอินทรี’ ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับสี่ดาว พลังของเขามองข้ามไม่ได้ แต่กลับถูกคนแทงเข้าที่คอโดยที่ไม่อาจต่อต้านได้ คนประเภทไหนกันทำไมถึงร้ายกาจขนาดนี้?”
ซุนเฟยส่ายหน้า
สุนัขั์สีดำยื่นจมูกก่อนจะดมกลิ่นในห้องโถงราวกับจะหาเบาะแสอะไรบางอย่าง
“อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเป็ยอดฝีมือระดับหกดาว และต้องมีมากกว่าหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถสังหารคนอย่างเงียบๆ ได้มากขนาดนี้” สีหน้าขององค์ชายมอดริชเปลี่ยนสี
“ฝ่าา พวกเราควรจะจัดการเื่นี้อย่างไรต่อดี?” แม้ว่าท่าทางของเบสท์จะยังคงสงบเยือกเย็น แต่อย่างไรเขาก็เป็ขุนนางฝ่ายบุ๋น ไม่เหมาะที่จะการเผชิญหน้ากับสนามรบนองเืแบบนี้ ใบหน้าของเขาจึงซีดเผือด แต่ก็ยังอดกลั้นไม่ให้อาเจียนออกมาได้
“ให้ทุกคนถอยออกไปจากคฤหาสน์ จากนั้นให้บรู๊คส่งคนมาปิดกั้นคฤหาสน์รับรองหลังนี้ อย่าเพิ่งให้ข้อมูลรั่วไหลไปได้ชั่วคราว” ซุนเฟยครุ่นคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจแบบนี้
เื่นี้ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
ตอนนี้ซุนเฟยแน่ใจแล้วว่า เมืองแซมบอร์ดมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการสมรู้ร่วมคิดอย่างลับๆ บางอย่างที่ยิ่งใหญ่มากโดยไม่รู้ตัว...ภัยร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นครั้งนี้ ถ้านักฆ่าที่สังหารพวกคณะทูตอาณาจักรเธรซกว่าสองร้อยคนเป็ยอดฝีมือระดับหกดาวจริงๆ แค่ยอดฝีมือลึกลับเพียงคนเดียวก็สามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเมืองแซมบอร์ดตอนนี้ได้ง่ายๆ แล้ว
……
ในไม่ช้า คฤหาสน์รับรองของคณะทูตอาณาจักรเธรซก็ถูกบรู๊คนำกำลังคนเข้าไปปิดกั้นอย่างลับๆ
ในคืนนั้นซุนเฟยมีคำสั่งให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบค้นหาเงื่อนงำในคฤหาสน์ ดูว่าจะสามารถค้นหาเบาะแสอื่นๆ ที่ถูกมองข้ามไปก่อนหน้านั้นได้หรือไม่ จากนั้นก็ให้เผาหรือฝังศพให้เร็วที่สุด แม้ว่าตอนนี้จะเป็ปลายฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศกำลังเย็นลง แต่ก็ควรจะจัดการกับศพให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไม่ได้เกิดกลิ่นเหม็นเน่าในเมือง หรือทำให้เกิดโรคระบาดขึ้น
พวกผู้คุ้มกันและทหารของอาณาจักรเล็กซัสที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ก็ถูกองค์ชายมอดริชกำชับให้เก็บเป็ความลับ...แต่เกิดเื่แบบนี้ขึ้น คาดว่าคงไม่อาจปิดซ่อนไว้ได้นาน ไม่ช้าก็เร็วโลกภายนอกจะรู้
บรรยากาศในขณะที่เดินทางกลับคฤหาสน์รับรองคณะทูตอาณาจักรเล็กซัสเต็มไปด้วยความซึมเศร้า ใครจะรู้ว่าทันทีที่เดินผ่านประตูใหญ่เข้ามาจะมีทหารของอาณาจักรเล็กซัสวิ่งพรวดพราดเข้ามาคุกเข่ารายงาน “องค์ชาย องค์าาอเล็กซานเดอร์ คนนั้น...เชลยคนนั้นที่ชื่อว่าฮาซึงจิน...เขาตายแล้วขอรับ!”
ผู้คนที่ได้ยินต่างพากันใ
“ตาย? ตายได้อย่างไร?” ซุนเฟยถามอย่างใปนโมโห
หลังจากที่คณะทูตอาณาจักรเธรซกว่าสองร้อยนายที่ถูกยอดฝีมือลึกลับสังหารไป เงื่อนงำเดียวที่จะทำให้เื่ราวกระจ่างได้ก็มีแค่เชลยที่เป็นักรบคลื่นพลังธาตุดินที่ถูกจับ ซุนเฟยคิดไว้ว่าจะรีบทำการสอบสวนชายคนนั้นทันที เผื่อจะขุดเบาะแสบางอย่างออกมาจากปากมันได้ แต่ใครจะรู้ว่าไม่ทันที่จะได้ลงมือ เงื่อนงำนี้กลับถูกตัดขาดไปก่อน
“มันฆ่าตัวตายขอรับ ในปากของมันซุกซ่อนยาพิษเอาไว้ หลังพวกท่านจากไปได้ไม่นาน มันก็แอบกินยาพิษฆ่าตัวตาย”
ทหารคนนั้นอธิบาย
ซุนเฟยยิ่งหน้าคล้ำ เขาพา ‘ลมกรดทมิฬ’ เดินเข้าไปในห้องโถงรับรองคณะทูตอาณาจักรเล็กซัส
เมื่อได้เห็นฮาซึงจินที่ถูกเขาจัดการได้ตายลง มุมปากของเขายังเหลือเศษยาพิษที่พ่นออกมาพร้อมน้ำลาย ใบหน้าแข็งทื่อและเปลี่ยนเป็ดุร้าย ผิวหน้าของเขาคล้ำขึ้น มีเืสีดำไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด บริเวณริมฝีปากและลำคอเป็สีม่วง เป็สัญลักษณ์ที่ตายโดยพิษและน่าจะเป็พิษที่ร้ายแรง เพราะตรงพื้นที่มีฟองน้ำลายที่ไหลออกมาจากปากของเขามันถูกกัดกร่อนจนกลายเป็หลุมเล็กๆ บางส่วนด้วย
เงื่อนงำสุดท้ายก็ถูกตัดขาด...มารดามันเถอะ
ซุนเฟยรู้สึกว่า เหมือนจะมีมือที่มองไม่เห็นในมุมมืดกำลังควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ มันเดินก้าวนำตัวเองทุกก้าว ไม่ทิ้งร่องรอยของตัวเองไว้แม้แต่นิดเดียว และทุกๆ การเคลื่อนไหวของตัวเองก็เหมือนจะอยู่ในการควบคุมของมือที่มองไม่เห็นนี้
เขามองไปที่สภาพการตายที่น่าสยดสยองของฮาซึงจินบนพื้น ในใจก็พลันกระตุก เขาคุกเข่าลงก่อนจะนำขวดแก้วเล็กๆ ออกมาจากเข็มขัดมิติของคนเถื่อน และเก็บตัวอย่างน้ำลายตรงมุมปากของชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง แล้วหันหลังกลับไป
“ในเมื่อตายไปแล้วก็ไม่มีค่าอะไร บรู๊ค เ้าสั่งให้คนนำศพนี้ไปโยนทิ้งในคฤหาสน์รับรองของคณะทูตอาณาจักรเธรซ ตอนที่จัดการมัน...ก็ระวังหน่อย ในศพมันมีพิษร้ายแรงอยู่!” ซุนเฟยสบตากับบรู๊ค
บรู๊คชะงักเล็กน้อย ก่อนที่ตัวเขาและนายทหารอีกนายจะเป็คนยกศพของฮาซึงจินออกไป
……
กลับมาที่พระราชวังก็เป็เวลาเที่ยงคืนแล้ว
ซุนเฟยยังคงวิเคราะห์เื่ราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก มีแต่เื่ที่น่าเหลือเชื่อ เขานึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกใจ มีผู้ที่แข็งแกร่งจำนวนมากที่เมืองแซมบอร์ด แม้กระทั่งเย็นวันนี้ยังมียอดฝีมือระดับหกดาวปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เื่นี้ยิ่งทำให้ซุนเฟยได้กลิ่นไม่ดีมากขึ้น
“เพราะอะไรคนพวกนี้ถึงมาที่เมืองแซมบอร์ด?”
ซุนเฟยนั่งครุ่นคิดอย่างเงียบๆ บนเก้าอี้หิน หรือว่าเื่ตำแหน่งที่ตั้งเทพและปีศาจจะถูกเปิดเผยแล้ว?
แต่คิดอีกทีก็ไม่น่าจะเป็ไปได้ หากเป็แบบนั้นจริงๆ เกรงว่าเขาวงกตใต้ดินตรงูเาด้านหลังตอนนี้คงเกิดความโกลาหลขึ้นแล้ว แต่ในความเป็จริง ที่ตรงนั้นกลับเป็สถานที่ที่เงียบสงบที่สุดในเมืองแซมบอร์ดใน่หลายวันมานี้...แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว ซุนเฟยก็คิดไม่ออกว่ามันจะมีเหตุผลอื่นอะไรอีกที่สามารถดึงดูดให้ยอดฝีมือระดับสูงมากมายหลั่งไหลมาที่นี่ กะอีแค่พิธีาาภิเษกขององค์าาอาณาจักรบริวารระดับหกคนหนึ่ง มันไม่น่าจะมีแรงดึงดูดอะไรมากขนาดนี้
ระหว่างที่ความคิดกำลังสับสนงงงวย ซุนเฟยก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
……
วันที่ 2
ยังเหลือเวลาอีกสองวันก่อนพิธีาาภิเษกจะเริ่ม
หลังจากที่ซุนเฟย แองเจล่าและสาวน้อยเจ็มม่ารับประทานอาหารเช้าเสร็จ สองสาวก็พากันเดินจากไปอย่างลับๆ ล่อๆ พูดถึงของขวัญอะไรสักอย่างที่เตรียมไว้สำหรับพิธีาาภิเษก
ในขณะที่ซุนเฟยกำลังจะเข้าไปอัพเลเวล ‘โหมดมือสังหาร‘ ในโลก Diablo ตอนนั้นเอง พัศดีโอเลเกร์ก็เดินเข้ามาในห้องโถงโดยมีทหารองครักษ์มิชาเอล บัลลัค นำเข้ามา
“ฝ่าา เมื่อคืนมีผู้บุกรุกบุกเข้าไปยังเขตหวงห้ามูเาด้านหลังขอรับ”
เ้าอ้วนเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ท่าทางหวาดกลัว
“เกิดอะไรขึ้น? พูดให้ชัดหน่อยสิ?” ในใจของซุนเฟยพลันตื่นตระหนก ทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่น่ากลัวขึ้น บางทีสิ่งที่เขากลัวกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ แล้ว
------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้