ท่ามกลางแสงสีส้มที่ส่องไปยังิอวี่ที่กำลังนั่งขัดสมาธิ พวกเขาสองคนพูดคุยปรึกษากันไม่หยุด ส่วนผู้หญิงอีกห้าคนก็นั่งมองด้วยความตะลึง
ถึงแม้พวกนางจะไม่เข้าใจศัพท์เฉพาะที่เฮยจีใช้พูดคุยกับิอวี่ แต่พวกนางก็ฟังออกว่าพวกเขาสองคนกำลังคุยกันเื่ลายเส้นอักขระอย่างตั้งใจ!
ท่าทางที่จริงจังของพวกเขาสองคน รวมถึงท่วงท่าการร่างอักขระของิอวี่ มันดูไม่เหมือนการเสแสร้งเลย!
หรือว่า เฮยจีกับิอวี่เป็นักร่างอักขระจริงๆ ?
คนที่ประทับใจมากที่สุดน่าจะเป็เยี่ยซี ในเวลานี้ สายตาของนางจับจ้องไปที่ิอวี่ทั้งหมด
เมื่อครู่เยี่ยซีได้ยินเฮยจีพูดกับิอวี่ถึงคำว่า ค่ายกละเิเพลิง!
นางได้ยินอย่างชัดเจน เฮยจีบอกว่าค่ายกลเพลิงอุกกาบาตมีพื้นฐานมาจากค่ายกละเิเพลิง แล้วยังพูดถึงค่ายกละเิเพลิงอยู่หลายครั้งด้วย
หากเยี่ยซีเดาไม่ผิด ค่ายกละเิเพลิงกับค่ายกลเพลิงอุกกาบาตน่าจะอยู่ในประเภทเดียวกัน พวกมันน่าจะมีการร่างที่คล้ายกัน โดยมีความแตกต่างกันอยู่ในบางจุด
หลังจากที่ได้ยินเฮยจีวิเคราะห์แล้ว เยี่ยซีก็เข้าใจขึ้นมาทันที ข้อสงสัยที่นางมีทั้งหมดนั้นถูกไขจนกระจางหมดแล้ว!
เฮยจีเป็นักร่างอักขระ ส่วนิอวี่ก็เป็ศิษย์ของนาง ก่อนที่เฮยจีจะร่างค่ายกลเพลิงอุกกาบาตออกมา นางได้ทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับิอวี่ก่อน บอกจุดสำคัญกับเขา จากนั้นิอวี่ก็เริ่มร่างโดยมีเฮยจีสังเกตการณ์อยู่ข้างๆ
เยี่ยซีเริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว ก่อนหน้านี้ที่นางซื้อค่ายกละเิเพลิงมาจากสมาคมใต้หล้า ผู้สูงส่งลึกลับที่ได้เจอวันนั้นนางรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก ตอนนี้ลองคิดดูแล้วน่าจะเป็ิอวี่ปลอมตัวมา ตอนนั้นนางตื่นเต้นกับค่ายกละเิเพลิงมากเลยจำเขาไม่ได้!
ที่ิอวี่สามารถเอาค่ายกละเิเพลิงไปขายได้ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย เฮยจีเป็คนร่างแล้วมอบให้เขา พูดให้ตรงอีกหน่อยก็คือิอวี่รับผิดชอบแค่เอามันไปขายแค่นั้นเอง
ที่แท้ิอวี่ก็แค่อาศัยความสามารถของคนอื่น มันไม่ใช่ความสามารถของตัวเขาเลย! ส่วนเื่นักร่างอักขระนั้นก็ไม่มีอยู่จริง เขาแค่อาศัยอำนาจของผู้หญิงคนหนึ่งมาอวดอ้างเท่านั้น!
น่าขำสิ้นดี
เยี่ยซียิ่งคิดก็ยิ่งเห็นภาพชัด มิน่าิอวี่ถึงได้มีความสามารถเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาแค่สามเดือน มันจะต้องเกี่ยวข้องกับเฮยจีเป็แน่ ในเมื่อเฮยจีเป็นักร่างอักขระ ถ้าอย่างนั้นนางก็สามารถมอบโอกาสเพิ่มพลังยุทธ์ให้กับิอวี่ได้อย่างไม่มีปัญหา!
เพราะฉะนั้นิอวี่ถึงได้ก้าวหน้าไปขนาดนี้ พูดกันตามตรงก็คือเขามีผู้อยู่เื้ั มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเขาเลยแม้แต่น้อย?
พอคิดได้แบบนี้เยี่ยซีก็เหมือนคนปลงตก ทุกอย่างนางคิดเข้าใจอย่างถ่องแท้เลย
พอจิตคิดได้ นางก็รู้สึกดีขึ้น
สมองของเยี่ยซีปลอดโปร่งขึ้นมา นางให้ความสำคัญกับพร์ของตัวเองมาก การที่ิอวี่มีพร์เหนือกว่าเป็เื่ที่นางยอมรับไม่ได้เลย ตอนนี้ปมในใจของนางได้คลายลงแล้ว เยี่ยซีรู้สึกเบาสบายตัวอย่างมากรู้สึกเหมือนยกูเาออกจากอก ความกดดันทั้งหลายมันสลายหายไปหมด
“เอาล่ะ ข้าบอกได้แค่นี้ล่ะนะ”
ในเวลานี้เอง การสนทนาของเฮยจีก็สิ้นสุดลง
พลังิญญาของนางไม่อาจฝืนพูดคุยกับิอวี่ต่อไปอีกแล้ว แค่ระยะเวลาสิบนาที นางถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจของค่ายกลเพลิงอุกกาบาตให้กับิอวี่เยอะมาก
เฮยจีพูดไวมากเพราะเนื้อหามันเยอะ นางเองก็กังวลว่าิอวี่จะจำไม่ได้เหมือนกัน แต่พลังิญญาของนางไม่ไหวแล้วจึงไม่สามารถสอนิอวี่ร่างอักขระด้วยตัวเองอีก นางต้องกลับไปพักในหยกโบราณแล้ว หลังจากนี้ิอวี่ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้น
“จำไว้ ห้ามใจร้อนเด็ดขาด เร่งรีบเกินไปจะไม่สำเร็จ ทำอย่างค่อยเป็ค่อยไปจะทำให้เ้าเข้าใจได้เร็วขึ้น ตอนนี้ข้าต้องกลับไปพักแล้ว”
พูดจบ เฮยจีก็กลายเป็แสงสีดำลอยเข้าไปในหยกโบราณที่อยู่ตรงหน้าอกของิอวี่
พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นพวกของเยี่ยซีก็ตกตะลึง เมื่อครู่เฮยจียังอยู่ตรงนั้นอยู่เลย ตอนนี้หายไปไหนแล้ว?
เดิมพวกนางก็คิดว่าเฮยจีลึกลับมากแล้ว ตอนนี้จู่ๆ นางกลับหายตัวไปได้ ความลึกลับในตัวของเฮยจีก็ยิ่งลึกมากขึ้นในใจของพวกนางทั้งห้าคน
เดี๋ยวนะ นางไปแล้วแบบนี้จะร่างลายเส้นอักขระต่ออย่างไรล่ะ?
ในเวลานี้เอง ิอวี่ก็พลิกกระดาษอักขระสีเขียวมาอีกด้าน แล้วยกพู่กันแต้มหมึกขึ้น แล้วเริ่มเขียนอะไรบางอย่างลงไป
เมื่อครู่เฮยจีใส่ข้อมูลให้เขาเยอะมากเกินไป ิอวี่พยายามจำมันให้ได้มากที่สุดแล้ว แต่เพราะข้อมูลมันเยอะมากเขาจึงต้องพยายามจำมันให้ได้ในเวลาสั้นๆ
เดิมเขาคิดว่าจะทำตามแบบที่เคยทำ คือกลับกระดาษมาแล้วร่างค่ายกลเพลิงอุกกาบาตซ้ำไปซ้ำมา ทำแบบนี้ก็จะได้ประหยัดกระดาษ
สำหรับกระดาษอักขระนั้นเป็สิ่งที่ิอวี่หวงแหนมาก ไม่เคยใช้แบบสิ้นเปลืองเลย แต่เพราะความจำของเขาสู้การจดบันทึกไม่ได้ ิอวี่จึงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขานำกระดาษอักขระสีเขียวมาบันทึกข้อมูลแทนทันที
พอได้ลงมือเขียนก็เหมือนลืมตัวไปเลย เขาเขียนอักษรออกมาเยอะแยะมากมายบนกระดาษ ความทรงจำในหัวของเขาถูกจดลงในกระดาษเต็มไปหมด
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นหญิงสาวทั้งห้าคนก็ได้เห็น พวกนางเริ่มไม่เข้าใจ
เยี่ยซีขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นมาว่า “เ้าทำอะไรอยู่?”
ิอวี่ไม่ได้ตอบคำถามของเยี่ยซีเลย เขาหลับตาลงแล้วนึกสิ่งที่เฮยจีกำชับตลอดเวลา
เห็นิอวี่แทบไม่ได้อยากจะสนใจนางเลย เยี่ยซีจึงมองบน
ไม่รู้ว่าทำไมอารมณ์ความรู้สึกของนางจึงเศร้าอีกแล้ว ในใจของนางเหมือนทะเลที่กำลังจะมีลมพายุฝน เหมือนไร้แสงสว่าง
เป็อยู่อย่างนี้เต็มๆ ห้านาทีิอวี่ก็ลืมตาขึ้นมา
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเปลี่ยนกระดาษแผ่นใหม่แล้วยกพู่กันเริ่มขีดเขียนอีกครั้ง
ิอวี่เริ่มมีโครงร่างของค่ายกลเพลิงอุกกาบาตแล้ว แต่หากคิดจะร่างมันออกมาทั้งหมดคงต้องใช้เวลา
เขาพบว่าค่ายกลเพลิงอุกกาบาตไม่สามารถร่างได้ในคราวเดียว แต่ต้องหยุดกลางทาง แล้วเริ่มร่างใหม่ในจุดที่แตกต่างออกไป จากนั้นก็หยุดอีก แล้วก็เริ่มที่จุดใหม่
ต้องยกพู่กันขึ้นห้าครั้ง แต่ละครั้งล้วนซับซ้อนกว่าค่ายกละเิเพลิงที่ต้องร่างในทีเดียวอย่างมาก เมื่อทั้งลายเส้นห้าครั้งทับซ้อนกันแล้ว เส้นที่ไขว้ก็จะมีความยากสูง ยากกว่าค่ายกละเิเพลิงเป็สิบเท่า!
ิอวี่ค่อยๆ ทำความเข้าใจและเริ่มร่างลงบนกระดาษใบแรก เขาร่างทับมันซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น ในหัวก็คิดวิธีการร่างตามความทรงจำตามไปด้วย
ในหัวของิอวี่ตอนนี้ น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์เริ่มลดลงไปทีละน้อย แต่ก็ฟื้นกลับมาทีละน้อยเช่นกันเพื่อทำให้เกิดความสมดุล น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็เหมือนไม่ได้หายไปไหน
ิอวี่พบว่าเขาประเมินตัวเองต่ำเกินไป สิ่งที่คิดว่าเข้าใจได้ยากนั้น ในความเป็จริงแล้วเขาไม่ได้เสียพลังงานไปเท่าไรเลย
นั่นก็หมายความว่า หากดูจากความเร็วในการร่างของิอวี่ โอกาสที่จะร่างสำเร็จได้เพิ่มมากขึ้นแล้ว!
ที่จริงก็เป็เื่ปกติมาก เพราะค่ายกลเพลิงอุกกาบาตมีความยากมากขึ้น แต่พลังจิตของิอวี่เองก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
ั้แ่เขาได้บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มาก็มีััแห่งิญญา ทำให้พลังจิติญญาของิอวี่ก้าวะโอย่างมาก เมื่อผ่านการฝึกฝนลมปราณแห่งความตายจากกระบี่หวงฉวนอีก น้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์ของิอวี่ก็ยิ่งบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น!
“ข้าอาจทำสำเร็จก็ได้!” ในใจของิอวี่คิดแบบนี้
แต่ไม่นานเขาก็นิ่งไป เขารู้ว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่จะภูมิใจ เพราะต่อให้เขาร่างค่ายกลเพลิงอุกกาบาตออกมาได้ แต่เพราะเวลาที่น้อยเกินไปก็ยังทำให้ิอวี่รู้สึกกดดันอยู่ดี
ตอนนี้ เขาจำเป็ต้องเร่งเวลา!
ิอวี่ร่างซ้ำอยู่บนกระดาษเดิมหลายครั้งแล้วทิ้งมันไปด้านข้าง แล้วเริ่มทำเป็ครั้งที่สองและร่างซ้ำที่เดิมหลายครั้ง แล้วก็เปลี่ยนกระดาษครั้งที่สามและร่างซ้ำๆ จากนั้นเขาก็เริ่มร่างอย่างจริงจัง
ถึงแม้ิอวี่จะร่างได้ค่อนข้างช้า แต่ก็นิ่งมากและละเอียดมาก เขาร่างแบบตามความทรงจำออกมาอย่างระมัดระวัง เมื่อผ่านไปหนึ่งนาทีเขาก็ร่างออกมาได้ประมาณหนึ่งส่วนสิบ
ในเวลานี้เอง การร่างเส้นของเขาเหมือนจะคลาดเคลื่อนไปนิด ิอวี่รู้ตัวทันทีว่าเกิดความผิดพลาด ลายเส้นแสงสีแดงทองที่ปรากฏขึ้นมันสลายหายไป กลายเป็ลายเส้นสีดำธรรมดาทันที
ิอวี่หยุดร่างทันที
“เหอะๆ ล้มเหลวแล้ว”
เยี่ยซีที่อยู่ข้างๆ ก็จับตามองอย่างละเอียด ั้แ่ิอวี่หยุดร่างนางก็รู้ทันทีว่าเขาล้มเหลว ถึงแม้นางจะไม่ใช่คนในสาย แต่ก็ได้ยินข้อมูลของลายเส้นอักขระมาบ้าง ิอวี่หยุดร่าง นั่นก็หมายความว่าเขาล้มเหลว
ผู้หญิงอีกสี่คนก็มองอย่างผิดหวัง
นี่มันอะไรกัน? ผู้หญิงคนนั้นเป็คนร่างไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงได้กลายเป็ิอวี่ไปได้ล่ะ?
ถ้าเป็แบบนี้ต่อไป พวกนางจะต้องตายอยู่ที่นี่ไหม มันจะกลายเป็ปัญหาใหญ่ขึ้นมา
แต่ในเวลานี้เอง ท่าทางของิอวี่ก็เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงไป เขาทิ้งกระดาษใบเดิมแล้วเปลี่ยนกระดาษแผ่นใหม่ จากนั้นก็เริ่มลงมือร่างใหม่อีกครั้ง
ครั้งที่สอง ิอวี่ใช้เวลาแค่ครู่เดียวก็ล้มเหลวแล้ว ถึงแม้จะหยุดลงในเวลาไล่เลี่ยกัน และก็ดูไม่ได้มีความก้าวหน้าอะไร แต่ในความเป็จริงแล้วเขากลับร่างเส้นโค้งไปแล้วห้าถึงหกขีด
ิอวี่ลองอยู่แบบนี้ ฝึกร่างอยู่อย่างนี้ไม่หยุด
แรกเริ่มเดิมที หญิงสาวทั้งห้าคนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณครึ่งวัน ิอวี่ก็เริ่มร่างได้ประมาณครึ่งแผ่นกระดาษถึงจะล้มเหลว!
ถึงแม้จะล้มเหลวเหมือนกัน แต่เขาก็ใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็สามารถร่างค่ายกลเพลิงอุกกาบาตออกมาได้หนึ่งส่วนสาม แม้แต่หญิงสาวห้าคนก็รู้สึกว่าิอวี่ก้าวหน้าไปมาก!
ไหนบอกว่านักร่างอักขระคนหนึ่งคิดจะฝึกร่างลายเส้นอักขระใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันหรือไม่ก็ครึ่งเดือนไม่ใช่หรือ? ิอวี่ใช้เวลาไปแค่ครึ่งวันก็ร่างออกมาได้แล้วหนึ่งส่วนสามแล้วหรือ?
ในเวลาครึ่งวัน หญิงสาวทั้งห้าคนมองดูิอวี่ร่างอักขระแบบนี้อยู่เงียบๆ
แสงไฟสีส้มส่องใบหน้าด้านข้างของิอวี่ที่เหมือนจะบอบบาง แต่สายตาของเขาล้ำลึก สุขุม นั่งขัดสมาธิ ยกพู่กัน แล้วขีดเขียนอย่างนิ่งๆ
ิอวี่ทำอยู่อย่างนี้จนเหมือนลืมกินข้าวกินน้ำไปเลย เขายังคงฝึกร่างอยู่อย่างต่อเนื่อง ต่อให้เขาจะล้มเหลวอีกสักกี่ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งความพยายามและความเชื่อมั่นเลย ทำให้หญิงสาวทั้งห้าคนที่มองดูผู้ชายคนนี้อย่างเงียบๆ นั้นรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์และหนักแน่นอย่างมาก
พวกนางมองเขาอย่างเคลิบเคลิ้มโดยไม่รู้ตัว
คิดไม่ถึงเลยว่าท่าทางตั้งใจของเขาจะดูหล่อเหลาไม่เบาเหมือนกัน
เจียงซืออี่มองไปที่ิอวี่ นางเอามือวางไปที่แก้ม ในใจของนางเหมือนเกิดความคิดขึ้นมาบางอย่างที่แม้แต่ตัวนางเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ
ในบรรดาผู้หญิงทั้งห้าคนนางมีพลังฝีมือสูงที่สุด จิตใจก็หนักแน่นมากที่สุดเช่นกัน แต่นางกลับถูกความสง่างามของิอวี่ดึงดูดจนไม่อาจละสายตาไปได้เลย
แต่ผู้หญิงบางคนกลับไม่ได้รู้สึกแบบนั้น
ในเวลานี้ สีหน้าท่าทางของเยี่ยซีกลับเปลี่ยนไปอย่างน่าสนใจ